ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sehun x luhan } .ผู้จัดการของผม

    ลำดับตอนที่ #20 : [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER SEVENTEEN

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.96K
      50
      17 พ.ย. 56

     

    [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER SEVENTEEN

     

     

     

     

     

     

     

                ผมตื่นขึ้นมาอย่างมึนๆ . .

                เห็นลู่หานก่อนเป็นอันดับแรก เขากำลังมองผมด้วยตากลมแป๋วของเขา ผมกระพริบตาสองครั้งตั้ง

    ใจมองหน้าเขาให้ชัด ท่าทางลู่หานเหมือนกับตอนก่อนนอนของผมเด๊ะเลย

                “อะไร นี่ยังไม่นอนอีกเหรอ” ผมขยี้ตา เอื้อมมือไปแตะมือลู่หาน รู้เลยว่าอุณหภูมิร่างกายของผมกับอุณหภูมิร่างกายของเขาต่างกันแค่ไหน

                “นายยังไม่ดีขึ้นเลย” ลู่หานแตะมือผมกลับ สีหน้าของเขาดูเป็นกังวล

                “ฉันโอเค” ผมไม่ได้เป็นหวัด ไม่ได้ไอและมีน้ำมูกไหล ผมแค่มีไข้เฉยๆ . .

              และดูเหมือนไข้นั้นจะสูงไปหน่อย . .

              “นี่กี่โมงแล้ว” ผมถามลู่หาน

                “ตีสามครึ่ง”

                “ตีสามครึ่ง!!!” ร้องเสียงหลงแบบไม่มีแรง “ไปนอนเลย เร็วเข้า พรุ่งนี้ค่อยมาดูก็ได้”

                “แต่ว่า . .

                “ลู่หาน ไปนอนเถอะนะ ฉันไม่เป็นไร” ผมพูดทั้งๆที่ตัวเองรู้สึกร้อนหน้าและครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด ลู่หานมองผมอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนที่จะออกไปนอกห้องของตัวเองแต่โดยดี

                นึกสงสัยว่าเขาจะไปนอนที่ห้องไหน . . แต่ก็ถามไม่ทัน

                เมื่อลู่หานออกไปแล้ว ผมก็กระชับผ้าห่มให้กับตัวเองและก็พยายามปิดเปลือกตาร้อนๆของตัวเอง ปกติผมไม่ใช่คนไข้ขึ้นง่ายแบบนี้ แต่ดูจากสิ่งที่ผมพบเจอไม่ว่าจะเป็นอากาศหนาวๆและก็ฝนเทียมที่โคตรจะเหมือนฝนจริง ผมก็เลยให้อนุญาตตัวเองป่วยได้หนึ่งวัน แต่พรุ่งนี้ผมต้องหาย เพราะต้องไปร่วมงานประกาศผลรางวัลที่ค่ายสังกัดผมเป็นคนจัด อย่างที่ลู่หานเคยกล่าวไว้ในตอนที่แล้ว งานนี้ผมเลี่ยงไม่ได้เด็ดขาด เจ๊ใหญ่บอกผมจะเป็นตัวดูดสื่อมวลชน . .

                เมื่อคิดได้ผมก็ต้องนอน เอาแขนก่ายหน้าผากที่ร้อนรุ่มของตัวเอง รู้สึกร้อนแบบอยากกระโดดลงไปในน้ำตกให้ตัวเองตัวเย็นขึ้นบ้าง แต่ก็ได้แค่คิด เพราะถ้าผมทำงั้น . . อนาคตอาจจะไม่มีโอเซฮุนก็ได้

                เสียงบานประตูเลื่อนเปิดออก ผมเห็นลู่หานหอบที่นอนอีกชุดเข้ามาในห้อง . .

                ผมมองร่างของลู่หานที่เป็นเงาดำๆวูบไหวขยับตัวปูที่นอนให้ตัวเอง

                “ไม่ต้องมอง นอนไปเลย”

                “ลู่หาน . .

                “และก็ไม่ต้องหลงตัวเองด้วยว่าฉันเป็นห่วง .  . ฉันก็แค่ . . กลัวนายขโมยของในห้องฉัน” ลู่หานทิ้งตัวลงนอนและก็เอาผ้าห่มมาคลุมตัวเองโผล่ออกมาแค่ลูกกะตากับหัวทุยๆ เป็นหลุดหายใจเสียงดังพรืด ป่วยขนาดนี้ผมจะไปขโมยของๆเขาได้ยังไง . .

                ต้องลอง . . พิสูจน์ความเป็นห่วงของลู่หานดูหน่อย . . ว่าที่เขาพูดน่ะมันไม่ใช่ความจริง

                “ฉันรู้สึกเหมือน . . ฉันจะอ้วก”

                “อ้วก?!” ลู่หานลุกขึ้นมาจากที่นอนทันที “แป๊บนะ เดี๋ยวไปหาอะไรมาใส่ก่อน”

                “ไม่ทันแล้ว คือฉัน . . อะ” ผมทำเป็นโก่งคออ้วก และลู่หานก็รีบกระโจนเข้ามาพยุงผมลุกขึ้นมาให้กึ่งนั่งกึ่งนอนทันที

                “อ้วกออกมาเลย อ้วกออกมา”

                ผมสวมวิญญาณนักแสดงทำท่าจะอ้วกอยู่หลายครั้งหลายครา จนกระทั่งผมยิ้มเบาๆให้ลู่หานอย่างล้อๆ

                “ไอ้บ้าเซฮุน” ลู่หานตีผมที่หน้าผากทันที “ไม่สบายยังจะเล่นอีก ไอ้บ้าเอ๊ย!

                “ไหนบอกไม่ห่วงไง”

                “ไม่ได้ห่วงเว้ย ก็แค่ . . กลัวที่นอนเปื้อน” ลู่หานพูดแบบส่งๆ “รีบนอนไปเลย จะตีสี่แล้ว มาทำเสียงดัง เดี๋ยวคุณยายจะตื่น” ลู่หานค่อยๆวางผมลง

                ผมมองดูลู่หานย้ายร่างของตัวเองเข้าสู่ที่นอนและก็ผ้าห่มตัวเดิม . . และก็เป็นอีกครั้งที่เขาโผล่ออกมาแค่ลูกกะตากับหัวทุยๆ ไม่รู้จะน่ารักไปไหน . .

                “เซฮุน นอนเร็วๆเข้า” ลู่หานพูด “นี่จะให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง เดี๋ยวก็ไม่หายหรอก”

                “และนายล่ะ ทำไมไม่นอน?”

                “ฉัน . .

                “จะอยู่ดูแลฉันใช่ม้า”

                “เงียบไปเลย” เขาขยับผ้าห่มให้ปิดหน้าปิดตาตัวเองยิ่งกว่าเก่า

                ผมยิ้ม . . ยิ้มให้ลู่หานเบาๆอย่างคนไม่มีแรง (แต่ก็มีแรงแกล้งเขา คืออะไรวะแก?)

                “งั้นฉัน . .นอนและนะ”

                “อื้อ นอนเยอะๆด้วย พรุ่งนี้พี่แจซอกเลื่อนตารางงานตอนเช้าตรู่ให้แล้ว นายตื่นสายได้”

                ถือว่าเป็นข่าวดี . .          

                ผมมองดูหน้าลู่หานที่หันมาจ้องผมตาแป๋ว . . และไม่นานนักผมก็แพ้ในความเพลียของตัวเองและก็ผลอยหลับไปในที่สุด ไม่รู้ว่าลู่หานจะหลับบ้างหรือยังตอนที่ผมหลับ . .

     

    และตอนที่ผมตื่นขึ้นมาผมก็รู้คำตอบ . .

     

                ลู่หานจ้องผมอยู่มุมเดิมไม่ได้ไปไหน . . ตลอดทั้งคืนจนถึงตอนที่ผมตื่นในเวลาสายของอีกวันหนึ่ง . .

     

                “บอกให้นอนบ้างไงเล่า . .” ผมเอื้อมมือออกไปใช้นิ้วชี้ไปแตะที่หน้าผากของลู่หานและผลักเบาๆ

                “งือ . .” ลู่หานคลำหัวตัวเองป้อย “ก็เป็นห่วง . .

               

                โคตรดีใจเลย . . รู้สึกเหมือนหายไข้แล้วทั้งๆที่ยังไม่หายเท่าไหร่ . .

     

                “โอเคขึ้นแล้วใช่มั้ย” ลู่หานถามอย่างลุ้นๆ . .

                “นี่นายมองฉันนอนนานแค่ไหนแล้วเนี่ย . .

                “ตอบไม่ตรงคำถาม”

                “โอเคขึ้นแล้ว . .

                “เย้!!!!!!!!!!” ลู่หานดิ้นภายใต้ผ้าห่ม ทำท่าดีใจเหมือนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยิงประตูเข้า “งั้นจะออกไปทำข้าวเช้าให้ทานนะ จะได้ทานยา”

                ไม่ทันได้พูดอะไรต่อจากเขา ลู่หานก็แล่นจู๊ดออกไปจากห้องแล้ว ท่าทางเขาไม่เหมือนคนที่ไม่ได้นอนเอาซะเลย . .

     

     

                บางทีการที่ผมมีแค่ลู่หาน . . ชีวิตของผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว . .

     

                “ข้าวต้มมาแล้ว!

     

                ได้เห็นหน้าสวยๆยกข้าวมาให้ทุกเช้าพร้อมรอยยิ้มประหนึ่งนางฟ้าในทุกวี่ทุกวันแบบนี้ . .

                แถมตอนผมไม่สบายเขายังเป็นห่วง จนไม่ได้นอน และก็เฝ้าไข้ผมทั้งคืน . .

     

     

                ผมว่าผมเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ . .

     

                “ป้อนให้ได้มั้ย”

                “มือไม่ได้เดี้ยงนี่” แม้จะพูดเสียงกระโชกโฮกฮากบ้าง แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี

                “มือไม่ว่าง . .

                “ไม่ว่างเหรอ มันทำอะไรอะ”

     

                ผมคว้าคอลู่หานให้เข้ามาใกล้ แล้วประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนแก้มของลู่หาน





     

     

                “คนดีของผม น่ารักจังเลย . .





     

                ผมชมลู่หานยิ้มๆจากใจ เพราะผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นึกหวาดระแวงว่าลู่หานจะเขินจนสาดข้าวต้มร้อนๆมาใส่หน้าผมรึเปล่า . .

     

                แต่เปล่า เขาก็แค่วางข้าวต้มไว้ตรงหน้าผม และก็เดินจากไป

                แถมยังพูดประโยคทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยก่อนจากไปว่า . .

     


     

     

              “มื้อนี้นายกินเองไปเลย!!!!!!!!!!


     











                พอทานข้าวเสร็จ คนที่เขินรุนแรงก็กลับเข้ามาในห้องของผมอีกครั้งพร้อมยาและก็เสื้อผ้าสำหรับใส่วันนี้ ก็ชุดธรรมดาๆนี่แหละครับ ลู่หานเขาเป็นผู้จัดการผมเขาต้องหามาให้ผมทุกอย่างแหละ ผมมองหน้าผู้จัดการคนสวย ผู้ซึ่งทำหน้าบึ้งใส่ผม

                “อะไร” ผมถามงงๆ

                “กินยาได้แล้วจะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า” ลู่หานส่งเสียงบังคับ “จ้องอยู่ได้”

                “จ้องเยอะกว่านี้ หน้าก็ไม่เป็นรูหรอกน่า . .

                ผมแซวขำๆและก็ทานยา จากนั้นก็รับเสื้อผ้าที่ลู่หานรีดมาให้อย่างดี แอบเอื้อมมือไปจับมือลู่หานและก็พูดขึ้นมาว่า “ลู่หานยังไม่ได้นอนเลยนี่” ผมถามอย่างเป็นห่วง ลู่หานปล่อยมือผมเบาๆแล้วส่ายหน้า

                “ไม่เป็นไร ฉันไหว”

                ผมจับมือของเขาอีกครั้งและดึงตัวเขาเข้ามาหา ลู่หานถลาเข้าสู่อ้อมกอดผมแบบไม่ตั้งใจ เสื้อผ้าที่เขาอุตส่าห์รีดมาให้ผมอย่างดีถูกวางลงบนพื้น

                “เซฮุน ทำอะไรน่ะ” ลู่หานตีแขนผมเสียงดัง “ถ้าคุณยายมาเห็น ถ้าลู่ถิงมาเห็นล่ะ?!!!

                “นายปิดประตูแล้วนี่นา” ผมกระซิบข้างหูเขา

                “ตัวยังร้อนอยู่เลย อย่าทำอะไรบ้าๆนะ”

                “นายบอกว่านายไหว ฉันก็ไหวนะ”

                “เซฮุน . .

                ผมก้มหน้าก้มตาลงไปประทับรอยจูบที่ริมฝีปากบางของลู่หานอย่างแผ่วเบาและผละออก

                แน่นอนว่าหลังจากนั้นผมต้องโดนกระหน่ำตีเข้าที่ตัวอย่างจังเพราะลู่หานไม่ได้ตั้งตัว

                “ไอ้เชี่ย!” เขาสบถ “เดี๋ยวมีคนมาเห็น!!!

                “ค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย” ผมพูดยิ้มๆ “เมื่อกี้ปากขมแทบตายแน่ะ”

                “และถ้าฉันเกิดติดนายขึ้นมาล่ะ” ลู่หานพูดเหมือนบ่น

                ผมยีผมเขาเบาๆ “ฉันก็จะดูแลนาย เหมือนที่นายดูแลฉันไง”

                “

                “นายต้องชมฉัน . . เหมือนที่ฉันชมนายด้วยนะ”

                ลู่หานก้มหน้างุด และก็ผลักผมออกไปให้ห่างจากตัว “เลิกพูดเล่นและก็แต่งตัวได้แล้ว นี่อย่าลืมว่านายต้องออกไปแต่งหน้าทำผม”

                “เฮ้อออออ น่าเบื่อจัง” ผมบ่น เกาผมตัวเองอย่างเซ็งๆ “นี่ยังไม่หายเลย”

                “เมื่อกี้ยังมีแรงทำอย่างอื่นอยู่เลยนะ”

                “ฉันทำได้มากกว่านั้นอีก” ผมพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ

                “ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปแต่งหน้าซะสิ”

                “ไม่อาววววววว” ผมงอแงง้องแง้งเป็นเด็กปอห้า “ไม่มีแรงลุกเลยยยยยย”

                ลู่หานทำหน้าเฉยใส่ผม “อะไรของนายกันแน่เนี่ย โอเซฮุน”

                ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน ไม่อยากไปทำงานแต่อยากอยู่ในห้องและก็เล่นกับลู่หานทั้งวี่ทั้งวัน

                “ก็ได้ๆ ลุกแล้วก็ได้” ยอมแพ้ . . ยังไงซะคนขยันอย่างลู่หานก็ต้องเอางานมาก่อนเรื่องส่วนตัว ผมค่อยๆลุกขึ้นยืน และหลังจากนั้น . . เหมือนโลกมันเอียงๆและหัวผมมันก็มึนๆ เกือบจะล้มลงไปก้นจ้ำเบ้ากับพื้นแน่ะ ลู่หานเข้ามาพยุงผมเอาไว้ และมือของเขาก็สัมผัสได้ว่าผมยังมีไข้อยู่ . .

                “ยังไม่หายจริงๆสินะ” ลู่หานรำพึง ผมก้มหน้ามองดูหน้าเขา ตอนที่ยืนอยู่รู้สึกเลยว่าผมกำลังปวดหัว ลู่หานเขย่งเอามือตัวเองมาแตะหน้าผากผม มือของเขาเย็นเฉียบซึ่งหมายความว่าตัวของผมยังคงร้อนจี๋ . .

                “ช่าย ยังไม่หายเลย” ผมสบโอกาสทำเสียงอ่อย ซบหน้าลงบนไหล่ของลู่หาน

                “ทำไงดี” ลู่หานแตะหลังผม “บอกท่านรองประธานว่านายไปไม่ได้ดีมั้ย”

                “ไม่ได้หรอก” ผมพูดทั้งๆที่หน้าตัวเองยังอยู่ที่เดิม “น้อยครั้งที่จะได้ทำเพื่อเจ๊ใหญ่ . .

                ลู่หานเงียบไป และผมก็เงยหน้าขึ้นมายืนตัวตรงอีกครั้ง . .

                “งั้นฉันช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่านะ” ลู่หานพูดเสร็จเขาก็เริ่มถอดกระดุมเสื้อให้ผมทีละเม็ด ผมเอาแต่จ้องหน้าเขา “อยู่นิ่งๆสิ”

                สาบานได้ว่ายังไม่ได้ขยับอะไรเลย “ก็อยู่นิ่งๆแล้วไงครับ”

                ลู่หานกระแอม และก็ปลดกระดุมเสื้อให้ผม ดูเขาตั้งอกตั้งใจกับมันจนเกินไปซะจนผมอยากหัวเราะออกมา แต่นั่นจะยิ่งทำให้กระต่ายน้อยของผมตื่นตูม ผมควรจะจ้องเขาอยู่นิ่งๆเงียบๆแบบนี้ดีกว่า

                แต่ยิ่งร่างบางนั้นอยู่ใกล้ผมมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเอียงตัวเองเข้าไปสูดกลิ่นเขามากขึ้นเท่านั้น ลู่หานหลบแล้วหลบอีก ผมก็เอียงแล้วเอียงอีก

                “เซฮุน” ลู่หานเรียกเสียงต่ำ เป็นสัญญาณว่ากำลังโมโหนิดๆ “ชาตินี้จะเสร็จมั้ยเนี่ย”

              ฟอดดดดดดด ขโมยหอมแก้มซ้าย

                “เซฮุน!!!” แน่นอนว่าต้องมีรีแอคชั่นตอบกลับมาด้วยการที่ผมโดนตีหนึ่งฉาด เจ็บนิดๆแต่ก็ถือว่าคุ้ม “นี่ป่วยจริงป่ะวะ!!!” ตีเสร็จก็ใช้มือข้างที่ตีคลำแก้มตัวเองป้อย

                ฟอดดดดดดด ขโมยหอมแก้มอีกครั้งที่แก้มขวา

              คราวนี้ผมเกือบโดนลู่หานใส่เข่าเข้าที่ท้องเลยทีเดียว ดีที่จับรวบตัวลงมานอนบนที่นอนได้ทันเวลาและตัวผมเองก็คร่อมร่างเขาอยู่ข้างบน . .

                “ทำบ้าอะไรเนี่ย!!!!” ลู่หานโวยวาย

                “ชู่วววว” ผมบอกเขา “เดี๋ยวคุณยายกับลู่ถิงก็ได้ยินหรอก”

                “เซฮุน ไม่เอานะ!” ลู่หานหวาดหวั่นสุดชีวิต เพราะตอนนี้เราสองคนกำลังอยู่ในท่าที่กำลังเสี่ยงสุดๆ

                ผมเป็นคนทำให้เสี่ยงเอง . . .

                “ลู่หาน . .

                “

                “นายอยากให้ฉันหายรึเปล่า”

                หน้าตื่นๆของลู่หานมองมาที่ผมอย่างตื่นตะลึง . . “แน่สิ ฉันอยากให้นายหายดี”

                “ถ้างั้น . . นายช่วยอะไรฉันสักอย่างได้มั้ย”





                [ CUT ] ลิงก์หาเอาเองน้าาา : D

     















                ร้านเสริมสวย . . เอ๊ะ สำหรับผมต้องเรียกว่าร้านเสริมหล่อรึเปล่า

                ผมกำลังนั่งให้เขาปู้ยี่ปู้ยำกับผมของผมและก็ใบหน้าของผม ในกระจกผมมองไปที่ผู้จัดการคนสวยที่นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่เก้าอี้ทางด้านหลัง เขาจิ้มไอแพดอย่างเอาเป็นเอาตายและก็กระแทกกระทั้นซะจนผมกลัวว่านวัตกรรมของสตีฟจ็อบส์จะพังเอาซะก่อน . .

                ผมสร้างเรื่องอีกแล้วครับ คุณผู้ชม T^T

                “คุณเซฮุนคะ เงยหน้าขึ้นมานิดหนึ่ง”

                ช่างทำผมบอกกับผม ผมทำตามที่เธอบอก แต่สายตาของผมก็มองไปที่ลู่หานอยู่ดี ลู่หานผู้ซึ่งนั่งขาชิดเข่าชิด แลดูเรียบร้อย . . แต่ที่จริงแล้ว .  .มันเป็นเพราะผมต่างหาก

              รู้ว่าเขายังไม่ชิน . . และคนอย่างผม . . ครั้งเดียวมันไม่เคยพอ

                โดนงอนเป็นชาติแน่ๆมรึง . . โอเซฮุน

                “ลู่หาน” ผมเรียกเขา . . พยายามแก้ไขสถานการณ์ให้มันดีขึ้น ลู่หานทำหูทวนลม ไม่ได้ยินที่ผมเรียก “เสี่ยวลู่”

                ลู่หานเงยหน้าขึ้นมามองทันทีด้วยตากลมๆของเขา แฮร์สไตล์ลิสต์ตกใจเล็กน้อยที่ผมเรียกลู่หานแบบนั้น ทำไมอ่ะ น่ารักจะตาย . .

                “มีอะไร” กระชากเสียงแบบมาเต็ม . . แถมหน้าก็ยังบูดเป็นตูดลิง

     

                ตัวเอง เก๊าขอโทษ TT

     

              “อยากกินชานมไข่มุกร้านข้างๆ” ผมคอหดเป็นคอเต่ากำลังจะกลับเข้ากระดอง แถมเสียงยังหงอยซะจนแฮร์สไตล์ลิสต์แอบขำ

                “อืม” และเขาก็เดินหนีออกจากร้านไป เพื่อไปซื้อชานมไข่มุกให้ผม ตอนที่เขาลุกขึ้นมานั้นเขาแอบเบ้หน้าเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวดบริเวณสะโพก . . น่าสงสาร TT

                “น่ารักดีนะคะ ผู้จัดการของคุณ” แฮร์สไตล์ลิสต์ชวนผมคุย

                “ครับ น่ารักมาก” ผมยิ้ม . . มองหลังไหวๆของลู่หานผ่านกระจกใสของร้านไปจนสุดสายตา

                “ตอนแรก . . คิดว่าเป็นน้องสาวของคุณซะอีก หน้าเหมือนกันมากๆเลย”

                “เหรอครับ” น้องสาวเหรอ ??? ฮ่าๆๆๆ ถ้าเอาไปเล่าให้ฟัง คงวีนชิบหายวายป่วง

                มีคนเปิดประตูเข้ามาในร้าน พี่แจซอกพร้อมถุงชุดสูทเนี้ยบกำลังเดินเข้ามา . . ลู่หานอยู่กับผม ส่วนพี่แจซอกไปเอาชุดจากสปอนเซอร์

                “ทำไมมีสอง ?” ผมถาม ดูจากที่พี่แจซอกวางมันอย่างบรรจงลงบนเก้าอี้

                “ของลู่หานด้วย”

                “จริงอ่ะ!!!!” ผมร้องอย่างกระตือรือร้น “ลู่หานจะได้เข้างานกับผมเหรอ”

                “แหงล่ะ ต้องมีคนอยู่กับนาย”

                “แล้วพี่จะไปไหน”

                “มีเดท คิกคิกคิก” พี่แจซอกเขินอายม้วนต้วนไม่เหมาะกับหน้าหนวดๆของพี่แกเลยจริงๆ “ตอนออกไปจะมีรถของบริษัทมารับนะ คงซักเกือบๆห้าโมงเย็น”

                “โอเค”

                “ตอนกลับฉันไม่ไปรับนะ ให้บริษัทมาส่ง”

                “ทำไมอู้แบบนี้เนี่ย”

                “ฉันเปล่า”

                “จะฟ้องเจ๊ใหญ่”

                “ฉันจะฟ้องลู่หานบ้าง ถ้านายทำผิด”

                “อะไรของพี่เนี่ย!

                พี่แจซอกยักไหล่ราวกับว่าผมมีคนที่สามารถเอาไว้ใช้ขู่ได้ พี่แจซอกก็มีเหมือนกัน . . ให้ตายสิ

                พอแต่งหน้าทำผมเสร็จผมก็เข้าไปเปลี่ยนชุดเป็นสูทของสปอนเซอร์ ลู่หานยังไม่กลับมาเลย ไม่รู้ไปซื้อชานมไข่มุกถึงไหน . .

                ผมใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลคสีดำ . . ก้าวออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด ให้สตาฟฟ์จัดชุด เติมหน้าเติมตา จัดผมให้เข้ากับชุดให้ . .

                ประตูเปิด . . ลู่หานเดินเข้ามาพร้อมกับชานมไข่มุกสองแก้ว . .

                “มาแล้วเหรอ” ผมทักยิ้มๆ

                และพอลู่หานเห็นผม เขาก็ชะงักค้าง . .



     

              ชานมไข่มุกสองแก้วจากสองมือหล่นกระจาย . .




              “เห้ย เป็นไรอ่ะ” ผมแหวกมือไม้ของสตาฟฟ์ทุกคนไปหาลู่หาน ที่ช็อคตาค้างไปแล้ว

                “ชิบหาย . . ขอโทษนะครับๆ เดี๋ยวผมทำความสะอาดให้” ลู่หานโค้งคอขอโทษขอโพยทุกคนในร้าน ผมจับตัวเขาอย่างงงๆ ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร

                “เป็นอะไรรึเปล่า” เห็นเขามื้อไม้อ่อน อาจจะเกี่ยวกับ . . สิ่งที่ผมกระทำ . . ก็ได้นะ

                “เปล่าๆไม่เป็นอะไร”

                “แน่นะ”

                “แน่สิ”

                “นึกว่านายจะเป็นลมไปแล้วซะอีก”

                “บ้า . . ไม่เป็นหรอก”

                ลู่หานดูไม่ค่อยอยากจะมองหน้าผมเท่าไหร่นัก . .

                “ฉันไม่หล่อเหรอ ทำไมไม่มองหน้าฉันเลยล่ะ” ผมก้มหน้าลงไปถาม

                ลู่หานผลักผมออกไปให้ห่างตัว เพราะตอนนี้คนทั้งร้านกำลังจ้องมองเราสองคนอยู่ ผมแคร์ที่ไหน . . “เขยิบไปนู่นเลย”

                “หรือว่า . . ฉันหล่อเกินไป นายเลยตกใจ”

                “พี่แจซอกครับ มีเรื่องจะคุยกับผมใช่มั้ยครับ” บ่ายเบี่ยงประเด็นและก็เดินหนีไปหาพี่แจซอกตัวกลมทันที ผมมองตามแล้วหลุดขำพรืด . . เดินไปหาสตาฟฟ์ให้ปู้ยี่ปู้ยำกับภาพลักษณ์ของผมต่อ . .โดยสายตาของผมจ้องมองไปที่ลู่หานตลอดเวลา ดูเหมือนเขาไม่ชอบให้ผมมองเท่าไหร่ คุยกับพี่แจซอกไปและเมื่อเขามองมาที่ผมและเห็นว่าผมจ้องเขาอยู่ เขาก็ทำตัวไม่ถูกทันที . .

                น่ารัก . .

              “ฮะ ให้ผมเข้างานเหรอ” ลู่หานชี้นิ้วมือเข้าหาตัวเอง “งานบริษัทนะ ทำไมพี่ไม่ไปล่ะ”

                “ฉันมีเดท”

                “แต่พี่แจซอก . .

                “นี่ ถ้าผู้จัดการมีภาพลักษณ์ที่ดีเหมือนกันจะส่งผลดีให้กับตัวดารานะ นายกับเซฮุนอยู่ด้วยกันสองคนแล้วอย่างกับบอยแบนด์ . . ไปเถอะน่า ฉันบอกท่านรองประธานโดยตรงแล้ว”

                “อะไรเนี่ย” ลู่หานเกาผมงงๆ

                “ไปคอยดูแลเซฮุน ไม่ให้ใครมาเกาะแกะ”

                “คนอย่างเขามีคนมาเกาะแกะด้วยเหรอครับ”

                เห้ย .  .เสี่ยวลู่ . . นี่ฉันฟังนายอยู่นะ

              “อย่างกับแมลงวันมาตอมขี้เลยล่ะ แล้วนายจะรู้เอง”

              และดูพี่แจซอกเปรียบเทียบเข้า . . เห็นผมเป็นขี้งั้นเหรอ

              ผู้จัดการแต่ละคนนี่มันยังไงวะ . . หลังจากทีสตาฟฟ์ทุกคนลงความเห็นว่าผมหล่อแล้ว ก็ให้ผมไปนั่งโซฟานิ่มรอลู่หานแต่งตัวบ้าง เขาดูไม่เคยชินกับสิ่งเหล่านี้และก็ดูเกรงอกเกรงใจทุกคนไปซะหมด

     

                “ไม่ต้องเซ็ทผมก็ได้ครับ”

              “ครับ ? ต้องเซ็ทด้วยเหรอ แวกซ์กลิ่นมันแรงมั้ยง่ะ”

              “ผมไม่เขียนตา ไม่เอา!!!

              “น้ำตาผมไหลแล้ว นูน่าอ่ะ!!!

     

              ลู่หานโวยวายไปหลายอย่าง ผมมองดูวิวัฒนาการของลู่หานไปเรื่อยๆจนกระทั่งเขาหล่อเป๊ะอยู่ในชุดสูทแบบเดียวกันกับผม แต่ยังไม่ใส่เสื้อนอก . .

                ก็หล่อดี . . แต่ดูแล้วมันน่ารักมากกว่า . .

                เขาจ้องมองตัวเองในกระจกอย่างอึ้งทึ่ง “ฉันก็เป็นเจ้าชายได้เหมือนกันนะเนี่ย” รำพึงกับตัวเองได้อย่างหลงตัวเองสุดๆ

                ผมเอาคางไปเกยคนหลงตัวเองที่สะดุ้งสุดตัว  . .

                “เซฮุน ทำบ้าอะไร”

                มือข้างหนึ่งของผมโอบเอวเขาไว้ . .

     

     

     

              “เจ้าชายอะไร เจ้าหญิงของผมต่างหาก”

     

     

     

                “เพี๊ยะ!” ลู่หานตีมือผมและถอยตัวออกห่าง “มือเป็นปลาหมึกเลยนะ!

                “อิอิ” ผมยิ้มเบาๆ “รถมาคอยแล้ว เดี๋ยวฉันสวมเสื้อให้นะ” เสื้อนอกสีดำไซส์ลู่หานอยู่ในมือของผม ลู่หานมองดูสตาฟฟ์คนอื่นอย่างหวั่นๆ แต่ไม่เห็นมีใครสนใจเราทั้งสองคนเลย ทุกคนเริ่มจับกลุ่มกันเมาท์แฟชั่นดาราที่เริ่มจะเดินพรมแดงกันให้เห็นในทีวี “มาสิ เดี๋ยวก็ช้าหรอก”

                “ก็ได้” เขาหันหลังให้ผมใส่เสื้อให้ . . ใบหน้าจิ้มลิ้มของเขาดูเกร็งๆเมื่อมีมือของผมพาดผ่านตัวของเขาไปอย่างใกล้ชิด ลู่หานตัวหอมมาก . . สตาฟฟ์ฉีดน้ำหอมอะไรให้เขารึเปล่าเนี่ย . . แต่ผมจับตามองดูเขามานาน ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครฉีดอะไรให้ เพราะฉะนั้น . . นี่มันกลิ่นตัวตามธรรมชาติของลู่หานล้วนๆ

     

                เห็นแล้วนึกถึง . . ตอนที่เขาอยู่ใต้ร่างผม . .

     

                เพี๊ยะ! ผมตบแก้มตัวเองเบาๆหนึ่งที

                “อูย ทำร้ายตัวเองเป็นด้วย” ลู่หานที่ถือเสื้อนอกของผมอยู่มองมาอย่างขำๆ “ใส่เสื้อเร็วเข้า”

                “ขอบคุณนะ” ผมยื่นหน้าไปกระซิบลู่หานที่ข้างหู . . คนสวยของผมใช้มือดันหน้าผมออกไปให้ห่าง ไม่ได้สนใจเลยว่าผมน่ะแต่งหน้านานกว่าเขาอีก

                “ย่อๆลงมาหน่อย สูงไปแล้วนะ” ลู่หานแอบบ่น ผมเลยย่อตัวให้เขา

     

                “มีแฟนสูงไม่ดีเหรอ?”

     

                ลู่หานชะงักค้าง . .

     

                เป็นครั้งแรกที่ผมพูดถึงคำว่า แฟน

                ถึงแม้ว่าเราจะใจตรงกัน แต่ผมกับเขาก็ยังไม่ได้คบกันอย่างเป็นทางการเลย . .

     

                เพราะผมยังไม่ได้ขอ . .

     

                ลู่หานผลักตัวผมออก “แฟนไร มั่วจริง”

     

                เดินดุ่มๆออกไปข้างนอก โดยมีผมที่แต่งตัวเหมือนเขาราวกับแกะวิ่งตามออกไปแทบไม่ทัน

     

               

                รถที่บริษัทมารับเป็นรถยนต์ของยุโรปที่หรูเวอร์วังอลังการมาก . . ผมนั่งอยู่ข้างหลังกับลู่หานที่มองออกไปนอกหน้าต่างโดยมีคนขับรถใส่หมวกแต่งตัวเหมือนชาวอังกฤษอยู่ด้วย . . เจ๊ใหญ่เวอร์มาก . . ดาราเฉยๆนะ ไม่ใช่เจ้าชายที่ไหน . .

                ผมที่นั่งเงียบอยู่นานหันไปหาลู่หาน ใช้นิ้วสะกิดมือของเขาที่วางอยู่บนตักอย่างเรียกร้องความสนใจ

    ลู่หานส่งเสียงราวกับว่ารำคาญ และก็ไม่ยอมหันมาหาผมสักที . .

                “ยังไม่หายโกรธเรื่องเมื่อตอนบ่ายเหรอ”

                เขาทำหน้าเหมือนมีคนมาเปิดสวิตช์ “เออใช่ เรื่องนี้ . .” อ้าว เมื่อกี้ไม่ได้ใจลอยนึกถึงเรื่องนี้เหรอ “โอเซฮุนนายนี่มัน . .แย่มาก บอกแล้วใช่มั้ยว่ารอบเดียวๆ ทำไมสอง บ้ารึเปล่า!

                ลู่หานเหมือนคนเก็บกดมานานแล้วได้ระบายออกมาอย่างอัดอั้น . .

                เพราะตอนที่อยู่บ้านเขาผมกับเขาก็เอ่อ . . ทำอย่างว่า . . ลู่หานยอมผมถ้าผมทำรอบเดียว แต่ . . โอเซฮุนมันไม่เคยพอ มันขอต่ออีกรอบ . . ในห้องน้ำ . .

                ลู่หานก็เลยเดินไม่ปกติเพราะผม และเขาก็งอนผมมากพอดู

                “บอกให้หยุดก็ไม่หยุด” ปากเล็กๆยังคงเจื้อยแจ้วบ่นต่อไป

                “โหยยยย ง้อแล้ว” ใช้นิ้วก้อยตัวเองชอนไชไปที่มือของลู่หานเพื่อหานิ้วก้อยให้มาเกี่ยวกัน ลู่หานขยับนิ้วก้อยหนีสุดฤทธิ์ “อย่าหนีดิ”

                “เซฮุน ทำบ้าอะไร” ลู่หานขมุบขมิบด่าผม พยักเพยิดไปที่คนขับรถ ที่เขาก็เอาแต่ขับรถจริงๆ ไม่ได้สนใจพวกผมข้างหลังเลย

                “ง้อไง”

                “เอามือออกไปนะ”

                มันใกล้จุดนั้นของลู่หานเกินไปเหรอ . . “ได้สิ”

                ผมเอามือออกมาจากตักลู่หานและก็ฉวยเอามือข้างซ้ายของเขามาจับด้วย ลู่หานจะสะบัดออก แต่ผมเหนียวครับจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขาก็เลยทอดถอนใจและก็ยอมแต่โดยดี ให้ผมได้จับมือเขาตลอดทางไปงานประกาศรางวัลของค่ายเรา .  .

                “เมื่อกี้คิดอะไรอยู่เหรอ” ผมถาม ขณะที่คนขับรถเริ่มเลี้ยวรถเข้าไปที่หน้าอาคารสถานที่จัดงานแล้ว มีแฟนๆและก็สื่อมวลชนมายืนรอกันอยู่ที่บริเวณพรมแดงเยอะมาก ได้ยินเสียงคนขับรถวอคุยกับสตาฟฟ์ในงานเรื่องการปรากฏตัวของผมแล้วด้วย

                “เปล่าหรอก เตรียมตัวสิ” ลู่หานบอกกับผม และก็เอามือออกไปจากมือผม

                “ง้า” ผมส่งเสียงเซ็ง “เห้ย เสื้อยับ”

                “ไหน!” ลู่หานรีบมองดูเสื้อของผมทันที “ยับตรงไหน”

                “ตรงนี้ เบี้ยวด้วย จัดให้หน่อยยยยย”

                คงเป็นเพราะสถานการณ์มันเริ่มรีบเร่ง ลู่หานก็เลยไม่รู้ว่าผมน่ะแกล้ง

     

                ผมชอบให้เขามานัวเนียผมแบบนี้จังเลย . .

     

              เพี๊ยะ . . โดนตบแก้มเบาๆหลังจากแอบทำหน้าฟิน

                “ฉลาดดีนัก” ลู่หานบ่น “ตอนเดินออกไป ทำตัวดีๆด้วยล่ะ”

                “นายจะอยู่ข้างๆฉันมั้ย” ผมส่งสายตาเว้าวอน ลู่หานรู้สึกขนลุกมั้งเลยขยับตัวออกไปให้ห่างจากผมอย่างหวาดๆ

                “อยู่สิ .  .ฉันเป็นผู้จัดการนายนะ”

     

                ผมหน้าบึ้งตึง . .

     

                “เป็นอะไรของนายอีกเนี่ย”

              “ไม่ใช่ผู้จัดการสิ”

                “อะไรของนาย ก็ถูกแล้วไง ผู้จัดการ” ลู่หานทำหน้างง

     

                “ผมจะจอดเทียบพรมแดงแล้วนะครับ คุณโอเซฮุนกับผู้จัดการเตรียมตัวด้วยนะครับ”

     

                คนขับรถพูดกับเราเป็นครั้งแรก และเขาก็ค่อยๆเคลื่อนรถเข้าไปจอดเทียบจุดเริ่มต้นของพรมแดง ที่มีแฟนๆและก็สื่อเริ่มหันกล้องมาจ่อเตรียมตัวถ่ายรูปผมตอนเดินลงจากรถ . .

                แสงแฟลชสาดส่องเข้ามา เสียงกรี๊ดก็เริ่มดังขึ้น ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ . .

     

                “เซฮุน . .” ลู่หานเรียกสติผม

                “นายจะอยู่ข้างๆฉันใช่มั้ย” ผมหันมาจ้องลู่หาน

                “ยังจะเล่นอยู่ได้ ลงไปได้แล้ว ทุกคนรออยู่”

                “ตอบมาสิ”

                ลู่หานเริ่มจะหมดความอดทนกับผม “อยู่สิ ก็ฉันเป็นผู้จัดการนาย”

     

                “ลุงครับ รถคันนี้ติดฟิล์มสีดำสนิทรึเปล่าครับ” ผมหันไปถามคนขับรถ

                “ครับผม” เขาไม่ได้หันมาตอบผม แต่มองผมผ่านทางกระจกหลัง

    “ขอโทษนะครับลุง หมวกหล่น” ผมผลักหมวกของลุงให้หล่นไปปิดตาเขาเอาไว้

     

    จังหวะนั้นผมคว้าร่างบางของลู่หานเข้ามาไว้ในอ้อมแขน . . จ้องมองไปที่ดวงตากลมโตที่มีขนตาเป็นแพยาว  ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายสดใส แม้จะยังคงตะลึงงันไม่รู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร . .










     

    “ไม่ใช่ผู้จัดการ .  . แต่เป็นแฟน”

     






     

    กระซิบให้ลู่หานได้ยินแต่เพียงผู้เดียว และก็ก้มหน้าก้มตาใช้ริมฝีปากสัมผัสกับริมฝีปากของลู่หาน เร่าร้อนรุนแรงและดูดความหวานออกมาจากปากบางเล็กนั้นให้ได้มากที่สุดภายในเวลาอันสั้น . .









     

    “เสี่ยวลู่ .  . มาเป็นแฟนผมนะ”








     

    ลู่หานดูหมดเรี่ยวหมดแรงหลังจากที่โดนผมจูบหนักหน่วงและก็รัดตัวบางของเขาให้แนบกับตัวผม

     

    “เซฮุน นาย . .

    ผมมองไปที่คนขับรถ เข้ายังหาทางเปิดหมวกของเขาขึ้นมาไม่ได้เลย “ว่าไง”

    “ฉัน . .

    “ไม่ตอบฉันไม่ลงไปนะ”

     

    ทุกคนที่อยู่ข้างนอกเริ่มส่งเสียงโวยวายว่าทำไมโอเซฮุนไม่ยอมลงจากรถ . .

     

    “นายนี่มัน . .

    “ตอบเร็วๆเข้า”

    “บังคับเหรอวะ”

    “เปล่าสักหน่อย”

    ลู่หานนิ่ง ทำท่าคิด . . ให้ตายสิ ไหนบอกว่าผมคือรักแรกไง ยังจะคิดอะไรอยู่อีก



     

    คนรอมันลุ้นนะเว้ย . .






    ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ผมหลับปี๋และก็ลุ้นชิบหายว่าลู่หานเขาจะตอบว่ายังไง . .

     

    “นายเป็นผู้ชาย . . และฉัน . .

     

    ลู่หานเกริ่นมาแบบนี้ . .   ผมเห็นแววผิดหวังมาตั้งแต่ไกล จากที่นั่งตัวตรงและก็ยืดสุดตัว บัดนี้คอตกหลังค่อมเป็นที่เรียบร้อย

     

    และจู่ๆก็โดนดึงเข้าไปหาลู่หานซะงั้น

     

    จุ๊บ!

     

    ลู่ .  . ลู่หาน . . จะ จุ๊บแก้มผม O_O

     

     

    “คิก . . ก็ด้ายยยยย”

     

    “เสี่ยวลู่ตกลงเหรอ!” ผมร้องลั่นรถ คนขับรถแก้ไขปัญหาเรื่องหมวกของเขาเสร็จแล้ว และกำลังมองมาที่พวกเราอย่างงงๆ

    “ลงไปได้รึยัง”

    “เสี่ยวลู่ . .” ผมมองหน้าสวยๆของลู่หานอย่างตกตะลึง ดีใจจนรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลออกมา

     

    ได้ข่าวว่าผมถูกส่งชื่อเข้าชิงประมาณ 3 รางวัล ถ้าผมไม่ได้ ผมก็ไม่เสียใจแล้ว . .

     

    “ฮึ่ย อย่าจ้องดิ ฉัน . .เขินนะ”

     

    ผมจับมือลู่หานแน่นมาก . .

     

    “ลงไปได้แล้ว”

     

    ผมยิ้มให้ลู่หาน บีบมือของเขาแน่น . . “ไว้ค่อยคุยกันนะ”

     

    คนขับรถเหมือนรู้คิว เขาลงจากรถมาเปิดประตูให้ผม เสียงกรี๊ดดังสนั่นพร้อมๆกับแฟลชเป็นล้านที่สาดส่องเข้ามา . .

     

    “ตอนนี้ . . ขอตัวไปทำงานก่อน . .

     

     

    “นะ ที่รัก”

     

     

    ลู่หานสะบัดมือผมออก “รีบๆไปเลย!!!!!!!!!!!!!

     

     

    และภาพข่าวบนพรมแดงของผมในวันนั้น สื่อมวลชนต่างลงความเห็นว่าเป็นรูปยิ้มของโอเซฮุนที่หล่อที่สุดเท่าที่เขาเคยอยู่ในวงการมา . .

     

    ผมเดินบนพรมแดง โบกมือให้แฟนๆ หยุดยืนให้สื่อถ่ายรูป . . โดยที่แฟน(หมาดๆ)ของผมเดินอยู่นอกพรมแดงห่างๆ . . และก็คอยมองผมอย่างอายๆอยู่ตลอด . .

     

     

     

    อยากจะประกาศออกไปซะตั้งแต่ตอนที่เขายื่นไมค์มาสัมภาษณ์ว่าทำไมวันนี้ผมถึงมีความสุขนักหนา

     

     

     



     

     

    ก็คนมันไม่โสดแล้วอ่ะ . .  >/////<

     

     

     

     

     

     

     

     












     
     

    - เม้นด้วยนะ อิอิ >///< -
























     
    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×