เจ้าสาวทะเลทราย (แนวจีนย้อนยุค ชุดเจ้าสาวห้าแผ่นดิน) - นิยาย เจ้าสาวทะเลทราย (แนวจีนย้อนยุค ชุดเจ้าสาวห้าแผ่นดิน) : Dek-D.com - Writer
×

    เจ้าสาวทะเลทราย (แนวจีนย้อนยุค ชุดเจ้าสาวห้าแผ่นดิน)

    วันเวลาที่มีความสุขร่วมกับท่านยิ่งมากเท่าใด ความทุกข์เมื่อต้องจากท่านไปยิ่งหนักหนากว่าร้อยเท่าพันเท่า

    ผู้เข้าชมรวม

    12,228

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    53

    ผู้เข้าชมรวม


    12.22K

    ความคิดเห็น


    37

    คนติดตาม


    103
    จำนวนตอน : 18 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  17 ก.ย. 58 / 12:46 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     

    ตัวอย่างเจ้าสาวทะเลทราย

     

    ตูม!

    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน นางไม่ได้ยินเขาเรียกหาใครหรือแม้แต่ผิวปากให้สัญญาณ หรือว่า... ดวงตาโตเบิกกว้างแล้วหันกลับไปมองที่สระน้ำทันที

    เป็นเขาแน่ๆ ที่กระโดดลงไปในน้ำ ยังคิดไม่ทันเสร็จก็เห็นเขาโผล่ขึ้นมาลอยคออยู่เหนือน้ำ

    “ท่านอ๋อง!!!...” นางตกใจจนหน้าซีดปากสั่น รู้สึกผิดต่อเขาเหลือเกิน

    “เจ้าเหวี่ยงมันไปตรงไหนจำได้หรือเปล่า” ตอนที่นางเหวี่ยงเขาก็ไม่ทันได้มอง จึงไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัด

    “ขึ้นมาเถอะ” เขาบ้าไปแล้วที่ทำแบบนี้

    “ข้าจะหาจนกว่าจะเจอ เพราะมันทำให้เจ้าห่วงใยข้าได้” พูดจบเขาก็ดำน้ำหายไปอีกครั้ง

    และครั้งนี้เขาหายไปนานจนรัตนาเริ่มกลัว “ท่านอ๋อง... อ๋องเซด.. ท่านอ๋องได้ยินข้าไหม.. ไม่ได้การแล้ว” ความห่วงใยที่มีมากมายทำให้นางรีบถอดเสื้อตัวนอกและรองเท้า แล้วกระโดดลงไปในน้ำอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง นางว่ายน้ำไปยังจุดที่เขาหายไปแล้วดำลงไป

    อ๋องเซดผุดขึ้นจากน้ำเพื่อสูดเอาลมหายใจเข้าปอด แต่สิ่งที่เขาเห็นพอดีก็คือสตรีนางหนึ่งกำลังดำหายลงไปในน้ำ

    “รัตนา” เขาเรียกนางแต่นางคงไม่ได้ยิน

    “ท่านควรใช้โอกาสนี้พิสูจน์ใจนางนะ” ขณะที่กำลังจะดำลงไปในน้ำ เสียงของคาซัคก็แว่วเข้าหูโดยไร้ตัวตน ทำให้เขารู้ว่าคู่หูคนนี้แอบซุ่มดูเขาอยู่ห่างๆ

    เขารวบรวมพลังลมปราณสะท้อนเสียงออกไป ทำให้คำพูดเบาๆ ที่หลุดออกจากปากดังไปถึงผู้ที่มีพลังลมปราณสูงส่งเช่นกัน

    “ทำยังไง”

    “เมียข้าบอกให้แกล้งจมน้ำ หรือจะแสดงความรักกันใต้น้ำก็ตามใจ หึๆๆ ข้าไปนะไม่อยากขัดคอ”

    “เดี๋ยวสิ” ยังไม่ทันได้ถามต่อเขาก็เห็นผิวน้ำกระเพื่อมไหวแรงขึ้น จึงรีบดำดิ่งลงไปอย่างรวดเร็วก่อนที่นางจะผุดขึ้นมาเห็นเข้า

    รัตนาสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อขึ้นมาเหนือผิวน้ำ นางมองซ้ายมองขวาแต่ไม่เห็นเขา หัวใจเริ่มเต้นแรงด้วยความกลัว ภาพที่ตนและน้องๆ ดำผุดดำว่ายเพื่อเอาชีวิตรอดตอนที่ตกน้ำ และความทรมานในนาทีสุดท้ายที่ลมหายใจใกล้จะหมดก็ปะทุขึ้นมา

    “ท่านอ๋อง ท่านอยู่ไหน ได้ยินที่ข้าเรียกไหม ถ้าท่านไม่โผล่หัวขึ้นมาข้าจะไม่รักท่านแล้ว แต่ข้าจะเกลียดท่านไปจนวันตาย” ความหวาดกลัวว่าจะต้องเสียเขาไปทำให้นางตะโกนก้องไปทั่วสระน้ำอย่างไม่กลัวใครจะได้ยิน

    “ข้าอยู่นี่ยอดรัก”

    เสียงทุ้มคุ้นหูที่กระซิบจากทางด้านหลังพร้อมกับการกอดรัดอย่างแนบชิดทำให้รัตนาถอนหายใจอย่างโล่งอก น้ำตาที่อัดอั้นอยู่ในอกทะลักออกมาราวทำนบแตก

    เห็นนางในดวงใจซบหน้าร้องไห้กับฝ่ามือ อ๋องเซดก็รู้สึกผิดยิ่งนักที่แกล้งนางลงไป แต่ถ้าเขาไม่ทำก็คงจะไม่ได้ยินประโยคที่หวานจับใจประโยคนั้นจากปากของนาง เขาหมุนตัวไปยืนด้านหน้าของนาง

    “อย่าร้องไห้สิดวงใจของข้า” จับมือเล็กที่รองน้ำตาออกมาโอบที่เอวของตน แล้วใช้สองมือใหญ่ประคองใบหน้างดงามนั้นให้เงยขึ้นมาสบตากัน “คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ ถ้าเกิดเจ้าจมน้ำตายแล้วข้าจะอยู่กับใคร”

    “ก็ข้ากลัวท่านตายนี่ ท่านหายไปในน้ำนานมากจนข้ากลัว” เธอสะอึกสะอื้นอย่างกับเด็กน้อย

    หัวใจของเขาชุ่มฉ่ำเหมือนมีน้ำทั้งสระนี้หล่อเลี้ยงเอาไว้เพียงแค่คำพูดประโยคเดียวของนาง

    “เจ้าก็รู้ว่าข้ามีวรยุทธสูงส่ง น้ำตื้นๆ แค่นี้ฆ่าข้าไม่ได้หรอก”

    “ข้าจะไปรู้เรื่องนั้นได้ยังไงล่ะ ข้าไม่ใช่เมียจอมยุทธนะ” นางขึ้นเสียงใส่เขาด้วยความโมโห ลืมไปชั่วขณะว่าก่อนหน้านี้ยังเป็นห่วงเป็นใยเขาแทบขาดใจ

    “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นซะสิ ข้าจะได้บอกเจ้าว่าจอมยุทธเขาทำอะไรได้บ้าง” อ๋องเซดได้ทีจึงรีบยื่นข้อเสนอให้นาง และตอนนี้เองที่เขาได้เห็นบางอย่างของนาง

    เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อเห็นอกอวบสล้างชูชันดันเนื้อผ้าที่เปียกแนบเนื้อ เผยให้เห็นทั้งเต้าและสีสันชวนมองของยอดอก

    แล้วบางอย่างของเขาก็เริ่มชูชันดันกางเกงขึ้นมาจนสุดความสามารถ และนางก็สัมผัสถึงมันได้ นางมองหน้าเขาด้วยท่าทางตกใจมาก

    “เจ้ารู้สึกเหมือนข้าไหม” 

    รัตนารีบพยักหน้ารับ ตัวเกร็งด้วยความตกใจกลัว เสียวไปทั่วบริเวณหน้าท้องที่ถูกเจ้าตัวประหลาดดุนดัน

    “เราจะทำอย่างไรกับมันดี”

    น้ำเสียงตื่นกลัวทำให้เขาคลี่ยิ้ม แต่ก็ทึ่งกับความใจกล้าของนางที่ยอมรับออกมาตรงๆ

    “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ” เขากระซิบที่หูของนางแล้วเม้มริมฝีปากใส่ใบหูเล็กๆ นั้นอย่างหยอกเอิน

    หญิงสาวขนลุกซู่ ความซาบซ่านลุกลามไปทั่วเรือนร่างเมื่อถูกปากอุ่นๆ ของเขาเล่นงาน เขาจะทำอะไรกันแน่ ไหนบอกว่าจะจัดการกับตัวอะไรบางอย่างที่ขยับอยู่ตรงหน้าท้องให้ไง นั่นไง! มันขยับอีกแล้ว มันคืออะไรกันนะ ปลาหรืองู แต่ตัวมันก็ไม่ได้ยาวนี่ หรือว่าจะเป็นปลาหลีฮื้อที่นางให้อาหารอยู่ทุกวัน

    “อุ้ย!” นางเผลออุทานออกมาเมื่อถูกจมูกและปากของเขาแนบลงมาที่ซอกคอ  จะขยับตัวหนีก็ไม่ได้เพราะถูกมือใหญ่โอบรัดเอาไว้แน่น จึงได้แต่เอียงคอหนี ไอ้ตัวที่ท้องก็ขยับถี่ขึ้นกว่าเดิม สงสัยมันจะหาทางออกอยู่เหมือนกันกระมัง “ท่านอ๋องอย่า”

    “ข้าบอกให้อยู่เฉยๆ ยังไงล่ะ” เขากระซิบเสียงพร่าอย่างเอาแต่ใจนิดๆ

    “ข้าไม่ได้ต้องการให้ท่านทำแบบนี้นะ ข้าต้องการให้ท่านจัดการกับตรงนี้ต่างหากล่ะ” นางชี้ลงไปในน้ำพร้อมก้มลงไปมอง.. แล้วใบหน้าของนางก็ร้อนวูบวาบด้วยความอับอาย รีบยกสองมือมาปิดอกอวบที่เปิดเผยความเย้ายวนเอาไว้เพราะกลัวเขาเห็น “ข้าหนาว เรากลับขึ้นฝั่งกันเถอะ”

    “ข้าขึ้นฝั่งไม่ได้หรอกตอนนี้”

    “ทำไมล่ะ หรือว่าท่านกลัว” ที่เขาเอาแต่อิดออดก็เพราะไม่กล้าจัดการกับปลาหรืออะไรสักอย่างที่ติดกับอยู่ตรงกลางนี้ใช่ไหม โธ่เอ๊ยจอมยุทธขี้ขลาด “ไม่เป็นไร ข้าจะจัดการเอง” นางทำใจดีสู้เสือแล้วใช้มือข้างหนึ่งบดบังเต้า ล้วงมืออีกข้างหนึ่งลงไปตามหน้าท้องให้เบาที่สุดเพื่อลองสำรวจเจ้าสิ่งแปลกปลอมตัวนั้นดูก่อน

    นางหยุดการเคลื่อนไหวเมื่อนิ้วชี้ไปสัมผัสถูกมัน แล้วค่อยๆ แตะอีกที และค่อยๆ จับมากขึ้น

    “มันแข็งๆ แต่ก็นิ่มๆ ด้วย จะเป็นปลาหลีฮื้อหรือเปล่านะ”

    เซดเฟ่ยรีบหยิกหลังมือตัวเองก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดมาตลอด และทำหน้าขึงขังเพื่อไม่ให้นางสงสัย

    “หรือจะเป็นปลิงทะเล” โชคดีที่นางไม่ค่อยกลัวสัตว์น้ำประเภทนี้ จึงกล้าที่จะจับมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามันไม่มีพิษไม่มีภัย “ไม่มีเกล็ด คงไม่ใช่ปลาหรอก นิ่มๆ แข็งๆ ตัวใหญ่ด้วยนะ กำเกือบไม่มิด” ตอนนี้นางกำตัวมันไว้แล้ว

    “ไม่รู้สิ ข้าไม่กล้าจับ” เขาโกหกเพื่อหลอกล่อให้นางหลงกล แล้วเบี่ยงหน้าหนี เพื่อไม่ให้นางเห็นสีหน้าเคลิบเคลิ้มไปด้วยความสยิวของตน ทั้งคำพูดและการกระทำที่ใสซื่อทำให้เขาแทบคลั่ง

    รัตนาเริ่มขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกแปลกๆ กับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่พยายามดึงยังไงก็ไม่หลุด แต่กลับทำให้ร่างกายแข็งแกร่งดั่งหินผาของอ๋องเซดสั่นสะท้านพร้อมกับมีเสียงสูดปากเล็ดลอดออกมา

    “ปล่อยมือข้าสิ ข้าจะจับมันขึ้นมาดูว่าคืออะไรกันแน่” ถึงตอนนี้ความหวาดกลัวในตอนแรกหายไปจนหมดสิ้น เหลือแต่ความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น

    “อย่าเพิ่งเอาขึ้นมาเลยนะข้ากลัว อือ” แล้วเขาก็สูดปากทำหน้าบิดเบี้ยว

    “ไม่เอา ข้าจะดู ข้าอยากรู้” นางไม่สนใจจะฟังคำขอร้องของเขา ยื้อยุดกับมือใหญ่ที่กุมมือข้างนั้นของตนไว้

    “อา..” เซดเฟ่ยสูดปากครางด้วยความเสียวสะท้านเมื่อการยื้อยุดระหว่างตนกับนางดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ “ข้าไม่ทนแล้วนะ ทั้งหมดต้องโทษเจ้าที่ดื้อดึง” แล้วปล่อยมือจากมือของนาง คว้าร่างบางเข้ามาจูบเพื่อแบ่งลมหายใจก่อนจะพาดำดิ่งลงไปใต้น้ำ แหวกว่ายไปที่กอบัวสูงท่วมหัวเพื่อใช้เป็นที่กำบังจากสายตา เผื่อว่ามีคนอื่นกำลังแอบดู

    หลังจากถูกดึงให้จมดิ่งอยู่ใต้น้ำด้วยกันกับเขา ความกลัวที่เคยเกิดกับตัวเองและน้องๆ อีกสี่คนก็ทำให้นางกลัวจนต้องโอบกอดลำคอเขาไว้เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย แต่การกระทำเยี่ยงนี้กลับเปิดทางให้เขาได้ใจมากขึ้น

    ตอนนี้อกอวบจึงถูกฝ่ามือใหญ่กอบกุมเอาไว้ ให้ความรู้สึกวาบหวิวและร้อนรุ่มไปทั่วเรือนร่าง แม้แต่น้ำทั้งสระก็ยังดับร้อนให้นางไม่ได้ ครั้นจะพาตัวเองผุดขึ้นเหนือน้ำก็ยากยิ่งกว่า หรือว่านางจะต้องสูญเสียความสาวที่รักษาเอาไว้ถึงยี่สิบเจ็ดปีให้เขาคนนี้จริงๆ

    ไม่นะ! จะให้เสียตัวครั้งแรกในที่แบบนี้มันพิสดารเกินไปแล้ว นางไม่ยอมเด็ดขาด แล้วจึงออกแรงดิ้นหนีเอาตัวรอด

    อ๊ะ!...  อาการดิ้นหนีเปลี่ยนเป็นตัวเกร็ง เพราะถูกมือใหญ่ของเขาล้วงเข้าไปลูบไล้เนินเนื้อนิ่มในกางเกง เสียดสีกับกลางรอยแยกเข้าอย่างจัง บังเกิดความสยิวเสียวซ่านวิ่งพล่านไปทั่วเรือนร่าง เหมือนมีไฟแผดเผาอยู่ข้างในก็ไม่ปาน

    ความเสียวซ่านทำให้นางเบี่ยงหน้าหนีจากการถูกจูบและส่งเสียงครางออกมา แต่ก็ต้องสำลักน้ำเข้าไปเต็มปาก จึงรีบดิ้นรนเพื่อหาอากาศหายใจให้จงได้

    เซดเฟ่ยเห็นอาการของนาง ครั้นจะรั้งไว้ใต้น้ำต่อด้วยลมในปอดของตนก็คงจะยากเพราะนางสำลักน้ำเข้าไปแล้ว จึงยอมปล่อยมือให้นางได้ทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำ ยอมเสียโอกาสที่กำลังจะเข้าถึงอย่างเสียดาย

    “ดีขึ้นหรือยัง”

    คนถูกถามตวัดสายตามองชายหนุ่มที่คอยช่วยลูบหลังลูบไหล่ให้จนอาการสำลักน้ำหายดี

    “พาข้าขึ้นบกเดี๋ยวนี้เลยนะ” นางใช้น้ำเสียงไม่พอใจกลบเกลื่อนความอับอาย แต่ก็ไม่ได้ดังนักเพราะกลัวจะมีคนอื่นมาได้ยินเหมือนคนทำความผิดเอาไว้ก็ไม่ปาน

    “ถ้าทำเสียงแบบนี้ใส่ข้าได้ก็แสดงว่าหายดีแล้ว รอข้าอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ข้าขอเวลาไม่นาน”

    “ท่านจะไปไหน”

    “อยู่ตรงนี้ห้ามขยับไปไหนเพราะสระนี้น้ำลึกตื้นไม่เท่ากัน เจ้าอาจจะจมน้ำได้” เขาบอกแล้วหายลงไปใต้น้ำทันที

    หญิงสาวยอมลอยคออยู่เหนือน้ำอย่างรู้สึกขัดใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะว่ายเข้าฝั่งคนเดียว ที่เมื่อกี้กล้ากระโดดลงมาเพราะเป็นห่วงเขามากจนลืมกลัว แต่ตอนนี้อาการนั้นหายไปหมดแล้ว จึงได้แต่เกาะก้านบัวยักษ์รอเขา

    “กรี๊ดดดด...” แล้วนางก็แหกปากเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆ ก็ถูกจับที่ข้อเท้า แต่เมื่อนึกได้ว่าต้องเป็นเขาก็หยุดร้องแล้วกระทุ้งเท้าใส่อย่างฉุนเฉียว

    มือใหญ่นั้นยอมปล่อยจากข้อเท้าหลังจากนั้น แต่กลับขยับเลื่อนขึ้นมาตามเรียวขาสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงขาอ่อนและดูท่าจะไม่ยอมหยุด มือข้างหนึ่งจึงรีบไปตะปบมือซนใต้น้ำเอาไว้ แต่กลับถูกเขาจับดูด ใช้ลิ้นหยอกเอินอยู่ใต้น้ำนั่นเอง

    นางรีบหันซ้ายหันขวา ทำเหมือนกับว่าสิ่งที่เขากำลังทำกับตนนั้นอาจจะมีคนเห็น แต่ใครเล่าจะมาเห็น ขนาดนางเป็นผู้ถูกกระทำนางยังไม่เห็นอะไรเลย สัมผัสได้แต่ความอุ่นนุ่มของลิ้น และตอนนี้เขาก็ดึงมือนางออกจากปากแล้ว แต่ก็ยังไม่ปล่อยให้เป็นอิสระ

    ไม่นะ!!! มือที่ถูกเขาจับไว้พยายามสะบัดให้หลุดเป็นอิสระ เพื่อจะดึงกางเกงที่ถูกดึงจนหลุดจากสะโพกไปแล้วเอาไว้ นี่เขาจะทำอะไรกันแน่ นางทั้งอายทั้งโมโหจึงปล่อยมืออีกข้างที่เกาะก้านบัวยักษ์เอาไว้แล้วล้วงลงไปใต้น้ำ เจอมวยผมของเขาอย่างเหมาะเจาะจึงกระชากอย่างแรงเพื่อให้เขาหยุดลวนลาม

    เซดเฟ่ยหน้าหงายไปตามแรงของฝ่ามือเล็กๆ ที่กระชากมวยผมตนเอาไว้ก่อนที่จะได้โจมตีตรงจุดไวต่อความรู้สึกของนาง แต่คนอย่างเขาหรือจะสะท้าน เพียงแค่เดินลมปราณเบาๆ ความเจ็บก็จางหาย แล้วเริ่มโจมตีใส่เป้าหมายอีกครั้ง

    จับขาเล็กเรียวให้แยกจากกันแล้วซุกใบหน้าเข้าตรงกลาง พรมจูบบนเนินเนื้อนุ่มและตามเรียวขาที่เกร็งแน่นทั้งสองข้างก่อนจะวนกลับมาตรงกลางอีกครั้ง

    ครั้งนี้เขาเริ่มใช้ปลายลิ้นลองลิ้มชิมความนุ่มของเนินเนื้อ แตะๆ วนๆ จนทั่วแล้วจึงแทรกลงตรงกลางรอยแยก ลากปลายลิ้นทักทายกับสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ด้านในช้าบ้างเร็วบ้างอย่างมีจังหวะ...

    ไม่นานก็คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อปลายลิ้นที่ไวต่อความรู้สึกรับรู้บางอย่างจากเนินเนื้อนี้พร้อมกับอาการตัวเกร็ง ฝ่ามือที่ขยำศีรษะของเขาก็เปลี่ยนเป็นจิกผมแน่น

    เขาชักลิ้นออกเมื่อสมอย่างที่ใจปรารถนา จูบเนินเนื้อเป็นการสั่งลาแล้วโผล่ขึ้นเหนือน้ำ สูดลมหายใจเข้าปอดตามปกติเหมือนไม่ได้หายไปอยู่ใต้น้ำนานเป็นครึ่งๆ เค่อ

    ผิดกับคนที่อยู่เหนือน้ำตลอดเวลา เพราะตอนนี้นางหอบหายใจถี่คล้ายคนหายใจไม่ทัน

    เขาคลี่ยิ้มมองนางอย่างเอ็นดู กางแขนรวบเอาร่างนางเข้ามาแนบอกแล้วร่อนขึ้นเหนือน้ำ คว้าเอาชุดคลุมในศาลามาปกปิดเรือนร่างเย้ายวนชวนหลงใหลก่อนจะเหินไปกลางอากาศกลับไปที่ห้องของตน ระหว่างทางอันแสนสั้นนั้นไม่ลืมที่จะใช้ตาเหยี่ยวสอดส่องเหล่าองครักษ์ไปด้วย พบว่าทุกอย่างเงียบสงบไร้สายตาสอดแนม

    แต่เมื่อมาถึงห้องก็ต้องหงุดหงิดหัวใจยิ่งนัก เพราะมันไม่ได้สงบเหมือนที่สระน้ำนั้นเลย 

    “ท่านอ๋อง! ทำไมท่านถึงเปียกปอนเช่นนี้” การ์ต้าลุกจากเก้าอี้แล้วปรี่เข้าไปถามไถ่ประมุขหนุ่มด้วยความตกใจ

    “ข้าไปเล่นน้ำกับท่านหญิงมา รีบไปเตรียมน้ำสะอาดมาให้พวกเราล้างตัว แล้วบอกให้ผิงผิงเตรียมชุดมาให้ท่านหญิงด้วย”

    “ข้าจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้” สาวใช้ผู้ทำตัวสูงศักดิ์กว่าใครยอมรับคำอย่างว่าง่ายเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา แต่ก็ไม่วายใช้หางตาเหลือบมองร่างเปียกปอนที่ถูกโอบกอดเอาไว้อย่างห่วงใยนั้น

    นางเก็บซ่อนความริษยาแล้วยอมเดินออกไปอย่างมั่นคง ไม่นานทั้งน้ำอุ่นสะอาดและชุดของรัตนาก็มาถึง

    “เจ้าจะทำอะไร” เซดเฟ่ยถามการ์ต้าเมื่อเห็นนางกำลังจะเดินไปที่ฉากกั้นที่ใช้กั้นเป็นห้องอาบน้ำชั่วคราวเอาไว้

    “ข้าจะช่วยปรนนิบัติท่านหญิง”

    “ไม่ต้องยุ่ง ท่านหญิงมีผิงผิงคอยดูแลอยู่แล้ว ออกไปได้แล้ว”

    “แต่ข้าต้องรออาบน้ำให้ท่าน” ประโยคนี้นางจงใจพูดเสียงดังเพื่อให้คนที่เพิ่งเดินหายไปหลังฉากกั้นได้ยิน

    “วันนี้ไม่ต้อง เจ้าออกไปได้แล้ว”

    “เจ้าค่ะ” นางจำใจรับคำและจากไปอย่างผิดหวังอีกครั้ง

     

    แนะนำตัวละคร


    อ๋องเซด                 บุรุษวัยสามสิบเอ็ดปีผู้เย็นชา เจ้าผู้ปกครองแคว้นสือ เขามีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ดวงตาสีน้ำตาล ผิวสีน้ำผึ้งตามบิดาชาวเอเดน มารดาของเขาคือพี่สาวคนที่สี่ของจักรพรรดิเฟ่ย ซึ่งเป็นพี่น้องที่ร่วมมารดาเดียวกัน เขาเป็นลูกชายคนที่สอง เมื่ออายุได้สิบห้าก็ถูกส่งมาอยู่ในอาณาจักรลั่วอาน ตามข้อตกลงที่ติดตัวมารดาที่ถูกส่งไปแต่งงานยังต่างแดนเพื่อสานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น 

    รัตนา – ตา (พี่สาวคนโตสุด) อายุ 27 ปี         นักวิจัยบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง จิตใจดีมีเมตตา รูปร่างโปร่งระหงได้สัดส่วนเพราะมีงานอดิเรกคือการเต้น แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องย้อนยุคกลับไปในอดีตที่ไม่เคยรู้จักถึงสี่ร้อยกว่าปี

    คาซัค  อายุ 34 ปี เพื่อนสนิทและองครักษ์คู่กายของเซดเฟ่ย

    ผิงผิง  อายุ 27 ปี ภรรยาของคาซัค

    ไซอา อายุ 30 ปี ลูกสาวคนเดียวของโลวา ราชทูตของแผ่นดินเอเดน นางเป็นทูตพิเศษที่ถูกแต่งตั้งให้มาเจรจาที่อาณาจักรลั่วอาน

    ฉิวหลวน หัวหน้าพรรคไม้หอม ชมชอบไม้ป่าเดียวกัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น