คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #287 : ดู No Game No Life เกมชีวิต เกมแฟนตาซี แล้วคิด.....
No Game No Life เป็นไลท์โนเวลแนวผจญภัย (พระเอกหลงเข้าไปยังโลกต่างมิติ), ตลก, แฟนตาซี, อภินิหาร และเอจจิ เขียนและวาดภาพประกอบนิยาย โดยคุณ Kamiya Yuu เคยวาดภาพประกอบเรื่อง Itsuka Tenma no Kurousagi (DARK RABBIT ผู้พิทักษ์เจ็ดชีวิต ของบงกช) ไลท์โนเวลที่เคยทำเป็นอนิเมะมาก่อน ก่อนที่จะมาเขียนนิยาย No Game No Life ในปี 2012 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน (ตอนที่เขียนบทความออกมา 6 เล่มแล้ว)
ส่วนไลท์โนเวลในไทยลิขสิทธิ์เป็นของทาง A-Plus (รวมไปถึงมังงะ) และอนิเมะได้ลิขสิทธิ์โดยโรสไปหมาดๆ
แม้ว่า หลายคนจะมองว่าเรื่องนี้เป็นแนวฮาเร็ม จนหลายคนเรียกฮาเร็ม 16 เผ่า แต่ผมไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นแนวฮาเร็ม (วิกีพีเดียเองก็ไม่ได้จัดแนวนี้เป็นฮาเร็ม) เพราะทำไม่อยากให้พระเอกได้ใครสักเท่าไหร่ (ฮ่า) แน่นอนจนบัดนี้ผมก็ยังรับหน้าตาพระเอกไม่ได้ แม้ว่าจะติดตามเรื่องนี้อยู่ก็ตาม
No Game No Life เป็นเรื่องราวของสองพี่น้อง โซระพี่ชายวัย 18 ปี และชิโระ น้องสาววัย 11 ปี ที่เป็นทั้ง NEET และ ฮิคิโคโมริ รู้จักกันนามแฝง『 』(คุฮาคุ ตามชื่อ ว่างเปล่า + สีขาว เลยได้สเปซว่าง) เป็นทั้งเกมเมอร์ออนไลน์ไร้พ่ายโค่นผู้เล่นกว่า 1,200 คนแล้วยังขึ้นอันดับ Top ของเกมกว่า 280 เกม จึงเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว ทั้งๆ ที่ตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองไร้จุดมุ่งหมายของชีวิต ล้มเหลวการเข้าสังคมบนโลกใบนี้ (ชิโระเป็นเด็กอัจฉริยะบริสุทธิ์ ส่วนโซระเก่งเรื่องไหวพริบและการนำไปใช้) ทั้งสองเบื่อโลกใบนี้ และตัดสินว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้น เป็น “เกมที่ไร้ค่า” สำหรับทั้งสอง จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเด็กที่เรียกตัวเองว่า “พระเจ้า” มาเชิญทั้งสองไปในโลกแฟนตาซี ที่ปราศจากความรุนแรงและสงคราม แต่ทุกสิ่งต้องตัดสินกันด้วย “เกม”
No Game No Life
No Game No Life เป็นอนิเมะประจำซีซั่น Spring 2012 อนิเมะภาพสวย แต่ภาพออกไปโทนชมพูและม่วง จนมีหลายครั้งที่ผมแสบตาบ้าง ภาพสวย แถมสตูดิโอ Madhouse ก็ถือว่าเป็นบริษัทอนิเมะชั้นนำอยู่แล้ว พอมาทำอนิเมะ ใส่ภาพโลกแฟนตาซีได้แสนยิ่งใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก (หลายคนจะบอกว่าอนิเมะตัดเนื้อหาไลท์โนเวลพอสมควร แต่ผมมองว่าอนิเมะทำออกมาดีแล้ว เนื้อหาที่ตัดเป็นส่วนที่ไม่จำเป็นมากนักเพื่อให้ดูกระชับกว่าอนิเมะชั่น หากบอกให้ไปอ่านไลท์โนเวลก่อน ผมก็ว่ามันจะ งง หนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ)
สำหรับผมแล้ว No Game No Life ผมนิยามว่าเป็น “อนิเมะที่ขี้โกง” ที่สุดในซีซั่นนี้ ขี้โกงยังไงน่ะเหรอ คือตอนแรกผมไม่สนใจเลยสักนิด พูดตามตรง ตั้งแต่ผมเห็นเรื่องนี้ครั้งแรกในมังงะ เห็นหน้าพระเอกแล้วรับไม่ได้สุดๆ หน้ามันพอๆ กับเจ้าโอตากุจาก Chaos;Head เพียงแต่เจ้าพระเอกเรื่องนี้ออกแบบเท่นิดหน่อย อีกทั้งยังฉลาด (แกมโกง ชอบบลัฟใส่คนอื่น) และมีสิ่งเดียวที่ผมรับได้ และทำให้ผมติดตามคือ น้องสาว แม่เจ้าเว้ย น่ารักโครต!!! บวกกับกางเกงในลายทาง โมเอะโครตๆ ดูหน่อยเป็นไง
และสิ่งที่ผมติดตามคือผมชอบพล็อต “พระเอกหลงเข้าไปยังโลกต่างมิติ” หรือภาษาอังกฤษคือ “Trapped in Another World” (ติดอยู่ในอีกโลกหนึ่ง) ซึ่งเป็นพล็อตที่ได้รับความนิยม และเอามาใช้เท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ โดยที่ตัวเอก (ไม่ก็ศัตรู) หลงมายังโลกอื่น (โลกต่างมิติ, ดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกล, จักรวาลคู่ขนาน, ในอนาคต, ในอดีต) และตัวเอก พบว่าตนเองมีบทบาทสำคัญสำหรับโลกแห่งนี้ และกลายเป็นผู้ถูกเลือก เป็นความหวังของใครหลายคน และพระเอกะสามารถกลับบ้านได้จนกว่าจะขจัดภัยพิบัติที่อยู่ตรงหน้าให้ได้
สาเหตุที่พล็อตพระเอกหลงไปต่างโลกไม่น่าเบื่อ ก็เพราะสามารถเอามาดัดแปลง ปรับเปลี่ยนได้มากมายหลายแบบทำให้ไม่ซ้ำซาก อีกทั้งดูแล้วอิน เพราะหากเป็นโลกเดิมๆ พระเอกจะเป็นคนธรรมเดาเดินไปวันๆ จนเพียงเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ ของสังคมเท่านั้น หากแต่เมื่อเข้าไปอยู่ในโลกต่างมิติ พระเอกได้กลายเป็นคนสำคัญ และใช้ความรู้จากโลกเดิมของตนมาปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับโลกต่างมิติ จนคนธรรมดาได้กลายเป็นผู้พิเศษ ผู้ถูกเลือกในที่สุด เหมือนเช่นโชระ และชิโระ สองพี่น้องในเรื่อง
แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเอกแนวหลุดต่างโลก หลายเรื่อง (เกือบทุกเรื่อง) หากทำภารกิจ เป้าหมายสุดท้ายได้สำเร็จ พวกเขาก็จะกลับมายังโลกของตน แต่โชระและชิโระนั้นปฏิเสธที่จะกลับไปยังโลกที่ตนอยู่ เพราะพวกเขาเห็นว่าโลกแห่งนี้ไม่ใช่ที่ของพวกเขาอีกแล้ว
หลายคนชอบ No Game No Life ค่อนข้างมาก อนิเมะเองก็ได้รับความนิยมพอสมควร ส่วนบอร์ดแห่งนี้ก็อวยตัวละครแตกต่างกัน เพราะตัวละครสาวในเรื่องน่ารัก และเต็มไปด้วยฉากเอจจิที่อิ่มอร่อยมากมาย แต่พูดตามตรงผมดูอนิเมะเรื่องนี้ไม่ได้สนเรื่องเอจจิเลยแม้แต่น้อย เพราะหัวสมองของผมคิดหนักมาก กับสิ่งต่างๆ ที่การ์ตูนสอดแทรก ไม่ว่าจะเป็นความคิดของโซระพระเอกของเรื่อง ไปจนถึงกฎกติกาของเกมต่างๆ ในเรื่องซึ่งจนบัดนี้ผมก็ งง เต็กเกือบทุกเกม เพราะผมไม่เข้าใจ สงสัยสมองผมเข้าไม่ถึง (และเกมเดียวที่ผมเข้าใจคือโป๊กเกอร์ และหมากรุก เพราะรู้ว่าอะไรเหนือกว่าเท่านั้น)
ผมยอมรับว่า No Game No Life เป็นการ์ตูนที่ดูยาก ไม่ว่าจะเป็นดูในไลท์โนเวล หรืออนิเมะก็ตาม ถ้าไม่ได้เพราะตัวละครน่ารักช่วยเอาไว้ ผมก็คงไม่ดู (นี้สิน่ะ ยุคขายคาแร็คเตอร์ โมเอะได้ชัยไปกว่าครึ่ง)
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้ขายความโมเอะตัวละครไปวันๆ แน่นอน (แต่หลายคนมักจดจำฉากเอจจิในเรื่องมากกว่า) เพราะเรื่องนี้สอดแทรกอะไรต่างๆ มากมาย ท่ามกลางความคิดมากของผมที่ดูเรื่องนี้ถังอนิเมะ มังงะ และนิยาย
คำถามว่า พวกคุณมองพี่น้องในเรื่องนี้ยังไง?
เทพเกมบนกระดาน แต่ล้มเหลวในเกมชีวิต อย่างที่รู้กันว่าในเรื่อง No Game No Life นั้นเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเล่นเกมในโลกแฟนตาซี และไม่ใช่การเล่นเกมที่มีกติกาง่ายๆ เข้าใจง่าย หากแต่เป็นเกมที่ซับซ้อน อีกทั้งยัง สอดแทรกอะไรมากมายที่เกี่ยวกับเกมเข้าไปด้วย
เกมถือว่าเป็นกิจกรรมของมนุษย์มาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นกีฬา การละเล่น เกมกระดาน เกมการพนัน เกมไพ่ เกมการ์ด เกมอิเล็กทรอนิกส์ ล้วนมีวัตถุประสงค์เหมือนๆ กันคือการสร้างความสนุกสนามบันเทิงแก่มนุษย์ในเวลาว่าง ฝึกทักษะ เรียนรู้ การศึกษา และนอกจากนี้ยังช่วยปฏิสัมพันธ์ สร้างความสามัคคี สร้างความสัมพันธ์ในกลุ่ม
แต่อนิจจา สองพี่น้องโซระและชิโระกลับเล่นเกมด้วยวัตถุประสงค์อื่น เมื่อเกมของสองพี่น้องไม่ใช่เล่นเพื่อความสนุกสนานอีกต่อไป หากแต่เป็นเกมที่พวกเขาเล่นเพื่อหนีความจริง
ชิโระเป็นเด็กอัจฉริยะโดยกำเนิด สามารถเล่นเกมยากๆ ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่สิ่งนี้ทำให้เธอเป็นที่รังเกียจต่อคนรอบข้าง และโดนคนอื่นกลั่นแกล้ง ทำให้กลายเป็นเด็กเก็บตัวไม่ออกไปยังโลกภายนอกอีก ส่วนโซระเด็กหนุ่มผู้กลายเป็นนีท อายุ 18 ปี ไม่ทำงานทำการ อยู่แต่ในบ้านตามลำพังสองพี่น้อง
เรียกได้ว่าสองพี่น้องมีปัญหาชีวิตแบบสิ้นหวังสุดขีด
ดังนั้นพวกเขาจึงใช้เกม เล่นแต่เกม เล่นมันเกือบทุกอย่าง เกมตู้ เกมออนไลน์ เกมบนกระดาน แต่พวกเขาไม่ได้เล่นเพราะต้องการสานสัมพันธ์กับผู้อื่น (ทำไมไม่ลงคลิปแคสเกมแบบเบย์) หากแต่พวกเขาต้องการเอาชนะ เกมเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องฝึกทักษะของพวกเขาแต่อย่างใด เพราะพวกเขาเก่งอยู่แล้ว และนั้นเองทำให้พวกเขากลายเป็นสุดยอดเจ้าแห่งเกม กลายเป็นตำนานในที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม แม้พวกเขาจะเล่นเกมมากมาย แต่พวกเขาไม่ได้มีความสุขแต่อย่างใด
เพราะพวกเขาไม่สามารถเคลียร์เกมชีวิตได้
โซระและชิโระเรียกเกมชีวิตของทั้งคู่ว่า “เกมห่วยๆ” เพราะเชื่อว่าโลกนี้ไม่ยอมรับพวกเขา มันเป็นเกมชีวิตที่พวกเขาไม่สามารถเคลียร์มันได้ และเมื่อเคลียร์ไม่ได้พวกเขาจึงเล่นเกมอื่นแทน โดยหลีกหนีเกมห่วยๆ ทั้งๆ ที่เกมห่วยที่ว่าคืออนาคตที่พวกเขาควรก้าวเดินด้วยซ้ำ
พวกเขาเล่นเกมแบบเรื่อยเปื่อย ไม่มีจุดมุ่งหมาย เล่นจนลืมเวลา ลืมโลกภายนอกแล้วว่าเป็นยังไง
ปกติแล้วแนวพระเอกหลงไปมิติอื่นๆ ตัวเอกมักมีปมมากมาย เป็นต้นว่า จิตใจอ่อนแอ, ขัดแย้ง, การหลีกหนีความจริง หากแต่เมื่อตัวละครหลุดไปโลกต่างมิติ ที่นั้นตัวเอกก็ได้เรียนรู้ (แบบประสบการณ์ชีวิต ) ประสบการณ์ในหล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนใหม่ สิ่งเหล่านี้ แนวนี้มักเอามาเล่นบ่อยๆ อยู่แล้ว แน่นอนว่าโซระกับชิโระก็เป็นหนึ่งในตัวเอกเหล่านั้น
แต่ที่น่าสนใจคือ ผมมองไม่ออกว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่จะสอนทั้งคู่ว่าเกมชีวิตนั้นสำคัญ และจะมีอะไรที่ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นคนใหม่ หรือพัฒนาจิตใจได้ แถมมีอยู่ช่วงหนึ่งโซระยังตอบกลับกับแนวตัวเอกหลงไปต่างโลกว่า “ทำไมพวกตัวเอกถึงอยากกลับไปยังโลกของตนนัก” แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่ไม่คิดจะกลับโลกเดินของเขา โลกที่ไม่ต้องการพวกเขา ไม่อะไรให้พวกเขาอีกแล้ว และไม่มีคิดว่าจะมีอะไรสอนพวกเขาได้ เพราะพวกเขาเก่งหมด
สองพี่น้องเทพเกม
แน่นอนตามพล็อตตัวเอกหลงไปโลกอื่นนั้น ตัวเอกจะต้องเป็นผู้กล้ากอบกู้อะไรบางอย่าง ฮิตๆ ก็คือ โลกอื่นที่ตัวเอกหลงเข้าไปนั้น มนุษย์ชาติเต็มไปด้วยปัญหา โดยเฉพาะการรุกรานจากจอมมารและสมุนปีศาจ ซึ่งตัวเอกต้องเป็นตัวแทนของเหล่ามนุษย์ต่อสู้กับจอมมารเพื่อคืนสู่ความสงบของอาณาจักร
แต่โลกของ No Game No Life นั้นไม่มีจอมมาร แม้ในอดีตจะมีสงครามนองเลือดมากมาย แต่เมื่อมีเทพเจ้าองค์ใหม่ขึ้นครองโลก จึงบันดาลให้โลกแห่งนี้ได้เปลี่ยนไป ด้วยการห้ามเผ่า 16 เผ่าพันธุ์ทำสงคราม ห้ามใช้ความรุนแรง โดยเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม แม้โลกนี้ไม่มีจอมมาร ภายนอกเหมือนจะสงบสุข แต่ความจริงแล้วมันกลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความขัดแย้งของเผ่าพันธุ์ ที่โลกนี้มีถึง 16 เผ่าพันธุ์ ส่วนมากเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่ในโลกแฟนตาซีทั่วๆ ไป เป็นต้นว่า เผ่าเอลฟ์, เผ่าคนแคระ, เผ่าหูสัตว์ ฯลฯ ซึ่งแต่ละเผ่านั้นมีความเครียดแค้นเผ่าอื่นเนื่องมาจากสงครามในอดีตอยู่ แม้ว่าโลกแห่งนี้จะไม่มีสงคราม แต่ใช่ว่าพวกเขาจะอยู่กันอย่างสงบสุข เมื่อโลกแห่งนี้มีที่ดินและทรัพยากรจำกัด พวกเขาจึงต้องแย่งชิงเพื่อให้เผ่าพันธุ์ของตนยิ่งใหญ่กว่าเผ่าอื่นๆ
แม้โลกนี้จะไม่มีสงคราม แต่หากเกิดการขัดแย้ง หรืออยากแย่งชิงสิ่งมีค่าของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีค่า, ดินแดน หรือแม้แต่ชีวิต พวกเขาจะต้องตัดสินด้วย “เกม” ภายใต้กฎบัญญัติทั้ง 10
และนั่นเองทำให้เผ่าพันธุ์ทั้งหมด พยายามชิงดินแดนหรือของมีค่าของเผ่าต่างๆ ด้วยการ “เล่นเกม” เรื่อยมา
แน่นอนว่าโลกแห่งนี้มีเผ่าพันธุ์มนุษย์ (หรือเรียกว่า “อิมานิตี้”) และโลกนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกจัดว่าเป็นเผ่าที่ต่ำที่สุด เพราะมีความเปราะบาง จำนวนประชากรไม่มีคุณภาพ ไม่มีพลังพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น ในขณะที่เผ่านอกเหนือจากมนุษย์ล้วนมีพละกำลัง ความฉลาด พลังเหนือธรรมชาติ เหนือกว่ามนุษย์
แม้อดีตเผ่ามนุษย์จะเคยยิ่งใหญ่มาก่อน (สาเหตุที่มนุษย์ยิ่งใหญ่ไม่ทราบ) แต่เพราะห้ามมีสงครามความรุนแรง ให้ตัดสินด้วยเกมเอง และนั้นเองทำให้มนุษย์เสียเปรียบ โดนเผ่าอื่นใช้เวทมนต์โกงเรื่อยมาในการชิงอาณาเขต จนปัจจุบันพวกมนุษย์เหลือประเทศเล็กๆ เมืองหลวงเล็กๆ ที่ผู้คนใช้ชีวิตแบบทุกข์ยากเป็นแห่งสุดท้ายเท่านั้น
No Game No Life เป็นอนิเมะไม่กี่เรื่อง ที่สร้างให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ตกต่ำ ไม่เชื่อไปดูนิยาย การ์ตูนแนวโลกแฟนตาซีอื่นๆ ก็ได้ เกือบทั้งหมดสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ยิ่งใหญ่หมด หรือแม้มนุษย์จะถูกจอมมารรุกราน แต่ก็มีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง ส่วนเผ่าไม่ใช่คนอย่างเอลฟ์ คนแคระ ต้องตกเป็นเบื้องล่างของเหล่ามนุษย์ทั้งสิ้น (บางเรื่องตกเป็นทาสด้วยซ้ำ) หากแต่ เมื่อโลกแฟนตาซีถูกห้ามทำสงครามและใช้ความรุนแรงเด็ดขาด ทุกสิ่งทุกอย่างต้องตัดสินด้วยเกม ซึ่งมันไม่เข้าทางมนุษย์ เพราะมนุษย์ยิ่งใหญ่ได้เพราะสงคราม แต่กลายเป็นว่าพอไม่มีสงครามก็เด็กอมมือดีๆ นี้เอง เล่นอะไรก็แพ้เผ่าอื่นหมด และนั้นเองทำให้โลกมนุษย์ใน No Game No Life คิดว่าตนเป็นสิ่งไร้ค่า ไม่มีทะเยอทะยาน อยู่แบบสิ้นหวังไปวันๆ พูดง่ายๆ คือสภาพของมนุษย์บนโลกแฟนตาซี ซึ่งพวกเขารอใครบางคนที่จะมากอบกู้ ให้เผ่าพันธุ์ของตนลืมตาอ้าปากบ้าง
กัปตันฌองปิลัค Star Trek: The Next Generation
กอบกู้มนุษย์ หลังจากที่โซระและชิโระได้เป็นพระราชา-ราชินีร่วมกัน โซระได้กล่าวคำสุนทรพจน์ต่อหน้าประชากรมนุษย์ว่า “แม้มนุษย์จะมีมีเวทมนต์ ไม่มีพละกำลัง หรือสิตปัญญาเทียบเท่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ แต่มนุษย์ก็สามารถต่อสู้อยู่รอดมาได้ เพราะพวกเราอ่อนแอ พวกเราเรียนรู้ที่จะอยู่รอด และเราก็ทำได้”
รู้ไหมว่าโซระเอาคำพูดนี้มาจากไหน คนที่พูดประโยคนี้ครั้งแรกไม่ใช่โซระแน่นอน เพราะมีมานานแล้ว หากจะหาใครที่โดดเด่นพูประโยคนี้ ก็คือดารานักแสดงคนหนึ่งชื่อแพทริค สจ๊วต ซึ่งเขากล่าวประโยคแบบนี้หลายครั้งในฐานะกัปตันฌองปิลัค จากภาพยนตร์ Star Trek: The Next Generation (หากใครไม่รู้จัก เขาแสดงละครเป็นศาสตราจารย์เซเวียร์ ในภาพยนตร์เรื่อง X-Men ซึ่งเขาก็พูดประโยช์คล้ายๆ แบบนี้เช่นกัน) ซึ่งมีหลายครั้งที่กัปตันยอมรับว่ามนุษย์นั้นอ่อนแอ มีข้อบกพร่อง (อ่อนแอ/น่าสงสาร/ขี้ขลาด/ไร้ค่า แต่ก็เชื่อในศักยภาพความสามารถของมนุษย์ ที่มี ความรัก/เพื่อน/ความจงรักภักดี/ความกล้า/วิริยะ/ การเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้ทำให้มนุษย์สร้างความแตกต่างทุกเผ่าพันธุ์ หากมีสงครามหรือการแข่งขัน พวกเขาจะเติบโต และสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
นอกจากนี้ โซระแตกต่างจากคนเป็นนีททั่วๆ ไป (เอาเฉพาะตัวเอกที่เป็นนีทในการ์ตูนญี่ปุ่น) เพราะปกติแล้วคนเป็นนีทนั้น นิสัยจะเป็นคนขี้ขลาด ตัดสินใจอะไรไม่ค่อยเป็น และขาดทักษะการสื่อสารกับคนอื่น แต่กรณีของโซระนั้นแตกต่างกันออกไป เห็นได้ชัดเลยว่าโซระมีความกล้าแสดงออกระดับหนึ่ง (หากอยู่ใกล้กับน้องสาว) พูดจาฉะฉาน อีกทั้งยังบลัฟ (หลอกลวง,ขู่ขวัญให้กลัว,แสร้งทำ) ให้ฝ่ายตรงข้ามตายใจเก่งอีกต่างหาก แบบนี้ไม่ใช่นีทหรอก (ความจริง สาเหตุที่โซระเก่ง เพราะอยู่ใกล้น้องสาว หากน้องสาวอยู่ห่างตัว ทำอะไรไม่เป็น)
มองลึกๆ แล้วทั้งโซระและชิโร่เองก็ไม่ก็อยากเป็นคนเก็บตัวหรือนีทไปตลอด พวกเขาเองก็อยากเข้าสังคม อยากเป็นคนธรรมดาเหมือนคนอื่นทั่วไป หากแต่พวกเขากำลังหลงทาง สังคมที่พวกเขาอยู่ปฏิเสธพวกเขา จนทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้ความรู้ความฉลาดของพวกตนให้เกิดประโยชน์ โลกที่เขาอยู่ไม่มีเวลาที่เขาต้องแสดงฝีมือ ยิ่งฉลาดมาก ยิ่งรู้มาก ก็ยิ่งรู้อะไรหลายอย่าง จนเกิดความเบื่อหน่าย
ดังนั้น เมื่อเทพเจ้า (ดุ้น) ได้ให้โซระและชิโร่หลงไปยังโลกอื่น ก็เปรียบเสมือนการปูเส้นทางให้สองพี่น้องได้แสดงฝีมือ โลกดังกล่าวเป็นโลกทีพวกตนสามารถแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่นั้นเอง
หลังจากที่โซระและชิโระมายังโลกแฟนตาซี และเข้าไปเมืองอาณาจักรของมนุษย์ ทั้งสองก็พบชาวเมืองเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่อย่างสิ้นหวัง ตกต่ำถึงขีดสุด อารยธรรมด้อยกว่าเผ่าอื่นๆ ถูกเผ่าอื่นดูถูก และทั้งที่คนอื่นดูถูกก็ไม่ตอบโต้ แสดงให้เห็นว่าพวกตนแน่ ทำให้โลกแห่งนี้ไม่แตกต่างอะไรจากโลกที่เขาอยู่ แล้วชาวเมืองเหล่านี้ก็ยังซ้อนทับกับพวกเขา ที่มันคล้ายๆ กับสภาพที่พวกเขาอยู่ในโลกเดิมไม่มีผิด
แต่สิ่งที่โซระแตกต่างจากชาวเมืองโลกต่างมิติ คือโซระชื่อศักยภาพมนุษย์ ในขณะที่ชาวเมืองไม่เชื่อศักยภาพมนุษย์ ยินดีอยู่อย่างเงียบๆ สิ้นหวัง ไม่เชื่อว่ามนุษย์เก่งกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ
และนั้นเองทำให้โซระมีความคิดที่จะแก้ไข พยายามแสดงให้เห็นว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เก่งกว่าใคร
แม้ว่าดูภายนอกเหมือนโซระจะเหมือนสนุกในเล่นเกม แต่ลึกๆ แล้วโซระคงอินไม่น้อยกับที่ตัวเองมีบทบาทเป็นผู้กอบกู้เผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกัน สังเกตว่าโซระมักแสดงอาการไม่พอใจหลายครั้ง เมื่อมีคน (ซึ่งส่วนมากเป็นเผ่าพันธุ์อื่น) ดูถูกมนุษย์ ว่ามนุษย์อ่อนแอ น่าเบื่อ โซระก็ตอบโต้ทุกครั้ง จนฝ่ายต้องข้ามพูดไม่ออกเลยทีเดียว
นิยาย No Game No Life
กลยุทธ์การเล่นเกมของพระเอก แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับ No Game No Life ก็คือการเล่นเกมเดินพันนั้นเอง เมื่อเซียนเกมจากโลกเดิม โซระและชิโระหลงมาโลกต่างมิติ โลกแฟนตาซีที่ทุกอย่างตัดสินด้วยเกม และพวกเขาต้องเล่นเกมด้วยการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่ ราวกับทั้งสองเป็นผู้กอบกู้มวลมนุษย์ชาติก็ได้
และการเล่นเกมนี้แหละทำให้เรื่องนี้น่าสนใจขึ้น
แต่ที่แปลกคือหลายเกมในเรื่องนี้ มันเกินจิตสำนึกเกมในโลกเดิมของเรานิดหน่อย เพราะโลกนี้เล่นเกมธรรมดาไม่ได้ จะต้องมีอะไรแฟนตาซีทุกครั้ง และที่สำคัญคือเกมแต่ละเกมค่อนข้างมีกฎซับซ้อน ทั้งๆ ที่เกมที่เล่นก็เกมธรรมดานี้แหละ เช่น หมากรุก, เป่ายิงฉุบ, ต่อคำ แต่สิ่งที่ทำให้ซับซ้อน ก็คือกฎกติกาการเล่นเกมพิเศษที่เพิ่มเข้ามา เป็นต้นว่า เล่นเกมหมากรุก หมากรุกสามารถเคลื่อนไหวได้จากแรงใจของผู้เล่น, เล่นเกมต่อคำวาจาสิทธ์โผล่ตามใจนึก
ซึ่งเป็นจุดที่ผมดูแล้วแอบ งง เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่า งง ไม่เข้าใจหลายอย่าง แต่ก็ทึ่งกับผลสรุปตอนท้ายในการเล่มเกม เพราะยิ่งกฎเกมมีซับซ้อน เงื่อนไขมากมาย มีกฎมากมายเท่าไหร่ ยิ่งมีช่องทาง ช่องว่าง โซระก็ยิ่งอ่านเกมขาดและได้รับชัยชนะในที่สุด ดูแล้วตกใจแบบคิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าโซระเอาชนะได้ด้วยวิธีนี้
ผมเห็นหลายคนวิจารณ์เรื่องนี้ว่าพระเอกเก่งเกินไป ดูแล้วไม่ลุ้น ดูแล้ว อันนี้ผมไม่เห็นด้วย เพราะจากหลายเกมจะพบว่าพระเอกชนะฉิวเฉียด เกือบแพ้ด้วยซ้ำ แต่ที่พระเอกมั่นใจ ว่าจะชนะ ก็เพราะพระเอกนั้นวางแผนอย่างดี
แม้ว่าเกมจะยากเพียงใด คู่ต่อสู้จะโกงมากเพียงใด หากเกมนั้น “สามารถเอาชนะทางทฤษฏีได้ พวกเขาก็จะไม่แพ้” แน่นอนคำพูดของโซระไม่ใช่การอวดเก่ง หากแต่เขาก็ทำได้จริง ไม่ใช่เพราะเขาฉลาดเกินมนุษย์ หรือเล่นเกมเก่งเทพ แต่โซระมีการวางแผน การใช้กลยุทธ์ เกมจิตวิทยา ทำให้คู่ต่อสู้ติดกับ พลาดพลั้ง ในตอนท้าย
“การเอาชนะเกมไม่ใช่ดวง” นี่คือสิ่งที่โซระแสดงให้เห็นมาโดยตลอด ว่าดวงไม่ได้เป็นตัวกำหนดให้ชนะเกมเสมอไป หากแต่มันมีปัจจัยต่างๆ มากมาย ทั้งเรากำหนดขึ้นมาเอง รวมไปถึงเหตุการณ์ที่คิดไม่ถึงที่ส่งผลต่อเกมไปในทิศทางที่ถึงจุดตัดสิน
เรามักยึดติดว่าสองพี่น้องนั้นเก่งเทพเกินไป ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วสองพี่น้องก็เป็นเพียงคนธรรมดา ที่นอกเหนือจะฉลาดแล้ว พวกเขายังเก่งกลยุทธ์ รู้จักวางแผนทั้งนอกและใน จะเห็นว่า ยิ่งเกมที่เดินพันสูง โซระก็ไม่ได้ท้าแข่งเกมแบบเกรียนๆ ทันทีทันใดแต่อย่างใด เพราะรู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามมีกลอุบายที่เหนือกว่าตนแค่ไหน โซระต้องหาข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามว่ามีลูกเล่นอะไรบ้าง วางแผนในการรับมือ การใช้แผน A, แผน B
และที่น่าสนใจคือกลยุทธ์ของโซระนั้นสามารถเอามาปรับใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยซ้ำ
ถ้าไม่มีกางเกงในลายทางของชิโร่ผมก็คงไม่ดูเรื่องนี้
--พี่น้องหยิงหยาง โซระมักพูดบ่อยๆ ว่า “หากพี่น้องร่วมมือกันคุฮาคุจะไม่มีวันพ่ายแพ้” อันหมายถึงความสามัคคีของพี่น้องในการชนะเกมกับฝ่ายตรงข้ามนั้นเอง หากเปรียบความสามัคคีของพี่น้องคู่นี้ก็เหมือนกับหยิงหยาง แม้ว่าชิโระกับชิโรเป็นพี่น้องไม่เหมือนกันเลย ไม่ว่าจะเป็นกายภาพ หรือนิสัย แต่ทั้งสองกับมีความเข้ากันได้ นำความสมดุลที่เอาจุดเด่นของตนมากลบจุดอ่อนของอีกฝ่าย โซระมีความสามารถจัดการกับฝ่ายตรงข้ามด้วยสงครามประสาทจิตวิทยา (บลัฟ) และคาดการณ์ลูกเล่นของฝ่ายตรงข้าม ส่วนชิโระเป็นอัจฉริยะในการวิเคราะห์ และคาดการณ์ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ทั้งหมดของเกม และนี่คือเหตุผลว่าทำไมพี่น้องจึงต้องร่วมมือกันหากมีการเล่นเกมเดิมพันที่สำคัญ
--บลัฟ ระหว่างเล่นเกม บ่อยครั้งที่โซะละมักทำการบลัฟคู่ต่อสู้ การบลัฟหมายถึงทำให้คนอื่นเชื่อว่าคุณทำอะไรบางอย่าง ทั้งทีเราไม่ได้ทำ หากเป็นภาษาในเกมพนัน (หรือการแข่งขันต่าง ๆ) ก็คือ การขู่ศัตรูให้กลัว ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เหนือกว่าศัตรูโดย ซึ่งสำหรับวงการพนันแล้ว โดยเฉพาะการเล่นโป๊กเกอร์ การบลัฟนั้นถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่มักใช้อยู่บ่อยครั้ง เพราะหากเราบลัฟให้คู่ต่อสู้ยอมหมอบโดยไม่สู้ ก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ แม้ว่าไพ่ในมือของเราด้อยกว่าก็ตาม
-- “เอามาเป็นพวกซะ” โซระได้รู้ขีดจำกัดของมนุษย์ ที่ไร้เวทมนต์ ไร้ความรอบรู้ ไร้ชั้นเชิงความสามารถพิเศษ ทำให้ไม่สามารถสู้กับเผ่าพันธุ์อื่นได้ ต่อให้โซระและชิโระจะเก่งขนาดไหน หากฝ่ายตรงข้ามใช้เวทมนต์โกง พวกเขาก็แพ้แบบไม่รู้ตัว ดังนั้นสิ่งที่โซระทำก็คือการหาพันธมิตรที่แข็งแกร่งมาไว้ข้างตัว เพื่อต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามซะ ในเมื่อพวกเขาใช้เวทมนต์ไม่ได้ ก็ต้องหาพวกที่เก่งเวทมนต์ให้ได้ เพื่อกลบข้อเสียของตนเองซะ
แม้เผ่าพันธุ์มนุษย์แฟนตาซีหวาดกลัวเผ่าพันธุ์อื่น จนไม่สามารถอยู่ร่วมกัน หรือเข้าหาเป็นพันธมิตรได้ (ในขณะที่เผ่าอื่นก็ดูถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์) แต่พวกโซระและชิโร่ไม่ได้มีความหวาดกลัวอันนั้น (เพราะมาจากโลกอื่น) และโซระพยายามที่จะเข้าหาเผ่าพันธุ์อื่นๆ เพื่อเอามาเป็นเพื่อน เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฟลูเกล (น้องนก) ไปจนถึงเอลฟ์ ทำให้กลุ่มของโซระมีความหวังมากขึ้น
บางครั้งการถืออคติ การแบ่งแยกชาติพันธุ์ และความหวาดกลัวก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น การทำสงครามเย็นก็มีแต่ฉุดความเจริญของทั้งสอง ทำไมเลิกต่อสู้ แล้วมาเป็นมิตร ลืมความบาดหมางในอดีต เพื่ออนาคตที่สดใสกว่า
ตอนหลังๆ ผมชอบสเตฟมากกว่า
สเตฟไม่ได้มีดีแค่นม ยอมรับเลยว่าผมติดตามแฟนตาซีเรื่องนี้เพราะคาแร็คเตอร์ผู้หญิงในเรื่องน่ารักมากๆ ไม่ว่าจะเป็นชิโระ, น้องนก ส่วนพระเอกโซระเหรอ ผมพยายามเมินและจิ้นเป็นผมเอาก็ได้ (หึ)
ตอนแรกๆ ผมค่อนข้างชิโระเด็กน้อยตัวเล็กๆ ผู้เป็นฮิคิโคโมริ และกางเกงในลายทาง หากแต่เมื่อดำเนินไปนานๆ ผมก็พบว่าผมชอบ “สเตฟานี่ ดอร่า” (ผมมักเรียกสตาฟจัง ซึ่งชื่อแฟนตาซีของนิยายญี่ปุ่นค่อนข้างอ่านยากครับ ขนาดคนญี่ปุ่นแท้ๆ บางคนยังอ่านผิดอ่านถูกเลย โดยเฉพาะเรื่องนี้มีตัวละครหลายคนที่ชื่ออ่านยากด้วย)
สเตฟ (ผมขอเรียกเธอแบบนี้น่ะครับ) เป็นหลานสาวของกษัตริย์เผ่ามนุษย์ (อิมานิตี้) องค์ก่อน ซึ่งอยู่ในช่วงกำลังตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะเหลือเมืองหลวงเล็กๆ ที่ชื่อ “เอลเชีย” เมืองเดียว ที่แทบไม่มีทรัพยากรอะไรเลย
ความจริงแล้วสเตฟน่าจะได้รับตำแหน่งเป็นราชินีจากการสืบทอดต่อกษัตริย์องค์ก่อน หากแต่เพราะ “สัญญาทั้ง 10” ปู่ของเธอต้องเสียดินแดนของอิมานิตี้มากมายให้เผ่าอื่นๆ จากการพนัน จนเหลือเพียงเมืองหลวงแห่งเดียว ทำให้ตัวปู่ถูกผู้คนตำหนิว่า “ราชาผู้โง่เขลา” และนั่นเองปู่ของเธอจึงสั่งเสียก่อนตายว่า “ให้มนุษย์ที่เป็นเซียนพนันเท่านั้นจึงจะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปได้” ทำให้มีการเปิดกว้างให้คัดเลือกมนุษย์คนใดก็ได้ที่ชนะเกมพนันติดต่อกันก็ได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไปทันที
ความจริงแล้วสเตฟเป็นเด็กสาวที่ฉลาด หัวไว แต่ปัญหาคือเธอไม่ทันคน ทำให้เธอโดนโกงจากเกมชิงตำแหน่งกษัตริย์ จนกลายเป็นผู้แพ้ไป หากแต่ความต้องการที่จะปกป้องและฟื้นฟูอาณาจักรเอลเชีย ทำให้เธอได้พบโซระกับชิโระที่หลงเข้ามาโลกต่างมิติเข้าพอดี และสตาฟก็มีส่วนให้โซระและชิโระได้เป็นกษัตริย์ของเผ่ามนุษย์ไปในที่สุด
สเตฟอาจเป็นตัวละครน่าแกล้งที่สุดในเรื่อง (ด้วยหน้าอกอันอวบอิ่มอร่อย) แกล้งธรรมดาไม่ได้ ต้องแกล้งแรงๆ แบบอายต่อหน้าประชาชน และดูแล้วสมองกลวง (ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเธอฉลาดทีเดียว) แต่ในขณะเดียวกันสตาฟกลายเป็นตัวละครที่ดูแล้วสนุกที่สุดคนหนึ่งในเรื่องด้วย
แม้ภายนอกสเตฟจะเป็นลูกไล่ของโซระและชิโระ จากคำสั่งของโซระ “จงตกหลุมรักฉันซะ” หลังจากที่เธอแพ้เกมเป่ายิงฉุบ ทำให้สเตฟกลายเป็นลูกสมุนแบบไม่มีทางเลือก ซึ่งความจริงแล้วถึงไม่มีคำสั่งนั้น สเตฟก็ยินดีจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสนับสนุนโซระและชิโระอยู่ดี เพราะสเตฟเชื่อว่าทั้งสองคนน่าจะทำให้เผ่ามนุษย์เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีบ้าง แม้ว่าสเตฟจะกังวลเรื่องทัศนคติของโซระที่มองทุกอย่างเป็นเพียงแค่ “เกม” ก็ตาม
แม้ว่าโซระและชิโร่จะเป็นกษัตริย์แห่งอิมานิตี้ แต่นิสัยของทั้งคู่ไม่ชอบออกมาข้างนอก และไม่ค่อยผูกมิตรกับคนอื่น ต่อให้โซระจะมีนโยบายการปกครองที่ดีเพียงแต่ หากไม่มีผู้สนองโครงการ ซึ่งสตาฟก็อยู่เบื้องหลังที่นำนโยบายพัฒนาบ้านเมืองไปใช้ นำมาปรับใช้ให้เหมาะกับเมืองโลกแฟนตาซี ทำให้ฐานะความเป็นอยู่ของชาวเมืองดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเป็นกาวใจความสัมพันธ์ระหว่างราชาองค์ใหม่กับขุนนางเก่าไม่ให้เกิดการขัดแย้งปานปลายด้วย
ด้วยบุคลิกของโชระและชิโร่ ที่มีนิสัยไม่เข้ากับสังคม ไม่ผูกมิตรกับคนอื่น ขี้เกียจ แม้ว่าอยากจะมีเพื่อน แต่น้อยคนจะเข้าใจความฮาร์ตของพี่น้องคู่นี้ แม้ว่าเป็นราชาแต่โซระกับชิโระก็เป็นเพียงคนไม่มีหัวหนอนปลายเท้าในโลกแฟนตาซีแห่งนี้ ทำให้จึงไม่เป็นที่ชื่นชอบขุนนางเก่า ดังนั้นโซระและชิโร่จึงต้องมพันธมิตรที่ไว้ใจและเข้าใจพวกเขาระดับหนึ่ง นั้นก็คือสเตฟนั้นเอง แม้ว่าหลายครั้งที่สเตฟจะไม่ใจโซระกับชิโระก็ตาม
อีกสาเหตุหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบสเตฟ คือบทของเธอค่อนข้างสมเป็นนางเอกมากกว่า มีทั้งบทเป็นห่วงบ้านเมือง แถมบทดราม่าก็กินใจผมด้วย ตรงฉากที่สเตฟเชื่อมั่นว่าปู่เธอไม่ได้เป็นคนโง่ ซึ่งมีอยู่ฉากหนึ่งที่สเตฟไม่พอใจมากที่โซระด่าปู่ของเธอว่าเป็นคนโง่ เธอถึงกับไม่พอใจและน้ำตานองหน้า ก่อนที่ตอนท้ายโซระก็ได้ขอโทษด้วยการพิสูจน์ว่าปู่ของสเตฟไม่ใช่คนโง่ และนั้นเองทำให้สเตฟเชื่อใจโซระกับชิโร่บ้าง
ผมไม่ได้มองเรื่องการโซระปักธงสเตฟแต่อย่างใด แต่ผมมองความสัมพันธ์ระหว่างสเตฟกับโซระ (และชิโร่) คือความเชื่อใจมากกว่า หากเปรียบสเตฟแล้วเธอก็เหมือนคนธรรมดาอย่างเราๆ (จึงเป็นตัวละครที่เข้าถึงคนดูมากที่สุด ที่มีความรู้สึก ความสามารถแบบคนธรรมดา และเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้เชื่อใจสองพี่น้องคู่นี้ตั้งแต่แรก ไม่เชื่อว่ามนุษย์จะสามารถเอาชนะเผ่าพันธุ์อื่นๆ ตามที่โซระว่าเอาไว้ หากแต่โซระก็ได้แสดงให้เห็นในหลายเกมที่สามารถเอาชนะเวทมนต์ และความรอบรู้เหนือมนุษย์ของเผ่าพันธุ์อื่นได้ สเตฟได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นจากการเรียนในห้องเรียน หรือด้านการปกครอง ทำให้มุมมองสเตฟที่มีต่อพี่น้องคู่นี้ดูแล้วสนุก และน่าติดตามมากขึ้น
ความสนุกของ No Game No Life อยู่ที่ การเล่าเรื่องที่ไม่หนักดราม่าอะไรมากมาย เน้นตลก (แถมมีมุกล้อเลียน แกล้งสเตฟพอหอมปากหอมคอ) อีกทั้งยังให้เราอินกับการเป็นผู้ถูกเลือก จากนีทการเป็นผู้กอบกู้ความตกต่ำของมนุษย์ (ทั้งๆ ที่ผู้กอบกู้เองก็ตกต่ำทางสังคมเหมือนกัน) และการเล่นเกมเดินพันครั้งยิ่งใหญ่ ที่โซระและชิโระจะมีกลยุทธ์ยังไงในการชนะเกมที่ฝ่ายตรงข้ามมาเพื่อโกงแบบสุดฤทธิ์สุดเดช และที่สำคัญสาวๆ เรื่องนี้โมเอะ มาก (ส่วนพระเอกไปไหนก็ไปเถอะ) ประกอบกับภาพที่ทำออกมาสวยหยดย้อยมากๆ (ไม่ว่าจะเป็นภาพประกอบในนิยายไลท์โนเวล หรืออนิเมะ) ก็ทำให้หลายคนติดตามเรื่องนี้แล้ว
พูดง่ายๆ โดยรวมแล้วสนุกและตื่นเต้นครับ
ปัจจุบัน ผมยอมรับว่าผมมีนิยายเรื่องนี้สองเล่ม แต่ผมดูแบบผ่านๆ น่ะ เพราะผมไม่ค่อยถูกกับการบรรยายแบบนิยายแฟนตาซีเท่าไหร่ (คือจะเริ่มเกริ่นนำแบบยาวๆ แล้วค่อยพูดตัวเนื้อหาหลัก) แต่อนิเมะนี้ผมติดตาม (แม้จะไม่เข้าใจกติกาเกมก็เถอะ) และถือว่าเป็นอนิเมะที่สุดอีกเรื่องหนึ่งในซีซั่นนี้ (แต่ไม่ที่สุดสำหรับผม เพราะผมให้ฮาเร็มสาวละลาย Gokukoku no Brynhildr เป็นอนิเมะที่สนุกที่สุดในซีซั่นนี้
ความคิดเห็น