ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบ้านไร่

    ลำดับตอนที่ #11 : ฉันรักนาย

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 287
      1
      23 ต.ค. 54

    เมื่อรถเลี้ยวเข้าในอาณาบริเวณบ้านร่างระหงของหญิงสาวแสนสวยนางหนึ่งก็วิ่งออกมาจากมาจากในบ้านปรี่เข้าต้อนรับชายหนุ่มที่กำลังเปิดประตูก้าวออกจากตัวรถด้านคนขับพอดี

    “พี่มินโฮ กลับมาแล้วเหรอคะฉันรอพี่ตั้งนาน  เหนื่อยมั้ย”

    หญิงสาวแสนสวยกล่าวทักมินโฮเสียงหวานใสยิ้มหวานบาดใจโดยไม่ได้สนใจว่ามีชายหนุ่มอีกคนก้าวลงจากรถฝั่งที่นั่งด้านคู่คนขับเช่นกัน มือเรียวเกาะกุมแขนของเขาด้วยความสนิทสนมคุ้นเคย

    “ยุนอา เธอมาได้ไงคุณน้าเป็นไงบ้าง”

    “คุณแม่ไม่เป็นไรแล้วค่ะ พรุ่งนี้จะสิ้นเดือนคิดว่าพี่มินโฮคงจะยุ่งฉันก็เลยมาช่วยน่ะค่ะ”

    “ขอบใจแต่ไม่เป็นไรหรอกพี่ทำเสร็จหมดแล้ว”

    “เอ่อ...มิน..โฮ..คือ..”

    เสียงของจินกิทำให้บทสนทนาชะงักทั้งสองหันไปทางหนุ่มร่างบางที่ยืนเก้ๆกังๆเงอะๆงะๆไม่รู้จะทำตัวยังไงดีอิตามินโฮก็มัวแต่คุยกับเธอจนลืมคู่หมั้น ฮึ!

    “จริงสิจะแนะนำให้รู้จัก จินกินี่อิมยุนอาเป็นลูกสาวของคุณน้าโบอาเธอคนนี้แหละที่เป็นเลขาช่วยทำบัญชีให้ ยุนอานี่ลีจินกิคู่หมั้นพี่”

    แววตาสดใสของอิมยุนอาวูบไหวไปชั่วครู่ก่อนจะปรับให้กลับมาสดใสเช่นเดิมโดยที่จินกิไม่ทันได้สังเกตเห็นส่วนมินโฮแม้จะทันสังเกตุเห็นแต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจจะดีกว่าเพราะรู้ดีว่ายุนอาคิดกับเขายังไงและเขาเองก็บอกกับเธอชัดเจนแล้ว

    “ส สวัสดีครับ เรียกผมว่าอนยูก็ได้ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

    “อิมยุนอาค่ะ ยินดีเช่นกัน แต่ว่าเรื่องคู่หมั้นนี่ล้อเล่นใช่ไหมคะพี่มินโฮ ฉันพอจะรู้มาว่าพี่มีคู่หมั้นที่คุณปู่พี่หาให้แต่ว่าคุณอนยูเป็นผู้ชายนะคะ”

    “ไม่ได้ล้อเล่นหรอกยุนอาคู่หมั้นของพี่คือจินกิจริงๆเป็นว่าที่พี่สะใภ้เธอไง”

    มินโฮตอบโอบไหล่จินกิเพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์จินกิมองตามมือที่โอบไหล่ตนอยู่แล้วมองหน้าเจ้าของอ้อมกอดกับหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นญาติของเขาสลับกันไปมาแววตาของเธอดูกร้าวขึ้นนิดนึงนะเธอมองชายหนุ่มสองคนที่ยืนโอบกัน จินกิคิดว่าเธอคงจะรับไม่ได้แล้วความเงียบก็เข้าครอบคลุม

    เอ่อ  เขาควรจะพูดอะไรสักคำมั้ยนี่

    “คุณมินโฮ คุณอนยู กลับมาแล้วเหรอคะ”

    เสียงแม่บ้านจางดังขึ้นทำลายความเงียบยุนอาหันไปจ้องนางแววตาขุ่นเคือง ก็เธอมานั่งรอมินโฮเป็นชั่วโมงแต่แม่บ้านไม่ยอมปริปากบอกเธอสักคำว่าชายหนุ่มรับคู่หมั้นมาอยู่ด้วยแล้วยังเป็นหนุ่มน้อยหน้าหวานนามว่าลีจินกิคนนี้อีก แม่บ้านก้มหน้างุดรู้ดีว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรและนางก็พอจะดูออกว่ายุนอาคิดและรู้สึกกับเจ้านายหนุ่มของนางยังไง

     

    “พรุ่งนี้ฉันจะกลับมาทำงานเหมือนเดิมนะคะพี่มินโฮ”

    ยุนอาเอ่ยสิ่งที่เธอเพิ่งตัดสินใจออกมาหลังจากที่ทุกคนเข้ามานั่งในห้องรับแขกแล้ว จริงๆที่เธอแวะมาวันนี้ก็เพื่อจะช่วยงานมินโฮตามที่บอกแต่พอเห็นลีจินกิทำให้เธอตัดสินใจทันที

    “แต่ว่ามันยังไม่ครบกำหนดลาของเธอนี่นา”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณแม่ก็ไม่เป็นไรแล้วก็ยังมีซูยองช่วยดูแลอีกคน ฉันว่ากลับมาทำงานดีกว่าค่ะ”

    เธอยังคงยืนยันความตั้งใจ ชายหนุ่มก็เลยต้องยอมตกลงก็ดีเหมือนกันเขาเองก็ตั้งใจจะให้จินกิเรียนรู้งานจากเธออยู่แล้วเริ่มเร็วขึ้นอีกนิดก็คงไม่เป็นไร

    “ก็ได้ตามใจเธอก็แล้วกัน เอ่อ..ความจริงพี่ก็มีเรื่องจะรบกวนเธอนิดหน่อยเหมือนกัน”

    “เรื่องอะไรคะ แค่พี่มินโฮบอกมาฉันยินดีทำให้ทุกอย่าง”

    ยุนอาตอบด้วยรอยยิ้มที่สดใสร่าเริงมือเรียวของเธอคล้องแขนของชายหนุ่มอย่างประจบเอาใจแววตาของเธอเปล่งประกายยินดี เธอช่างสวยน่ารักอ่อนหวานราวกับนางฟ้าจนคนที่ได้แต่นั่งฟังอยู่อย่างจินกิอดคิดไม่ได้ว่าคนทีได้อยู่ใกล้ๆเธอคงต้องมีตกหลุมรักเธอเป็นแน่แล้วชเวมินโฮล่ะอยู่ใกล้เธอกว่าใครๆจะคิดอะไรกับเธอมั้ย แล้วทำไมต้องเข้าใกล้มินโฮขนาดนั้นมีคล้องแขนด้วยจินกิรู้สึกไม่ค่อยชอบเลยมินโฮก็เหลือเกินให้หล่อนคล้องอยู่ได้แล้วทำไมลีจินกิต้องเลือกนั่งโซฟาเดี่ยวแทนที่จะนั่งตัวใหญ่ข้างๆมินโฮล่ะ

    “คือพี่จะให้ยุนอาช่วยสอนงานให้จินกิน่ะ”

    “เห!..สอนงานให้ฉันเหรอมินโฮ...ฉันจำเป็นต้องทำด้วยเหรอก็ในเมื่อก็มีคุณยุนอาทำอยู่แล้ว”

    ร้องเสียงหลงมือก็ชี้หน้าตัวเองเหรอหรา

    “ฉันอยากให้นายเรียนรู้ไว้เผื่ออนาคตยุนอาเค้าแต่งงานไป งานในไร่นายก็เรียนรู้ไปบ้างแล้วก็เหลืองานบัญชีนี่แหละที่นายยังไม่เป็น”

    “แต่...” พยายามจะแย้งก็ไม่ชอบบัญชีไม่ชอบตัวเลขนี่นา

    “ไม่มีแต่ ในฐานะเมียฉันนายจะต้องทำได้ทุกอย่าง”

    ชายหนุ่มจงใจเน้นคำว่าเมียชัดๆแต่คนถูกเรียกถึงกับสะดุดลมหายใจตัวเองและก็กลายเป็นว่าแก้มใสขึ้นสีเสียดื้อๆแต่กับอีกคนหญิงสาวแสนสวยอิมยุนอาภายใต้ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มเธอกลับรู้สึกปวดใจและไม่พอใจยิ่งนัก

    “มินโฮอ่ะ  ไม่คุยด้วยแล้วฉันเอาของขึ้นไปเก็บดีกว่า ขอตัวนะครับคุณยุนอา”

    เพราะไม่รู้จะโต้ตอบยังไงจึงต้องหาเรื่องไปดีกว่า จินกิหันไปหยิบข้าวของที่วางไว้บนโซฟาหยิบผิดหยิบถูกทำร่วงแล้วร่วงอีก ก็คนมันเขินนี่นา แล้วตัวต้นเหตุกลับเอาแต่นั่งอมยิ้มเอ็นดูกับท่าทางเปิ่นเป๋อของเขาอีก

     

    “ถามอีกครั้งนะคะพี่มินโฮ พี่แน่ใจเหรอคะ”

    ยุนอายิงคำถามทันทีที่คล้อยหลังจินกิ เกี่ยวกับเรื่องนี้เธอหวังว่ามันเป็นแค่เรื่องตลก

    “เรื่องอะไรล่ะ แต่จะเรื่องอะไรพี่ก็แน่ใจเสมอเธอก็รู้จักพี่ดีนี่นา”ตอบอย่างคนอารมณ์ดีน้ำเสียงหนักแน่นในที

    “ก็เรื่องคุณอนยู พี่จะแต่งงานกับเขาจริงๆเหรอคะ”

    “อืม” สั้นๆแต่ได้ใจความ

    “แต่เขาเป็นผู้ชายนะคะ ”

    “ สำหรับพี่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาความรักต่างหากที่สำคัญ”

    มินโฮตอบแววตาเป็นประกายเปี่ยมสุข หมายความว่าเขารักลีจินกิคนนี้งั้นเหรอจะแต่งงานและสร้างครอบครัวกับคนๆนี้จริงๆเหรอ

     “พี่มินโฮ  พี่จะไม่ลองทบทวนดูใหม่เหรอคะพี่กับคุณอนยูก็ผู้ชายเหมือนกัน มันจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ได้ยังไง ครอบครัวมันต้องมีพ่อ แม่ ลูก สิคะถึงจะเรียกว่าครอบครัว..”

    หญิงสาวยังมีความหวังที่จะโน้มน้าวจิตใจเขาชายหนุ่มยกมือขึ้นห้าม

    “พี่รู้ว่าเธอคิดยังไงยุนอา แต่สำหรับพี่แค่ได้อยู่กับคนที่เรารักรักแค่นี้ก็ถือเป็นครอบครัวแล้ว”

    ไม่จริงยุนอาไม่เชื่อมันเป็นไปไม่ได้ พี่มินโฮของเธอคงแค่หลงผิดไปชั่วครู่หรือแค่อาจติดใจของเล่นใหม่อย่างอนยูก็ได้ ฉันจะทำใหพี่ตาสว่างเอง ยุนอาบอกตัวเองในใจและเธอก็คิดบางอย่างได้นั่นก็คือ

    “พี่คะถ้าจะให้ฉันช่วยสอนงานให้คุณอนยู ฉันขอย้ายมาพักบ้านนี้ได้มั้ยคะ จะได้มีเวลาเต็มที่เมื่อก่อนพี่เคยบอกว่าไม่ได้ไม่เหมาะสมแต่ตอนนี้พี่ก็มีคุณอนยูเป็นคู่หมั้นอยู่แล้วคงไม่ติดปัญหาอะไรนะคะ”

    เธอยื่นข้อเสนอซึ่งถ้าได้เข้ามาอยู่บ้านหลังเดียวกันเอยู่ใกล้เพื่อจะกดดันคนๆนั้นให้อยู่ที่นี่ไม่ได้และอาศัยความใกล้ชิดเพื่อเปลี่ยนใจชเวมินโฮที่เธอหลงรัก และเธอก็มั่นใจว่าอนยูหรือจะสู้มารยาหญิงที่มีตั้งหลายร้อยเล่มเกวียน  มินโฮครุ่นคิดนิดนึงก่อนจะตอบว่าขอคุยกับจินกิก่อน

    “แหม เดี๋ยวนี้ตัดสินใจเองไม่ได้แล้วเหรอคะ”
    หญิงสาวอดกระแนะกระแหนไม่ได้เมื่อก่อนชายหนุ่มเป็นคนที่คิดและตัดสินใจเฉียบขาดแค่คนๆเดียวทำให้เขาเปลี่ยนได้ขนาดนี้เลยเหรอ เขาหัวเราะในลำคอไม่ได้โกรธเคืองถือสาคำพูดของเธอสักนิด

    “พี่อยากให้เกียรติเขาในฐานะคู่หมั้นและว่าที่ภรรยา เข้าใจนะยุนอา”

    ยุนอาจำใจพยักหน้ารับแต่ในใจของเธอไม่มีทางยอมรับและจะไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด รอแค่ลีจินกิจะยอมตกลงเท่านั้นเธอก็จะได้มาอยู่ใกลชิดเขา น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนแล้วหัวใจของพี่มินโฮล่ะก็ก้อนเนื้อที่มีความรู้สึกจะต้องมีหวั่นไหวบ้างล่ะน่าถ้าได้ใกล้ชิดทุกวันที่ ผ่านก่อนหน้าเธอมีใจให้เขามาตลอดแต่ไม่ได้เปิดเผยอย่างจริงจังเพราะคิดว่าเขาคงไม่รับคู่หมั้นมาง่ายๆและเขาก็มาไม่เคยพูดถึงเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้คู่หมั้นของเขาอยู่ที่นี่แล้ว

    ย้อนไปเมื่อราวสี่เดือนที่แล้ว  นิดนะ

    “พี่มินโฮ ฉันรักพี่ค่ะ”

    อิมยุนอา หญิงสาวแสนสวยผู้มีศักดิ์เป็นญาติเพราะเป็นลูกสาวของโบอาน้าแท้ๆของชเวมินโฮ ตัดสินใจสารภาพความในใจกับญาติผู้พี่แม้จะรู้ว่าเขามีคู่หมั้นที่คุณปู่หาให้แล้วก็ตามและเธอมั่นใจว่ามินโฮไม่มีทางยอมแต่งงานกับคนที่ไม่เคยรู้จักไม่เคยเห็นหน้าได้ แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมาก็คือคำปฏิเสธและความรักของพี่น้องเท่านั้นที่มินโฮให้เธอได้

    “ขอโทษจริงๆนะยุนอา พี่ไม่เคยรักและมองเธอแบบอื่นเลยนอกจากน้องสาวคนหนึ่ง พี่ให้เธอได้เท่านี้แค่น้องเท่านั้น แต่ถ้าเธอรับไม่ได้พี่ก็ไม่ว่าถ้าเธอจะไปจากพี่”

    คำตอบแสนเย็นชาไร้เยื่อใยของมินโฮทำให้เธอน้ำตาตกในแต่สุดท้ายเธอก็จำต้องยอมรับอยู่ในฐานะน้องสาวเพื่อที่จะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆและหวังเปลี่ยนใจเขาสักวัน

    และตอนนี้เธอก็ยังมีความหวังแม้จะมีก้างชิ้นใหญ่คือลีจินกิก็ตาม แต่จากที่เธอประเมินด้วยสายตาคนๆนี้คงกำจัดไม่ยาก

    คอยดูเถอะ ฉันจะเขี่ยนายให้กระเด็น จะเอาพี่มินโฮของฉันกลับคืนมาให้ได้

     

     

    ขณะเดียวกัน

    จินกิที่ปลีกตัวขึ้นห้องเพื่อเอาของมาเก็บเมื่อประตูห้องปิดลงเขาโยนทุกอย่างลงบนเตียงและทิ้งตัวนั่งลงข้างๆถอนหายใจหนักหน่วง ทำไมถึงรู้สึกอึดอัดสับสนกระอักกระอ่วนปั่นป่วนในใจชอบกลเป็นตั้งแต่ตอนนั้นแล้วตอนที่อิมยุนอาเดินเข้ามาเกาะแขนชเวมินโฮด้วยท่าทางสนิทสนม รู้สึกไม่ชอบใจเลยแต่ความรู้สึกแบบนั้นใครเขาเปิดเผยให้คนอื่นเห็นล่ะ เฮ้อ! นายเป็นอะไรไปอนยู

    เหมือนคิดอะไรบางอย่างได้เขาลุกเดินไปที่หน้ากระจกยืนพิจารณาตัวเอง

    เราเองก็มีคนทักบ่อยนะว่าหน้าหวาน หน้าสวย แต่ถ้าเทียบกับคุณยุนอาแล้วคนละเรื่องเลยว่ะอน

    อิมยุนอาเธอช่างสวยเพียบพร้อมดูดีไปซะทุกอย่างแล้วอย่างนี้จะมีใครหน้าไหนกล้าปฏิเสธเธอนะแล้วมินโฮล่ะ คนที่ใกล้ชิดกับเธอมากกว่าใครอย่างมินโฮจะหวั่นไหวบ้างมั้ยดูๆไปแล้วเธอกับมินโฮก็ดูสนิทกันมาก ก่อนหน้าที่เขาจะมาอยู่ที่นี่สองคนนั้นเขาอยู่กันยังไงนะมินโฮจะทำกับเธอเหมือนที่ทำกับเราหรือเปล่า อนยูหมายถึง เอ่อ กอด แล้วก็จูบหรือแม้แต่จับมือ ยิ่งดูก็เหมือนเธอคนนั้นจะเหมาะสมกับมินโฮเหลือเกิน  แล้วยิ่งรู้ว่าเธออยู่ใกล้ชิดกับมินโฮมาเป็นปีๆแล้วก็ยิ่งอดคิดไม่ได้มันจะเหมือนในละครหลังข่าวที่คุณแม่ชอบดูมั้ยที่พระนางรักกันเพราะความใกล้ชิด

    “บ้าไปแล้วอนยู นี่นายคิดอะไรอยู่”

    อนยูเขกหัวตัวเองทีหนึ่งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่ แต่แค่แป๊บเดียวก็วกกลับไปคิดเรื่องเดิมอีก

    “โอ๊ยยย ” ขยี้ศรีษะตัวเองแรงๆเมื่อรู้สึกว่ากำลังคิดเพ้อเจ้อกันไปใหญ่

    โอย ทำไงดีๆว้าอนยู ใช่ๆปรึกษาคีย์ดีกว่า

    10 นาทีผ่านไปอนยูวางสายจากน้องชายจำไม่ได้ว่าคุยอะไรไปบ้างจำได้แค่

    “ก็ดีแล้วนี่ฮะ พี่ไม่อยากแต่งงานกับเขาไม่ใช่เหรอถ้าเกิดเขามีใจให้กันพี่ก็รอด แล้วเราก็ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาด้วย”

    แต่ทำไมพอคิดตามที่คีย์บอกเขากลับไม่รู้สึกดีใจล่ะ เฮ้อ แย่จัง  

    ร่างบางพาตัวเองเดินออกไปรับลมที่ระบียงแล้วก็ทิ้งร่างนั่งลงที่นั่นปล่อยความคิดสับสบวุ่นวายให้ล่องลอยวนเวียนในหัวเงียบๆ แปลกจังนะตอนแรกที่มาที่นี่พร้อมความตั้งใจที่จะทำให้มินโฮเกลียดจนต้องยกเลิกการแต่งงานแต่มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขาเองลืมความตั้งใจนี้ไปแล้ว น่าขันสิ้นดี

    จนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้มีเสียงเคาะประตูดังสองสามครั้งก่อนจะเปิดออกแต่มันก็ไม่ทำให้คนที่นั่งจมจ่อมกับความสับสนรู้สึกตัวได้

    “จินกิ  อ้าวไม่อยู่เหรอ”

    มินโฮก้าวเข้ามาในห้องแล้วไม่เจอร่างบางที่น่าจะไม่ได้ออกไปไหนเขาเกือบจะกลับออกไปแล้วหากไม่เห็นว่าประตูระเบียงเปิดอยู่ รีบเดินตรงไปทันทีและก็เจอจินกินั่งเหม่อลอย

    “จินกิอยู่นี่เองเหรอ?”จินกิเพียงแค่หันมองแล้วก็กลับไปเหม่อเหมือนเดิมอาการนี้มันสร้างความแปลกใจให้มินโฮไม่น้อยตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขาไม่เคยเห็นคนรักของเขาเป็นแบบนี้ เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆไถ่ถามอีกครั้งด้วยความห่วงหาอาทร

    “ฉัน  แค่  คิดถึงบ้าน ไม่ได้เป็นไรหรอก”เป็นเหตุผลที่ดีที่สุดที่จะหามากล่าวได้แม้ในใจจะรู้ว่าตนกำลังโกหกก็ตามมินโฮรั้งร่างเล็กกว่าเข้ามาสู่อ้อมกอดปราศจากการขัดขืนหรือต่อว่าใดๆเขาลูบศรีษะที่ซบกับอกปลอบประโลมเบาๆเขาเข้าใจเขาเองก็รู้สึกผิดที่พรากคนตัวเล็กมาจากบ้านโดยไม่ทันตั้งตัว

    “รอให้ฉันจัดการเรื่องซื้อที่ให้เรียบร้อยก่อนนะ ฉันจะพานายกลับไปเยี่ยมบ้านแน่นอนไม่นานหรอกจินกิ”

    “อืม”ตอบรับเพียงเท่านี้แล้วก็เงียบไปทั้งคู่ร่างเล็กนั้นยังคงซบอยู่กับแผ่นอกแกร่งยอมรับกับตัวเองว่าทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดทุกครั้งที่คนๆนี้กอดเขารู้สึกดีและอบอุ่นเหลือเกินแต่ถ้าวงแขนนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อเขาล่ะ

    “มินโฮ”

    “หืม?”พอขานรับคนเรียกกลับเงียบไปไม่พูดอะไรต่อ

    “มินโฮ”เรียกอีกครั้งแต่พอเสียงทุ้มขานรับเขาก็ลังเล จะพูดเรื่องนี้ดีมั้ยแต่การเงียบลงอีกครั้งของเขาทำให้ร่างสูงไม่รออีกต่อไปเขาจับไหล่จินกิผละออกจากอก บีบเบาๆ

    “จินกิ บอกมามีอะไรในใจ”ชายหนุ่มคาดคั้นด้วยน้ำเสียงและสายตาจินกิรีบส่ายหน้า

    “ฉันแค่คิดถึงบ้านจริงๆนะ เชื่อกันบ้างสิ!”ทำเป็นขึ้นเสียงจนมินโฮต้องยอมเชื่อและปล่อยมือจากไหล่บางรอบตัวคนทั้งสองถูกปล่อยให้เงียบลงอีกครั้ง

    “มินโฮ”

    “...”

    “คุณยุนอาเธอสวยจังนะ”เสียงแผ่วราวกับเพ้อหนุ่มไร่ส้มหันขวับมองใบหน้าหวานทันทีด้วยความแปลกใจจู่ๆก็ชมญาติผู้น้องของเขา หัวใจหักวูบหรือว่าจินกิจะเกิดสนใจยุนอาขึ้นมา ชายหนุ่มเชื่อเรื่องรักแรกพบเขาเองเคยเจอกับตัวมาแล้วกับคนตรงหน้านี้ แต่อย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย พยายามมองหาสิ่งผิดปกติบนใบหน้านั้นใบหน้าหวานดูหม่นนัยน์ตาไหวระริก ไม่นะ

    “นายกับเธอดูสนิทกันดีนะ”

    “หมายความว่าไงจินกิ?”

    “นายกับคุณยุนอาดูเหมาะสมกันดีนะ”

    “พูดอะไรของนาย?”ตาโตเบิกโพลง

    “นายคิดยังไงกับเธอ...”ก้มหน้าลงต่ำไม่กล้าสบตา

    “จิน..กิ”

    “ถ้าหากว่านายชอบเธอฉัน...ยินดีจะหลีกท”

    ริมฝีปากช่างเจรจาถูกปิดด้วยปลายนิ้วก่อนจะถูกเชยคางให้เงยขึ้นสบตาและถูกประทับจุมพิตลงทัณฑ์ เรื่องนี้เองหรือที่ทำให้ลีจินกิซึมกะทือ อย่างน้อยก็โล่งใจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดในตอนแรก

    “นี่คือการลงโทษ นายทำผิด”บอกหลังจากถอนริมฝีปากออกมาคนถูกลงโทษก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาจนมือใหญ่ต้องประคองสองแก้มบังคับให้สบตาอีกรอบ

    “จินกิรู้อะไรมั้ย?”คนถูกถามส่ายหน้า

    “เหตุผลเดียวที่ฉันไม่ยกเลิกการหมั้น เหตุผลเดียวที่ฉันไม่แคร์ว่านายเป็นผู้ชายเหมือนกัน มีเพียงเหตุผลเดียวก็เพราะว่าฉันรักนาย ฉันรักลีจินกิ”

    “มิน...โฮ”
    เสียงนั้นพูดจบไปแล้วแต่เหมือนจินกิจะยังได้ยิน ฉันรักนาย ฉันรักลีจินกิ
    รักลีจินกิ รักลีจินกิก้องกังวานวนเวียนอยู่ในหัว ผม...รู้สึกดีใจจังครับคุณพ่อที่ได้ยิน อา..หัวใจเหมือนกำลังโบยบินสูงสุดสู่ท้องฟ้า คำที่เขาบอกผมเชื่อได้มั้ยครับคุณพ่อ เชื่อได้มั้ยว่าเป็นอย่างที่เขาบอก ผมอยากเชื่อเหลือเกินว่าเขารักผมจริงๆ

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” จินกิพร่ำถามราวกับคนละเมอตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ชเวมินโฮรู้สึกแบบนี้ในเมื่อทั้งสองคนเพิ่งรู้จักและเห็นหน้ากันได้ไม่นาน

    “จินกิเคยได้ยินมั้ยที่เขาว่ารักไม่ต้องการเวลา”พยักหน้ารับเคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน

    “แต่รู้มั้ยรักของชเวมินโฮยืนหยัดเหนือกาลเวลา” ในที่สุดชายหนุ่มก็เปิดเผยเรื่องในอดีตตอนม.ต้นที่เขาตกหลุมรักเพื่อนใหม่ที่ชื่อลีจินกิเพียงครั้งแรกที่ได้เจอ เด็กผู้ชายเพียงคนเดียวที่กล้าเข้าหาเขาด้วยรอยยิ้มและความจริงใจในขณะที่คนอื่นๆกลัวเขากันหมด

    “หา!เราเคยรู้จักกันเหรอทำไมฉันจำไม่ได้เลยล่ะ”จินกิแปลกใจเขาจำได้ว่าเหตุการณ์ที่มินโฮเล่ามันเกิดขึ้นจริงแต่ทำไมเขาจำชื่อและหน้าของชเวมินโฮไม่ได้ล่ะ(นายเคยจำอะไรได้บ้างล่ะ) แต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือน้อยใจเลยเพราะยังไงวันนี้จินกิก็อยู่ตรงนี้ อยู่กับกับเขาแล้ว

    “ตอนนั้นฉันตัดใจแล้วคิดว่าคงไม่ได้เจอกันอีกแต่ก่อนขึ้นเครื่องไม่กี่วันคุณพ่อบอกเรื่องนี้กับฉัน จะไม่สนใจเลยถ้าคนๆนั้นไม่ใช่สกุลลี แล้วความหวังก็เป็นจริงฉันไปแอบดูที่บ้านหลังนั้นเป็นนายจริงๆ แล้วแหวนวงนี้ฉันก็เป็นคนเลือกเองมันเหมาะกับนายมากนะ”

    เขาค่อยๆดึงสร้อยที่จินกิสวมอยู่ออกมาแหวนเพชรเม็ดงามยังคงส่องประกายราวกับไฟรักในใจเขาที่ยังส่องประกายยืนหยัดมั่นคงไม่แพ้กาลเวลาที่แปรเปลี่ยน แหวนที่เขาเลือกเองกับมือแล้วให้ผู้เป็นพ่อเป็นธุระมอบให้คู่หมั้นแทน

    “ฉันจะบอกนายอีกครั้งนะจินกิ ฉันรักนาย”น้ำเสียงทุ้มนุ่มหูแววตาคมดูมั่นคงชายหนุ่มยกแหวนขึ้นมาจูบเบาๆก่อนจะเลื่อนใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้ใบหน้าของอีกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ใกล้..จนลมหายใจอุ่นๆรินรดกันและกัน เป็นอีกครั้งที่จินกิยินดีจะรับสิ่งที่มินโฮกำลังจะมอบให้ เขาหลับตาพริ้มเผยอริมฝีปากอิ่มรับจุมพิตแสนหวานและตอบสนองด้วยความเต็มใจ อา..มินโฮฉันเชื่อแล้วว่านาย....บางทีฉันก็คงจะ.....เหมือนกัน

    หลังจากถอนริมฝีปากจากกันแล้วร่างเล็กก็เป็นฝ่ายเบียดซบเข้าหาอกแกร่งที่อุดมด้วยมัดกล้ามและไออุ่นลำแขนแข็งแรงก็ไม่ปฏิเสธที่จะกระชับให้ไออุ่นแก่คนในอ้อมกอด

    “ฉันจะไม่ถามว่านายคิดยังไง จะถือว่าจูบเมื่อกี้คือคำตอบ Yes

    “ห๊ะ! ได้ไงกันล่ะ”ร่างบางเด้งตัวออกจากอ้อมกอดทันที จะมาทึกทักมั่วๆไม่ได้นะมินโฮ

    “งั้นก็ตอบมาสินาย...รัก..ชเวมินโฮบ้างมั้ย”จินกิก้มหน้าจนชิดอกสีแดงของเลือดที่สูบฉีดด้วยความร้อนภายในกายถูกแต้มถึงใบหูเขานิ่งเงียบไปเนิ่นนาน กว่าจะตอบออกมาเพียงเบาๆว่า “อืม” เมื่อรักไม่ต้องการเวลาก็คงไม่แปลกถ้าลีจินกิจะรักชเวมินโฮด้วยเวลาที่อยู่ใกล้ชิดกันเพียงไม่นาน

    “เรื่องนี้สินะที่ทำให้นายนั่งซึมเป็นไก่เหงา”

    “...”ไม่ตอบแปลว่ายอมรับมินโฮฉีกยิ้มกว้างด้วยความยินดี

    “นาย...หึงเหรอ”ราวกับมีบางอย่างปักฉึกเข้าที่อก อาการที่เขาเป็นสับสัน กังวล คิดไปต่างๆนาๆ คือหึงงั้นเหรอ...ไม่จริง..ละมั้งละมั้ง ไม่ใช่หรอกจินกิส่ายศรีษะแรงๆ

    “ฮ่าๆๆๆๆ”คนร่างสูงหัวเราะเสียงดังดึงร่างเล็กเข้ามากอดอีกครั้งจินกิมีดิ้นน้อยๆก่อนจะนิ่ง(จริงๆก็ชอบ)วันนี้เป็นอีกวันที่ชเวมินโฮมีความสุขไม่สิมีความสุขมากกว่าทุกวันแม้วันนี้จะมีเรื่องให้เสียอารมณ์บ้างก็ตาม

     

    เช้าวันต่อมา

    อิมยุนอาเลขาสาวมาทำงานแต่เช้าเธอมาถึงก่อนที่มินโฮแลจินกิจะลงมาซะอีกเมื่อมาถึงก็สั่งแม่บ้านให้เตรียมมื้อเช้าเผื่อเธอด้วย

    “พี่มินโฮคะ เรื่องนั้นว่าไงคะ”รอไม่ไหวแล้วเธอจึงถามขึ้นขณะที่ทุกคนกำลังทานมื้อเช้า มินโฮลืมเรื่องนี้เสียสนิทเมื่อวานเย็นเขาตั้งใจจะไปคุยกับจินกิเรื่องนี้แต่กลับกลายเป็นว่าไปสารภาพรักแทน

    “เรื่องอะไรเหรอครับคุณยุนอา” จินกิถามมองหน้าคนรักกับหญิงสาวสลับกันไปมาเธอจึงเป็นคนตอบเสียเองเรื่องที่เธอขอมินโฮย้ายมาพักที่บ้านหลังนี้

    “พี่มินโฮบอกว่าอยากปรึกษาคุณก่อนน่ะค่ะ”

    “ก็ดีนี่นามินโฮ บ้านเรา เอ่อ บ้านนายก็มีห้องว่างตั้งหลายห้องอีกอย่างคุณยุนอาเป็นผู้หญิงขับรถไปกลับทุกวันมันก็อันตราย ผมไม่ขัดข้องครับดีเสียอีกผมจะได้มีเพื่อน”

    “แน่ใจนะจินกิ”ชายหนุ่มถามย้ำก็ไม่ใช่เพราะยุนอาหรอกเรอะที่ทำให้นายกลุมอกกลุ้มใจเมื่อวานน่ะแต่สงสัยความจำส่วนนั้นจะถูกลบไปจากสมองแล้วจินกิยังคงพยักหน้ายืนยันตามนั้น เอาเถอะตั้งใจจะตามใจคนรักอยู่แล้วแม้จะอยากให้จินกิปฏิเสธก็ตาม

    “งั้นก็ตามใจนาย”

    ยุนอายิ้มออกมาด้วยความยินดีจินกิพูดง่ายกว่าที่คิดแผนของเธอสำเร็จไปอีกหนึ่งขั้น พรุ่งนี้เธอจะขนของมาอยู่ที่นี่เธอบอกซึ่งก็ไม่มีใครขัดข้องเช่นกัน

    “งั้นวันนี้นายก็ไม่ต้องไปไร่อยู่ดูแลความรียบร้อยและเรียนรู้งานกับยุนอาก็แล้วกัน”

    “แต่ว่า...”เต้าหู้อิดออดรู้ว่าต้องได้เรียนรู้แน่ๆแต่วันนี้ยังไม่พร้อม

    หลังมื้อเช้าผ่านไปจินกิก็สั่งแม่บ้านให้ช่วยทำความสะอาดห้องให้ยุนอาโดยเลือกห้องติดกับตัวเองให้เธอจากนั้นก็ถูกบังคับโดยว่าที่สามีให้ไปส่งที่หน้าบ้าน ชินดงสตาร์ทรถรออยู่แล้วแต่เจ้านายหนุ่มยังไม่ยอมขึ้นรถสักทีเพราะมัวแต่อี๋อ๋อว่าที่ภรรยาหนุ่มอยู่

    “จินกิ จะไปไร่แล้วนะ”บอกน้ำเสียงออดอ้อนเต็มที่สองแขนเริ่มกอดรัดร่างบาง อยากได้อะไรล่ะมินโฮ?

    “ก็ไปสิ”จินกิตอบแบบนี้น้อยใจแย่แต่ที่ตอบแบบนี้ก็เพราะรู้ทันร่างสูงสองมือพยายามแกะมือตุ๊กแกออกเหนียวจริงๆ

    “จินกิ ขอหอมแก้มทีนะจะได้มีแรง”จินกิคิดแล้วเชียวถึงจะยอมรับว่ารักแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่อายตรงนี้ก็หน้าบ้านไหนจะชายร่างอวบที่นั่งรอบนรถอีกเขากำลังยิ้มกับภาพน่ารักๆของเจ้านาย แต่ร่างใหญ่ที่กอดรัดเขาอยู่นี่สิตั้งแต่รู้จักกันมาเขาก็ยังไม่เคยเห็นมินโฮอายสักที

    “นะ จินกิ” โอย ยังคงทู่ซี้จะหอมแก้มใสให้ได้หู้อยากเป็นลม(จินกิก็ยอมๆไปเถอะลูก)

    “ไม่เอา มินโฮอายคนอื่นบ้างสิ”ร่างเล็กตอบเบี่ยงตัวหลบขัดขืนแบบนี้เดี๋ยวก็ถูกทำโทษหรอก

    “ผีเสื้อตัวนั้นสวยจัง”จู่ๆก็ร้องพร้อมชี้มือไปตรงหน้าแต่พออีกคนหันมองตามก็
    ฟอดดดด!!!
    ถูกขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่ไม่น่าเชื่อว่ามุกน้ำเน่าแบบในละครจะได้ผล
     ^_^

    “มินโฮ! ฮึ่ย!!!”

    ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจรีบผละจากร่างบางวิ่งไปขึ้นรถแล้วตะโกนเสียงดังกลับมา

    “ไปก่อนน้าที่รักแล้วจะรีบกลับ” คุณว่าที่ภรรยาได้แต่ยืนค้อน หน้าหงิก อมลมแก้มป่อง ฮึ!โดนลวนลามแต่เช้าเลยมินโฮเจ้าเล่ห์ มินโฮจอมหื่น

    จินกิไม่รู้เลยว่าภาพหวานแหววของตนกับคนรักได้อยู่ในสายตาของหญิงสาวอีกคน ยุนอามองดูภาพนั้นด้วยความริษยา มือเรียวกำแน่นจนปลายเล็บจิกเข้าเนื้อแต่ก็ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้เธอแม้แต่นิดเดียว

    อีกไม่นายหรอกลีจินกินายจะต้องกระเด็นออกจากบ้านหลังนี้

     



    TBC.





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×