คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : เมียรับจ้าง :: XII (rewrite)
“จางอี้ชิงออกมาจากห้องน้ำสักทีได้มั้ย นายอาบน้ำนานเกินไปแล้วนะ” เจ้าของร่างสูงโวยวายเสียงดังด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่หน้าห้องน้ำ พร้อมกับทุบประตูรัวๆแรงๆจนแทบจะพัง “ฉันรู้ว่านายเสียใจที่โดนไอ้ดำหักหลัง แต่เลิกร้องไห้ให้กับคนงี่เง่าแบบนั้นซะทีเถอะ”
“...”
“ถ้ายังไม่ออกมาฉันจะไปเอากุญแจมาไขแล้วนะ” ยืนรออยู่แปปนึงแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าคนในห้องน้ำจะออกมา จึงตัดสินใจหันหลังกลับจะเดินไปเอากุญแจที่ลิ้นชัก แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาเดินเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมา
“ฉันนึกว่าจะร้องไห้ในห้องน้ำตายไปแล้วซะอีก” พูดประชดใส่หน้า แต่คนถูกประชดก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างไร เดินผ่านร่างสูงไปเฉยๆอย่างไม่ใส่ใจ คริสมองตามร่างบางก่อนจะยักไหล่และหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
เขารู้ว่าอี้ชิงเสียใจมากแค่ไหนกับเรื่องที่เกิดขึ้น มิหนำซ้ำเขายังซ้ำเติมความเสียใจของอี้ชิงด้วยการพูดถึงเรื่องราวคราวก่อนที่จงอินส่งข้อความมาหา พร้อมโชว์รูปภาพเป็นหลักฐานยืนยันให้ดูระหว่างทางที่จะกลับมาคอนโด แต่ตัวเขาก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นเช่นนั้น เพราะไฟของความโกรธมันยังไม่ดับลงดีนัก เลยพลั้งปากพูดออกไป หลังจากรู้เรื่องนั้นอี้ชิงก็เหมือนจะซ็อคไปอีกครั้ง แล้วก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด ร้องไห้จนเผลอหลับไป จนมาถึงคอนโดเขาก็ปลุกและช่วยพยุงคนที่สะลึมสะลือขึ้นห้องมา พอมาถึงห้องอี้ชิงก็สะบัดตัวออกจากอ้อมแขนแล้วก็เดินปึงปังกระทืบเท้าหายเข้าห้องนอนไป เห็นแบบนั้นก็อดโมโหไม่ได้ พอช่วยเสร็จหมดประโยชน์แล้วก็สะบัดทิ้ง แถมยังทำท่าทางเหมือนโกรธเขาอีกทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนผิด เลยเผลอพูดจาไม่ดีด้วย
หลังจากออกมาจากห้องน้ำร่างสูงก็ต้องถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ เพราะร่างขาวบางไม่ได้อยู่บนเตียงนอนเหมือนเช่นทุกที และไม่ต้องสงสัยว่าเจ้าของร่างนั้นไปนอนที่ไหน คริสจึงปิดไฟและมาล้มตัวลงนอนอย่างรู้สึกเหนื่อยใจ เวลานี้เขาคงทำอะไรไม่ได้จริงๆนอกจากปล่อยให้อี้ชิงอยู่กับตัวเอง
“คุณคริส คุณคริสครับ” หลับสนิทได้ไม่นานก็รู้สึกถึงแรงเขย่าพร้อมเสียงเรียกชื่อเบาๆข้างๆตัว
“หืม มีอะไรเหรอ” มองหน้าคนปลุกด้วยอาการง่วงงุน
“ตื่นขึ้นมากินอะไรก่อนเถอะครับ”
“ทำไม?” ถามอย่างงงๆ คนหลับไปแล้วยังจะปลุกให้มากินอีกเนี่ยนะ
“ก็คุณยังไม่ได้ทานมื้อเย็นเลยไม่ใช่เหรอครับ”
“รู้ได้ไง?”
“ก็เสียงท้องร้องของคุณดังมาก เล่นเอาผมนอนไม่หลับเลย”
“เหรอ ดังขนาดนั้นเลยเหรอ อุตส่าห์ข่มตาให้หลับให้ลืมแล้วนะ” คริสลุกขึ้นพิงหัวเตียง มือข้างหนึ่งยกขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขิน ส่วนอีกข้างก็ลูบท้องตัวเองปอยๆ ร่างบางอมยิ้มน้อยๆให้กับท่าทางแบบนั้นก่อนจะเอ่ยปากชวนให้ร่างสูงลุกออกไปกินข้าวอีกครั้ง
“ไปกินข้าวเถอะครับ”
“หายโกรธฉันแล้วเหรอ” หลังจากตักรามยอนเข้าปากเสียงทุ้มก็เอ่ยถามขึ้น
“ยังครับ ยังไม่หายโกรธ” อิ้ชิงตอบก่อนจะยกแก้วนมอุ่นขึ้นดื่ม
“แล้วนายมาโกรธฉันทำไม คนผิดคือไอ้ดำนะไม่ใช่ฉัน” ร่างสูงวางตะเกียบลงแล้วมองหน้าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่ใช่คนผิดแล้วมาโกรธเขาได้ไง
“แล้วคุณคริสรู้ได้ไงครับว่าผมโกรธ”
“ก็นายสะบัดตัวออกจากฉัน เดินกระทืบเท้าปึงปัง และไม่พูดกับฉันไม่ให้คิดว่าโกรธแล้วจะให้คิดว่าไงล่ะ”
“ถูกต้องครับ ผมโกรธคุณคริส โกรธมากที่ไม่บอกว่าก่อนหน้านั้นจงอินทำอะไรกับผม”
“ก็ฉัน....” ยังอธิบายไม่ทันจบก็ถูกเสียงหวานแทรกขึ้นมา
“แต่นอกจากโกรธแล้ว ผมต้องขอบคุณคุณด้วยเหมือนกัน ถ้าคุณคริสไม่มาช่วยผมไว้ ผมก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ขอบคุณนะครับ” ร่างบางก้มหัวลงจนแทบจะโหม่งโต๊ะ
“นึกว่าจะไม่ได้ยินคำนี้จากนายแล้วซะอีกนะ ที่ฉันไม่บอกก็แค่อยากรู้อยากพิสูจน์ว่าไอ้ดำต้องการทำอะไร แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”
“ช่างมันเถอะครับ ดีแล้วที่เรื่องมันจบลงแบบนี้” เสียงแผ่วลงในตอนท้าย
“ถ้าดีแล้วก็อย่าร้องไห้ อย่าเสียใจให้คนแบบนั้นอีกเลย” พูดเสร็จก็เริ่มหยิบตะเกียบคีบเส้นขึ้นมากินต่อ
“พูดมันง่ายนะครับ แต่ทำมันยาก จะให้ผมเลิกเสียใจก็ทำไม่ได้ เพื่อนที่รักเพื่อนที่สนิทกันมานานกับมาทำกันแบบนี้ ที่สำคัญผมก็เป็นผู้ชายเหมือนเขานะ จะมาข่มขืนผมแบบนี้ได้ไง” จ้องหน้าร่างสูงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่ประโยคถัดมาที่ได้รับทำให้แทบจะกระโจนไปบีบคอคนตรงหน้าแทน
“ฉันก็เป็นผู้ชาย นายยังมีอะไรกับฉันได้เลย”
“คุณคริส!!!” ตวาดเรียกชื่อเสียงดัง
“ใจเย็นๆ ในเมื่อนายเป็นผู้ชายทำไมไม่สู้มันล่ะ ทำไมไม่ขัดขืนมัน ลุกขึ้นมาต่อยมันเลย”
“ผะ ผมทำได้ทีไหนล่ะ คุณก็เห็นอยู่ว่าจงอินมัดมือผมอยู่” อี้ชิงเถียงกลับอย่างตะกุกตะกัก เขาไม่ใช่ผู้ชายอ่อนแอไม่สู้คนนะ แต่จงอินมัดมือเขาไว้ต่างหาก
“แล้วมีผู้ชายที่ไหนร้องไห้เพราะโดนเพื่อนชายข่มขืนบ้างห๊ะ” ถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้ากวนประสาท เห็นคนตรงหน้าหน้าแดงเพราะโดนล้อแล้วมันอยากแกล้ง
“กะ ก็มันตกใจนี่นา แล้วพอเห็นคุณเข้ามาช่วยมันก็ดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้” ก้มหน้าพูดเสียงอ้อมแอ้มเบาๆ แต่คนที่มองอยู่ก็คลี่ยิ้มออกมา แล้วเอื้อมมือมาลูบเรือนผมสีมอคค่าอย่างอ่อนโยน
“ดีแล้วที่ปลอดภัย ต่อไปมันคงไม่กล้ามาทำอะไรนายแล้วล่ะ ก็ฉันบอกแล้วไงถ้ามายุ่งกับเมียของฉันอีกมันตายแน่”
“ใครเมียคุณกัน” ถามเสียงอ่อนแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนถูกถาม
“ก็นายไง”
“ผมเป็นแค่เมียรับจ้างต่างหาก”
“มันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ” โยกหัวเล็กไปมาอย่างมันเขี้ยวแล้วขยี้เรือนนุ่มผมจนเสียงทรง ร่างบางเงยหน้าขึ้นมาตีหน้ายุ่งใส่ ร่างสูงจึงหลุดหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เมื่อเห็นอีกคนหัวเราะคนที่เคยตีหน้ายุ่งก็หัวเราะตาม
“อารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย ไปนอนเถอะ ร้องไห้มากขนาดนี้คงเพลียแย่” ออกปากไล่ให้อีกคนไปนอน ก่อนจะละมือออกจากหัวเล็กแล้วเริ่มจับตะเกียบคีบเส้นรามยอนในชามต่ออีกครั้ง
“งั้นผมไปนอนก่อนนะครับ” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปยังซิงค์ ล้างแก้วนมของตัวเองจนเรียบร้อยแล้วจึงเดินตรงไปทางห้องนอนแต่ไม่ลืมออกคำสั่งบางอย่างทิ้งไว้ให้กับร่างสูง “กินเสร็จอย่าลืมล้างชามด้วยนะครับ”
“รู้แล้วล่ะน่า” ก้มหน้าซดน้ำซุปต่อเสียงดัง
อี้ชิงยังไม่ทันได้เดินไปถึงประตูห้องนอน ก็วกกลับมายังโต๊ะอาหารอีกครั้งก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มขวาของคนที่นั่งกินรามยอนอยู่อย่างเอร็ดอร่อยหนึ่งฟอดใหญ่
ฟอด~
“ขอบคุณอีกครั้ง แล้วก็...ฝันดีนะครับ”
[ฮัลโหลคุณคริสอยู่ที่โรงแรมหรือเปล่าครับ]
“อืม อยู่ มีอะไรเหรออี้ชิง”
[คือผมออกไปเดินเล่นข้างนอกมาแล้วกำลังจะกลับขึ้นห้อง แต่หาคีย์การ์ดในกระเป๋าไม่เจอ ไม่รู้ลืมไว้ที่ห้องหรือเปล่าอ่ะครับ]
“แล้วจะเอายังไง ให้ฉันเอากลับไปให้มั้ย”
[ไม่เป็นไรครับรบกวนเวลางานคุณ เดี๋ยวผมไปเอาที่โรงแรมคุณเอง มาฝากไว้ที่ล็อบบี้แล้วกันนะครับ]
“อืม เดี๋ยวฉันจะฝากไว้ให้ ขี้ลืมจังนะนาย”
[ไม่ได้ขี้ลืมสักหน่อย แค่ไม่รู้ว่ามันหายไปอยู่ไหนเท่านั้นเอง]
“เมื่อกี้ยังบอกว่าลืมไว้ที่ห้องอยู่เลย ไม่รู้ขี้ลืมแบบนี้จะลืมหรือเปล่าว่าใครคือสามีนาย”
[คนที่บ้าจ้างผมให้ไปเป็นเมียเขามีไม่กี่คนหรอกครับในโลกนี้ เผลอๆจะมีคนเดียวด้วยซ้ำ เพราะไม่มีใครบ้าทำแบบนี้อีกแล้ว]
“แต่ก็มีคนที่บ้ากว่าที่ยอมมาเป็นเมียรับจ้างคนบ้าคนนั้นนะ ลืมไปก็นายมันคนเห็นแก่เงินนี่นา”
[ส่วนคุณมันก็คนเอาแต่ใจ แค่นี้นะ ผมจะวางแล้ว]
“เดี๋ยว!”
[มีอะไรอีกครับ?]
“ไม่คิดจะส่งจุ๊บก่อนวางสายให้สามีก่อนเหรอจ๊ะ”
[ทะ ทำทำไม ทำไมต้องส่งจุ๊บให้ด้วย]
“ทีเมื่อคืนนายยังทำ จุ๊บกู๊ดไนท์ที่แก้มฉันไง ฮ่าๆๆ”
[มะ ไม่ทำหรอก แค่นี้นะ จะวางแล้ว ตุ๊ดๆๆ]
“ที่แบบนี้ล่ะทำเป็นเขินนะจางอี้ชิง ฮ่าๆๆๆ สงสัยคนเอาแต่ใจอย่างฉันเริ่มติดใจคนเอาแต่เงินอย่างนายแล้วมั้งเนี่ย”
“ใครเอาแต่ใจ ใครเอาแต่เงินคะคุณคริส” เสียงหวานดังขึ้นด้านหลัง คริสที่กำลังนั่งหันหลังให้โต๊ะทำงานหันหน้าให้กับวิวยามบ่ายของกรุงโซลสะดุ้งตกใจหันกลับมามองผู้มาใหม่ที่ทักขึ้น
“วิคตอเรีย!!” มองหน้าเลขาประจำตัวที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ทำไมไม่เคาะประตู” ถามด้วยเสียงเย็นที่แฝงด้วยความไม่พอใจ
“ฉันเคาะแล้วนะคะ แต่ไม่เห็นคุณคริสตอบอะไรเลยเข้ามา” ก็มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ ก็ถ้าเจ้านายของเธอไม่อนุญาตก็จะตะโกนบอกเธอว่าไม่ต้องเข้ามา แต่ครั้งนี้ก็ไม่พูดอะไรเหมือนเดิม
“แล้วเข้ามามีธุระอะไร” ร่างสูงเปลี่ยนเรื่อง เลขาสาวจึงรีบวางเอกสารลงบนโต๊ะ
“มีเอกสารให้คุณคริสเซ็นค่ะ”
“อืม” ร่างสูงขานรับในลำคอ แล้วจึงหยิบปากกาขึ้นมาเซ็น เมื่อเซ็นเสร็จก็ส่งแฟ้มเอกสารคืนให้เลขาของตน วิคตอเรียรับมาไว้ในมือแล้วเตรียมจะหมุนตัวกลับเดินออกจากห้องไป แต่ก็ถูกเสียงทุ้มขัดขึ้น
“อ้อ วิคช่วยเอาอันนี้ไปฝากไว้ที่ล็อบบี้หน่อย เดี๋ยวจะมีคนมาเอา” คริสหยิบคีย์การ์ดห้องออกมาจากกระเป๋าข้างในสูทส่งให้หญิงสาว
“คีย์การ์ดคอนโดคุณคริสเหรอคะ ใครจะมาเอาคะ”
“ใครจะมาเอาไม่ใช่หน้าที่ที่เธอควรรู้ แต่หน้าที่ของเธอคือแค่เอาไปไว้ที่ล็อบบี้ตามคำสั่งฉัน”
“ได้ค่ะ เจ้านายสั่งดิฉันขัดไม่ได้อยู่แล้ว งั้นขอตัวนะคะ”
“ใครจะมาเอากันนะ” หลังจากเดินเชิดหน้าออกจากห้องท่านประธานหนุ่มรูปหล่อ เลขาสาวก็ไปวางเอกสารไว้ที่โต๊ะก่อนจะเดินไปยังลิฟต์เพื่อเอาของในมือไปฝากไว้ตามที่เจ้านายสั่ง ความจริงเธอสามารถใช้คนอื่นเอาลงไปไว้ให้ได้แต่ครั้งนี้เธอกลับเลือกที่จะลงไปดูคนมาเอาของชิ้นนี้ด้วยตนเอง
“คุณครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของร่างบางที่กำลังเดินไปทางประตูทางออกของคอนโด แต่เพราะไม่รู้ว่าเรียกตนเองจึงเดินต่อไปอย่างไม่สนใจจนกระทั่งรู้สึกถึงแรงสะกิดตรงไหล่
“คุณครับ”
“ครับ เรียกผมเหรอครับ?” นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัว ทำหน้าตางงงวยมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย
“ใช่ครับ ผมเรียกคุณนั่นแหละ”
“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”
“คือเมื่อวานเราชนกันในลิฟต์ แล้วคุณทำคีย์การ์ดตกไว้ ผมเลยจะคืนให้ครับ” ยื่นคีย์การ์ดหมายเลขห้อง217คืน พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้แก่คนตรงหน้า
“อ๋อ ขอบคุณมากเลยนะครับ ผมนึกว่าตัวเองลืมไว้ที่ห้องซะอีกนะครับ” อี้ชิงยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ
“แล้วนี่จะออกไปไหนหรือเปล่าครับ? เห็นท่าทางรีบ ผมรบกวนแค่นี้ดีกว่า” ชายหนุ่มผมทองทำท่าจะก้มหัวกล่าวลา แต่เสียงหวานของอี้ชิงก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน
“ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ไม่รีบแล้วครับ” เห็นชายหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย จึงพูดต่อ “ตอนแรกจะไปเอาคีย์การ์ดกับเพื่อนน่ะครับ”
“เพื่อน? ในห้องอยู่กันสองคนเหรอครับ” แกล้งเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ แต่ความจริงเรื่องนี้เขารู้อยู่แก่ใจเพียงแค่อยากจะได้คำยืนยันที่ชัดเจน
“ใช่ครับ อยู่กันสองคน”
“ว่าแต่คุณไม่ใช่คนเกาหลีใช่มั้ยครับ?”
“เอ๊ะ! รู้ได้ไงครับ” อี้ชิงประหลาดใจกับคำถามของอีกฝ่ายไม่น้อย คนๆนี้รู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ใช่คนเกาหลี
“ฟังจากสำเนียงการพูดของคุณเลยคิดว่าไม่น่าจะใช่”
“อ๋อ เก่งจังเลยครับ ดูออกด้วย ความจริงแล้วผมเป็นคนจีนครับ”
“บังเอิญจังเลย ผมก็เป็นคนจีนเหมือนกัน” ชายหนุ่มทำท่าทางดีใจเมื่อได้รู้ว่าชายหน้าหวานตรงหน้ามาจากที่เดียวกัน
“จริงเหรอครับ” ร่างบางแสดงสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ก็คนตรงหน้าดูไม่ค่อยเหมือนคนบ้านเดียวกับเขาสักเท่าไหร่ แถมสำเนียงการพูดภาษาเกาหลีก็ดีเลิศจนไม่น่าจะใช่
“จริงครับ”
“งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมอี้ชิง” ยื่นมือไปจับกับมือคนตรงหน้าอย่างเป็นมิตร
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ ผมลู่หาน”
“ขอบคุณอี้ชิงมากนะที่เลี้ยงกาแฟ เอาไว้โอกาสหน้าฉันจะเลี้ยงตอบแทนบ้างแล้วกัน”
“ไม่ต้องหรอก ก็ลู่หานอุตส่าห์เก็บคีย์การ์ดแล้วรอมาคืนให้ ถือว่าเป็นการเลี้ยงขอบคุณแล้วกัน”
“อืม ขอบคุณอีกทีแล้วกัน”
เวลาเกือบสองชั่วโมงในคอฟฟี่ช็อปใกล้คอนโด ทำให้คนจีนทั้งสองคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานกลับสนิทกันได้ อาจจะเป็นเพราะบ้านเกิดอยู่ที่เดียวกัน คุยภาษาเดียวกันเข้าใจ และอายุไม่ได้ห่างกันมาก จนทำให้สองคนนี้กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และพูดคุยกันได้อย่างสบายๆ ทั้งสองต่างแลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกันอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ย้ายมาที่เกาหลี การใช้ชีวิต ตลอดจนอาชีพการงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
ข้อมูลของเพื่อนใหม่ที่อี้ชิงได้รับรู้คือ ลู่หานทำงานเป็นช่างภาพอิสระ ไม่ได้อาศัยอยู่ในคอนโดนี้ แต่นายจ้างของเขาพักอยู่ที่นี่ จึงมาที่คอนโดนี้บ่อย คำโกหกที่ลู่หานสร้างขึ้นไม่ได้ทำให้อี้ชิงเอะใจหรือสงสัยแต่อย่างใด
สำหรับข้อมูลที่ลู่หานได้คือ อี้ชิงเป็นเจ้าของร้านกาแฟแห่งหนึ่งในย่านคังนัม พักอยู่กับเพื่อนที่ห้อง217 แต่ไม่ได้เล่ารายละเอียดถึงเพื่อนคนนั้นให้เขาฟังแต่อย่างใด ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้อยู่ดีว่าคนๆนั้นคือ คริสอู๋ ลูกชายคนเดียวของอู๋กรุ๊ป ชายหนุ่มนักธุรกิจสุดฮอตแห่งปี คนที่เขากำลังตามจับผิดเรื่องฉาวอยู่ทุกวัน อย่างน้อยข้อมูลของชายหน้าสวยคนนี้คงพอจะมีประโยชน์ให้เขาสืบหาต่อไปได้ และอาจจะทำให้ได้เข้าใกล้ความเป็นส่วนตัวของคริสอู๋มากกว่าเดิม
“เอาไว้คราวหน้าลู่หานแวะไปกินกาแฟที่ร้านฉันบ้างนะ”
“ได้สิไม่มีปัญหา” ลู่หานตอบรับคำชวนพร้อมกับรอยยิ้มที่ระบายอยู่เต็มใบหน้า
ครืด...ครืด...ครืด...
เสียงโทรศัพท์ของอี้ชิงที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นดังลั่น มือเล็กรีบคว้าขึ้นมาไว้ในมือ ก่อนจะหันมาขออนุญาตลู่หานเดินออกไปรับสายข้างนอก เมื่อเห็นเพื่อนใหม่พยักหน้าให้เลยรีบวิ่งออกจากร้านไปทันที แต่อี้ชิงคงไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มและสายตาที่แฝงความเจ้าเล่ห์ในนัยน์ตาคู่สวยที่ส่องประกายเหมือนกวางนี้ ต่อให้ต้องการหลบซ่อนแค่ไหน แต่ก็ไม่พ้นสายตาเหยี่ยวข่าวอย่างเขาแน่นอน ชื่อของปลายสายที่นามว่า ‘คริส’
“ฮัลโหลว่าไงครับคุณคริส” กดรับสายทันทีที่ออกพ้นประตูร้านมา
[ไหนบอกว่าจะมาเอาคีย์การ์ดไง]
“ตอนนี้ไม่ต้องแล้วครับ ได้คีย์การ์ดเข้าห้องมาเรียบร้อย”
[ได้มายังไง]
“พอดีเมื่อวานผมทำตกไว้ในลิฟต์ มีคนเก็บได้เลยเอามาคืนครับ”
[ใคร?]
“เอาไว้เดี๋ยวกลับมาแล้วจะเล่าให้ฟังนะครับ”
[อืม งั้นแค่นี้แหละ]
“เดี๋ยวครับ” เสียงหวานเอ่ยแทรกขึ้นก่อนที่ปลายสายจะตัดสายไป
[มีอะไร?]
“คะ คือวันนี้ยังอยากกินสปาเก็ตตี้ฝีมือผมอยู่มั้ยครับ” ถามออกไปด้วยความประหม่า ไม่รู้ว่าคนที่บอกว่าอยากกินเมื่อวานจะยังอยากกินอยู่ไหม
[ถ้านายจะทำ...] ปลายสายพูดเว้นช่วง จนทำให้คนที่กำลังตั้งใจฟังลุ้นจนหัวใจแทบหยุดเต้น [ฉันก็จะกินมันให้หมด] จบคำพูดอี้ชิงก็วาดยิ้มเต็มใบหน้า
“งั้นก็รีบกลับมานะครับ ผมจะรอ”
TasTo_raY Talk
สำหรับคนที่อยากรู้เพลงหน้าฟิค Why Did You Come Now - Jung Yeop
ความคิดเห็น