ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไซอิ๋ว-วานรเทพ สะท้านฟ้า

    ลำดับตอนที่ #4 : ไซอิ๋ว 3 (จบ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 886
      4
      3 ก.พ. 50

    “ ไซอิ๋ว” 3
    ซอง โกคู (ซุน หงอคง )ตอนจบ



    แต่เมื่อ" หงอคง " ได้ย้อนกลับมาที่เขาโกเคียว และจำเป็นต้องอยู่ตัวคนเดียว ก็ให้เป็นหงอยเหงาเศร้าใจ อย่างยิ่ง เพราะจริง ๆแล้วนั้น " หงอคง " ยังคงมีความต้องการและมีศรัทธาอย่างมาก ที่จะร่วมออกเดิน ทางไปอัญเชิญพระไตร ปิฏกกับ" พระถังซัมจั๋ง "อยู่ แล้วตรงนั้น" ตือ ป๊วยก่าย " ก็ออกมาปรากฏตัว มันวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาแล้วระล่ำระลัก บอกความอย่างรีบร้อนด้วยน้ำตานองหน้าว่า " หงอคง แย่แล้วหละ เร็ว ๆเถิด เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วหละ เร็ว ๆ ตามข้า กลับไปเดี๋ยวนี้เลย เร็ว ๆเข้าเถอะ ฮื่อ ๆๆๆ "


    ความเป็นด้วยว่า" พระถังซัมจั๋ง " ได้โดนปีศาจร้ายที่มีความสามารถใช้คาถาอาคมซึ่งเป็นมนต์ดำ และได้สาปให้ได้ กลับกลายเป็นเสือลาดพลาดกลอนไปเสียแล้ว " หงอคง " เมื่อรู้ความแล้วจึงรีบ เดินทางไปกับ" ตือ ป๊วยก่าย " อย่างรีบ ร้อน และได้จัดการเข้าปราบเจ้าปีศาจร้่ายตัวนั้นได้สำเร็จ เมื่อเจ้าปีศาจร้ายได้ตายลงแส้ว " พระถังซัมจั๋ง " ก็ได้กลับคืนร่างมาสู่ ร่างเดิมทันที " ขอบใจเจ้ามาก " หงอคง " ที่ได้มาช่วยเหลือเราไว้ได้ทันท่วงที เพราะถ้าเจ้ามาช้ากว่านี้แล้วละก็ เราอาจจะต้องกลาย เป็นเสือลายพลาดกลอนไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว "


    เมื่อ" พระถังซัมจั๋ง " ได้กลับคืนร่างมาสู่ร่างเดิมแล้ว " หงอคง " จึงได้อัญเชิญให้ออกเดินทางร่วมกัน ต่อไปอีกครั้ง และ ในช่วงเวลานั้นได้มีปีศาจน้ำเต้าเงินกับน้ำเต้าทอง ซึ่งมันทั้งสองได้รู้ข่าวมาว่า" พระถังซัมจั๋ง " กับพวกบริวารกำลังจะ้เ้ดินทางเพื่ิอไป อัญเชิญพระไตรปิฎก จึงออกมาดักรอเพื่อที่จะ ทำการขัดขวางเสีย เมื่อขบวนของ " พระถังซัมจั๋ง " ได้เดินทางผ่านมาถึง ที่ใกล้ ๆกับที่พวกมันได้มา ซุ่มดักรออยู่นั้น แต่เจ้าปีศาจทั้งสองไม่สามารถที่จะทำอะไรและเข้าไปใกล้" พระถัง ซัมจั๋ง " ได้เลย เพราะ" หงอคง " นั้นได้หมุนไม้กระบองกายสิทธิ์อยู่ตลอดเวลา เจ้าปีศาจจึงจำเป็นต้องถอยออกไปคิด หาอุบายและวางแผนการณ์มาใหม่อีกครั้ง


    แล้วต่อมาได้สักพัก ปีศาจน้ำเต้าเงินกับน้ำเต้าทองก็ได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มันได้ใช้ให้ปีศาจ ตัวหนึ่งแปลง กายเป็นชายแก่นั่งเป็นลมแล้วให้ไปดักรอขบวนของ " พระถังซัมจั๋ง " อยู่ที่ข้างทาง เมื่อขบวนของ" พระถังซัมจั๋ง " ได้เดินทางมาถึงที่นั่นและได้เห็นชายแก่นั่งเป็นลมอยู่อย่างนั้น " พระถังซัมจั๋ง " นึกสงสารจึงออกคำสั่งให้ " หงอคง " ไปอุ้มชายแก่ ผู้นั้นแล้วให้แบกขึ้นหลังเสีย " หงอคง " เมื่อได้รับคำสั่งก็หยุดหมุนไม้กระบองกายสิทธิ์แล้วตรงไปอุ้ม ชายแก่ผู้นั้นแบก ขึ้นไว้บน หลังทันที และเมื่อ" หงอคง " ได้เดินแบกชายแก่ผู้นั้นเดินตามขบวนมาได้สักพัก ชายก็ผู้นั้นอยู่ ๆก็ค่อย ๆ เปลี่ยน ร่างกลับกลายเป็นหินก้อนใหญ่อันหนักอึ้ง แล้วทับ " หงอคง " เอาไว้ใต้ที่หินนั้นทันที เมื่อ " หงอคง " ต้องหมดอิสระภาพเพราะร่างกาย ขยับเขยื่อนไม่ได้แล้ว จึงเป็นโอกาศให้เจ้าปีศาจน้ำเต้าเงิน กับเจ้าปีศาจ น้ำเต้าทองตรงเขาไปลักพาตัว" พระถังซัมจั๋ง " กับพวกบริวารที่เหลืออยู่ทั้งหมดไป พวกมัน เล่นยกขบวนขโมยไป พร้อมทั้งม้า ขโมยยกไปทั้งขบวนที่เดินทางกันมาทั้งหมดเลยทีเดียว


    ส่วนทางด้าน" หงอคง " นั้น เมื่อต้องโดนทับเอาไว้ด้วยหินอันหนักอึ้งอย่างนั้นจึงไร้อิสระภาพ ร่างกายขยับไม่ได้จึง หมดท่าได้แต่ส่งเสียงร้องครางอยู่ใต้ก้อนหินก้อนนั้นอยู่อย่างเดียว แล้วในบัดดล ก็ได้มีเทพซึ่งเป็นเจ้าป่าได้ออกมา ปรากฏกายและบอกกับ " หงอคง " ว่า " ย่า ย่า...อ้ายเจ้าปีศาจสอง ตัวนั่นมันชื่อเจ้าปีศาจน้ำเต้าเงินกับเจ้าปีศาจ น้ำเต้าทอง ใคร ๆที่ผ่านมาแถว ๆบริเวณนี้จะต้องโดนพวก มันก่อกวนทำร้ายเอาทุกรายไปนั่นแหละ ข้าจะช่วย ทำลายหินก้อนนี้ให้ แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะต้อง ตามไปกำจัดและปราบเจ้าปีศาจทั้งสองตัวให้ข้าด้วย เป็นการตอบ แทนนะ เจ้าจะว่ายังไง " " หงอคง " ดีใจเหมือนสวรรค์ลงมาโปรดก็ไม่ปาน จึงตกลงรับปากกับเจ้าป่าว่าจะจัดการปราบ เจ้าปีศาจร้ายทั้งสอง ตัวให้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเจ้าป่าจึงร่ายมนต์ทำลายหินก้อนนั้นให้ในทันที


    เมื่อ" หงอคง " ได้กลับมามีอิสระขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ก็รีบเดินทางไปที่ปราสาทที่อยู่อาศัยของเจ้า ปีศาจทั้งสอง ตามคำ บอกเล่าที่เจ้าป่าได้กรุณาบอกมาด้วยนั้นทันที เจ้าปีศาจน้ำเต้าเงินกับเจ้าปีศาจ น้ำเต้าทอง รู้ตัวเสียก่อนว่า " หงอ คง " นั้นได้บุกตามและเข้ามาถึงปราสาทที่อยู่อาศัยของมันเสีย ก่อนแล้ว มันจึงออกมาแอบดักรอ เมื่อพอมันเห็น " หงอคง " กำลังเดินเข้าประตูเข้ามาแล้ว มันจึง ได้ตะโกนเรียกชื่อของ " หงอคง " ขึ้นด้วยเสียงอันดัง " โอ้ย ... อ้าย หงอคง !" " หงอคง " เมื่อได้ยิน เสียงเรียกชื่อตน ก็เผลอตัวขานตอบไปทันควันว่า " อะไร ! วะ " เท่านั้นเองพอเมื่อ สิ้นเสียงขานตอบ ร่างของ " หงอคง " ก็เหมือนโดนดูดเข้าไปในน้ำเต้าซึ่งเป็นอาวุธคู่ชีพของเจ้าปีศาจร้ายทั้งสองทันที มันสองตัวหัวเราะกันใหญ่ด้วยถูกใจ " ฮ่า ๆๆๆๆ อ้ายหน้าโง่ ดันเสือกขานรับออกมาได้ ง่าย ๆ น้ำเต้า ของข้านี่ถ้า เรียกชื่อใครแล้วขานรับตอบมาละก็ ฮ่า ๆๆๆๆ โดนดูดเข้าไปจนหมดทั้งตัวเลยหละ สมน้ำหน้า อ้ายหน้าโง่ สะใจข้า เสียจริง ๆ ฮ่า ๆๆๆๆ เหอๆๆๆๆ "


    " หงอคง " เมื่อขณะที่กำลังถูกน้ำเต้าดูดเข้าไปจนเกือบจะหมดตัวอยู่รอมร่ออยู่นั้น ก็รีบแปลงร่าง เป็นแมลงวันทันที แล้วบินหนีออกมาได้อย่างหวุดหวิด เมื่อบินออกมาตั้งหลักได้แล้ว และเห็นว่า เจ้าปีศาจทั้งสองตัวยังไม่ทันได้รู้ตัวว่า เหยื่อที่มันได้กำลังหัวเราะเยาะอยู่นั้นได้หลุดและหนีออกมา ได้แล้ว และด้วยความไว" หงอคง " จึงตะโกนเรียกชื่อ ของมันทั้งสองกลับทันที " ย้า สวัสดีปีศาจ น้ำเต้าเงิน..ปีศาจน้ำเต้าทอง ! " ด้วยเจ้าปีศาจทั้งสองตัวกำลังเพลินจึง หลวมตัวตอบรับออกมาว่า " อะไร ! ...อะไร ! " และเท่านั้นเองเจ้าปีศาจทั้งสองตัวจึงโดนดูดเข้าไปอยู่ในน้ำเต้าของ ตัวเองแทน " หงอคง " ไปโดยปริยายด้วยประการละฉะนี้เอง


    " หงอคง " เมื่อกลับคืนร่างสู่สภาพเดิมแล้วและได้เข้าไปช่วยปลดปล่อย" พระถังซัมจั๋ง " กับพวก พ้องของตนทั้งหมด ให้เป็นอิสระให้แล้ว ทั้งหมดก็ออกเดินทางกันต่อไป เพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายปลาย ทางคือ " ชมพูทวีป " กันต่อไปอีก ครั้งหนึ่ง และเมื่อเดินทางต่อมาจนถึงภูเขาลูกใหญ่ลูกหนึ่งที่ทั้งหมด จำเป็นจะต้องใช้เป็นเส้นทางผ่านไปนั้นเสียด้วย ก็ได้เกิดปรากฏว่าได้มีไฟแห่งนรกกำลังเผาใหม้ภูเขาลูก นั้นอยู่อย่างร้อนแรงและโชดช่วง " หงอคง " จึงจำเป็นจะต้อง เดินทางไปขอยืมพัดกายสิทธิ์จาก " นางพญาพัดทอง " ซึ่งได้มีไว้เป็นเจ้าของ เพื่อจะมาช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น อันนี้เสีย


    แต่พอ " หงอคง " เดินทางมาถึงที่ปราสาทของ" นางพญาพัดทอง " แล้วและได้ออกปากขอยืมพัด กายสิทธิ์เพื่อไป ช่วยดับไฟนรกเข้าเท่านั้น" นางพญาพัดทอง " กลับโมโหฉุนเฉียวขึ้นมาแบบไม่มีปี่ มีขลุ่ยทันที " จะบ้าหรือ? ข้าไม่มี ทางให้ยืมหรอก กะอ้ายแค่ลิงที่ต่ำต้อยอย่างเจ้า " ด่าและโมโหใส่ อย่างเดียวยังไม่พอ ยังแถมหยิบพัดกายสิทธิ์ มา โบกพัดใส่" หงอคง " จนกระเด็นตามลมไปเสียไกล ลิบเลยทีเดียว คราวนี้" หงอคง " จึงย้อนกลับมาใหม่แล้วแปลงร่าง เป็นสามีของ" นางพญาพัดทอง " คือจ้าวแห่งปีศาจวัว ด้วยขอยืมกันดี ๆแล้วไม่ให้ก็จำเป็นจะต้องขืนใจเอากันแบบนี้เลยหละ " หงอคง " เมื่อแปลงร่างแล้วก็เดินเข้าไปในปราสาท แล้วตะโกนเรียกภริยาคือ" นางพญาพัดทอง " แล้วบอกว่า " ข้ากลับมาแล้ว...ร้อนจังวันนี้ หยิบพัดกายสิทธิ์มาให้ข้าด้วย เร็ว ๆ ร้อนเสียจริง ๆเลย "


    พอขณะที่" นางพญาพัดทอง " ได้ยื่นพัดกายสิทธิ์ให้ถึงมือของ" หงอคง " แล้ว ก็พอดีกับที่ผู้เป็นสามี ตัวจริงคือ จ้าวแห่งปีศาจวัว ได้กลับมาที่ปราสาทพอดี ความจึงแตก แต่ว่า" หงอคง " ได้พัดกายสิทธิ์ มาไว้ในมือเสียก่อน แล้ว จึงเกิดการต่อสู่กันขึ้นอยู่พักใหญ่ " หงอคง " ได้ใช้พัดกายสิทธิ์ โพกพัดจน ทั้งสองต้องกระเด็นออกไปเสียจน ไกลลิบ และต้องพ่ายแพ้ให้แก่ " หงอคง " ไปโดยปริยาย " หงอคง " ได้ย้อนกลับมาและได้มานำพัดกายสิทธิ์ไปโบก พัดไฟนรกที่กำลังเผาไหม้อยู่นั้นถึง สี่สิบเก้าครั้ง เลยทีเดียว ไฟนรกจึงได้ดับลงได้อย่างสนิท และได้เดินทางข้ามผ่าน ภูเขาลูกนั้นไปได้อย่างปลอดภัย



    และจากนั้นขบวนของ " พระถังซัมจั๋ง " และบริวาร ก็ได้เดินทางมาได้จนถึง " ชมพูทวีป " และได้อัญเชิญ พระ ไตรปิฎกกลับสู่ประเทศจีนได้อย่างปลอดภัยตามจุดมุ่งหมายและหน้าที่อย่างสมบูรณ์ และพร้อม สำเร็จด้วยแรง ศรัทธาสนับสนุนของบริวารทั้งสาม ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นหรือจัดอยู่ในจำพวกของปีศาจก็ตาม อย่างน่ายกย่อง และน่าสรรเสริญที่สุด พระคัมภีร์หรือพระไตรปิฎกที่ได้อัญเชิญมาจาก" ชมพูทวีป " หรือประเทศอินเดียนี้ เมื่อ " พระถังซำจั๋ง "ได้กลับคืนมาสู่ประเทศจีนแล้ว ก็ได้ขออนุญาติพระราชา สร้างสถูปไว้ที่ " วัดไต่ซื่อเองยี่ " เพื่อเป็นที่ เก็บรักษาให้ปลอดภัย ในการก่อสร้างนี้เล่าลือกันว่า " พระถังซัมจั๋ง " ท่านได้หาบและขนอิญด้วยตัวของท่านเอง อีกด้วย สถูปนี้สร้างขึ้นตามแบบและ รูปร่างเดิมเหมือนหรือเลียนแบบของเดิมของประเทศอินเดียไว้อย่างครบถ้วน ในการเดินทางทั้งหมด สู่ " ชมพูทวีป " ของ" พระถังซัมจั๋ง " ครั้งนี้ ได้เล่าลือกันว่าต้องใช้เวลาทั้งหมดถึง๑๘ ปีเลย ทีเดียว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×