วันคริสต์มาส - วันคริสต์มาส นิยาย วันคริสต์มาส : Dek-D.com - Writer

วันคริสต์มาส

โดย Choco*Pim

วันคริสต์มาสมาถึงแล้วเด็กๆ

ผู้เข้าชมรวม

1,016

ผู้เข้าชมเดือนนี้

0

ผู้เข้าชมรวม


1.01K

ความคิดเห็น


0

คนติดตาม


1
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  22 ธ.ค. 49 / 13:35 น.


ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
      ประวัติเกี่ยวกับวันคริสต์มาส

    โฮ่ะ โฮ่ะ โฮ่ะ เสียงหัวเราะที่อบอุ่นและใจดีของซานตาคลอสดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบสงัด ในยามค่ำคืนคริสต์มาสอีฟ ขณะที่ปุยหิมะสีขาวโปรยปราย ลงมาจากท้องฟ้าห่มคลุมสรรพสิ่งจนขาวโพลนไปทั่ว ในคืนวันที่ 24 ธ.ค. เด็กๆ ทั่วโลกต่างพากันขึ้นเตียงนอนและเฝ้าคอยซานต้า คุณลุงแก้มยุ้ย ตัวอ้วน เคราขาว ในชุดสีแดงที่หอบถุงของขวัญใบยักษ์ นั่งรถเลื่อนที่มีกวางเรนเดียร์ลากข้ามขอบฟ้า นำของขวัญมาวางไว้ใต้ต้นคริสต์มาส หรือในถุงเท้าหน้าเตาผิงในห้องนั่งเล่น แม้เรื่องราวของซานต้าจะมีอยู่เพียงในจินตนาการ แต่ประวัติความเป็นมาและตำนานวันคริสต์มาส ที่เปี่ยมด้วยเวทมนต์อันน่าหลงใหลก็มีความจริงผสมผสานอยู่ด้วย

    วันคริสต์มาส
    คือ การฉลองวันประสูติของพระเยซู ผู้เป็นศาสดาสูงสุดของชาวคริสต์ทั่วโลก เป็นวันฉลองที่มีความสำคัญ และมีความหมายมากที่สุดวันหนึ่ง เพราะชาวคริสต์ถือว่า พระเยซู มิใช่เป็นแต่เพียงมนุษย์ธรรมดาๆ ที่มาเกิดเหมือนเด็กทั่วไป แต่พระองค์ เป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด และมีพระธรรมชาติเป็นพระเจ้า และเป็นมนุษย์ในพระองค์เอง การบังเกิดของพระองค์ จึงเป็นเหตุการณ์พิเศษ ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนด้วย.. ทำไมจึงวันฉลองคริสต์มาสวันที่ 25 ธันวาคม

    ตามหลักฐานในพระคัมภีร์ (ลก.2:1-3) บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าบังเกิดในสมัยที่ จักรพรรดิซีซ่าร์ ออกัสตัส ให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยมีคีรินิอัส เป็นเจ้าครองเมืองซีเรีย ซึ่งในพระคัมภีร์ ไม่ได้บอกว่า เป็นวันหรือเดือนอะไร แต่นักประวัติศาสตร์ให้เหตุผลว่า ทื่คริสตชนเลือกเอาวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลองคริสต์มาส ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เป็นต้นมา เนื่องจาก ในปี ค.ศ. 274 จักรพรรดิเอาเรเลียน ได้กำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพผู้ทรงพลัง ชาวโรมันฉลองวันนี้อย่างสง่า และถือเสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะพระจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ คริสตชนที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รู้สึกอึดอัดใจ ที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ ตามประเพณีของชาวโรมัน จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 330 จึงเริ่มมีการฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการ และอย่างเปิดเผย เนื่องจากก่อนนั้น มีการเบียดเบียนศาสนาอย่างรุนแรง (ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 64-313) ทำให้คริสตชน ไม่มีโอกาสฉลองอะไรอย่างเปิดเผย

    ความสำคัญของ วันคริสต์มาส
    เราจะเห็นได้ว่า วันคริสต์มาสเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง เนื่องจากเป็นการระลึกถึงวันที่พระบุตรของพระเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์เป็นพระเจ้า ที่จะอยู่กับเราตลอดไป ส่วนหนึ่งของมนุษย์เป็นพี่หัวปีที่จะนำมนุษย์ทั้งมวลไปสู่พระบิดาเจ้า พระองค์เป็นความสำเร็จบริบูรณ์ตามคำสัญญาของพระเจ้า ที่จะดูแลป้องกันรักษาเราผู้เป็นประชากรของพระองค์ เราเป็นเหมือนลูกแกะที่หายไป แต่พระเยซูเป็นชุมพาบาลใจดีที่ตามหาเราจนพบและจะไม่มีอะไร ที่จะแยกเรากับพระองค์ได้อีกเลย มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหนจะรวยหรือจน คนศรัทธาหรือคนบาป ล้วนมีความสำคัญต่อหน้าพระเจ้าเสมอ เพราะตั้งแต่การเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูนั้น พระเป็นเจ้าพระบิดาทรงเห็นพระฉายาลักษณ์ของพระบุตรในมนุษย์ทุกคน เราก็เช่นเดียวกัน เราต้องรักซึ่งกันและกันเหมือนอย่างที่เรารักพระเจ้า นั่นหมายถึงเราต้องเคารพศักดิ์ศรีของมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นคนยากจน คนต่างชาติ หรือคนที่วางตัวเป็นศัตรูกับเรา

    "เขาจะรักพระเจ้าที่เขามองไม่เห็นได้อย่างไร ถ้าเขาไม่รักพี่น้องที่มองเห็นได้ นี่แหละเป็นพระดำรัสที่พระเยซูเจ้าประทานแก่เรา คนที่รักพระเจ้าต้องรักพี่น้องของตนด้วย"

    ประเพณีของการฉลองคริสต์มาสที่มีความเป็นมาดังกล่าวนี้ ควรเป็นสิ่งที่ชักจูงเราให้เปรี่ยมไปด้วยความรักที่พร้อมที่จะรับใช้ ผู้อื่นอย่างเต็มที่.

    ต้นคริสต์มาส
    ในสมัยโบราณ "ต้นคริสต์มาส" หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์แสดงละครที่หน้าวัด ถึงความหมายของคริสต์มาส และเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลาง เพื่อประดับฉาก แสดงถึงบาปกำเนิดของอาดัมและเอวา ต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ ที่หาง่ายที่สุดในประเทศเหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้น กลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนา ซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดาย ที่ไม่มีโอกาสดูละครสนุกๆ แบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน หลังจากนั้น ก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ล ขนมและของขวัญอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้

    นอกจากนั้น ชาวเยอรมันยังมีประเพณีอีกอย่างหนึ่งคือ มีการจุดเทียนหลายเล่มเป็นรูปปิรามิด ไว้ตลอดคืนคริสต์มาส โดยมีดาวของดาวิดที่ยอดปิรามิด ซึ่งประเพณีที่จะแขวนของขวัญและขนม ก็ได้รวมกับประเพณีของชาวเยอรมันนี้ มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยเอาเทียนมาไว้ที่ต้นไม้ เป็นรูปทรงปิรามิด นี่เป็นที่มาของประเพณีปัจจุบัน ที่มีการแขวนของขวัญ และไฟกระพริบไว้ที่ต้นคริสต์มาส และมีดาวของดาวิดไว้ที่สุดยอด ประเพณีนี้ เป็นที่นิยมชมชอบของชาวตะวันตกอยู่มาก

    แม้ว่าประเพณีการตั้งต้นคริสต์มาส มีความเป็นมาดังกล่าว ชาวคริสต์ในสมัยนี้ ก็ยังนิยมทำกันอยู่ เพราะเห็นว่า มีความหมายถึงพระเยซูเจ้า ผู้เปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิต (ปฐก.2:9) ที่เขียวสดเสมอในทุกฤดูกาล ซึ่งหมายถึง นิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า และนอกจากนั้นยังหมายถึง ความสว่างของพระองค์ เสมือนแสงเทียนที่ส่องในความมืด ทั้งยังหมายถึง ความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูเจ้าประทานให้ เพราะต้นไม้นั้น เป็นจุดรวมของครอบครัวในเทศกาลนั้น

    ซานตาคลอส
    เป็นจุดเด่นหรือสัญลักษณ์ ที่เด็กและผู้คนนิยมมากที่สุด ในเทศกาลคริสต์มาส แต่แท้ที่จริงแล้ว ซานตาคลอส แทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้เลย ชื่อซานตาคลอส มาจากชื่อนักบุญนิโคลาส ซึ่งเป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือ เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเด็กๆ นักบุญองค์นี้ เป็นสังฆราชของไมรา (อยู่ในประเทศตุรกี ปัจจุบัน) มีชีวิตอยู่ราวศตวรรษที่ 4 เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่ง อพยพไปอยู่ในสหรัฐ ก็ยังรักษาประเพณีนี้ไว้ คือ ฉลองนักบุญนิโคลาส ในวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งหมายถึง นักบุญนี้จะมาเยี่ยมเด็กๆ และเอาของขวัญมาให้ เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ ที่อพยพมา ก็รู้สึกอยากมีส่วนร่วมในประเพณีแบบนี้บ้าง เพื่อรับของขวัญ ประเพณีนี้ จึงเริ่มเป็นที่รู้จัก และแพร่หลายไปในอเมริกา โดยมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างคือ ชื่อนักบุญนิโคลาส ก็เปลี่ยนเป็นซานตาคลอส และแทนที่จะเป็นสังฆราช ซึ่งเป็นนักบุญองค์นั้น ก็กลายเป็นชายแก่ที่อ้วน ใส่ชุดสีแดง อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ มีเลื่อนเป็นพาหนะ มีกวางเรนเดียร์ลาก และจะมาเยี่ยมเด็กทุกคนในโลกนี้ ในโอกาสคริสต์มาส โดยลงมาทางปล่องไฟของบ้าน เพื่อเอาของขวัญมาให้เด็กเหล่านั้น อันที่จริง ซานตาคลอสเป็นรูปแบบที่น่ารัก เหมาะสำหรับเป็นนิยายให้เด็กๆ เชื่อ แต่อาจจะทำให้คนทั่วไปหันมาสนใจ ให้ความสำคัญในตัวนิยายนี้ แทนการบังเกิดของพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเทศกาลคริสต์มาสนี้

    ‘ บ้านซานตาคลอส

    เล่ากันว่าอยู่ที่เมืองโรวาเนียมี ในเขตแลปแลนด์ ทางตอนเหนือของประเทศฟินแลนด์" ที่นั่นเขาไม่เรียก ซานตาคลอส แต่เรียก "คุณพ่อคริสต์มาส" บ้านของท่านอยู่ในปราสาทน้ำแข็งที่สวยงามและเงียบสงบ พร้อมกับเหล่าเอลฟ์หรือภูตจิ๋วที่ขยันขันแข็งช่วยผลิตของขวัญแจกเด็กทั่วโลก เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยว ทางการจึงสร้างสำนักงานของซานตาคลอสเป็นอาคารไม้เล็กๆ อยู่ที่ ซานตา เฮ้าส์ เป็นทั้งที่อยู่อาศัย ที่ทำการไปรษณีย์และร้านขายของที่ระลึก

    ในแต่ละปีซานตาคลอสในฟินแลนด์จะได้รับจดหมายจากเด็กๆ ทั่วโลกมากกว่า 6 แสนฉบับ เด็กที่เขียนถึงซานต้ามากที่สุดคือเด็กญี่ปุ่น อังกฤษและโปแลนด์ ใครอยากเขียนจดหมายหาซานต้าเขียนไปได้ที่ Santa Claus, Santa Claus Village, FIN-96930 Arctic Circle, Finland หรือส่งอีเมล์ที่ www.EmailSanta.com

    ‘ สีของวันคริสต์มาส

    มี 3 สีด้วยกัน คือ เขียว แดง และทอง ด้วยความเชื่อว่า "สีเขียว หมายถึง ชีวิต" "สีแดง หมายถึง โลหิต" และ "สีทอง หมายถึง ชีวิตอันเป็นนิรันดร์" ดังนั้นการตกแต่งต้นคริสต์มาสจึงนิยมประดับประดาด้วยสีสันดังกล่าว ความหมายโดยรวมแล้วก็หมายถึง การประสูติของพระเยซู วันที่พระเยซูโดนตรึงไม้กางเขน และวันที่พระองค์ฟื้นกลับมาใหม่อันเป็นชีวิตที่เป็นนิรันดร์

    ‘ เพลงคริสต์มาส

    เพลงคริสต์มาส เริ่มมีขึ้นในศตวรรษที่ 5 ซึ่งมีทั้งพระสงฆ์และฆราวาสเป็นผู้แต่งด้วยภาษาละติน ลักษณะของเพลงออกแนวศักดิ์สิทธิ์ เคร่งขรึม เนื้อเพลงเน้นความหมายถึงการเสด็จมาของพระเยซู กระทั่งศตวรรษที่ 12 นักบุญฟรังซิส อัสซีซี และนักบวชคณะฟรังซิสกันในประเทศอิตาลี สนับสนุนให้แต่งเพลงคริสต์มาสแบบใหม่ที่มีท่วงทำนองสนุกสนานและเน้นถึงความชื่นชมยินดีในวันคริสต์มาสซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน

    สำหรับเพลงคริสต์มาสที่ทั่วโลกนิยมร้องมากที่สุด จนถึงปัจจุบันแต่งขึ้นในศตวรรษที่ 19 ทั้งจากฝั่งเยอรมันและอังกฤษ เพลงที่มีชื่อเสียงมาก คือ เพลง Silent Night, Holy Night

    ‘ กวางเรนเดียร์

    ชื่อกวางเรนเดียร์ปรากฏในบพเพลงคริสต์มาสและบทกวี มี 9 ตัว ชื่อ แดสเชอร์ แดนเซอร์ แพรนเซอร์ วิกเซ่น ดอนเนอร์ โคเม็ต คิวปิดและบลิตเซ่น แต่ตัวที่โดดเด่นที่สุดคือตัวที่ 9 ชื่อ รูดอล์ฟ มันมีจมูกที่ส่องแสงแดงสว่างแต่กำเนิดทำให้ใครๆ หัวเราะเยาะ แต่จมูกอันนี้กลับมีค่าสำหรับลุงซานต้า ที่มีปัญหาการเดินทางลำบากเพราะหมอกลงจนหาปล่องไฟไม่เจอ

    เมื่อซานต้าเห็นรูดอล์ฟครั้งแรก เขาก็จัดแจงชักชวนรูดอล์ฟมาเทียมเลื่อน โดยเลือกให้เป็นตัวหน้าสุด ตั้งแต่นั้นมา ซานตาคลอสก็เดินทางฝ่าหมอก ฝน หิมะ ลูกเห็บ ได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล

    ‘ เทียนและพวงมาลัย

    ในสมัยก่อน กลุ่มคริสตชนในเยอรมัน นำกิ่งไม้มาประกอบเป็นวงกลม คล้ายพวงมาลัย แล้วเอาเทียน 4 เล่ม วางไว้บนพวงมาลัยในตอนกลางคืน ของวันอาทิตย์แรก ของเทศกาลเพื่อเตรียมรับเสด็จพระเยซู

    สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะมารวมกันจุดเทียน สวดภาวนาและร้องเพลงคริสต์มาสร่วมกันเช่นนี้ จนครบ 4 สัปดาห์ก่อนถึงวันคริสต์มาส ประเพณีนี้แพร่หลายไปทั่วโดยเฉพาะที่สหรัฐ ซึ่งต่อมามีการเพิ่ม โดยเอาพวงมาลัยพร้อมกับเทียนที่จุดไว้ตรงกลาง 1 เล่ม ไปแขวนไว้ที่หน้าต่างหรือประ ตูเพื่อให้คนที่ผ่านไปมาระลึกถึงการเตรียมตัวรับวันคริสต์มาสที่ใกล้เข้ามา สำหรับดอกไม้ที่นิยมใช้ทำพวงมาลัย คือมิสเซิลโทมีดอกสีเหลืองมีผลเล็กๆ สีขาว

    ‘ กิจกรรมและธรรมเนียมในวันคริสต์มาส

    ในวันคริสต์มาสจะเป็นอีกวันหนึ่งที่ครอบครัวต่างมาอยู่กันพร้อมหน้า แลกของขวัญ ปั้นตุ๊กตาหิมะ และกินอาหารค่ำร่วมกัน อาหารที่เลี้ยงจะมีหลักๆ คือ Roasted Ham เค้กสีขาวที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ของพระบุตร กุศโลบายของการทำเค้กก็คือ การถ่ายทอดเรื่องราวของพระเยซูแก่ลูกหลาน ที่มาช่วยกันทำเค้ก Candy Cane ที่ทำเป็นรูป cane เพื่อระลึกถึงคนเลี้ยงแกะ แต่กุศโลบายจริงๆ ของ candy cane คือ นักเทศน์ต้องการให้เด็กๆ ที่มาร่วมร้องเพลงในวันคริสต์มาสอยู่ในความสงบ ให้เด็กๆ ง่วนอยู่กับการกินมากว่าเล่น

    สำหรับเมนูแสนอร่อยวันคริสต์มาส ก็คือไก่งวงเนื้อนุ่มหอมกรุ่น เค้กรสหวานเนื้อนุ่ม พุดดิ้งหอมอร่อย ขนมปังขิงกรอบๆ และหมูแฮมอบ ท่ามกลางเสียงเพลงจิงเกิ้ลเบลอันสดใสของเหล่านักร้องตัวน้อย


    ที่มา http://www.yenta4.com/scoop/christmas/

    Cursors from DressUpMyspace.com Falling Images, MySpace Codes, MySpace Layouts, MySpace Glitter Graphics from Dolliecrave.com  -nik ki-

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×