ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตามรอยเรื่องลึกลับ

    ลำดับตอนที่ #87 : แมรี เกรย์ (Mary Grey) วิญญาณอาฆาต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.92K
      7
      2 มี.ค. 52

    แมรี เกรย์ (Mary Grey)

     

    วิลลิแชม เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในอังกฤษ มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป หลังจากมีข่าวแพร่สะพัดว่า ได้พบศพหญิงสาวคนหนึ่งถูกฆาตกรรม ฝังไว้ในหลุมโคนต้นโอ๊คที่มีอายุเก่าแก่ต้นหนึ่ง ชาวบ้านพากันแตกตื่นเข้าไปมุงดูแน่น ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งได้รับแจ้งข่าวเดินทางไปชันสูตรศพ ครั้นเดินทางไปถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งการให้เคลื่อนย้ายศพหญิงสาวออกมาจากหลุม ที่สังเกตเห็นเด่นชัดก็คือมีแหวนสวมอยู่ที่นิ้วมือข้างหนึ่งของศพ ซึ่งเนื้อหนังเน่าเปื่อยไปหมดแล้ว เหลือแต่กระดูก

     ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำศพไปให้เอลเลน เกรย์ พี่สาว ของหญิงสาวคนหนึ่งที่ได้หายสาบสูญไปเมื่อปี 1973 ซึ่งผ่านมาได้ 18 ปีแล้ว ทันทีที่เห็น เอลเลนได้หวีดร้องออกมา ด้วยความตกใจ และพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า เป็นแหวนของแมรี่...มันเป็นแหวนที่ฉันมอบให้เป็นที่ระลึกในงานแต่งงานเธอ

                    ในโอกาสครบรอบวันเกิดอายุ 18 ปีของ แมรี เกรย์เธอได้สมรสกับ บาซิล ออสบอร์น ในขณะเดียวกัน เธอก็ได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งส่งไปถึง จอห์น บอดนีย์ อดีตคนรักของเธอตั้งแต่สมัยเด็ก เพื่อขอโทษที่ตัดสินใจแต่งงานกับชายอื่น  ช่วงเวลา 1 ชั่วโมงก่อนที่เจ้าบ่าวจะพาเธอออกไปฮันนีมูน แมรี่ได้บอกพี่สาวว่า ต้องการใช้เวลาอยู่คนเดียวลำพังบนห้องนอนชั้นบนสักครู่หนึ่ง ครั้นเจ้าบ่าวเดินทางมาถึง ปรากฏว่าเธอยังไม่ลงมาข้างล่าง เวลาผ่านไปนานผิดปกติ เจ้าบ่าวและญาติของแมรี่รีบกรูขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบน ปรากฏว่า แมรีล๊อคประตูห้องนอน เอลเลนได้ตะโกนเรียกสลับกับเสียงเรียกของบาซิล ออสบอร์น แต่ไม่มีเสียงตอบ พวกเขาจึงได้ใช้เหล็กพังประตูเข้าไปข้างใน และก็ปรากฏว่าห้องว่างเปล่า ไม่พบร่องรอบของแมรี่แต่อย่างใด เพียงแต่เห็นหน้าต่างในห้องบานหนึ่งเปิดอยู่ เป็นหน้าต่างที่เปิดออกไปยังระเบียงซึ่งมีทางตัดตรงไปยังสวนหลังบ้าน ทั้งหมดได้พากันสำรวจทั่วบริเวณสวนก็ไม่พบร่องรอยของแมรี่เช่นเดียวกัน

                    หลังจากนั้นหนึ่งเดือนต่อมา บาซิล ออสบอร์น เจ้าบ่าวก็สิ้นชีวิตลง ซึ่งชาวบ้านร่ำลือว่าวิญญาณของเจ้าสาวคงมานำเจ้าบ่าวไปด้วย เนื่องจากตกดึกหลายคืนที่ผ่านมา มีเสียงสุนัขห่อนอยู่ข้างบ้านของเจ้าบ่าวอยู่เสมอ และหลังจาก 18 ปีผ่านไป การพบโครงกระดูกทำให้ชาวบ้านเพิ่งทราบว่า เกิดอะไรขึ้นกับแมรี่ สภาพโครงกระดูกที่เห็นได้ชัดก็คือ กระดูกคอหัก ซึ่งนับว่าเป็นฆาตกรรมที่โหดร้าย เอลเลนประกาศว่าจะเก็บรักษาโครงกระดูกมือของน้องสาวไว้ และติดตามหาตัวฆาตกรโหดมาลงโทษให้ได้

                    แม็กกี้ วิลเลี่ยม แม่บ้านผู้ใกล้ชิด เอลเลน ได้วางแผนที่จะนำเอาโครงกระดูกมือของแมรี่ ที่ยังสวมแหวนอยู่ไปแสดงให้คนทั่วไปได้ชมเพื่อว่าจะเป็นช่องทางตามหาตัวฆาตกรได้ ต่อมาเธอได้เปิดร้านเครื่องดื่มเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน วิลลิแชม และได้ตั้งตู้โชว์ครอบแก้วมีแท่นวางกระดูกมือของแมรี่อย่างโดดเด่นไว้ตรงมุมห้องด้านหนึ่ง เพื่อให้คนได้ชมอย่างใกล้ชิด ปรากฏว่าได้ผลเกินขาด มีผู้คนหลั่งไหลมาชมด้วยความสนใจอย่างมากมายตลอดเวลา และการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการฆาตกรรมแมรี่ได้แพร่สะพัดไปอย่างกว้างขวาง

                    จนกระทั่งถึงคืนวันหนึ่ง ในเดือนมีนาคม ปี 1995 มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเข้ามาในร้านนั่งดื่มเดรื่องดื่มตามปกติ แม๊กกี้พูดกับลูกค้าในร้านว่าคืนนี้ ดูช่างคล้ายกับคืนหนึ่ง ซึ่งลมได้พัดเอาข่าวร้ายจากต้นโอ๊คเก่าแก่แพร่สะพัดทั่วไป ชายแปลกหน้าที่นั่งดื่มสุราสะดุ้งและเงยหน้ามองแม๊กกี้พร้อมทั้งกล่าวว่า ผมไม่เข้าใจ มันเกี่ยวอะไรกับต้นโอ๊คด้วยล่ะแม๊กกี้ได้ตอบว่าหันไปมองตู้โชว์มือสวนแหวนเปื้อนเลือดด้านโน้นซิ แล้วฉันจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ชายแปลกหน้าคนนั้นจึงเดินไปยังตู้โชว์ และได้เพ่งโครงกระดูกมือที่สวมแหวนด้วยอากัปกิริยาตื่นเต้น ทันใดนั้น เขาได้ร้องตะโกนสุดเสียง พลางทรุดตัวลงนั่งใกล้ตู้โชว์ ที่มือของเขามีเลือดหยดลงพื้นไม่ขาดสายราวกับถูกของมีคม ขณะเดียวกันชายชราคนหนึ่งได้ลุกขึ้นชี้นิ้วไปยังชายแปลกหน้าแล้วร้องว่า เขาจำได้ว่าชายคนนี้คือ จอห์น บอดนีย์ อดีตคนรักของแมรี่ที่หายไปนั้นเอง

                    ครั้นตำรวจมาถึง ชายแปลกหน้าที่มือเปื้อนเลือดก็ได้สารภาพว่า เขาคือฆาตกรฆ่าแมรี เกรย์ เนื่องจากโกรธแค้นที่เธอไปแต่งงานกับชายอื่น เขาได้แอบเข้าไปซ่อนในห้องของแมรี่ ครั้นเห็นเธออยู่ตามลำพัง จึงให้ผ้ารัดคอแล้วอุ้มเธอออกไปยังสวนหลังบ้านเขายืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่าเธอเลย แต่ครั้นอุ้มเธอไปถึงต้นโอ๊คเก่าแก่ในสวน เธอได้ดิ้นและพยายามตะโกนเรียกร้องให้คนช่วย ด้วยอารมณ์ชั่ววูบผนวกกับความโกรธแค้นที่สุ่มอยู่ในอก เขาจึงตัดสินใจฆ่าเธอโดยการหักคออย่างแรง จากนั้นได้ขุดหลุมผังเธอไว้ที่โคนต้นโอ๊คนั้นเอง และได้หนีออกจาก หมู่บ้านวิลลิแชมไป เขาได้เปิดเผยว่า ต่อมาจิตใจเขาไปสงบสุขเลย คล้ายกับวิญญาณแมรี่ติดตามเขาไปด้วยความอาฆาตตลอดเวลา จนกระทั่งเขาถูกบังคับให้กลับมายังหมู่บ้านนี้อีก

                    ก็เป็นอันว่าฆาตกรโหด จอห์น บอดนีย์ ต้องชดใช้กรรมที่ตนทำไว้ เขาถูกจับขังคุก แต่ขณะที่รอคำตัดสิน ปรากฏว่าเขาได้เสียชีวิตโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ แต่ผลการชันสูตรศพปรากฏว่าลำคอของเขามีรอยเขียวช้ำ ราวกับถูกหักคอ ชาวบ้านต่างพูดว่าคงเป็นวิญญาณของแมรี่นั้นเองที่มาแก้แค้น และบรรดาญาติพี่น้องของแมรี่ก็ได้นำโครงกระดูกของแมรี่ พร้อมมือที่สวมแหวน ทำพิธีเผาตามประเพณีทางศาสนา เพื่อเป็นการส่งวิญญาณของเธอให้ไปสู่สัมปรายภพต่อไป

     

    http://www.geocities.com/fundee2000/angryspirit.htm

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×