ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #103 : Panty & Stocking with Garterbelt พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ฉบับอเมริกันพาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.71K
      9
      3 พ.ย. 53


    Panty & Stocking with Garterbelt เป็นการ์ตูนเรื่องใหม่ที่ออกในช่วงตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นการ์ตูนอีกเรื่องผมหวังอย่างยิ่งว่าน่าจะมีเนื้อหาแปลกใหม่ที่ควรค่าแก่การแนะนำให้แก่เหล่าเด็กๆ ได้ดู เนื่องจากภาพการ์ตูนช่างละม้ายคล้ายกับการ์ตูนอเมริกันในเครือ CN เป็นอย่างยิ่ง และบางทีนี้อาจเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นจะหลอมรวมกับอเมริกาได้อย่างเข้ากันก็ได้ หากแต่เมื่อผมดูในตอนแรกผมต้องเกาหัว พร้อมคิดในใจว่า มันไม่เหมาะสมสำหรับเด็กอีกแล้ว!!

     


    Panty & Stocking with Garterbelt

    แอ็คชั่น, คอมมาดี้

    การ์ตูนดูได้ที่

     http://video.mthai.com/player.php?id=18M1286356534M0

     

    มีชื่อไทยว่า กางเกงในและถุงน่องกับสายรัดถุงเท้าเป็นการ์ตูนแอ็คชั่นตลกที่ครั้งแรกเป็นมังงะวาดโดย Tagro ในนิตยสาร Ace Young (การ์ตูนดังๆ ก็มี สุซึมิยะ ฮารุฮิ, วันที่ไม่มีนากาโตะยูกิจัง, Summer Wars) วางจำหน่ายเมื่อ 4 สิงหาคมต่อเนื่องถึงปัจจุบัน(ยังไม่มีการรวมเป็นเล่ม) และถูกสร้างเป็นอนิเมชั่นที่ผลิตโดย Gainax เริ่มออกอากาศทั่งประเทศเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2010 ใน BS NTN (และช่องอื่นๆ อีกหลายช่อง)คาดว่าจะมี 26 ตอน

    Panty & Stocking with Garterbelt เป็นเรื่องราวของสองตัวละครที่เป็นเทวดาสองคนที่ชื่อแพนตี้(กางเกงใน) และสต็อกกิ้ง(ถุงน่อง) ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับเป็นเทวดา จนถูกส่งตัวมายัง Daten City (มาจากภาษาญี่ปุ่นว่า Datenshi แปลว่า เทวดาตกสวรรค์ “Fallen Angel”)ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งระหว่างสวรรค์กับนรก(โลกมนุษย์??) โดยเมืองแห่งนี้มักมีมอนสเตอร์ที่เรียกว่า โกสต์ ซึ่งเกิดจากวิญญาณของเหล่าคน(สิ่งมีชีวิต)ที่ตายแล้วแต่ยังคงมีความอาลัยอารมณ์อยู่จนรวมตัวกันกลายเป็นสัตว์ประหลาดออกอาละวาดเพื่อระบายความเก็บกด  ซึ่งแพนตี้และสต็อกกิ้งมีหน้าที่กำจัดปีศาจโกสต์พวกนั้น และเมื่อสามารถฆ่าปีศาจได้พวกเธอจะได้เหรียญสวรรค์ซึ่งจะช่วยให้พวกเขากลับสู่สวรรค์ แต่กระนั้นดูเหมือนว่าเทวดาสองคนนี้จะไม่ค่อยสนใจภารกิจพวกนี้สักเท่าไหร่ อีกทั้งพฤติกรรมหลายอย่างของพวกเธอนั้นคนดูแล้วต้องอุทานว่า พวกเธอคือฮีโร่จริงหรือ?” และพฤติกรรมดังกล่าวที่ว่าคืออะไรนั้น ก็ติดตามได้ในการ์ตูนเรื่องนี้เอาเอง

     
              แพนดี้(
    Panty) หรือ กางเกงในเป็นสาวผมสีบลอนด์คนดังของเมือง สวยเซ็กซี่ แต่สมองกลวงที่มักหาผู้ชายหล่อๆ มีเพศสัมพันธ์ด้วย(แบบรุมก็รับได้) แต่มาตรฐานเธอค่อนข้างจะต่ำแถมเปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น นอกจากนี้ค่อนข้างจะเป็นคนหยาบคาย พูดคำหยาบบ่อยๆ และไม่ค่อยดูแลตัวเองเท่าไหร่ เกลียดของหวานแต่ชอบรสเผ็ด และความจริงแล้วเธอเป็นเทวดาที่มีความสามารถพิเศษคือเปลี่ยนกางเกงในเป็นปืนพก(เรียกว่า Backless) เพื่อใช้ต่อสู้กับโกสต์

      

    สต็อกกิ้ง(Stocking) หรือถุงน่อง เป็นน้องสาวของแพนดี้ ผมสีม่วง แต่งกายแบบโลลิต้า มีความอยากของหวานและกินอย่างมูมมาม แต่ฉลาดและมีความรับผิดชอบ ไม่สนใจเรื่องเพศตรงข้ามเหมือนพี่สาว และเธอมีความสามารถพิเศษเปลี่ยนถุงน่องลายของเธอกลายเป็นดาบคู่

      

    การเตอร์(Garterbelt) หรือสายรัดถุงเท้ายาว บาทหลวงประจำเมือง เป็นชายผิวดำรูปร่างใหญ่โต และมักทำหน้าที่บอกภารกิจให้แก่สองสาว แม้เป็นบาทหลวงแต่พฤติกรรมของเขามักแปลกๆ เช่น เป็นพวกรักร่วมเพศและเฒ่าหัวงู(เป็นการอ้างอิงจากการละเมิดทางเพศคาทอลิก)

      

    ชัค(Chuck) สัตว์เลี้ยงของแพนดี้และสต็องกิ้ง ที่มีความทนทาน จนทำให้มันได้รับบทเจ็บปวดอยู่เสมอ มักถูกใช้เป็นที่ใส่กล่องจดหมายจากสวรรค์ที่ส่งมาเพื่อเป็นเบาะแสของพวกปีศาจผี นอกจากนี้รูปร่างของมันช่างคล้ายกับตัวละครตัวหนึ่งในเรื่อง Invader Zim  

    Panty & Stocking with Garterbelt  มีภาพการเคลื่อนไหวที่แตกต่างจากการ์ตูนญี่ปุ่นทั่วๆ ไปที่ออกช่วงนี้(เดือนตุลาคม)เป็นอย่างมาก เนื่องจากลายเส้นเหมือนกับการ์ตูนอเมริกา(ในเครือการ์ตูน CN) ซึ่งแตกต่างจากผลงานก่อนหน้าของ Gainax ไม่ว่า Gurren Lagann (2007) Hanamaru Kindergarten (2010) และ Shikabane Hime (2008)เป็นอย่างมาก แต่กระนั้นเพียงไม่กี่ตอนก็ถูกสังคมกล่าวขวัญถึงเป็นเนื้อหาในการ์ตูนที่ตลกหยาบคายอนาจาร มีฉากทางเพศหลายตอน(ลามกยิ่งกว่า He Is My Master (2005) ผลงานในเครือเดียวกันเสียอีก)

    Panty & Stocking with Garterbelt เป็นการ์ตูนที่น่าขนลุก ใช่มันเป็นการ์ตูนตลก แต่มุกการ์ตูนนั้นขำไม่ออกเหมือนกรณีของ ภายใต้ภาพที่ดูใสๆ น่ารัก แต่กลับเต็มไปด้วยมุกตลกหยาบคายอนาจารล่อแหลมติดเรตมากเกินไป

    ในเว็บต่างประเทศได้นำเสนอบางตอนในการ์ตูนเรื่องนี้ว่าคุณเห็น

     

     เปิดฉากออกมาต้องเปิดมาก็เห็นแพนดี้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย


              สัตว์ประหลาด(หรือโกสต์) ในชื่อ ปลาหมึกช่องคลอด(
    Octopus Vagina) ได้ประลองเรื่องเพศสัมพันธ์มาราธอน (อารมณ์เดียวกับเด็กล่าแต้มประเทศไทย) ผลคือแพนดี้ชนะ แถมยังมีการควบเล่นต่อไม่มีหยุดอีก....

    คุณคิดว่าผมขำกับมุกเหล่านี้หรือเปล่า??

    คำตอบคือมันไม่ขำครับ เพราะมุกนี้ไม่ใช้มุกเซอร์วิตแบบ To Love Ru หรือ Sora no Otoshimono ที่ผมอวยให้ อีกทั้งไม่ใช้มุกเล่นคำใต้สะดือเหมือน Seitokai Yakuindomo แต่นี้มุกสัปดนของขนานแท้เลย จำพวกเอาเรื่องเซ็กต์มาเป็นเรื่องล้อเล่น หรือเรื่องทางเพศเป็นเรื่องสนุก ซึ่งมุกส่วนใหญ่นี้น่าจะเล่นในวงเหล้าเสียมากกว่านำมาเผยแพร่ด้วยซ้ำ และผมเสียดายการ์ตูนเรื่องนี้มากเลยทั้งๆ ที่ภาพการ์ตูนเหมือนอนิเมชั่นเหมาะสำหรับเด็กแท้ๆ จนเรียกว่ามีเด็กหลายคนพยายามโหลดมาดูการ์ตูน แต่เมื่อเจอหลายๆ ตอนเข้า เหล่าเด็กๆ ก็อึ้งสิครับว่า นี้ฉันโหลดการ์ตูนเรตมาเหรอนี้

    ดูเหมือนว่าทีมผู้สร้างพยายามที่จะนำเรื่องของผู้ใหญ่มาใส่ในการ์ตูนของเด็ก เหมือนกับเรื่อง พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์แหละครับที่ครั้งแรกที่ออกมานั้นก็มีหลายๆ ฝ่ายบ่นมาเหมือนกันว่าเนื้อหาไม่เหมาะสำหรับเด็ก เช่น ฉากความรุนแรงที่เหล่าพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ต่อยเหล่าร้ายจนตาถลนออกนอกเป้า เลือดสาดกระจาย สมองเละ หรือพฤติกรรมหลายๆ อย่างของพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ที่ทำตัวไม่เหมาะสมในการเป็นฮีโร่ หรือมุกต่างๆ ที่กัดจิกวัฒนธรรมของอเมริกามากมาย(เช่น นายกทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต การแต่งงานในเครือญาติ การกลั่นแกล้งในโรงเรียน ฯลฯ)

    นี้แค่พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ยังขนาดนี้ การ์ตูน Panty & Stocking with จะเหลือเรอะ ถ้านำมาฉายในอเมริกา !!


             เรื่อง
    Panty & Stocking with Garterbelt ไม่ว่าจะนั่งดู นอนดู ยืนดูยังไงก็คิดได้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้จงใจวาดลายเส้นเหมือนการ์ตูนพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์แน่นอน อีกทั้งเนื้อหายังคล้ายคลึงกับการ์ตูนเรื่องนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นการปราบปีศาจและสัตว์ประหลาดร้ายขนาดยักษ์ เป็นแนวผู้หญิงปราบเหล่าร้ายเหมือนกัน

    ภาพอนิเมชั่นนั้น Panty & Stocking with Garterbelt มีส่วนคล้ายพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นตัวละครแพนดี้กับสต็องกิ้งนั้นขาและแขนจะเหมือนร็อกแมน(Rockman ตัวละครหนึ่งจากเกมของค่ายแคปคอม) ตาโตและมีชั้นดวงตา ภาพวาดเหมือนจะง่าย แต่ต้องใช้ศิลปะชั้นสูงเหมือนกันเพราะว่าคนดูต้องมีความรู้สึกมีอารมณ์ประมาณว่ามีความรุนแรง รวดเร็ว ฉับไว วุ่นวาย และออกแนวเหมือนศิลปะข้างถนน(Streer Art)เสมือนกับบอกว่า การ์ตูนตรูแนวเว้ย ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังใส่ความเป็นอเมริกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรเสียงเอฟเฟคในคอมมิคอเมริกัน ตัวละครล้ำๆ ในอเมริกันถูกนำมาใส่อย่างไม่ยั้ง ด้วยภาพเหมือนศิลปะข้างถนนก็ส่งผลทำให้บุคลิกลักษณะของตัวละครไม่เหมือนใครด้วย

    หลังจากผมดูการ์ตูนเรื่องแรกในตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าเนื้อหาไม่ได้แปลกใหม่ แต่ความรู้สึกคือ “อยากดูอีก” เพราะอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับแพนดี้มากขึ้นว่าพฤติกรรมของเธอเป็นกันแน่ มันจะตรงกับสิ่งที่ผมคิดหรือเปล่า และแล้วผมก็พบว่ามันตรงกับที่ผมคิดจริงๆ การ์ตูนเรื่องนี้มีแตกต่างจากตัวละครสาวมหัศจรรย์ทั่วไป อย่าง Moetan หรือ Punie - Chan Magical Witch ที่เป็นสาวบริสุทธิ์หรือสดใส แต่ พฤติกรรมของแพนดี้กับสต็องกิ้งและตัวละครใน Panty & Stocking with Garterbelt  นั้นห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะถูกเรียกเทวดา แต่พฤติกรรมนั้นไม่ได้บ่บอกเลยว่าตนเองเป็นเทวดา(หรือฮีโร่เลย)


              ตัวละครที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ แพนดี้ ที่เหมือนผู้หญิงใจง่าย เปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า ทำตัวหยาบคาย ผิดจากหน้าตาที่น่ารัก และออกดูทอมบอยเสียจริง ซึ่งผมขอบอกว่าเสียดายตัวละครตัวนี้มากๆ ทั้งๆ ที่น่ารักแท้ๆ จะดันให้ดังก็ไม่ยาก แต่กลายเป็นว่าพฤติกรรมด้านลบเห็นเรื่องเซ็กต์เป็นเรื่องสนุก มีอยู่ฉากหนึ่งเธอที่เข้าห้องเรียนและที่ห้องแจกถุงยางอนามัย แต่เอกลับไม่รู้จักว่ามันคืออะไร เลยเอาถุงยางมาเคี้ยวแล้วเป่าเป็นหมากฝรั่งเล่นซะงั้น แต่ที่ผมสนใจก็คือแพนตี้นั้นเป็นยังเป็นนักเรียนโรงเรียนไฮสคูล
     แต่กลับมีเพศสัมพันธ์แบบไม่เลือกหน้า(นอกเสียจากนางฟ้าไม่มีอายุและไม่ต้องกลัวเรื่องท้องหรือโรคที่มากลับเพศสัมพันธ์) แถมเราได้เห็นฉากเซ็กต์(ที่ไม่ลามก แต่ก็ทำให้รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่) ไม่ว่ามีเซ็กต์กันต่อหน้าคนอื่น(แบบเล่นในที่สาธารณะ) ถ่ายหนังโป๊แล้วเอามาให้คนอื่นดูอย่างหน้าตาเฉย หรือเซ็กต์หมู่(แถมฉากออกมาเหมือนกับว่าแพนตี้มีความรู้สึกไม่เพียงพอต่อเรื่องเพศเสียด้วยสิ) มาๆ คิดดูพฤติกรรมของแพนดี้เหมือนจะล้อเรื่องวัยรุ่นอเมริกาหรือเปล่า?(เนื่องจากเมืองที่แพนดี้และสต็องกิ๊งอยู่เป็นเมืองแบบอเมริกันแม้ตัวละครจะพูดญี่ปุ่นก็ตาม) ที่เรามักเห็นภาพยนตร์ที่ตัวละครผู้หญิงมักเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย(จำพวกภาพยนตร์เรื่องอเมริกันพาย) จนเกิดปัญหามากมายตามมา เช่น ท้องก่อนแต่ง โสเภณีเด็ก สื่อลามก(จำพวกลงเว็บ ลงมือถือส่งให้คนอื่นหรือเพื่อนดู) ยิ่งในตอนที่แพนดี้เป็นดาราก็เหมือนกับการล้อดาราอเมริกันที่มักเผยว่าตนเองผ่านมือผู้ชายหลายคนเพื่อเรียกเรตติ้ง หรือไม่ก็มีภาพลับภาพหลุด เช่น บริตนีย์ สเปียร์ไม่ใส่กางเกงใน, ภาพเว็ตส์ติ้งของไมลีย์ ไซรัสและวาเนสซา ฮัคเกนส์ เป็นต้น

    นอกจากนี้ยังมีการใส่วัฒนธรรมเกี่ยวกับอเมริกาเกี่ยวกับแพนดี้ลงไปอีกคือเธอชอบผู้ชายจำพวกแบบล้ำๆ ดูเป็นแมนหรือเท่มากกว่าจะชอบผู้ชายแบบที่ชื่อว่า (Brief) ซึ่งรูปร่างและนิสัยของของเขาเหมือนพระเอกแนวคอมมาดี้ญี่ปุ่นที่อ่อนแอเป็นโอตากุและจิตใจดีงาม(??) แต่แพนดี้กับไม่ชอบผู้ชายแบบนี้แต่หลงใหลคนหล่อที่บางคนเป็นกุ๊ยข้างถนนอีก


             ในฉากต่อสู้เราจะเห็นแพนตี้ต่อสู้โดยไม่มีกางเกงในใต้กระโปรง(เพราะถอดกางเกงในเป็นอาวุธ) แต่กระนั้นฉากการ์ตูนก็ปิดบังของสงวนของแพนดี้อย่างมีชั้นเชิงไมม่ว่าจะอะไรบางอย่างมาปิด หรือมุมกล้อง เมื่อเวลาถึงฉากเธออ้าขา แหวกขา หรืออะไรหลายอย่างที่เผยให้ถึงสิ่งที่อยู่ใต้กระโปรงที่ไม่ใส่กางเกงในของเธอ ก่อนที่จะตบท้ายการ์ตูนได้นำเสนอนิสัยของแพนดี้ว่าเป็นผู้หญิงราคาถูกและคนโง่ จนแพนดี้กลายเป็นอารมณ์ขันสัปดนที่ถูกนำมาเล่นจนกลายเป็นเรื่องปกติของการ์ตูนเรื่องนี้ไปแล้ว

    แน่นอนผมไม่ได้ขำมุกของแพนดี้ แต่ก็ต้องยอมรับมุกของเขา ว่ามุกสัปดนเกี่ยวกับเพศนี้ถือได้ว่าเป็นมุกสากลที่นำไปใช้ง่ายที่สุดที่จะทำให้คนเกิดอารมณ์หัวเราะ(อาจจะหัวเราะมากหรือน้อยก็แล้วแต่อายุของคน) หยาบคาย ตรงไปตรงมา แต่มีประสิทธิภาพ

    นอกเหนือตัวละครแพนดี้แล้วอีกตัวละครหนึ่งก็นิสัยไม่สมบูรณ์ก็คือการเตอร์ บาทหลวงที่ดันเป็นเกย์ชอบชายหนุ่มหล่อๆ ก็เป็นการล้อเลียนการล่วงละเมิดทางเพศโดยนักบวชคาทอลิก ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมากในโลกตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นแคนาดา ไอร์แลนด์ หรือประเทษสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีคดีเกี่ยวกับล่วงละเมิดเด็กเกิดขึ้นโดยคนผิดเป็นนักบวชคาทอลิกทุกระดับชั้น ที่อเมริกาคริสตจักรต้องจ่ายเงินกว่า 2 พันล้านดอลลาร์เพื่อชดเชยกับครอบครัวของเหยื่อ

        

    ดังนั้นตัวละครที่ผมชอบที่สุดแน่นอนคงจะเป็นสต็องกิ้ง ที่ดูเป็นผู้เป็นคนหน่อย แต่กระนั้นเธอก็ชอบของหวานและใส่ชุดโลลิต้าโกสิคซึ่งเป็นสิ่งเดียวละมั้งที่แสดงให้เห็นความเป็นญี่ปุ่นในเรื่องนี้(นอกจากฉากแปลงร่างและตัวละครที่พูดภาษาญี่ปุ่น)แฟชั่นนี้มีจุดกำเนิดแน่นอน หากแต่ที่มาของแฟชั่นนี้ไม่แน่ชัดแต่คาดว่าเกิดเมื่อปลายปี 1970 จากการโฆษณาของบริษัท Angelic Pretty ที่ได้โฆณาว่าแบรนด์โลลิต้านั้นทำให้ผู้แต่งเหมือนเจ้าหญิง ทำให้ดูเป็นผู้หญิงอ่อนหวาน และยิ่งในปี 1990 มีวงดนตรีดังๆ อย่าง Malice Mizer แฟชั่นโลลิต้าก็โด่งดังในญี่ปุ่นและทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จนทำให้เราสามารถพบเห็นผู้หญิงแต่งตัวโลลิต้าเดินห้างสรรพสินค้าหรือท้องถนนเมืองใหญ่ๆ ในโตเกียว เออ....เกือบลืมไปสังเกตตุ๊กตาแมวที่สต็องกิ้งถือหรือเปล่าครับ(รู้สึกจะชื่อ Honekoneko) ที่ตุ๊กตาดูเหมือนขาดหลุดลุ้ยหรือว่าเหมือนจะชำรุด ความจริงนั้นมันเป็นศิลปะครับ เรียกว่า Guro Lolita ซึ่งมันเป็นรูปแบบแตกสาขามาจากแฟชั่นโลลิตาอีกที ซึ่งจะแต่งตัวให้เหมือนคนตาย เช่นตุ๊กตาหัวหาย หรืออาจมีเลือดปลอมแต่งหน้า หรือทาหน้าขาวให้เหมือนผี ใส่ชุดดำเหมือนแม่มด (บางครั้งก็มีผ้าพันแผลหรือผ้าปิดตา) และด้วยความเป็นญี่ปุ่นทำให้สต็องกิ้งไม่สนใจผู้ชาย แต่กระนั้นก็มีนิสัยแบบเจ้าหญิง เอาแต่ใจเสียหน่อย และมุกส่วนใหญ่ไม่ได้หื่นกามแบบแพนดี้ ซึ่งมุกที่ผมชอบจริงๆ คือฉากสต็องกิ้งอ้วนเพราะกินขนม ผมขำหลายมุกเลย(มีแซว Ashita no joe ด้วย)

      

    ในด้านตัวร้าย โกสต์นั้นค่อนข้างแตกต่างจาก พอสมควร ตรงที่มาแบบตอนเดียวจบ และไม่มาแบบเจ้าประจำที่โดนต่อยทุกตอนเหมือนโมโจโจโจ้ แต่กระนั้นสิ่งที่เหมือนกันคือตัวร้ายนั้นสื่อถึง ความไม่สมบูรณ์แบบเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวตนของศัตรูที่ทุกตัวเกิดมาจากความเสียใจหรือความทุกข์ทรมานของคน(บางกรณีก็เป็นสิ่งมีชีวิตหรือวัตถุอื่น)ที่เสียชีวิตโดยค้างคา ทำให้กลายเป็นวิญญาณไม่สมบูรณ์ และต้องการทำสิ่งค้างคานั้นให้เติมเต็ม และบางตัวนั้นก็ออกแบบสื่อเหมือนเรื่องเพศ เช่น หน้าอก ช่องคลอด หรืออสุจิ และการกระทำหลายอย่างสร้างปัญหาสังคมมากกว่าเรื่องดี เช่น ตีนผี, ขโมยกางเกงใน, ก่อกวน ฯลฯ

    หากมองอย่างปรัชญาตัวละครทั้งหมดในเรื่อง ไม่มีความสมบูรณ์แบบของมนุษย์แม้แต่เทวดาหรือโกสต์ก็ไม่มีความสมบูรณ์แบบ ขนาดเทวดาและโกสต์มีอารมณ์เหมือนมนุษย์ ไม่ว่าจะมี ความมักมากในกาม กิเลส ความเกลียดชัง ความแค้น มนุษย์ยิ่งแย่ไปใหญ่เพราะมีเรื่องอย่างว่าครบเลย

    การ์ตูนก็พยายามนำเสนอในเรื่องที่ว่าแม้ตัวละครทั้งหลายในเรื่องจะไม่สมบูรณ์แบบ หากแต่ถ้าเราเข้าในความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ด้วยกันแล้วก็อยู่ร่วมกันได้ อย่างเช่นสต็องกิ๊งก็มีบางมุมเหมือนกันที่เป็นห่วงเป็นใยกับพี่สาวสต็องกิ้ง แม้น้องสาวจะมองพี่สาวว่ามักมากมักมากในกามก็ตาม (กลับกันแพนดี้ก็มองสต็องกิ้งว่าเป็นคนตะกละกินแต่ของหวาน) แต่สุดท้ายทั้งสองก็เข้าใจความไม่สมบูรณ์ซึ่งกันและกัน แม้ว่าคนใดคนหนึ่งจะทำเรื่องร้ายแรงต่อตนแค่ไหนก็แค่โกรธง่ายหายเร็ว เพราะว่าบนโลกไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาแล้วสมบูรณ์แบบ สิ่งสำคัญคือการใช้ข้อดีของแต่ละฝ่ายมาเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้แก่กันต่างหากนั้นแหละคือการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

    สังเกตอีกว่าการ์ตูนเรื่องนี้พยายามสื่อวัฒนธรรมสองวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน แพนดี้เปรียบเสมือนวัฒนธรรมตะวันตก สต็องกิ้งเปรียบเสมือนวัฒนธรรมตะวันออก ที่บางครั้งสองวัฒนธรรมก็ไม่สามารถเข้ากันได้(ทัศนคติแตกต่างกัน) แต่เมื่อถึงคราวคับขันสองวัฒนธรรมนี้ก็ร่วมมือกันในการแก้ปัญหาดังกล่าว

    จุดเด่นสิ่งที่ซ่อนอยู่ใน Panty & Stocking with Garterbelt การมุกล้อเลียนต่างๆ แหละครับสังเกตไหมว่ามีสิ่งที่ปรากฏอยู่ในเรื่องนั้นมีหลายอย่างที่ดูคุ้นๆ ตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เรียกได้ว่าบางมุกนั้นซ่อนอยู่แต่ละตอนอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วชื่อตอนและภาพบางภาพมาจากการล้อเลียนภาพยนตร์เรื่องดัง เช่น

     

    ตอนที่ 1.1 การขับถ่ายที่ไม่มีเกียรติและมนุษย์ชาติ(Jingi naki Haisetsu) เป็นตอนที่แพนดี้และสต็องกิ้งไปตรวจสอบคดีประหลาดที่คนถูกทำร้ายในขณะใช้ห้องน้ำ และตัวต้นเหตุคือโกสต์ที่เกิดจากช่างประปาที่เสียชีวิตระหว่างทำงานในห้องน้ำเหม็นอุดตัน โดยชื่อตอนนี้เป็นล้อเลียนจากภาพยนตร์เรื่อง การต่อสู้ไม่มีเกียรติยศและมนุษย์ชาติหรือ Battles Without Honor and Humanity  หรือชื่อญี่ปุ่นคือ Jingi Naki Tatakai Trailer ซึ่งเป็นเรื่องราวช่วงชีวิตของตัวเอกคนหนึ่งที่เป็นอดีตทหารและอันธพาลถนนในช่วงการทิ้งระเบิดฮิโรชิมาเมื่อปี 1945 จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการนำเสนอความรุนแรงและความวุ่นวาย ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ของตอนนี้ และสังเกตว่าบางมุมมองของภาพยนตร์ก็ตรงกับภาพยนตร์เรื่องนี้อีก เช่นฉากแพนตี้ยิงถือปืนปืนใส่โกสต์ท่าทางมุมกล้องเหมือนใบติดภาพยนตร์ของตัวเอกในภาพยนตร์ไม่มีผิด

     

    ตอนที่ 1.2 ซิ่งสั่งตาย (Death Race 2010) เป็นตอนที่แพนตี้กับสต็องกิ้งไล่ล่าโกสต์นักซิ่งตีนผี ชื่อตอนมาจากภาพยนตร์เรื่อง "Death Race 2010" เป็นภาพยนตร์ในปี 1975 ที่เป็นเนื้อหาการแข่งรถที่เกิดขึ้นในอนาคตในช่วงที่อเมริกาล่มสลาย(สมมุติเกิดขึ้นในปี 2000) และรัฐบาลถูกควบคุมโดยเอกชน นอกจากนี้เอกชนได้ควบคุมเรือนจำ และได้ใช้นักโทษมาเป็นเล่นเกมขับรถไล่ฆ่ากัน ใครชนะจะได้รับรางวัลนั้นๆ โดยพระเอกจะใส่หน้ากากที่เรียกว่าแฟนเก้นสไตน์ ชุดเด่นคือการถ่ายทอดความเร็ว พร้อมกับใช้อาวุธปืนฆ่ากัน และการแต่งรถสุดแนว ซึ่งก็ตรงกับวัตถุประสงค์การ์ตูนตอนนี้อีกคือเน้นความเร็วจนน่าเวียนหัว พร้อมกับฉากเสียวหลายอย่าง(เพราะตอนนี้แพนตี้ไม่ใส่กางเกง) สังเกตว่าการออกแบบโกสต์ตอนนี้มีส่วนคล้ายแฟนเก้นสไตน์พระเอกในภาพยนตร์ Death Race 2010มาก (ถ้าผมจำไม่ผิดภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กลับมาทำใหม่ในปี 2008 สนุกมาก!!)

     

    ตอนที่ 2.1 เสียงครางจากรวงผึ้ง (The Buzz of the Beehive) เป็นตอนที่เน้นแอ็คชั่นตลกโดยแพนตี้กับสต็องกิ้งต้องแทรกซึมเข้าไปโรงเรียนเพื่อสืบข่าวนักเรียนหายไปอย่างลึกลับ จนกระทั้งพบศัตรูคือโกสต์ราชินีผึ้ง ส่วนชื่อตอนล้อเลียนจากภาพยนตร์เรื่องวิญญาณของรวงผึ้ง “The Spirit of the Beehive(1973) เป็นภาพยนตร์สเปนที่เป็นแนวที่แตกต่างจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง เพราะว่าภาพยนตร์เน้นบรรยากาศเงียบๆ วังเวง ที่เป็นมุมมองของเด็กสาวชาวสเปนคนหนึ่งที่หลงใหลภาพยนตร์อเมริกันสยองขวัญแฟนเก้นสไตน์(1931) จนเริ่มสำรวจศึกษาชีวิตและครอบครัวของเธอในคฤหาสน์ที่ตั้งโดดเดี่ยวในช่วงสงครามกลางเมืองสเปนใกล้สิ้นสุด ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับกล่าวขวัญมากว่าที่นำเสนอมุมกล้องที่น่ากลัว(ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าการ์ตูนนี้เอาส่วนของภาพยนตร์นี้มาล้อเลียนเล่นอะไรบ้าง นอกเหนือจากชื่อ)

     

    ตอนที่ 2.2 "Sex and the Daten City" เป็นตอนที่แพนดี้โด่งดังเป็นดาราแต่ดันไปฉายภาพยนตร์หนังโป๊(ที่เธอแสดงนางเอก)เข้าในงานวันเกิดเข้าทำให้ชื่อเสียงเสื่อมเสีย และเพื่อกู้ชื่อเสียงแพนดี้กับสต็องกิ้งต้องไปทั่วโลกเพื่อกำจัดสำเนาวีดีโอเทปบันทึกภาพยนตร์โป๊ทั้งหมด ชื่อตอนล้อเลียนจากซีรีย์ภาพยนตร์เคเบิล HBO อเมริกาจอแก้ว 94 ตอนเรื่อง Sex and the City ที่ฉายในปี 1998 -2004 ที่เกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตความรักของผู้หญิงโสด เซ็กต์และคลั่งแฟชั่นในเมืองใหญ่ของอเมริกา เนื้อหาเน้นประเด็นทางสังคมที่เกี่ยวกับเพศ เช่น โรคติดต่อทางเพศ การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย และความสำส่อน และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อ Sex and the City The Movie(2008)จุดประสงค์ของภาพยนตร์เหมือนตัวการ์ตูนตรงที่แพนตี้เป็นหญิงบ้ารัก เซ็กต์ คลั่งแฟชั่น

     

    ตอนที่ 3.1 "Catfight Club" เป็นตอนที่สต็องกิ้งโกรธแพนดี้กินพุดดิ้งของเธอแล้วทะเลาะกันและต่างคนต่างแยกทำภารกิจ โดยชื่อตอนมาจากภาพยนตร์เรื่อง Fight Club (1999)เป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่นอนไม่หลับและชีวิตเริ่มหายนะจนต้องปล่อยอารมณ์อัดอั้นโดยการต่อสู้ใต้ดิน โดยตัวหนังเน้นต่อสู้ บ้าคลั่ง เลือด ความรุนแรง และหักมุม ส่วนที่เหมือนกันคงจะเป็นเรื่องราวแตกหักเหมือนภาพยนตร์ และตอนนี้จะเห็นได้ว่ามุกเสื่อมของแพนดี้เริ่มลดลง

     

    ตอนที่ 3.2 "Pulp Addiction" จุดเด่นตอนนี้คงจะเห็นไม่เกินฉากเปิดเรื่องเหมือนภาพยนตร์เรื่องเชฟวิ่ง ไรอันที่ภาพเป็นขาวดำและทหารยกพลขึ้นบกหากแต่ตอนท้ายถุงรู้ว่ามันคือ “..........” โดยเป็นตอนที่สต็องกิ้งสู้กับผีอสุจิที่จบลงอย่างรวดเร็ว ส่วนชื่อตอนมาจากภาพยนตร์ Pulp Fiction(1994) ภาพยนตร์สุดคลาสสิก ที่ดำเนินเรื่องแปลกๆ คือตัวละครแต่ละตัว ดำเนิน เรื่อง ไปตามฉากต่างๆ ของละทิศละทาง(แทนที่จะเป็นมุมมองของตัวละครตัวใดตัวหนึ่งตัวเดียว) แล้วสุดท้ายมาบรรจบกัน ซึ่งก็เหมือนกับจุดประสงค์ของตอนนี้เหมือนกันคือมุมมองสองมุมระหว่างทหารขาวดำและพวกแพนดี้

      

    ตอนที่ 4.1 "The Diet Syndrome" ตอนนี้ผมชอบมาก และเห็นได้ชัดว่าแม้ไม่มีมุกสัปดนการ์ตูนก็สนุกได้ (สิ่งที่สัปดนมีอย่างเดียวคือโกสต์รูปร่างนมจากเต้า) เป็นเรื่องของสต็องกิ้งกินของหวานมากไปจนอ้วน อ้วนจนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ จนกระทั้งวันถัดมาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของ “โกสต์ ส่วนชื่อตอนนั้นมาจากภาพยนตร์เรื่อง The China Syndrome(1979) ภาพยนตร์ชั้นนำที่กวาดรางวัลมามากมาย โดยเนื้อหาเกี่ยวกับการรั่วไหลไหลของกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

      

    ตอนที่ 4.2 "High School Nudical" เป็นตอนที่เห็นชัดเลยว่าเอาหลายมุกสังคมอเมริกาล้อเลียน เนื้อหาคือแพนดี้กับสต็องกิ้งมาร่วมแข่งขันวิ่งรอบเมืองในชุดชั้นใน(เซอร์วิสได้เปล่าเนี้ย) แต่ดันเจอโกสต์ที่มีนิสัยชอบกินกางเกงในเข้า โดยชื่อตอนล้อเลียนจาก High School Musical(2006)ในชื่อไทยว่า มือถือไมค์หัวใจปิ๊งรัก ซึ่งเป็นหนังตลกวัยรุ่นอเมริกาที่ทำออกมาหลายภาคมาก  และเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของค่ายดิสนีย์ แต่กระนั้นมุกกางเกงวิ่งรอบมองนั้นมาจากภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่บ้านเรารู้จักกันดีในชื่อ “อเมริกันพาย”โดยฉากในการ์ตูนดังกล่าวมาจากภาค 5 ในชื่อ อเมริกันพาย แอ้มเย้ยฟ้า ท้ามาราธอน(American Pie : The Naked Mile) ซึ่งความจริงแล้วประเพณีแก้ผ้าเหลือชั้นในแล้ววิ่งรอบเมืองนั้นมีอยู่จริง เรียกว่า “Naked Mile” ซึ่งจะทำทุกปีในช่วงวันสุดท้ายของการเรียนในแต่ละปีการศึกษาโดยเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยมิชิแกน ต่อมาตำรวจและทางมหาลัยทำการปราบปรามตั้งแต่ปี 2000 เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย


              ตอนที่ 5.1 “
    Hanamuptra” เป็นตอนที่ดูแล้วน่าขยะแขยงเหลือเกิน เพราะทั้งเรื่องมีแต่ตัวละครแคะขี้มูก เล่นขี้มูกกัน โดยแพนดี้กับสต็องกิ้งต้องรับมือกับโกสต์ที่เป็นตัวการปล่อยเกสรแปลกๆ ที่ทำให้ตัวละครในเมืองมีนิสัยชอบแคะขี้มูก ส่วนชื่อตอน Hamunaptra เป็นเมืองจากภาพยนตร์เรื่อง The Mummy (1999) โกสต์หน้าเหมือนตัวใบปิดโฆษณามาก


               ตอนที่ 5.2
    "Vomiting Point" เป็นตอนที่แหวกแนวจริงๆ อยากตบมือกับความแปลกของมัน เป็นเรื่องราวอีกโลกหนึ่งของแพนดี้กับสต็องกิ้ง คือโลกแห่งความจริง(??) ในประเทศญี่ปุ่น ในมุมมองของตัวละครคนหนึ่งที่เป็นคนงานเก่าแก่ในบริษัทแห่งหนึ่งที่ไม่เจริญหน้าที่การงาน ทำงานก็ไม่ได้เรื่อง จนโดนหัวหน้าแผนกที่อายุน้อยกว่าตนจิกด่าทุกวัน จนกระทั้งวันหนึ่งเป้ฯวันเกิดของลูกสาว(ผมฮ่าตรงนี้เด็กมันอยากได้ของขวัญคือแพนดี้กับสต็องกิ้ง เห้ย เด็กมันดูการ์ตูนเรื่องนี้ด้วยเว้ย มันดูตอนไหนเนี้ย การ์ตูนเรื่องนี้มันฉายดึกนี้หว่า แล้วหนูอยากเป็นแพนดี้เรอะ เสื่อมขนาดนี้ยังอุตส่าห์อยากเป็น!!) พอถึงวันเกิดของลูกสาวเขาก็ถูกบังคับดื่มเบียร์ไปหลายเหยือกก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการอาเจียนเป็นโกสต์อาเจียน(อ้วกกันเข้าไป) ก่อนที่แพนดี้กับสต็องกิ้งจะโผล่มาปราบ และปิดท้ายมุกพนักงานคนดังกล่าวก็ถูกหัวหน้าแผนกดุเหมือนเดิมไม่ได้ปรับปรุงตัวแต่อย่างใด(เพราะปกติแล้วการ์ตูนแนวเวทมนต์ส่วนใหญ่ตัวละครที่นิสัยไม่ได้เรื่องเมื่อพบเหตุการณ์ตัวเอกปราบปีศาจมักสำนึกได้และปรับปรุงตัวได้  แต่การ์ตูนนี้ดันตรงกันข้าม) ส่วนชื่อตอนมาจากภาพยนตร์เรื่อง Vanishing Point (1971) โดยฉากที่แพนตี้กับสต็องกิ้งขี้รถกลับบ้านก็เอามาจากฉากภาพยนตร์เรื่องนี้แหละ

    นี้แหละครับตัวอย่างของมุกๆ เล็กๆ น้อยๆ กับการ์ตูนเรื่องนี้ หากคุณจะดูการ์ตูนเรื่องนี้ให้สนุกลองทำแบบผมสิครับ ดูแล้วไปหากูเกิลด้วยว่าแต่ละมุกนั้นเขาเอาอะไรมาล้อเลียน ก็ถือว่าได้สาระอีกแบบเหมือนกัน

      
             Panty & Stocking with Garterbelt ก็ยังคงเป็นผลงานตามแบบของ
    Gainax แหละครับ คือทำการ์ตูนธรรมดาให้มันไม่ธรรมดา แม้เนื้อหาจะไม่แปลกใหม่ก็แค่การ์ตูนคู่หูสาวสวยปราบปีศาจธรรมดา แต่ได้เพิ่มองค์ประกอบหลายอย่างให้มันดูน่าสนใจขึ้น การ์ตูนได้ใส่ลูกบ้าอะไรหลายอย่างลงไปเนื้อหาด้วย เช่น เปลี่ยนภาพให้ออกมาแนวๆ  ใส่วัฒนธรรมของอเมริกาลงไป ใส่มุกล้อเลียน ใส่มุกตัวละครให้มันจิตหลุดๆ หน่อย ก็ถือว่าอร่อยไปหลายมุก

    ส่วนตัวผมแล้วการ์ตูนเรื่องนี้มีสิ่งที่ชอบไม่ชอบคละกันไป ที่ไม่ชอบคือมุกที่นำเสนอให้แพนตี้เป็นผู้หญิงใจง่ายนอนกับผู้ชายไม่เลือกหน้า เอาเถอะมันก็แค่การ์ตูนอย่าคิดมาก ความจริงถ้าตัดฉากเหล่านี้ไปผมก็ชอบครับ ชอบมุกที่ไม่เรื่องเพศมาเกี่ยวข้อง

    เอาเป็นว่าใครชอบการ์ตูนของค่าย  Gainax ก็ลองดูสักแว่บละกัน แต่จำกัดเรตนะครับ แนะนำว่าต่ำกว่า 15 ไปดูการ์ตูนเรื่องอื่นเถอะ ผมขอแนะนำดูการ์ตูนเรื่อง Ami Yumi ดีกว่า อารมณ์เดียวกันแถมไร้มลพิษด้วย

     + +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×