ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวบ้านไร่

    ลำดับตอนที่ #10 : ความหลังฝังใจ(จริงๆ)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 634
      0
      20 ต.ค. 54

    “อ๊ะ!

    เสียงหวานร้องเมื่อมือของตนจับซ้อนบนมือของใครอีกคนที่กำลังหยิบช็อคโกแล็ตกล่องเดียวกันแต่ลักษณะนี้ก็หมายความว่าเขาช้าไปนะสิ

    “เอ่อ ขอโทษครับ/ขอโทษครับ”กล่าวพร้อมกันอนยูหันไปมองผู้มีจุดหมายเดียวกันคนที่เขากำลังจับมืออยู่เป็นชายหนุ่มร่างสูง(น้อยกว่ามินโฮ)ใบหน้าหล่อคมเข้มผิวสีแทนเหมือนมินโฮเลยแววตาของเขาสดใสเปล่งประกายบลิ๊งๆกำลังจ้องใบหน้าหวานของอนยูนิ่งจะไม่ให้ชายหนุ่มมองได้ยังไงนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอหนุ่มน้อยหน้าหวานและน่ารักขนาดนี้สายตาที่มองอยู่นานทำให้อนยูรู้สึกหวั่นรีบชักมือกลับ

    “เชิญครับ/เชิญฮะ”สองเสียงพูดพร้อมกันแล้วก็ชะงักทั้งคู่หันมาสบตากันแล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

    อา..รอยยิ้มของคนหน้าหวานคนนี้ช่างสว่างสดใสจริงๆ ร่างสูง(น้อยกว่ามินโฮ)ราวกับต้องมนต์เมื่อเห็นรอยยิ้มของอนยูแล้วเขาก็เผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว

    “เอ่อ  คุณครับๆ”อนยูเรียกพร้อมโบกมือไปมาตรงหน้าเขานั่นแหละสติชายหนุ่มจึงกลับมา

    “เอ่ออ ขอโทษครับ คุณก็ชอบแบรนด์นี้เหมือนกันเหรอครับ”

    “ใช่ครับ ผมแอบซื้อบ่อย คิกๆ อะขอโทษครับพอดีผมนึกถึงน้องชายน่ะครับเขามักบ่นเสมอเวลาผมจะซื้อช็อคโกแล็ต ฮิๆ”

    “เอาอีกแล้วพี่อนยูกินแต่ของอ้วนๆเดี๋ยวก็กลายเป็นเต้าหู้ยักษ์หรอก”คิมคิบอมน้องรองจะบ่นแบบนี้เสมอ

    แล้วคนพี่ก็เริ่มลังเลแต่แล้วก็จะมีพรายมักเน่กระซิบว่า

    “ซื้อเลยฮะพี่ เราแอบซื้อแล้วไปแบ่งกันดีกว่า แอบนะพี่คีย์ไม่รู้หรอกฮะ” แล้วสองพี่น้องก็แอบซื้อแต่พอคิมคีย์รู้เข้าก็โดนบ่นจนหูชาทั้งพี่ใหญ่ทั้งน้องเล็ก

    “คิกๆๆ”เล่าพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจนคนฟังที่ยืนอยู่ใกล้กันเผลอยิ้มตามรอยยิ้มสดใสนั่นแบบไม่รู้ตัวอีกครั้ง

    “แบบนี้ล่ะฮะ อ๊ะ!ขอโทษครับผมเนี่ยพูดเรื่องไร้สาระอะไรก็ไม่รู้”กล่าวขอโทษขอโพยพร้อมคำนับขอโทษเป็นพัลวัลเมื่อรู้ตัวแต่เพราะมันเร็วและมากเกินไปเลือดจึงไปเลี้ยงสมองไม่ทันเกิดอาการวูบขึ้นมา

    “อูยยย!”อนยูเซเพราะเวียนหัวดีว่าชายหนุ่มรับตัวบางไว้ทันสภาพตอนนี้จึงคล้ายกับว่าอนยูตกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม

    “ไม่เป็นไรนะครับ”เสียงทุ้มถามด้วยความเป็นห่วงอยู่ข้างหูทำให้รู้สึกแปลกๆร่างบางรีบยันตัวออกมา

    “ขอโทษครับแล้วก็ขอบคุณที่ช่วย ผมเนี่ยไม่ไหวเลยจริงๆพูดเรื่องไร้สาระให้คุณฟังแล้วยังทำให้คุณเดือดร้อนอีก ขอโทษจริงๆนะครับ”

     “ไม่เป็นไรครับ”ผมชอบเวลาคุณพูดแล้วยิ้มอย่างมีความสุขอยากเห็นรอยยิ้มของคุณแบบนี้ทุกวันจัง

    “จริงสิผม คิมจงฮยอนครับ” เขาแนะนำตัว

    “ผมลีจินกิฮะ เรียกผมว่าอนยูก็ได้ ยินดีที่ได้รูจักคุณคิมจงฮยอนครับ”

    “เช่นกันครับ”คิมจงฮยอนยื่นมือมาตรงหน้าอนยูลังเลนิดนึงแต่ก็ยอมยื่นมือเล็กสัมผัสกับมือใหญ่ตรงหน้าด้วยว่ารู้สึกถูกชะตากับคนตรงหน้ามากทีเดียว จงฮยอนยิ้มออกด้วยความยินดี

    “ว่าแต่..วันนี้น้องชายคุณมาหรือเปล่าครับ”จงฮยอนก้มมากระซิบใกล้หูร่างบางส่ายหน้าเบาๆเป็นคำตอบ

    “งั้นเราซื้อเจ้านี่แล้วแบ่งกันกินดีกว่านะครับ”

    อนยูหัวเราะคิกคักพยักหน้าเห็นด้วย

    “เอ่อ ผมว่าคุณต้องไม่ใช่คนแถวนี้แน่ๆเลยใช่มั้ยครับ”จงฮยอนอดถามไม่ได้เมื่อแอบสังเกตุหนุ่มน้อยหน้าหวานตรงหน้านานพอสมควรก็ตั้งแต่เริ่มสนทนากันมา

    “ทำไมคุณคิดแบบนั้นล่ะฮะ”ถามกลับด้วยความสงสัยแต่สำหรับคิมจงฮยอนมันง่ายมากที่จะดูออกแบบนั้นก็คนตรงหน้าคนนี้หนุ่มหน้าหวาน ร่างบอบบาง ผิวขาวเนียนละเอียดเกินกว่าจะเป็นชาวบ้านๆและที่สำคัญก็คืออนยูคนนี้ไม่มีอาการตื่นเต้นประหม่าหรือดี๊ด๊าเมื่ออยู่ต่อหน้าคิมจงฮยอนก็ชายหนุ่มน่ะคือคนหนุ่มไฟแรงและเพอร์เฟ็คท์อีกคนที่เป็นที่รู้จักและหมายปองของสาวๆ(ไม่เว้นแม้แต่หนุ่มๆ)ในเมืองนี้พอๆกับชเวมินโฮซึ่งคนที่เพิ่งมาอยู่ไม่นานอย่างอนยูยังไม่รู้

    “ก็ถ้าเป็นคนในละแวกนี้ผมก็ต้องเคยเห็นหรือคุ้นหน้าแต่สำหรับคุณผมรู้สึกไม่คุ้นเลย”

    “ขนาดนั้นเลยเหรอครับแต่มันก็จริงผมเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นาน”

    “เห็นมั้ยผมกะแล้ว ว่าแต่คุณเพิ่งย้ายมาเหรอครับ”

    “คือผมมาเตรียมตัว เอ่อ อ มาฝึกทำไร่น่ะครับ”เกือบหลุดปากบอกจงฮยอนไปแล้วว่ามาเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวไม่งั้นคงได้อับอายแน่ๆจะมีผู้ชายที่ไหนมาเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวเยี่ยงลีจินกิ

    “จริงเหรอครับ ว้าว ผมเองก็ทำไร่เหมือนกันครับ ทำไร่องุ่น ไร่องุ่นบลิงค์บลิงค์ เคยได้ยินชื่อมั้ยครับ”

    อนยูนึกอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าไม่รู้จักไม่เคยได้ยินจริงตั้งแต่มาอยู่บ้านไร้ระฆังทองนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาข้างนอก จงฮยอนรู้สึกผิดหวังนิดๆแต่ก็เข้าใจว่าช่วงกำลังเรียนรู้งานหนุ่มน้อยคนนี้คงจะยุ่ง

    ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งชเวมินโฮกำลังเข็นรถเดินตามหาว่าที่ภรรยา ชายหนุ่มเดินมาเรื่อยๆสายตาก็คอยสอดส่องหาร่างบาง เขาเผลอยิ้มกับตัวเองหลายครั้งเมื่อจินตนาการว่าจินกิของเขาคงกำลังเลือกๆและหอบๆขนมจนเต็มไม้เต็มมือแค่นึกถึงภาพน่ารักๆนั่นก็ทำให้เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่(ท่าจะเป็นเอามาก)

    มินโฮเดินมาเรื่อยจนถึงโซนที่จินกิชี้บอกในตอนแรก พลันก็เจอเข้ากับคนที่กำลังตามหาอยู่แต่รอยยิ้มที่แต่งแต้มใบหน้าหล่อเมื่อครู่หายไปในทันทีเมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มอีกคนกำลังยืนคุยอยู่กับจินกิท่าทางจะคุยถูกคอกันซะด้วยหัวเราะคิกคักกันใหญ่และยิ่งทำให้สายตาเข้มเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวเมื่อเห็นใบหน้าของคนๆนั้นชัดเจน

    “คิมจงฮยอน!

    สบถในลำคอเร็วเท่าความคิดร่างสูงก้าวฉับๆทิ้งรถเข็นตรงเข้าไปกระชากแขนจินกิอย่างแรงทำให้ร่างบางเซตามแรงประทะกับอกแกร่งอย่างจัง

    “โอ้ย! มินโฮ!อะไรกันเนี่ย”เสียงดังหลังจากที่ยันตัวกลับมายืนและพอรู้ว่าเป็นใครก็รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำไร้มารยาทนั้นอ้าปากจะด่าต่อแต่แล้วก็ต้องหุบปากเมื่อเห็นว่าสายตาของผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของรอบๆบริเวณกำลังมองด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะเดียวกันมินโฮก็กำลังจ้องคิมจงฮยอนเขม็งแววตานั้นบ่งบอกความไม่เป็นมิตรชัดเจนความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศเริ่มขมุกขมัวแต่ในขณะเดียวกันผู้คนรอบนอกก็เริ่มซุบซิบ

    “...”

    “ชเวมินโฮ”เสียงลอดไรฟันของจงฮยอนถึงมันจะเบามากแต่ด้วยระยะที่ห่างกันไม่ถึงสองก้าวก็ทำให้จินกิได้ยินชัดเจนว่าเขาเรียกชื่อมินโฮงั้นทั้งสองคนนี้ก็ต้องรู้จักกันสิแต่แววตาที่จ้องตอบกลับนี่ก็แข็งกร้าวไม่แพ้กันงั้นพวกเขาคงจะรู้จักกันในทางลบมากกว่าสินะสายตาแบบนี้ต้องเรียกว่าเป็นอริกันมากกว่า

    สายตาคมทั้งสองคู่ยังจ้องมองเชือดเฉือนกันอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร จินกิมองหน้าสองคนสลับกันไปมาราวกับว่ามีรังสีอำมหิตจากสายตาของคนทั้งสองแผ่กระจายไปรอบๆเริ่มรู้สึกอึดอัดแล้วสิ

    “ม มินโฮ”จินกิเรียกเสียงเบาอย่างหวั่นๆ

    “กลับ!”มินโฮตอบเพียงสั้นๆแล้วดึงแขนคนตัวเล็กให้เดินตามแทบจะเรียกว่าลากเลยก็ว่าได้

     “อะเดี๋ยว  คุณจง..โอ๊ย!”ร่างบางหันกลับไปมองจงฮยอนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมอ้าปากจะเอ่ยลาเพื่อนใหม่สักหน่อยแต่ก็ต้องร้องออกมาเมื่อมือใหญ่ที่จับข้อมือบีบแรงจนรู้สึกเจ็บอยากจะร้องดังๆแต่ก็อับอายสายตาผู้คนที่ยังมองอยู่

    “เจ็บนะ มินโฮ ปล่อยชั้น เดินเองได้น่า” พยายามขืนตัว สะบัดแต่ก็ไม่ได้ผล จินกิหันกลับไปหลังอีกครั้ง

    อ๊า ช็อคโกแล็ตของช้านนน!!!

    คิมจงฮยอนได้แต่ยืนมองคนตัวเล็กถูกคนตัวสูง(กว่าเขา ตอกย้ำจริงนูน่า:จงเองครับ)ฉุดกระชากไปจนลับตาตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มจะเข้าใจอะไรๆแล้วจากบทสนทนากันเมื่อครู่ก่อนที่นายเอเลี่ยนจะโผล่มาลีจินกิมาฝึกทำไร่เป็นไร่ส้มของมินโฮงั้นเหรอ

    หึ เป็นเด็กของมินโฮสินะ

    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดที่มุมปาก

    ถ้าหากว่าคิมจงฮยอนสนใจเด็กของชเวมินโฮล่ะไม่สิจงฮยอนตกหลุมรักคนน่ารักคนนั้นเข้าแล้วต่างหากล่ะ ชายหนุ่มหันกลับไปมองช็อคโกแล็ตกล่องนั้นอีกครั้งเขาแอบเรียกมันในใจว่าว่าช็อคโกแล็ตแห่งพรหมลิขิตเผลอยิ้มออกมาด้วยนึกขันกับความคิดตัวเองและไม่รีรอที่จะคว้ามันแล้วเดินตรงไปทางเคาน์เตอร์เพื่อจ่ายเงินแต่ดูเหมือนว่าโชคจะไม่ค่อยเข้าข้างจงฮยอนนักตอนนี้ทุกเคาน์เตอร์มีคนต่อแถวรอชำระเงินยาวเหยียดชายหนุ่มส่องสายตามองหาคนตัวเล็กที่คาดว่าน่าจะยังอยู่แถวนี้และเห็นว่าถัดไปอีกสามเคาน์เตอร์มินโฮกำลังเก็บของวางบนตรงหน้าแคชเชียร์เพื่อคิดเงินโดยมีคนหน้าหวานยืนหน้าหงิกหน้ายู่อยู่ข้างๆ  จงฮยอนหันกลับมามองแถวที่ตัวเองยืนต่ออยู่รู้สึกว่าทำไมมันช้าจังวะหันกลับไปมองทางมินโฮกับคนน่ารักอีกทีตอนนี้มินโอกำลังรับเงินทอนและกำลังจะพากันเดินออกไป ให้ตายเถอะตรงหน้าเขาเพิ่งเสร็จไปแค่คนเดียวและยังมีอยู่ตรงหน้าอีกสามคน ชายหนุ่มยืนรอด้วยความร้อนใจ

    “สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ” ทันทีที่แคชเชียร์สาวทักทายเสร็จเขาก็รีบส่งของในมือเพียงชิ้นเดียวให้เธอสแกน

    129 บาทค่ะ อ๊ะ! คุณคะ รอรับเงินทอนด้วยค่ะ คุณ!!!..”

    ยื่นเงินให้ธอแล้วรีบวิ่งออกไปโดยไม่รอเงินทอน จงฮยอนวิ่งตรงไปทางลานจอดรถและทันเห็นตอนอนยูกำลังก้าวขึ้นรถพอดีชายหนุ่มวิ่งตรงไปที่รถคันนั้น

    ก๊อกๆๆ

    สักครู่กระจกรถก็ถูกลดลงเผยให้เห็นใบหน้างงของคนที่นั่งอยู่ข้างในแต่พอเห็นว่าเป็นคิมจงฮยอนอนยูก็ยิ้มออกมายิ้มหวานซะด้วยสิ(ในสายตาจง)

    “คุณจงฮยอน”

    “ครับผมเอง แฮ่กๆนึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว”ปรายสายตามองไปทางคนที่นั่งฝั่งคนขับที่กำลังส่งสายตาพิฆาตมาให้แต่เขาก็ได้หาสนใจไม่ยังคงตั้งใจส่งยิ้มหล่อบาดใจให้คนหน้าหวานตรงหน้าและยื่นของบางอย่างให้

    “เจ้านี่ผมให้คุณครับ”

    ตาตี่ๆถึงกับลุกวาวเมื่อเห็น ช็อคโกแล็ตกล่องนั้น ว้าว นี่คิมจงฮยอนให้เขาเหรอเนี่ย

    “ขะขอบคุณครับ..แต่”ถึงจะอยากได้แต่ก็ยังเกรงใจอยู่ แต่พอทำท่าจะปฏิเสธก็ถูกดักคอเสียก่อน

    “ห้ามปฏิเสธ ผมให้คุณเป็นของขวัญครับ ที่เราได้เจอกันวันนี้ผมคิดว่ามันเป็นพรหมลิขิตและก็หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ” 

    มุกเสี่ยวๆ.ของจงฮยอนทำเอามินโฮอยากจะขย้อนข้าวเช้าออกมาซะเดี๋ยวนี้เลยทีเดียว

    “อ เอ่ออ  ขอบคุณฮะคุณจงฮยอน”อนยูตอบรับ ช็อคโกแล็ต จากจงฮยอนกล่าวขอบคุณอีกครั้งพร้อมยิ้มหวานจนตาปิดให้เขาเป็นรางวัล

    บรืนนน!

    “เสร็จธุระแล้วใช่ใหม”มินโฮที่นั่งฟังและมองตาขวางอยู่นานถามขึ้นเสียงเข้มเขาเหยียบคันเร่งแล้วออกรถอย่างแรงจนคิมจงฮยอนกระโดดหลบแทบไม่ทัน

    ฮึ่ย! คอยดูเถอะชเวมินโฮ คิมจงฮยอนผู้นี้จะแย่งคนน่ารักจากแกให้ได้

    มินโฮเลี้ยวรถออกจากลานจอดได้ไม่เท่าไหร่ก็หักรถจอดข้างทางชายหนุ่มหันไปมองคนตัวเล็กที่ยังเหวอไม่หายด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่กำลังพลุ่งพล่าน สายตาคมเล็งไปที่กล่องช็อคโกแล็ตของกำนัลจากจงฮยอนที่บัดนี้ถูกจินกิกอดไว้แน่นจากการตกใจเมื่อกี้เขาเอื้อมมือไปแย่งกล่องนั้นมาแล้วโยนออกทางหน้าต่างทันที

    “อ่ะ...”ตาตี่เบิกค้างตกตะลึงไปชั่วครู่ไม่คาดคิดว่ามินโฮจะทำเช่นนี้ได้

    “มินโฮ!!!!! มันจะมากไปแล้วนะ”จินกิตวาดเสียงดังลั่นรถเมื่อหายจากตกตะลึงแล้วความโกรธก็พุ่งจี๊ดเข้ามาแทนที่ มันมากเกินไปแล้วการกระทำของมินโฮเมื่อกี้ที่ถูกกระชากลากถูในซูเปอร์ก็พยายามนับหนึ่งถึงสิบแล้วนะ ลีจินกิไม่ได้เห็นแก่ของกินแต่นี่คือน้ำใจของจงฮยอนที่มอบให้ ถูกโยนทิ้งไปแบบนี้ถ้าเจ้าตัวรู้คงเสียความรู้สึกมาก

    “นาย  น ฮึ่ย!”ชี้หน้าค้างไม่รู้จะนึกหาคำใดมาด่าคนๆนี้พออ่อนโยนก็ทำเอาใจสั่นหวั่นไหวไปหมดแต่ตอนนี้ชเวมินโฮกำลังกลับมาเป็นคนเอาแต่ใจไร้เหตุผลอีกแล้ว

    “อย่ายุ่งกับหมอนั่นอีก”มินโฮสั่งเสียงเครียดไม่สนใจเลยสักนิดว่าจินกิเองก็กำลังอารมณ์เสียเหมือนกัน

    “ห๊ะ! หมอนั่น?..หมอไหน(วะ).”

    “คิมจงฮยอน อย่ายุ่งอย่าเข้าใกล้หมอนั่นอีก”เสียงเด็ดขาด จินกิจ้องหน้าหล่อตรงหน้าด้วยแววตาแข็งกร้าวพอกันอยู่ๆมาสั่งกันแบบนี้ฝันไปเถอะชเวมินโฮ

    ไม่ มี ทาง!”ปฏิเสธเสียงแข็งเน้นทุกคำ มินโฮอยากจะบ้าทำไมวันนี้คนของเขาถึงไม่ยอมเชื่อฟังกัน

    “จินกิ นี่ นาย..”

    “ฉันต้องการเหตุผลที่นายห้ามฉันยุ่งกับเขา”กอดอกสบตาคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ

    “ฉัน ไม่ถูกชะตากับหมอนั่น”มินโฮตอบเสียงเครียด

    “ฟังไม่ขึ้น!

    “ฉัน ไม่ถูกกับหมอนั่น”มินโฮยอมสารภาพ

    “ถ้านายแค่ไม่ถูกกับเค้ามันก็เรื่องของนายไม่เกี่ยวกับฉัน นายไม่มีสิทธิสั่งห้าม ถึงฉันจะ เป็น อะเอ่อคู่หมั้นนายก็เถอะ”ยังไงก็จะไม่ยอมทำตามที่ชายหนุ่มห้ามเพราะตัวเองมีความรู้สึกที่ตรงข้ามกับชายหนุ่มจินกิรู้สึกถูกชะตากับคิมจงฮยอนมากและคิดว่าถ้าได้เป็นเพื่อนกันก็คงจะดีเพราะเป็นชาวไร่ด้วยกันคงมีความรู้มากมายมาแลกเปลี่ยนกัน

    “จินกิเชื่อฉันสักครั้งได้มั้ย”เสียงของชายหนุ่มอ่อนลง

    “เหตุผล?ฉันขอเหตุผลที่ดีกว่านี้”ยังไงก็จะไม่ยอมเชื่อท่าเดียวลีจินกิเป็นคนมีเหตุมีผลนะครับ

    “จินกิก็บอกแล้วว่าฉันไม่ถูกกับเขามาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ขอร้องนะ เชื่อฉันสักครั้ง”

    “ทำไมนายถึงไม่ถูกกับเขาบอกได้มั้ยล่ะ  ช่างเถอะๆฉันไม่ได้อยากรู้มากมาย”ตัดบทเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าอึกอักไม่อยากพูด

    “แต่ที่ขอร้องฉันคงทำไม่ได้”พูดจบคนตัวเล็กก็กอดอกเชิดหน้ามองออกไปนอกรถ

    “จินกิ”มือใหญ่จับไหล่จินกิเบาๆเพื่อให้หันกลับมาคุยกันแต่กลับไม่เป็นผลและแม้จะเรียกหลายครั้งจินกิก็ไม่ยอมหันมาหา

    “จินกิ หันมาคุยกันก่อนได้มั้ย”

    “ใช่ซี้ ฉันมันก็แค่คู่หมั้นที่ไม่มีความหมายอะไรสำหรับนายนี่ ตั้งแต่ฉันมาอยู่ที่นี่มีเรื่องอะไรลีจินกิคนนี้ก็บอกตลอดแม้แต่เรื่องน่าอายที่ไปหลงทางในไร่ส้มฉันก็บอกนาย ชิ!
    คำตัดพ้อจากปากคนตัวเล็กที่ยังไม่ยอมหันกลับมา ทำให้คนฟังลังเลใจนั่งเงียบถอนหายใจยกใหญ่ เหตุผลที่เขาไม่ถูกกับจงฮยออนมันก็มีแต่เขาควรจะบอกดีมั้ยถ้ามองกลับไปตอนนี้มันเป็นเรื่องไร้สาระไปแล้วแต่เขาก็ยังเกลียดจงฮยอนอยู่ดี

    “ฉันกับจงฮยอนเคยมีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อยตอนเรียน มันเป็นเรื่องไร้สาระแต่มันก็ทำให้ฉันไม่ชอบขี้หน้าเขามาจนทุกวันนี้.”ถึงยังงั้นคนแสนงอนก็ยังไม่หันมายังคงอยู่ในท่าเดิมแต่ในใจก็จดจ่อรอฟังอยู่ว่าเรื่องอะไรกันที่มินโฮคนนี้ฝังใจเกลียดคิมจงฮยอนได้ขนาดนี้

    “ฉัน  กับ คิมจฮยอน เคย เอ่อ จีบสาวคนเดียวกันตอนอยู่ ป.3

    “ม.3?”จินกิทวนคำเข้าใจว่าร่างสูงพูดผิด

    “ป.3 แล้วเธอคนนั้นเลือกหมอนั่น ฉัน  ก็เลย..”น้ำเสียงทุ้มอ่อยลงหากหันมามองสักนิดก็จะเห็นว่าใบหน้าของชเวมินโฮระเรื่อๆเพราะความอายมันเป็นเรื่องในสมัยเด็กแต่สำหรับเขาคนที่ได้ชื่อว่าหล่อที่สุดในรุ่นกลับแพ้ไอ้เป็ดคิมจงฮยอน

    “อย่ามาเล่นมุกนะมินโฮมุกไม่ฮาพาฉันเครียดเด้”ในที่สุดจินกิก็ยอมหันกลับมาต่อว่า คนอาไร้ริจีบสาวตั้งแต่ป.3 “เปล่านะจินกิเรื่องจริง ตอนนี้เรามองกลับไปมันเรื่องเล็กๆก็จริงแต่ตอนนั้นเราทั้งสองคนยังเป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกันอีกฉันได้รับความอับอายสูงสุด มันรู้สึกเสียหน้านึกถึงทีไรเจ็บใจทุกที”

    มินโฮตอบขบกรามแน่นจนเป็นรอยนูนด้วยความเจ็บใจเมื่อนึกถึงเรื่องเสียศักดิ์ศรีในสมัยเด็กการนึกถึงมันอีกครั้งทำให้เค้าเครียด ตาตี่ๆเบิกโต โอ้! มายก็อด เรื่องจริงเหรอเนี่ย คนอย่างมินโฮจะเป็นแบบนี้กับเขาด้วยปกติก็จะเห็นเป็นคนจริงจังและมุ่งมั่น ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องฝังใจขนาดนี้แล้วเรื่องที่ว่าก็..คิดไปพลางพิจารณาใบหน้าของคนตรงหน้าแล้วก็ต้องยอมรับว่า มินโฮน่ะหล่อแต่หน้าตาตอนเด็กนี่นึกไม่ออกเลยจริงๆแล้วยิ่งมีแฟนตั้งแต่ป.3 เอ่อ.. ตัวเขาเองตอนอายุเท่ากันยังร้องไห้ตามพ่อแม่ทุกเช้าอยู่เลย

    “ทั้งๆที่ฉันหล่อกว่าไอ้เป็ดนั่นแท้ๆคิมฮยอนอาดันไปเลือกหมอนั่น ฮึ!”มินโฮยังคงบ่นตอกย้ำด้วยความเจ็บใจ นายจริงจังมากไปมั้ย หน้าตาก็จริงจังเคร่งเครียดแต่จะว่าไป

    “อุ๊บ!”พลันจินกิก็รีบยกมือขึ้นปิดปากตนเองก้มหน้า

    “จินกิ...เป็นอะไรไป”เรียกด้วยความเป็นห่วงแต่จินกิยังไม่เงยหน้าขึ้นมาและยิ่งทำให้ชายหนุ่มร้อนรนมากยิ่งขึ้นเมื่อไหล่เล็กๆนั้นเริ่มไหว

    “จินกิ”จะจับไหล่นั้น

    “คิกๆๆ ก๊ากๆๆๆๆฮ่าๆๆๆๆ”ในที่สุดร่างบางก็ไม่สามารถกลั้นได้อีกโพล่งเสียงหัวเราะดังลั่นรถใครไม่ขำแต่หู้ขำครับ โอ้ย คนอาไร้ หลงตัวเองชะมัดไวไฟก็ปานนั้นริมีแฟนตั้งแต่ป.3

    “จินกิ นาย”

    “คิก  ขอ คิก  โทษ คิกๆ”พยายามจะกล่าวขอโทษทั้งๆที่ยังหัวเราะจนน้ำตาเล็ดน้ำตาร่วงไหนมันบอกมุกไม่ฮา ร่างสูงได้แต่อมลมแก้มป่อง(มั่ง)อยากจะโกรธคนตัวเล็กเหมือนกันแต่เอาเถอะถ้ามันทำให้บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายลงทำให้คนที่รักมีรอยยิ้มได้ชเวมินโฮจะยอมแล้วกันแต่จะให้ยอมง่ายๆก็กระไรอยู่ ร่างสูงคล้องคอคนตัวเล็กที่หัวเราะไม่หยุดรั้งตัวให้เข้ามาใกล้

    “จินกิ หัวเราะเยาะฉันเรอะ”แกล้งถามเสียงลอดไรฟันข้างหูจินกิส่ายหน้าเป็นพัลวัล

    “เปล่า นะ ฮะๆฉันไม่ ได้ อุ๊บ!...”ถูกปิดปากด้วยปากและไม่สามารถจะแก้ตัวอะไรได้อีกจินกิเอ๋ย

    “อื้อๆ!!” เสียงครางประท้วงรู้สึกหายใจไม่ทันมือทั้งสองกำเสื้อของร่างสูงจนเป็นรอยยับ นานทีเดียวกว่าชายหนุ่มจะยอมถอนริมฝีปากออกแต่ก่อนจะถอนออกก็ขอบดบี้ริมฝีปากอิ่มๆให้แดงเล่นๆสักหน่อย

    “นี่คือบทลงโทษที่นายหัวเราะฉัน”

    “ฉันเปล่านะ”จินกิอ้อมแอ้มในลำคอลูบริมฝีปากตัวเองที่เริ่มแดงเห่อเบาๆ

    “ต่อไปนี้ถ้านายทำผิดฉันจะลงโทษด้วยการจูบนาย ”

    “ห๊ะ!ไม่ ยุติ..”ถูกปิดปากอีกรอบร่างบางพยายามดิ้นแต่ให้ตายเถอะยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรุกหนักจนหายใจแทบไม่ทัน ชเวมินโฮแกล้งกันชัดๆ แล้วพอถูกปล่อยก็หอบฮักๆหนำซ้ำหน้ายังแดงจนเป็นลูกตำลึงอีกเป็นใครไม่แดงละถูกจูบสองครั้งติดๆกันถึงจะเคยแล้วแต่ก็ไม่ชินนะครับ

    “นี่ก็ผิด เพราะนายเถียงฉัน” กล่าวอย่างอารมณ์ดีมีความสุขเหลือเกินที่ได้แกล้งคนน่ารักให้หน้าแดงเล่นๆลืมอารมณ์เกรี้ยวกราดเมื่อครู่ไปเสียสิ้นเชิง

    “เปล่านะมินโฮ ฉัน แค่ จะบอกว่า มันไม่ยุติธรรมแล้วถ้านายทำผิดบ้างล่ะ”จินกิเสียงอ่อยไม่กล้าขึ้นเสียง

    “ก็ยอมให้จินกิจูบไง”ตอบโน้มหน้าเข้ามาใกล้ส่งสายตากรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์เหลือเกินนะนายมีแต่ได้กับได้นิ  ร่างเล็กอยากเถียงเหลือเกินแต่ดูท่าว่าคงไม่แคล้วโดนจูบอีกแน่ๆได้แต่นั่งหน้ายู่บ่นในใจ

    “จินกิ เรื่องนั้นน่ะ ขอร้องได้รึเปล่าอย่ายุ่งกับคิมจงฮยอน ได้มั้ย”ในที่สุดชายหนุ่มก็วกกลับเข้าเรื่องเดิม

    “...”

    “เหตุผลของฉันก็คือกลัวหมอนั่นมาแย่งนายไป นายเป็นคนสำคัญของฉันนะรู้มั้ย”เสียงทุ้มที่บอกกล่าวแววตามั่นคงที่สบมามันทำให้ใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้งทำไงดีล่ะจินกิ คนสำคัญอย่างนั้นเหรอไม่แปลกใช่ไหมถ้าคนที่ได้ยินจะหัวใจพองโต ไม่แปลกใช่มั้ยที่จะปลื้มกับคำๆนี้ มีหลายคำที่อยากจะพูดแต่ทำไมพูดไม่ออก อยากบอกเขาไปว่าฉันไม่ใช่คนใจง่ายไม่ใช่คนโลเลหรือไม่มีใครเขาเหมือนนายหรอกแต่สิ่งที่ตอบออกมากลับเป็น

    “อะอืม” ใช่ว่าจะยอมเชื่อซะทีเดียวแต่เพราะคิดว่าคงไม่บังเอิญได้เจอกันอีกหรอกนะ(แต่ใครจะรู้ล่ะ)

    “ขอบใจนะจินกิ ฉันขอโทษสำหรับช็อคโกแล็ตอันนั้นแต่เดี๋ยวจะพานายไปกินของที่อร่อยกว่านั้น”

    มินโฮบีบมือเล็กเบาๆก่อนจะหันกลับไปสตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไป คนน่ารักแปลกใจยิ่งนักยังมีอะไรอร่อยกว่าช็อคโกแล็ตอันนั้นอีกเหรอ T T(นึกแล้วก็เสียดายง่ะ)

    สิบห้านาทีต่อมามินโฮก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดในที่จอดรถชั่วคราวก่อนจะพาคู่หมั้นหน้าหวานเดินเข้าไปภายในพื้นที่ที่เรียกว่าสนามกีฬากลางแต่บัดนี้สนามกว้างถูกปกคลุมไปด้วยเต๊นท์มากมายภายในเต๊นท์ก็จัดเป็นร้านขายของต่างๆ

    “งานโอท็อปน่ะ โชคดีนะที่มาวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ป่ะทางนี้”

    ชายหนุ่มตอบเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามฉายชัดในแววตาคนตัวเล็ก ฉุดแขนไปที่เต๊นท์ๆหนึ่งทันทีที่เข้าไปถึงก็ได้รับการต้อนรับจากหญิงวัยกลางคนแต่งตัวด้วยชุดสีสันฉูดฉาดตัดกับผิวสีแทนของเธอผมดำขลับดัดเป็นลอนคลื่นส่วนชายอีกคนก็สวมสูทสีสันไม่แพ้กันอุ้ยบรรยายไม่ถูกเอาเป็นว่านี่คือเธอและเขาก็แล้วกันนะจ๊ะ

      ภาพประกอบจากภาพยนตร์ แหยมยโสธรจ้ะ

    ทั้งสองกล่าวทักทายมินโฮด้วยความสนิทสนมคุ้นเคย ก่อนจะมองเลยชายหนุ่มไปที่หนุ่มน้อยน่ารักร่างบอบบางที่ยืนอยู่ข้างกันชายหนุ่มจึงรีบทำการแนะนำ

    “จริงสิ กำนันแหยม แม่เจ้ยครับนี่ลีจินกิคู่หมั้นผมครับ จินกิคนนี้คือกำนันแหยมและภรรยาแม่เจ้ย” จินกิโค้งคำนับผู้อาวุโสกว่าพร้อมแนะนำตัวและให้เรียกเขาว่าอนยูเหมือนคนอื่นๆตอนแรกพ่อกำนันและแม่เจ้ยหน้าเหวอไปนิดที่รู้ว่าเขาเป็นคู่หมั้นมินโฮเพราะเห็นเป็นผู้ชายด้วยกันแต่คนหัวสมัยใหม่อย่างทั้งสองก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วนี่คือศตวรรษที่21เรื่องเพศไม่เป็นปัญหาสำหรับการแต่งงานและชีวิตคู่แต่ก็อดเสียดายไม่ได้อุตส่าห์หวังจะยกลูกสาวให้มินโฮซะหน่อย แต่ดูๆไปสองคนนี้ก็ดูเหมาะกันดี

    “แม่เจ้ยครับ มีอะไรอร่อยๆแนะนำมั้ยครับ”

    แม่เจ้ยกุลีกุจอเดินไปหยิบสินค้าที่วางขายมาเต็มหอบแล้วค่อยทยอยแกะทีละห่อส่งให้จินกิลองชิมเมื่อเขาส่งขนมเข้าปากเธอก็รอลุ้นเขาจะตอบว่ายังไง

    “อร่อยจัง นี่อะไรเหรอครับแม่เจ้ย”

    แล้วคำตอบที่ได้คือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากส้มไม่ได้ขนาดจากไร่รฆังทองนั่นเอง

    “นี่เป็นความคิดของมินโฮเขาเป็นคนแนะนำให้ลองทำนะ แล้วยังขายส้มให้ในราคาแสนถูกด้วย”เธอกล่าวเสริมด้วยความชื่นชมจินกิหันขวับสบตากับเขา ผลงานของนายอีกแล้วเหรอแต่เพิ่งรู้ตัวว่าอยู่ๆหันมาสบตากันอย่างจังแก้มถึงกับร้อนวูบขึ้นมา

    “มินโฮลองชิมมั้ย?”กล่าวแก้เขินยื่นขนมให้ชายหนุ่มไม่ตอบแต่จับมือจินกิที่ถือขนมอยู่มาใกล้ปากแล้วค่อยงับขนมในมือในสายตาแม่เจ้ยเขากำลังป้อนขนมกันอยู่น่ารักอ่ะ

    “แหม หวานกันจังน้า พี่แหยมชิมมั้ยจ๊ะ”แม่เจ้ยล้อเลียนหันไปป้อนขนมให้กำนันมั่งซึ่งพ่อกำนันก็รับมุกซะด้วยโดยการเลียนแบบมินโฮ ยิ่งแม่เจ้ยแซวก็ยิ่งรู้สึกเขิน โธ่ตั้งใจจะกลบเกลื่อนกลับกลายเป็นว่ายิ่งเขินเข้าไปใหญ่จนต้องรีบหันหลังให้คนขี้แกล้งแล้วถามหาของอย่างอื่นภรรยากำนัลก็ใจดีจัดเต็มให้จินกิได้ลองชิมทุกอย่างที่ร้านมีและเธอยิ่งพอใจเมื่อเขาบอกว่าอร่อยทุกอย่างหลังจากได้ชิมแล้วก็ถึงคราวเลือกต้องอุดหนุนบ้างซึ่งจินกิไม่ต้องเสียเวลาเลือกนานเพราะเขาเลือกทุกอย่างที่มีจนเต็มหอบ หึหึ

    จากนั้นพ่อกำนัลก็อาสาเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารเที่ยงคนทั้งสองบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความครึกครื้นจินกิกับแม่เจ้ยคุยกันถูกคอเหลือเกินยิ่งรู้ว่าจินกิเป็นลูกชายของลีดาเฮเพื่อนเก่าเธอก็ยิ่งเอ็นดูเด็กหนุ่มคนนี้(ก็อย่างที่ลงในตอนที่7 คุณแม่ยายเคยมาเที่ยวไร่ระฆังทองแม่เจ้ยกับลีดาเฮรู้จักกันตอนนั้นแหละค่ะ)ในขณะที่สองสาว?คุยกันถูกคอกำนันแหยมก็คอยแต่สะกิดมินโฮพร้อมเตือนอย่าให้จินกิสนิทกับแม่เจ้ยนัก

    “เดี๋ยวจะติดเชื้อเจ้าเล่ห์จากแม่เจ้ยไปจะควบคุมลำบาก”พ่อกำนันบอกเหตุผลอย่างนั้นไดยินแล้วก็นึกขำใครๆก็รู้กำนันแหยมกลัวเมียสำหรับเขาจินกิรึจะเจ้าเล่ห์สู้ชเวมินโฮ

    หลังจากมื้อเทียงแสนอร่อยผ่านไปมินโฮกับกำนันก็แยกไปคุยงานกันสองคนปล่อยคู่หมั้นคนน่ารักไว้กับแม่เจ้ยจนบ่ายคล้อยจึงกลับมาก่อนจะขอตัวกลับตลอดเส้นทางขับรถกลับบ้านไร่ระฆังทองไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าตัวกลมเพราะพอขึ้นรถได้เต้าหู้ขาวอวบก็หลับ(กินง่ายหลับง่ายจริงพ่อคุณ)ปล่อยให้คนหล่อขับรถเงียบๆคนเดียวจนถึงบ้าน

    “พี่แหยมคิดยังไงจ๊ะ เรื่องมินโฮกับหนูอนยู”

    แม่เจ้ยอดถามสามีไม้ได้หลังจากทั้งสองหนุ่มกลับไปแล้วเธอรู้สึกเป็นห่วงสองคนนั้นแม้เรื่องแบบนี้ปัจจุบันมันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่แถบนี้บ้านนอกแห่งนี้คนที่รับไม่ได้ก็มี แม้พวกเขาจะรักกันแต่กระแสสังคมก็อาจทำให้รักล่มได้หากจิตใจไม่เข้มแข็งพอ

    “อุปสรรคต้องมีแน่นอนแม่เจ้ย แต่ฉันก็มั่นใจว่ามินโฮจะต้องผ่านมันไปได้”

    พ่อกำนันตอบด้วยความมั่นใจเขารู้จักชเวมินโฮดี และดูออกว่ากับลีจินกิคนนี้ชายหนุ่มจริงจัง รักแท้ย่อมต้องมีอุปสรรคเขาทั้งคู่จะต้องผ่านมันไปได้แน่นอน

     

     TBC.



    ในที่สุดก็มาอีกตอน

     รีดเดอร์อ่านแล้วอาจจะร้อง ว๊าก! ยัยนี่ยังมั่วได้ใจสุดๆมาได้ไงหว่าพ่อกำนันแหยมแม่เจ้ยอุ้ย ข้าน้อยก็อยากจะบอกว่า Sorry Sorry Sorry Sorry내가 내가 내가 먼저네게 네게 네게 빠져빠져 빠져 버려 baby (sorry sorry:SJ)

    คือมันแว้บเข้ามาเอง แล้วอิตามินโฮก็อาไร้ จะฝังใจเกลียดจงขนาดนั้นแต่เรื่องแนวๆนี้เราก็เคยเจอมากับตัวนะจำว่าตอนเด็กมีเพื่อนมาเล่นที่บ้านแล้วเอาเสื้อเราไปบังเอิญเหลือเกินว่ามันเป็นลาย สี ขนาด เดียวกันแต่เราจำได้ว่าของเราอ่ะสุดท้ายเถียงไม่สู้เขาก็เลยต้องเสียเสื้อตัวนั้นไป T T นึกถึงทีไรก็เจ็บใจทุกที
    อ่านแล้วก็อย่าคิดมากนะจ๊ะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกแห่งFiction(Fiction in Fiction)

    เช่นเคยค่ะขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์

     

    *และก็ขอส่งแรงใจให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกคนค่ะ*

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×