ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #397 : (เฮ้ย! จริงเหรอ!! แบบแมวๆ) เทพหนวด!!?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.85K
      10
      6 มิ.ย. 59

    ครึ่งหนึ่งเคยเขียนถึง “เทนตาเคิล” แล้ว แต่พอดีบทความถูกแบน (เพราะลงรูปปลาหมึกดูดของสงวนญี่ปุ่น) เลยลบภาพ ตัดเนื้อหาเพียบ ทั้งๆ ที่เขียนกำลังมัน มาบทความนี้ขอเอามาเขียนอีกรอบให้เสร็จสมบูรณ์ ในแง่ “พล็อตนิยายที่ผมโครตอยากเห็น พระเอกเป็นเทนตาเคิล”

    บทความก่อนนึ้ครับ

    http://writer.dek-d.com/cammy/story/viewlongc.php?id=125456&chapter=222

    ปกติแล้วถ้าหากพูดถึง “เทนตาเคิล” เราก็นึกถึงสัตว์ประหลาดหนวด ระยงค์ยั้วเยี้ย ไต่ซอนไซ ทำมิดีมิร้ายต่อผู้หญิง ส่วนใหญ่มักปรากฏการ์ตูนสายมืด ถือว่าเป็นสายหนึ่งที่ได้รับความนิยม ขาดไม่ได้ ในวงการทั้งญี่ปุ่นและเทศ (แต่พี่ไทยโครต งง ว่ามันฮิต มันมีอารมณ์ตรงไหน)  

    แม้ว่าเทนตาเคิลในสายมืดจะเป็นปีศาจเกรดต่ำ เป็นปีศาจที่ออกไปทางน่าขยะแขยง ขยะ ทำร้ายผุ้หยิง จับผู้หญิงมาผสมพันธุ์ ไร้สมอง ไร้ความคิด ทำตามสัญชาติญาณดิบ ดูอ่อนแอ น่ารังเกียจ

    อย่างไรก็ตาม สำหรับบางสื่อแล้ว เทนตาเคิล เป็นสัตว์ประหลาดที่มีร้ายกาจมาก อาจเรียกมันร้ายกาจกว่ามังกรหลายเท่า แม้แต่สิ่งที่เรียกว่าเทพทั้งปวง ก็ไม่สามารถต่อกรกับมันได้

    ไม่แปลกเลยที่มันถูกเรียกว่า “เทพหนวด”

    หาก เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ผู้แต่งนิยายเดอะลอร์ด ออฟๆ เดอะ ริงส์ เป็นผู้วางรากฐานรนิยายแฟนตาซี ที่มีก็อปลิน, เอลฟ์ และคนแคระ สงครามที่ยิ่งใหญ่แล้ว  เอช พี เลิฟคราฟ  (H. P. Lovecraft) นักเขียนแนวลึกลับโกธิคที่โด่งดังในยุค ปี 1924 น่าจะเป็นแม่แบบของ “เทพหนวด” หรือก็คือตำนานคธูลูนั่นเอง

    ตำนานคธูลู (Cthulhu Mythos) เป็นตำนานสมมติที่สร้างขึ้นเพื่อรวมงานประพันธ์ของ เอช. พี. เลิฟคราฟท์ โดยนักประพันธ์ชื่อ ออกัสต์ เดอเลธ (August Derleth) เป็นผู้เริ่มใช้คำนี้ หลังจากนั้นนักเขียนมากมายก็แต่งตำนานคธูลูตามมา จนกลายเป็นจักรวาลเดียวกัน

     

     

     อซาธอท


    ในตำนานคธูลูนั้นได้แต่งเนื้อหาเกี่ยวกับเทพ (มาร) แต่ที่แทนที่จะเป็นเทพหล่อๆ เท่ๆ เทพมารของเลิฟคราฟมีลักษณะพิลึกพิลั่น น่าเกลียดน่ากลัว รูปร่างเหมือนปลาหมึก มีหนวดระยงค์เต็มไปหมด (ซึ่งเทพในตำนานคธูลูนั้นมีหลักๆ อยู่ 3 พวกคือ เกรทโอลด์วัน หรือ เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่ (Great old one), เอาเตอร์ก็อด หรือ อุตรเทพ (Other god) และเอลเดอร์ก็อด หรือ เทพโบราณ (Elder god))

    แม้ว่าผมไม่เคยอ่านนิยายเลิฟคราฟ (เพราะแทบไม่มีนิยายแปลไทยเลย ถ้ามีก็คงเป็นนิยายเก่าๆ เท่านั้น) แต่กระนั้นเราก็มักคุ้นเคย เทพ (มาร) เหล่านี้จากสื่อบันเทิงต่างๆ ภาพยนตร์ เกมหลากหลายรูปแบบ หนังสือภาพ หรือแม้กระทั่งอัลบั้มเพลง ไม่ว่าจะเป็น เนียลาโธเทป,  คธูลู,  อซาธอท ที่เอามาดัดแปลงกันถ้วนหน้า อย่างเช่น  ซึ่งเกือบทั้งหมด ภาพวาดที่ออกมา ล้วนมีหนวดๆ รยางค์ เส้นๆ ดูแล้วน่าจะเป็นสัตว์ประหลาดมากกว่าเทพ

    ความจริงแล้วการเรียกชื่อเทพ (มาร) ที่ปรากฏในตำนานคธูลูนั้น ไม่ใช่ชื่อจริงของมัน เพราะชื่อจริงนั้นมนุษย์ไม่สามารถออกเสียงได้ ดังนั้นชื่อของเทพ (มาร) ปรากฏอยู่นั้นเป็นเพียงการหาคำที่เหมาะสำหรับ (อันนี้เนียวรุโกะบอกเอง) นอกจากนี้บางตัวยังมีหลายร่าง ไม่มีร่างแท้จริง บางครั้งก็แปลงเป็นมนุษย์ก็มี แต่ส่วนใหญ่เรามักเห็นเป็นร่างระยางค์เสียงมากกว่า

     

     

    อซาธอทบ้านผมไม่น่ารักขนาดนี้หรอก

    (จากหนังสือรวมเทพคธูลูฉบับโมเอะ)

     

    แม้รูปร่างของเทพของค่อนข้างแปลกประหลาด เต็มไปด้วยรยางค์ แต่ทุกตัวนั้นขึ้นชื่อว่า “เทพ” ดังนั้นพลังของพวกมันไม่ได้เพียงแค่รัดเหยื่อ หรือไร้สมองแน่นอน อย่าง อซาธอท ก็เป็นเทพระดับสูงที่กล่าวกันว่าหากมันลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็จะทำให้จักรวาลแตกสลายไป หรือบางทีก็กล่าวว่าจักรวาลนี้เป็นเพียงความฝันของอซาธอทเท่านั้น เมื่ออซาธอทตื่นขึ้นมา จักรวาลก็จะหายไปด้วย ทำให้เทพองค์อื่นๆ จำเป็นต้องเล่นดนตรีให้อซาธอทนอนหลับอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้มันตื่นขึ้นมา

    นอกจากนี้เทพองค์อื่นก็ร้ายพอๆ กัน อย่าง เจ้าหน้าปลาหมึก คธูลูหากคืนชีพอย่างสมบูรณ์ก็จะใช้พลังจิตทำให้มนุษย์ในโลกบ้าคลั่งฆ่าฟันกันเอง   ไนอาลาโธเทปก็มีฉายาว่า “ความวุ่นวายที่คืบคลาน มีนิสัยชอบหลอกให้เหยื่อเสียสติยิ่งกว่าจะฆ่าให้ตาย บางครั้งไนอาลาโธเทปจะทำลายผู้อื่นด้วยการทำเป็นสอนเวทมนตร์หรือวิทยาการที่ทรงอำนาจให้ จากนั้นจึงเฝ้าดูผู้ที่ได้รับความรู้นั้นไปทำลายตัวเองอย่างช้าๆ นับเป็นเทพนิสัยซาดิสต์เป็นอย่างมาก

    แน่นอนว่ายังมีเทพองค์อื่นๆ ในตำนานคธูลูอีกมากมาย และนอกเหนือจากเทพแล้ว ยังมีมนุษย์ต่างดาว และสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ที่มีรูปร่างเป็นหนวดๆ พิลึกพิลั่น แต่กระนั้นมันก็สร้างความเสียหายต่อเหล่ามนุษย์ และมนุษย์ก็ไม่สามารถต่อกรกับความมันได้เลย

    แม้ว่าเราจะพอรู้จักเทพคธูลูจากเรื่องเนียวรุโกะ แต่ความจริงแล้ว มีการ์ตูนหลายเรื่องเหมือนกันที่เอาเทพคธูลูใส่เข้าไปด้วย อย่างการ์ตูนมีลิขสิทธิ์ไทยอย่าง Mugen no Gunkan Yamato  หรือ “พิฆาตยามาโต้” ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ย้อนเวลาไปยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และนำความรู้ประวัติศาสตร์เพื่อเปลี่ยนการรบกองทัพเรือของญี่ปุ่น จนเอาชนะสงครามแปซิฟิคหลายครั้ง ซึ่งตอนหลังการ์ตูนมาเล่นมุกว่าพระเอกย้อนเวลามาได้ก็เพราะมีเทพอซาธอทอยู่เบื้องหลัง (สาเหตุที่ทำไมพระเอกย้อนเวลาไม่ชัดเจน แต่เดาได้ว่าเพราะเทพนึกสนุกก็เป็นได้) และตอนท้ายเทพอซาธอทก็ให้เด็กหนุ่มกลับไปยังโลกปัจจุบัน แล้วทำให้ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝันไม่เกิดขึ้น

    ทางด้านเกมการ์ดยูกิเองก็ไม่น้อย มีการ์ดคธูลู อย่าง Outer Entity Azzathoth เข้ามาเลือกใช้ด้วย โดยความสามารถการ์ดนั้นพูดตามตรงว่าอ่านไม่ออก (เพราะไม่เคยใช้) เพราะช่วงหลังๆ การ์ดยูกิการ์ดแต่ละใบมีความสามารถซับซ้อน ซ่อนเงื่อนมาก เวลาจะจัดไพ่แต่ละทีคิดหนักหลายตลบกว่าจะจัดยังไงดี ซึ่งการออกแบบเทพอซาธอทเองก็ทำได้น่ากลัวไม่น้อย

     

     

    Old God – Hearthstone

     

    นอกจากนั้น ตำนานคลูธูได้กลายเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบสัตว์ประหลาดขึ้นมาใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่แนวสยองขวัญ ก็ต้องให้เป็นเทพก็มี อย่างเกม ระดับตำนาน Warcraft ก็มีเทพหนวดที่ถูกเรียกว่า “เทพโบราณ” (Old God)

      Warcraft เป็นหนึ่งในเกมในตำนานที่มีอายุอานามยาวนานมาก (เกมภาคแรกออกปี 1994) แน่นอนว่ามันมีเนื้อเรื่องที่ยิ่งใหญ่ (เพราะเป็นแนวสงคราม) และเนื้อหาก็มีตั้งแต่ยุคสร้างโลก ตั้งแต่พวกมนุษย์ยังไม่ถือกำเนิดเลยทีเดียว

    เนื้อหาเกี่ยวกับเทพโบราณ ผมก็จำมาจากรายการ Online Station อีกที จึงขอเล่าแบบง่ายๆ ว่า เนื้อเรื่องได้กล่าวถึงดาวดวงหนึ่งชื่ออเซรอธ (Azeroth) ดาวดวงนี้มีเผ่าพันธุ์เรียกว่า “ไททันส์” อาศัยอยู่ และมีการสร้างโลกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างที่ดิน การสร้างสิ่งมีชีวิต นอกจากนี้ยังมีเทพ 4ธาตุ คือดิน, น้ำ, ลม และไฟ ทั้งหมดต่อสู้ยิ่งชิงความเป็นใหญ่

    จนกระทั่งวันหนึ่ง มีสิ่งมีชีวิตลึกลับชนิดหนึ่งพุ่งชนมายังอเซรอธ โดยสิ่งมีชีวิตที่ว่ามีลักษณะเป็นหนวดๆขนาดยักษ์  นำทัพโดยคาธูน (C'Thun) และพวกมันก็มาเพื่อยึดโลก  เปลี่ยนโลกให้กลายเป็นความสิ้นหวัง และความตาย ซึ่งมีพวกมันมีความร้ายกาจมาก ถึงขั้นว่าเทพทั้ง 4 ร่วมมือกันก็ไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ แถมแพ้จนกลายเป็นข้ารับใช้ ส่วนสิ่งมีชีวิตหนวดๆ นั้นก็ใช้หนวดซอนไซจนยึดทั่วโลก ทำให้โลกสับสนวุ่นวาย จนถูกขนานนามว่า “เทพโบราณ” ตั้งแต่บัดนั้น

    ต่อมาเหล่าไททันส์ได้รวมพลังกันสู้กับเทพโบราณ จนสามารถเอาชนะเหล่าเทพโบราณได้ แต่อย่างไรตาม เหล่าไททันส์ก็ไม่สามารถฆ่าเหล่าเทพโบราณได้ เพราะหนวดของมันได้ซอนไซจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกไปแล้ว หากทำลายพวกมันโลกนี้อาจแตกสลายได้ สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่ทำให้มันหลับใหลเท่านั้น

    แน่นอนว่าเรื่องมันไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะมันต้องมีเหตุทำให้เทพโบราณตื่นจนได้ ซึ่งคาธูนเองก็เป็นบอสใหญ่ในเกม Temple of Ahn'Qiraj และนอกจากนี้จากข้อมูลล่าสุดที่ทราบมาพวกมันมีเจ้านายใหญ่ด้วย

    แน่นอนว่า เทพโบราณเหล่านี้ มีแรงบันดาลใจมาจากเลิฟคราฟ์ อย่างคาธูนก็มีแรงบันดาลใจมาจากคธูลู ส่วนยอกก์ ซารอน  (Yogg-Saron) เทพโบราณอีกตัว ก็มาจากเทพยอกโซธอทของตำนานคธูลู เช่นกัน

    แม้ว่าตำนานเทพหนวดๆ จะพบทั้งในเกม การ์ตูน ไม่ว่าจะเป็นของตะวันตก หรือของญี่ปุ่น แต่น่าเจ็บใจที่นิยายแฟนตาซีเยาวชนไทยแต่งนั้นไม่ค่อยได้สร้างโลก หรือมีเรื่องราวเกี่ยวกับเทพหนวดมากนัก เพราะเรามักใช้สูตรสำเร็จตามสูตรที่เราได้ยินมา มากกว่าที่จะใส่อะไรที่น่าขยะแขยงลงไป แต่ถึงจะมีก็ไม่ได้ใส่เรื่องราวเกี่ยวกับมันมากนัก (เอาง่ายๆ ไม่เข้าถึงวิถีหนวด)

    ครั้งหนึ่ง ผมเคยไปตั้งกระทู้คในบอร์ดนักเขียนหลายครั้งว่า เมื่อไหร่จะมีนิยายที่พระเอกกลายร่างเป็นเทพหนวด ไม่ก็เทนตาเคิลก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเกิดใหม่เป็นเทนตาเคิล  ไม่ก็โดนสาปก็ได้ แต่ปรากฏว่าแทบไม่มีนิยายดังกล่าวเลยในสาระบบนิยายเว็บเด็กดี ผมว่าน่าจะถึงเวลาแล้ว ที่เราน่าจะหยิบยกตำนานคธูลูที่เยาชนไทยไม่ค่อยสนใจนักมาดัดแปลงในแบบของตนเอง ดีกว่าเอาพล็อตสูตรสำเร็จที่หลายคนดูจนเบื่อแล้วมาทำซ้ำอีก

    สิ่งที่ต้องมีเทพหนวด (เทนคาเคิล)

    -ต้องมีฉากหนวดรัดสาวๆ ถือว่าเป็นจุดที่ขาดไม่ได้ ถ้าไม่มีเสียชาติเกิดเป็นเทคตาเคิล

    -หนวดจะต้องเอาชนะพวกเก่งๆ ได้  

    -จะต้องมีการปล่อยกลิ่น (โฮโมน)  

    -ต้องฮาเร็ม (วิน ถือว่าเป็นเทพที่กระจอกสิ้นดี )

    -หากสายมืดผู้หญิงที่เป็นเหยื่อเทนคาเคิลจะเหมือนขยะ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเทนตาเคิลก็รักจริงนะ


     

    สิ่งลี้ลับแห่งเบิร์กเลย์ สแควร์  

     

    สุดท้าย มีเรื่องน่าสนใจ เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดหนวดๆ ในโลกแห่งความจริงบ้าง ซึ่งไม่ใช่ตำนาน แต่เป็นเรื่องจริง ซึ่งกล่าวถึง ในสิ่งลี้ลับแห่งเบิร์กเลย์ สแควร์  (The Nameless Thing Of Berkeley Square)

    หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องของ 50 เบิร์กเลย์ สแควร์ บ้านทาวน์เฮ้าส์แห่งกรุงลอนดอน ที่เล่าลือกันว่าเป็นบ้านที่เฮี้ยนที่สุดของอังกฤษ ที่นอกจากเหนือจากเป็นที่อยู่ของวิญญาณร้ายแล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดบางอย่างอาศัยอยู่ด้วย  

    เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี 1840  เมื่อท่านเซอร์โรเบิร์ต  วอร์บอย (Sir Robert Warboys) ได้ยินข่าวลือความเฮี้ยนของบ้านหลังนี้ จึงคิดอยากลองของด้วยการขอไปค้างคืนในห้องพักชั้น 2 ที่ว่ากันว่าเป็นห้องที่น่ากลัวที่สุด เพื่อความปลอดภัยท่านเซอร์จึงพกปืนติดตัวไปด้วย จนเวลาผ่านไปหลังเที่ยงคืนก็มีคนได้เสียงปืนต่อสู้จากชั้นบนของทาวน์เฮ้าส์ เมื่อยามขึ้นไปและทุบประตูห้องก็พบศพของท่านเซอร์ที่ใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนเห็นอะไรบางอย่างน่ากลัวมาก

    เรื่องราวไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ในคืนหนึ่งของปี 1943  สองลูกเรือ โรเบิร์ต มาร์ติน และเอ็ดเวิร์ด บลันเดน (Robert Martin and Edward Blunden) ได้เมามายและตัดสินใจที่จะค้างคืนบ้านร้างผีเฮี้ยนหลังนี้   ขณะที่สองลูกเรืองผล็อยหลับอยู่ห้องพักชั้น 2 ของบ้านอยู่นั้น หลังเที่ยงคืนพวกเขาตื่นเพราะได้ยินเสียงดังเอี๊ยดบานพักประตู ทันใดนั้นก็ได้เห็นสิ่งลึกลับอะไรบางอย่างที่เปียกลื่นไหลคลานลากอยู่บนพื้นไม้ มันเปิดประตูเข้ามาหาพวกเขา มาร์ตินได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้นอกจากเป็น "อสุรกายน่าเกลียดน่ากลัว" ที่มีหนวดเหมือนปลาหมึก  

    ทันใดนั้นเจ้าสัตว์ประหลาดก็กระโจนเข้าไปทำร้ายบลัดเดนด้วยการพันรัดคอของเขา มาร์ตินกรีดร้องลั่นตกใจกลัวจึงรีบวิ่งออกมาข้างออกบ้าน จนพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจลาดตระเวนบริเวณใกล้เคียง ทั้งหมดจึงกลับมาค้นบ้านก็พบว่าร่างกายบลันเดนในชั้นใต้ดินในสภาพคอหัก และดวงตาเบิกโพลง

    แม้ทุกวันนี้ชั้นล่างของเบิร์กเลย์ สแควร์จะกลายเป็นร้านหนังสือไปแล้วก็ตาม แต่ชั้น 2 ของตัวทาวน์เฮ้าส์ยังคงเป็นที่หวงห้ามที่ไม่ให้ใครขึ้นไปลองของอย่างเด็ดขาด

     เรียกได้ว่าของจริงก็น่ากลัวไม่แพ้กัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×