ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องจริงทะลุโลก (Of The World)

    ลำดับตอนที่ #48 : ชีวิตของผู้กำกับหนังที่เห่ยที่สุดในโลก (อ่านแล้วควรเศร้าดีหรือเปล่า?)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.92K
      5
      5 ม.ค. 52


                  

    คราวก่อนผมลงเรื่อง Plan 9 from Outer Space (1959) หนังที่ห่วยที่สุดในโลกมาแล้ว มาคราวนี้ถ้าผมไม่ลงชีวิตผู้กำกับเรื่องนี้ก็กะไรอยู่ เพราะชีวิตเขานั้นมันกว่าหนังที่เขากำกับอยู่เป็นร้อยเท่าเลยครับ   

    เขาคือ Ed Wood

    Ed Wood ,Jr. เกิดในปี 1924 เมืองนิวยอร์ค และเสียชีวิตในปี 1978) ตอนเด็กๆ คุณแม่อยากได้ลูกสาวมากเลยจับลูกชายมาแต่งตัวเป็นหญิง อันส่งผลอย่างมหาศาลต่อรสนิยมของเขาเมื่อโตแล้ว (ไม่ได้เป็นชายรักชาย) เพียงแต่เขาชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิง (Tranvestism) และมีแฟนเป็นหญิง

    เหมือนกับผู้กำกับทั่วไป ที่วู๊ดในวัยเด็กจะชอบสะสมการ์ตูนและการทำหนังมากชอบโดดเรียนไปดูหนัง อย่างไรก็ตาม เขาได้สมัครเป็นนาวิกโยธินเมื่ออายุได้เพียงสิบเจ็ดปี ไม่กี่เดือนก่อนที่ญี่ปุ่นจะโจมตี Pearl Harbor (ปี 1941) และเข้ารบในสมรภูมิสำคัญๆ หลายแห่ง เช่น Guadalcanal (อเมริการบกับญี่ปุ่นในเกาะแถวแปซิฟิก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย) จนในที่สุดเขาก็รอดท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่สองที่สู้กันอย่างอุตลุต และได้รับยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษสงคราม

                  ต่อมาเขาช็อคคนฟังโดยการสารภาพในภายหลังว่า ครั้งหนึ่งในตอนรบ เคยแอบใส่ชุดชั้นในและกางเกงในของผู้หญิงด้วย หลังจากสงครามแล้ว วู๊ดก็เปลี่ยนชีวิตเป็นอีกเวอร์ชั่นคือเป็นตัวประหลาดในการเต้นโชว์สำหรับพิธีต่างๆ ที่โดดเด่นที่สุดคือแต่งกึ่งชายกึ่งหญิง


                  วีรบุรุษในดวงใจของวู๊ดคือ
    Orson Welles คนทำหนังเรื่อง Citizen Kane นั่นแหละ สาเหตุสำคัญเพราะเขายกย่อง เวลส์ในเรื่องของพลังและความปรารถนาในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ รวมไปถึงบทบาทแบบแกงโฮ้ะ คือเป็นทั้งผู้กำกับ ผู้เขียนบท และดาราในหนังเรื่องเดียวกัน ซึ่งวู๊ดเห็นว่านอกจากเวลส์แล้วมีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้ แต่สาเหตุสำคัญเพราะเขาต้องประหยัดงบประมาณการทำหนัง

    วิธีการทำหนังของเขาถือได้ว่าลวกๆ และไร้ซึ่งรสนิยมอย่างหาที่ใครจะลอกเลียนแบบได้ (เพราะกลัวเจ๊ง) ของวงการหนังฮอลลี่วู๊ด ว่ากันว่า เขามักจะถ่ายทำหนังแบบ เทคเดียวพอแล้ว ไม่ว่าฉากนั้นจะห่วยสักแค่ไหนก็ตาม มีอยู่น้อยครั้งที่เขาจะให้ถ่ายทำอีกครั้ง (ในขณะที่หนังบางเรื่องเล่นเป็นร้อยเทค) ทั้งนี้ เพราะงบประมาณและเวลาที่จำกัดอีกเช่นกัน

    ถ้าท่านคิดไม่ออกว่าหนังจะออกมาหน้าตาอย่างไร หากนึกไม่ออก ก็ลองจินตนาการถึงเรื่อง ดึกดำดึ๋ย ของเทพ โพธิ์งาม หรือยอดชาย ของเด๋อ ดอกสะเดาว่าเห่ยแค่ไหน หนังของวู๊ดจะห่วยกว่าถึงห้าเท่า

    ตัวอย่างที่ชัดเจนจาก Starpics เล่มเดือนที่แล้วที่มีปกคือ Fantastic Four ตอนห้าสิบหนังเลวร้ายที่สุด หนังของวู๊ดเรื่องหนึ่งได้รับจัดอันดับให้อยู่ที่ห้า นั่นคือเรื่อง Plan 9 from Outerspace สร้างในปี 1957 (ตอนแรกวู๊ดตั้งชื่อเป็น Grave Robbers from Outer Space แต่พวกองค์กรศาสนาที่สนับสนุนด้านงบประมาณเห็นว่ามันหมิ่นศาสนาเลยต้องเปลี่ยนชื่อและบางฉากออกไป) เป็นหนังเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่กลัวอาวุธลับของมนุษย์ว่าจะทำลายจักรวาล (สะท้อนความกลัวอาวุธนิวเคลียร์ในช่วงสงครามเย็น) เลยพยายามปลุกผีดิบขึ้นมาฆ่ามนุษย์(นั้นเรื่องปลุกทีถึง 3 ตัว!!) แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

    "บางครั้งเราจะเห็นไมค์โผล่จากออกมาด้านหลัง ห้องนักบินไม่ต่างอะไรจากโต๊ะอ่านข่าว ใช้ยูเอฟโอของเด็กเล่นมาขึงด้วยเส้นเอ็น ป้ายหลุมศพก็ไปเอากระดาษแข็งมาปักส่งเดช"

    มีอยู่ฉากหนึ่งที่บรรยายตอนวู๊ด กำลังถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ครั้งหนึ่งผีดิบล้มลงแล้วเท้าขุดหญ้าขึ้นมาทำให้คนดูรู้ว่าเป็นกระดาษสีเขียวชัดๆ ช่างกล้องถามวู๊ดว่าจะถ่ายทำใหม่ไหม แต่ได้รับการปฎิเสธ นอกจากนี้วู๊ดยังแอบเอาภาพของ Bela Lugosi (ดาราหนังที่เคยโด่งดังในอดีตจากเรื่อง Dracula แต่มาตกอับจนต้องติดยาและเหล้า ได้รับการช่วยเหลือจาก วู๊ดจนได้แสดงในหนังเห่ยๆ ของเขาหลายเรื่องเช่น The Bride of the Monster)ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับหนังเลยมาไว้ในหนังและบรรยายจนเป็นตุเป็นตะ ผลก็หนังได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังที่เห่ยที่สุดเท่าที่มนุษย์จะพึงสร้างสรรค์ได้หรือ The worst movie ever made (อันนี้ร้ายกว่าที่ Starpics จัดเสียอีก)

    นอกจากนี้ยังมีหนังที่โด่งดังและมีเสน่ห์ดึงดูดให้คนดูเอาเกี๊ยะปาจออื่นๆ ของวู๊ดอีกเช่น Night of the Gouls , Bride of the Monster ,Glen or Glenda (ทั้งสองเรื่องยังได้อันดับของหนังสุดเห่ยในStarpics อีกด้วย แต่ยังถือว่าเห่ยต่ำชั้นกว่า Plan 9 อยู่หลายขุม) ปัจจุบันนี้หาดูได้ค่อนข้างยาก

    ถึงแม้จะทะเยอทะยานและมุ่งมั่นในการทำหนังเห่ยๆ มากแค่ไหน วู๊ดก็ถูกปฏิเสธจากวงการฮอลลี่วู๊ด เขาก็หันไปทำหนังโป๊ชั้นต่ำแทนและติดเหล้างอมแงม แต่ตายด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ด้วยอายุเพียง 53 ปี


                   ภายหลัง เอ๊ด วู๊ด ได้รับสดุลดีเป็นวีรบุรุษในตอนใจของผู้กำกับชื่อดังทิม เบอร์ตัน(
    Tim Burton) และได้สร้างหนังเรื่อง Ed Wood (1994)เพื่อยกย่องเขาในเวลาต่อมา และถูกจัดอันดับว่าเป็น The worst director of all time (หนังห่วยอีกแหละ) แต่อย่างไรก็ตามเขากลับได้รับการบูชาจากคนที่ชอบดูหนังประหลาดๆ ไม่ตามกระแส ตามภาษาของหนังคือ Cult Movie

     

    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=historyandphilosophy&group=4&page=13+ +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×