ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Short fic} No one's mind [CHANBAEK]

    ลำดับตอนที่ #1 : ❥YOUNG BOY

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 31
      0
      28 มี.ค. 58

    NO ONE’S MIND

     

     

    YOUNG BOY

     

    วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ที่ผมต้องแหกขี้ตาตื่นมาแต่เช้าเพื่อไปส่งไอ้น้องเวรซ้อมรักบี้ ทั้งๆที่โตเป็นควายแล้วแต่ก็ต้องไปรับไปส่งอย่างกับเด็กอนุบาลโดยที่มันให้ข้ออ้างมาว่า

     

    “แบคฮยอนเป็นพี่ แบคฮยอนมีหน้าที่ดูแลน้อง ถึงน้องจะโตขนาดไหนก็ตามแต่ในสายตาพี่ผมก็ยังคงเป็นเด็กเล็กๆที่น่าถะนุถนอมอยู่ดี”

     

     อืม.. กูปฏิเสธต่อไปไม่ได้

    ผมเดินย่ำเท้าขึ้นไปชั้นสองของบ้านเพราะนี่ออกมารอหน้าบ้านก็ยังไม่มีวี่แววว่าไอ้น้องชายตัวดีจะลงมา

    ก๊อก ก๊อก

    “...”

    เชี่ยเซฮุน..

    ผมยืนเคาะประตูผ่านไปเป็นสามนาทีมันก็ยังเงียบ ตัดสินใจวิ่งลงไปหยิบพวงกุญแจบ้านที่ห้อยอยู่ตรงใต้บันไดขึ้นมาไขประตู เปิดเข้าไปเจอกองเสื้อผ้าที่ม่งหมักไว้ตั้งแต่วันไหนไม่รู้ ค่อยๆย่องผ่านขยะที่กองอยู่รวมกับลูกรักบี้ไปถึงคนตัวยาวที่นอนถอดเสื้อคว่ำหน้าอยู่บนเตียง เอาเหอะแม่งนอนกอดบ๊อกเซอร์ตัวเองอ่ะคิดดู ผมลากเก้าอี้บุหนังที่มันไว้ใช้นั่งเล่นคอมมาใกล้ๆเป็นหลักยึดตัวเองกันล้มก่อนจะค่อยๆยกเท้าเขี่ยไอ้เด็กเผือกที่ยังนอนอุตุไม่รู้เรื่อง

    “เซฮุน ตื่นดิ๊”

    “...”

    “มึง ตื่นได้แล้วป้ะ ซ้อมรักบี้ไม่ใช่?”

    “...”

    เงียบ..

    ผมเอื้อมแขนไปดึงหมอนที่มันหนุนออกมาคิดว่ามันจะตื่นแต่แม่งก็ไม่ตื่น

    “เซฮุน มึงจะตื่นไม่ตื่น”

    “...”

    “ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย”

    ผมเงื้อหมอนขึ้นแล้วจัดการฟาดลงไปบนหัวสีชมพูนั่นเต็มแรง มันเด้งตัวขึ้นมาอย่างเร็วด้วยความตกใจแล้วหันหน้ามึนๆกลับมามองผม

    “แบคฮยอน..”

    “เออกูเอง เมื่อคืนมึงทำอะไรห้ะเซฮุนวันนี้มึงถึงหลับเป็นตายแบบนี้”

    “แบคฮยอน”

    “อะไรมึง”

    “นี่กล้าเอาหมอนตบหัวผมเหรอ?”

    “แล้วทำไมกูจะทำไม่ได้” ผมยืนกอดอกกระดิกเท้ามองมัน

    “ผมเป็นน้องแบคฮยอนนะ”

    “กูก็เป็นพี่มึงไง”

    “แต่ผมเป็นน้องนะ” แน่ะ ขึ้นเสียงใส่กูอีก

    “ไปอาบน้ำซะไป เดี๋ยวมึงจะไปซ้อมสาย” ผมทำเป็นไม่ได้ยินที่มันพูดก่อนสั่งให้มันไปอาบน้ำ

    “ทำแบบนี้กับน้องได้ยังไง ไม่ได้เรื่อง”

    “เซฮุน กูยังไม่ได้จัดการมึงเรื่องที่มึงไม่ยอมตื่นไปซ้อมนะ ลุกไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ นับหนึ่ง”

    “ตะ..”

    “สอง”

    “แบคฮยอน!

    “สาม”

     

    ปั้ก

     

    “ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้โอเซฮุน!

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมขับเวสป้าสีเปลือกไข่มาถึงสนามรักบี้ น้องชายผมที่หน้าบูดมาตั้งแต่ผมเอาหมอนฟาดแล้วไล่มันไปอาบน้ำจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมเปิดปากพูดกับผมสักคำ

    “วันนี้จะให้กูมารับกี่โมง?”

    “...”

    “เซฮุน กูไม่ว่างมาต่อล้อต่อเถียงกับมึงหรอกนะ” ผมถอนหายใจแรงๆ

    “...”

    “โอเค ไว้เดี๋ยวจะให้มารับตอนไหนก็โทรไปบอกกูแล้วกัน”

    หมับ

    “แบคฮยอนไม่คิดจะง้อผมหน่อยเหรอ?”

    “เซฮุน.. ไปซ้อมได้แล้ว เดี๋ยวจะสาย” ผมพยายามแกะมือเซฮุนที่กำรอบข้อมือผมออก นี่มือหรือคีมเหล็กวะ ไอ้เด็กนี่

    “แบคฮยอน..” ทำหน้าหงอยใส่กูด้วยไง แล้วนั่นอะไร น้ำใสๆที่เอ่ออยู่รอบตามันคืออะไรหา?!

    “เฮ้ออ” ผมคว้ามันมากอดแน่น ถึงจะทำใจแข็งดัดนิสัยมันก็เถอะ แต่พอเห็นมันทำหน้าแบบนี้แล้วก็ใจอ่อน  “เซฮุน มึงโตแล้วนะ ทำตัวเป็นเด็กไปได้ ที่กูทำก็เพราะกูไม่อยากให้มึงทำตัวเหลวไหลอีก เข้าใจมั้ย?” พูดพลางลูบหัวลูบหลังเด็กโข่งขี้น้อยใจไปด้วย นี่ก็พยักหน้ารับคำซุกไหล่ซุกคอสะอื้นเบาๆอยู่ข้างหู สงสัยอย่างที่มันพูดคงจะจริงต่อให้โตแค่ไหนในสายตาผมเซฮุนก็ยังเป็นเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำ

    “เซฮุน” เสียงทุ้มตะโกนมาจากสนามรักบี้ เห็นผู้ชายตัวสูงโย่งในชุดรักบี้สีขาวมอมวิ่งมาหยุดอยู่ข้างหน้าก้มตัวหอบแฮ่กอย่างเหนื่อยอ่อน ผมผละออกจากเซฮุนที่หันกลับไปเผชิญหน้ากับไอ้โย่ง

    “ทะ..ทำไมมึงไม่เข้าไปสักที แฮ่กๆ...วะ” พูดไปหอบไปจนผมกลัวว่ามันจะสำลักอากาศตายไปซะก่อน มันมองหน้าผมสลับกับเซฮุน “แล้วนี่..”

    “พี่ชายกูเอง” เด็กเผือกดันผมไปหลบข้างหลังมันก่อนจะตอบไปเสียงเขียว

    “น่ารักดีนี่หว่า” ไอ้เชี่ยนี่..มองกูแล้วเลียริมฝีปากแบบนั้นหมายความว่าไงวะ

    “อย่ายุ่งน่าชานยอล” เด็กชานยอลอะไรนี่เหลือบมองเซฮุนแวบนึงแล้วเข้ามาประชิดดันตัวผมไปข้างหลังจนติดกับลูกกรงรั้วโรงเรียนกางแขนกั้นให้ผมอยู่ใต้อาณัติของเขา

     “ชื่ออะไร”

    “...”
    “กูถาม ว่ามึงน่ะชื่ออะไร”

    “...”

    “มึงหูหนวกเหรอ” ไอ้..

    “แบคฮยอน”

    “นามสกุล?” แม่ง

    “บยอน”

    “โอเค กูชอบมึง...จีบนะ”

    !!!

    J

    “ทำไมชอบ”

    “ก็กูชอบกินนม”

    “พ่อง” ผมด่าก่อนจะรวมแรงที่มีผลักกำแพงมนุษย์ออกพอดีกับที่เซฮุนดึงมันแล้วลากไปทางสนามรักบี้ ผมมองตามอย่างงงๆกว่าจะตั้งสติได้ก็เกือบลืมว่าต้องไปทำธุระต่อจึงรีบกระโดดขึ้นเวสป้าคันโปรดแล้วดิ่งไปที่มหาลัยทันที

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมจอดเวสป้าไว้ที่ลานจอดรถของทางมหาลัยแล้วเดินไปซื้อนมสดปั่น หลังจากที่ไปส่งเซฮุนซ้อมรักบี้ตอนเช้าผมก็แวะเข้าไปทำธุระก่อนจะมามหาลัย ผมเดินลากเท้าเลาะเลียบฟุตปาธอย่างไม่เร่งรีบเพราะมาถึงไวกว่าที่คิด เดินผ่านทางเชื่อมตึกผ่านคณะวิศวะที่ตอนนี้เงียบอย่างกับป่าช้าเพราะส่วนใหญ่ไอ้พวกคณะนี้ไม่ค่อยมีเรียนภาคบ่ายถึงจะมีก็ส่วนน้อยเท่านั้นไปที่คณะศิลปกรรมได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายของกลุ่มนักศึกษาส่วนใหญ่จะอยู่ทำงานกันจนดึกดื่นนอนตอนเช้าแล้วเรียนบ่ายซะมากกว่า เดินไปหาเพื่อนตัวสูงที่ที่นั่งดูดบุหรี่หลบอยู่ม้านั่งมุมตึก ไอ้ห่า ถ้าไม่รู้สันดานมันนี้กูคงหลงไปกับท่าทางเท่ๆนั่นแน่ๆ ผมปลดเป้ใบเขื่องลงจากไหล่แล้วโยนใส่มัน หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจจนมันหมั่นไส้เลยได้บุหรี่ที่มันสูบเมื่อกี้มาเป็นของแถม ผมใช้ปลายเท้าขยี้ปลายบุหรี่ให้ดับลงก่อนหย่อนตัวนั่งที่ว่างข้างๆมัน

    “กวนตีน”  อูยย น่ากลัวจังครับ

    “ก็ใครใช้ให้มึงสูบบุหรี่ในที่สาธารณะล่ะ” ผลักหัวมันไปทีนึง

    “แล้วมึงจะให้กูไปสูบที่ไหนครับคุณบยอน” มันหันมาเลิกคิ้วถามผมอย่างกวนตีน อืมม ถ้าไม่ติดว่าเพื่อนกูยันหน้าอ่ะจริง “ห้องน้ำก็สาธารณะ ห้องเรียน ห้องเชี่ยไรก็สาธารณะหมดอ่ะ มึงจะให้กูสูบที่ไหน”

    “ไอ้นี่..”

    “ไปเรียนเหอะไป แม่งเดี๋ยวไม่ทัน” พูดจบก็หยิบนมปั่นของผมไปดูดเดินขึ้นห้องหน้าตาเฉยปล่อยให้ผมนั่งหง่าวอยู่คนเดียว

    “ไอ้เชี่ย นมปั่นกูเอาคืนมานะ!

    “ฮ่าๆๆๆๆ”

     

     

     

     

     

     

    วันนี้ผมมาซ้อมรักบี้ช้ากว่าปกติเพราะเมื่อคืนหลังจากที่เรียนเสร็จห้องพวกเราก็พากันไปฉลองที่ร้านเนื้อย่างเนื่องจากชนะการประกวดห้องเรียนโดยที่งานนี้หัวหน้าห้องและครูที่ปรึกษาบอกว่าเต็มที่ทั้งผมและเพื่อนก็พากันสุดเหวี่ยงซึ่งเรื่องเหล้านี่คงไม่พลาดในเมื่อพวกผมก็อยู่มอปลายปีสุดท้ายแล้วอีกไม่เท่าไหร่ก็คงพากันแยกย้ายไปในมหาลัยที่ตัวเองหวังไว้เพราะงั้นเรื่องเหล้าเรื่องยานี่มันก็ธรรมดา กว่าที่จะกลับกันก็ปาไปเกือบข้ามวัน แต่ก็ต้องแปลกใจที่เช้านี้คิดว่าจะเจอเซฮุนที่สนามรักบี้กลับไม่มีแม้แต่เงา นี่กูว่ากูมาช้าแล้วนะ ผมวางพวกของใช้ไว้ข้างสนามแล้วเริ่มวอร์มร่างกายเพราะคนอื่นๆเริ่มจะวอร์มกันแล้ว ยิ่งผมมาสายแล้วถ้ามัวแต่โอ้เอ้อยู่ล่ะก็ได้โดนสั่งซ่อมแน่ ผมวิ่งรอบสนามแต่สายตาก็ต้องสะดุดกับเซฮุนที่ยืนกอดกับใครสักคนที่นอกรั้วโรงเรียน ด้วยความอยากรู้ที่มันอยู่ในสันดานผมจึงหยิบผ้ามาเช็ดเหงื่อแบบลวกๆแล้ววิ่งออกไปหามัน

    “เซฮุน” ผมตะโกนเรียกแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ยิน ขายาวๆพาผมวิ่งมาถึงทั้งสองคนที่ยังกอดกันกลม

    “ทะ..ทำไมมึงไม่เข้าไปสักที แฮ่กๆ...วะ” แกล้งถามออกมาทั้งๆที่ความจริงผมเห็นตั้งแต่ต้น แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่ไอ้เซฮุนมันกอดอยู่เมื่อกี้ ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย แก้มยุ้ยๆที่มีเลือดฝาด ตาตกๆเหมือนลูกหมา ไหนจะผิวขาวเนียนเหมือน...อืมม เหมือน...

     

    นม

     

    น่ารักว่ะ...

     

    แต่ก็ต้องแปลกใจมากกว่าเดิมเมื่อเซฮุนดันไปหลบข้างหลัง อะไรจะหวงขนาดนั้นวะ ผมมองใบหน้าน่ารักแล้วแลบเลียริมฝีปากจงใจยั่วให้คนน่ารักเขิน แล้วก็จริงเมื่อแก้มกลมๆนั้นมีริ้วสีแดงพาดผ่านน่ารักจริงๆนั่นแหละ

    “แล้วนี่..”

    “พี่ชายกูเอง” มันรีบดันคนน่ารักไปหลบหลังมัน

    “น่ารักดีนี่หว่า”

    “อย่ายุ่งน่าชานยอล” ผมไม่ฟังแต่กลับเดินไปประชิดต้อนจนแผ่นหลังเล็กๆชิดกับลูกกรงเท้าแขนคร่อมร่างบางไว้

     “ชื่ออะไร” ผมกระซิบถาม

    “...” แต่เขาก็ยังเงียบ
    “กูถาม ว่ามึงน่ะชื่ออะไร”

    “...”

    “มึงหูหนวกเหรอ”

    “แบคฮยอน”

    “นามสกุล?”

    “บยอน”

    “โอเค กูชอบมึง...จีบนะ”

    !!!

    J

    “ทำไมชอบ”

    “ก็กูชอบกินนม”

    “พ่อง” อ่าา ด่าได้เจ็บแสบมากครับให้ตายสิ .ยิ้ม

    หลังจากนั้นผมก็โดนเซฮุนลากให้เดินกลับไปที่สนามรักบี้ แอบหันไปเห็นแบคฮยอนที่ยืนทำหน้าหมางงอยู่ที่เดิม ฮ่ะๆ น่ารักชะมัด ตั้งแต่เจอกันนี่ผมชมเขาน่ารักไปกี่รอบแล้วเนี่ย แต่ความสุขของผมก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อไอ้เซฮุนมันตบผมหัวทิ่ม

    “ทำเชี่ยไรมึง”  มึนเลยไอ้เชี่ย

    “ตบหัวมึงไง”

    “อันนั่นกูรู้ แต่ตบหัวกูทำไมครับคุณโอ”

    “อย่ายุ่งกับแบคฮยอน” มันตอบผมกลับมาเรียบๆ

    “กูก็บอกไปแล้วว่าชอบ จะจีบ” ผมตอบกลับไปเต็มน้ำเสียง

    “กูไม่อนุญาตเว้ย”

    “แต่เสียใจว่ะ คนนี้กุเอาจริง”

    “กูเตือนมึงแล้วนะชานยอล อย่ายุ่งกับแบคฮยอน ห้ามจีบ ห้าม ห้าม ห้าม”

    “กู จะ จีบ”

    “หึ งั้นกูจะขัดขวางมึงเอง” แววตาของมันจริงจังจนน่ากลัว เซฮุนไม่ได้ล้อเล่น

    “ทำได้ก็ทำ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะอารมณ์ดีก่อนจะวิ่งกลับไปซ้อมรักบี้ต่อ ยังไงซะแบคฮยอนก็เป็นของผมอยู่แล้วล่ะ

     

    17:22 P.M.

    คิดๆดูแล้วผมไม่เคยเดินกลับบ้านกับมันเลยจึงไม่แปลกที่จะไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายของมัน อีกอย่างมันก็ไม่เคยเล่าให้ฟังจึงไม่ได้สนใจอะไร รู้แค่ว่าพี่ชายมันมารับมาส่งแค่นั้น แต่ผมพูดแล้วนี่ว่าจะจีบแบคฮยอนวันนี้ผมเลยเดินตามมันออกมารอพี่ชายมันที่หน้าโรงเรียน มันไม่เต็มใจให้ผมมาหรอกครับ แต่ก็นะ ห้ามผมได้ที่ไหน เราเดินกันมาถึงหน้าโรงเรียนซึ่งเห็นคนตัวเล็กยืนพิงเวสป้ารออยู่แล้ว

    “สวัสดีแบคฮยอน”

    “ห้ะ..เอ่ออ สวัสดี” หน้ามึนๆแบบนั้นมันน่ารักจริงๆเชียว

    “ชานยอล อย่ายุ่ง มึงกลับบ้านมึงไป”

    “มึงมารับมันแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ” ผมเลือกที่จะทำหูทวนลมใส่เซฮุนแล้วหันไปคุยกับแบคฮยอนแทน

    “ไอ้เชี่ยนี่พูดไม่รู้เรื่องเหรอวะ” มันเดินเข้าไปโอบไหล่แบคฮยอนไว้ โอ้ะ สายตาอย่างกับจะฆ่า

    “แบคฮยอน กูกลับบ้านก่อนนะ เตรียมตัวล่ะ” ยกนิ้วยาวขึ้นมาจูบเบาๆแล้วแตะไปที่ริมฝีปากบางสีสด อ่า แค่นี้ยังรู้สึกดีขนาดนี้ แล้วถ้าจูบกันตรงๆล่ะ.. หึ

    “ไอ้ชานยอล!” กว่าจะรู้ตัวผมก็เดินออกมาไกลแล้วล่ะ ฮ่ะๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

    “แบคฮยอนอย่าไปยอมมันนะ อย่าไปให้มันจีบนะ” ไม่รู้ว่าเซฮุนพูดประโยคนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่ของวัน แต่อย่างน้อยผมจำมันได้จนขึ้นใจ

    “นี่แกคิดว่าพี่ยอมมันรึไง” ผมชี้นิ้วเรียวเข้าหาตัว ขมวดคิ้วมุ่น

    “แต่แบคฮยอนก็ยอมให้มันจูบ”

    “ไม่ได้จูบเว้ย”

    “มันก็จูบทางอ้อมแหละน่า”

    “เพ้อเจ้อแล้วเซฮุน”

    “แบคฮยอนชอบไอ้ชานยอลใช่มั้ย” เด็กบ้า..

    “พอแล้วเซฮุน พี่เหนื่อยเรียนมาทั้งวันแล้วจะไปพักผ่อน ถ้าหิวก็ออกไปหาไรกินข้างนอกนะ”

    “แบคฮยอน เดี๋ยวดิๆ เปิดประตูก่อน แบคคค” เหอะ ไอ้เด็กไม่รู้จักโต

    ผมล็อกประตูปลดกระดุมเสื้อออกสองเม็ดเดินไปเปิดตู้เย็นเล็กๆที่ไว้แช่พวกเครื่องดื่มที่ผมซื้อมาใช้ในห้องนอน หยิบถังนมสดขึ้นมากระดกลงคอ หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำชำระคราบเหงื่อไคลออกจากร่างกาย หลังจากอาบน้ำเสร็จผมแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสบายๆกับกางเกงผ้าขายาว หงุดหงิดตัวเองที่เอาแต่นึกถึงสัมผัสอุ่นๆจากนิ้วเรียวของไอ้เด็กนั่นจนเป็นบ้าเป็นหลัง สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านจนผมยุ่ง หยิบไอโฟน กุญแจรถและกระเป๋าตังค์เดินออกจากห้องว่าจะไปซื้ออะไรกิน ขับออกมาแถวตลาดโต้รุ่งที่มีเต้นท์ร้านอาหารเรียงรายเต็มข้างทาง อ่า อากาศเย็นๆแบบนี้ต๊อกโบกกี้อุ่นๆสักจานก็โอเคแล้วล่ะ จอดรถเลียบข้างทางแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาเดินแรงกระตุกเสื้อจากข้างหลังก็ทำให้ผมหันกลับไปมอง

    “ชะ..ชานยอล” ชิบหายแล้วกู

    “ไปไหน แล้วทำไมมาคนเดียว?”

    “มาหาของกิน ปล่อยได้ละ”

    “ไปกับกู เดี๋ยวเลี้ยง”

    “ไม่ต้องอ่ะ กูหากินเองได้”

    “แบคฮยอน อย่าดื้อดิ” ใครดื้อกันแน่วะ

    “กูไปเอง จะรีบกลับ เฮ้ยย เดี๋ยวดิ.. ไอ้เชี่ย”

    พูดไม่ทันจบประโยคดีไอ้นี่ก็ลากผมออกไป ชิบหายหน้าเกือบคว่ำ

    “มึงเดินช้าๆได้ป้ะ”

    “อ่อ ขาสั้น กูลืม”

    “ไอ้เด็กเหี้ย” ยกมือขึ้นตบปากมันไปทีนึง หมั่นไส้ไม่เรียกกูพี่แล้วยังจะว่าอีก

    “เจ็บนะ”

    “เรื่องของมึง”

    “ไปกินต๊อกกันเดี๋ยวกูเลี้ยง” เหยดดด รู้ดีจังว่ากูอยากกิน ของฟรีด้วย ถือซะว่าเป็นการรักษาน้ำใจละกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ฮ้า อิ่มเว้ย” ผมพูดพลางลูบท้องน้อยๆไปด้วย

    “ไม่อิ่มก็แปลก นั่นกินหรือยัด”

    “หยาบคายตบปากเดี๋ยวนี้”

    “ลูกหมู” ลอยหน้าลอยตาใส่กูด้วย

    ผมเลือกที่จะเงียบใส่มันแทน อาหารมื้อนี้ถือว่าคุ้มมากครับ ฮ่าๆๆ อร่อยดีแถมยังฟรีอีกต่างหาก ผมเดินมาถึงรถที่จอดไว้ วาดขาคร่อมเวสป้าลูกรักเตรียมจะกลับบ้านแต่ชานยอลก็คว้ามือผมไว้ก่อน

    “หืม?”

    “เอามือถือมา”

    “ไม่เอา เอาไปทำไมล่ะ”

    “ขอเบอร์ ไลน์ก็ได้”

    “ไม่ให้ได้มั้ยล่ะ” ยักคิ้วจึกๆ

    “เอามาเหอะน่า นี่ชอบนะถึงขออ่ะ”

    “...”

    “เอ้า เหวออีก ฮ่ะๆ”

    “อะ..เอาไปดิ” ผมยื่นไอโฟนห้าเอสสีทองให้มัน แล้วมันก็กดอะไรยุกยิกสักพักก็ส่งกลับมาให้ผม

    ครืด ครืด

    ผมก้มมองไอโฟนในมือ

    ของแบค

    เชี่ย... ชานยอลเล่นอะไรวะ หน้าร้อนชิบหาย

    “กลับบ้านดีๆนะมึง” มันบอกแค่นั้นก็จะเดินออกไป ผมมองแผ่นหลังกว้างที่ห่างออกไปช้าๆ ย๊า แล้วจะยิ้มทำไมล่ะบยอนแบคฮยอน

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากนั้นชานยอลก็มาโผล่ให้ผมเห็นหน้าบ่อยขึ้น มันทำจริงครับไอ้ที่บอกว่าจะจีบ นี่ก็ผ่านมาสามเดือนแล้วที่มันเทียวไปเทียวมา อ้อ ลืมบอกอีกอย่าง เดี๋ยวนี้มันพัฒนานะครับ ไปตามผมถึงมหาลัยจนเพื่อนแซวกันไปหมดว่าผมเลี้ยงต้อย ยิ่งช่วงหลังๆเซฮุนที่ปกติจะคอยขัดขวางชานยอลกลับหายไปเสียดื้อ แล้วยังมีการมาบอกอีกนะว่า

    “ผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว อีกหน่อยผมก็ต้องดูแลคนอื่น แบคฮยอนไม่ต้องไปรับไปส่งผมแล้วแหละ”

    เออ เอากับมันสิ เดาใจโคตรยาก

    “อ้ะ”

    “ไปกัน” คนตัวสูงที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้คว้ามือผมไปกุมไว้แน่นแล้วพาผมเดินออกไปที่ดูคาติคันใหญ่

    “เอ๋?”

    “ฮ่ะๆ วันนี้เอารถมารับ ไม่อยากให้เดินกลับ มันหนาว” อ่า ผมลืมล่ะ เดี๋ยวนี้เซฮุนเอาเวสป้าลูกรักของผมไปใช้ แล้วผมก็เปลี่ยนไปกลับพร้อมชานยอล มือใหญ่ครอบหมวกกันน็อกลงบนหัวของผม เขาล็อกใต้คางให้เรียบร้อย เกลี่ยนิ้วหัวแม่มือบนแก้มนิ่มเบาๆ ผมใจสั่นอีกแล้ว

    “...”

    “ขึ้นรถกันครับ เดี๋ยววันนี้พาไปเลี้ยงต๊อก” ของฟรีมาอีกแล้ว

    ชานยอลขับดูคาติมาจอดที่เดิมที่เราเคยไปกินต๊อกด้วยกันวันนั้นลงจากรถขายังไม่ทันแตะพื้นมือใหญ่ก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของผมลากออกไป ขอโทษเถอะแต่กูจะหน้าทิ่มเอาไอ้ห่านี่ มันชะลอฝีเท้าลงเมื่อเห็นว่าผมเดินไม่ทันจนสุดท้ายก็กลับมาเดินข้างกัน เราเดินไปเรื่อยๆจากที่จับข้อมือมันก็เลื่อนมากุมมือผมเอาไว้ทั้งมือ อ่า.. หน้าร้อนอีกแล้ว

    “ไปนั่งก่อนเลยเดี๋ยวกูสั่งให้”

    “โอเค เหมือนเดิมนะ”

    ผมมานั่งในร้านรอมันสั่งแล้วตามมา ผมชอบบรรยากาศแบบนี้จัง มาเดทกับแฟนนี่มันมีความสุขแบบนี้สินะ

     

    บ้าสิแบคฮยอน แฟนอะไรเล่า

     

    ย๊ากกก นี่ผมคิดบ้าอะไรเนี่ย คิดได้แบบนั้นผมก็เอามือขึ้นมาปิดหน้าตีขาใต้โต๊ะไปมาเพียงแค่หวังว่าจะช่วยบรรเทาความร้อนบนหน้าได้บ้าง ฮื่ออออ หน้าร้อนหมดแล้วมันต้องแดงมากแน่ๆเลยอ่ะ

    ปั้ก

    โอ๊ะ

    “เอ้า เจ็บมั้ยน่ะ”

    “เจ็บอ่ะ” ;------;

    น้ำตาร่วงเลยครับ มัวแต่ดีดดิ้นเมื่อกี้ขาเลยกระแทกเข้ากับโต๊ะอย่างจัง ชานยอลที่เดินกลับมาเห็นพอดีหัวเราะเบาๆก่อนจะคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วจับขาผมไปดู

    “เฮ้ยๆ ลุกขึ้นมาๆ กูไม่ได้เป็นไรมากสักหน่อย”

    “เอามาดูเหอะน่า” ว่าจบก็ก็ถกกางเกงสแล็คขายาวของผมขึ้นปรากฏรอยสีม่วงช้ำ

    “เดี๋ยวค่อยกลับไปทายาก็ได้”

    “เล่นอะไรเป็นเด็ก โตแล้วนะ” ดึงกางเกงผมกลับอย่างเดิมแล้วลุกขึ้นไปนั่งฝั่งตรงข้าม แล้วนั่นเท้าคางมองแบบนี้หมายความว่าไง

    “ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”

    “เห็นว่านั่งตีขาใต้โต๊ะนะ” มันพูดเรียบๆหรี่ตามองผมเหมือนจับผิด

    “ก็ยุงอ่ะ ยุงมันเยอะ” แถเนียนสัส..

    “หือ?” มันครางเบาๆแล้วก้มลงมองใต้โต๊ะ คือมึงช่วยเชื่อที่กูพูดหน่อยก็ได้

    “ช่างมันเหอะน่า ว้าววว ต๊อกมาแล้วอ่ะ กินกันเถอะ”

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ผมมองคนตัวเล็กที่กินเอาๆโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย

    ปากเล็กๆแดงๆเวลาห่อแล้วเป่าลมเบาๆนั่นก็น่ารัก

    แก้มนุ่มๆยุ้ยๆเวลาเคี้ยวต๊อกที่อยู่เต็มปากนั่นก็น่ารัก

    คิ้วที่ขมวดเข้าหากันเวลาที่กินไม่ทันใจนั่นก็น่ารัก

    ยิ่งสายตาเป็นประกายเวลาเห็นต๊อกร้อนๆอยู่ตรงหน้ายิ่งน่ารักเลย

     

    ให้ตายสิ แบคฮยอนทำอะไรก็น่ารัก

     

    มองแบคฮยอนกินผมก็อิ่มแล้วล่ะ ความจริงผมห็นตั้งแต่แบคฮยอนเอามือปิดหน้าดิ้นไปดิ้นมาแล้วล่ะ คิดไว้ไม่มีผิดว่าต้องทำอะไรโก๊ะๆอีกแน่ ไม่ทันขาดคำขาเรียวเล็กนั่นก็กระแทกขอบโต๊ะอย่างจัง หน้าแบคฮยอนนี่เหวอไปเลยสงสารก็สงสาร จะว่าตลกก็ตลกนะ แต่ถ้าผมหัวเราะมีหวังงอนยาวแน่ ตอนที่มือผมสัมผัสกับเนื้อขานุ่มนิ่มยอมรับว่าสมองมันคิดอกุศลไปไกลแล้วล่ะ แต่ก็นะ จีบเขาอยู่ก็แสนดีเข้าไว้

    “นี่” ของกินเต็มปากยังจะพูด

    ผมพยักหน้ารับนิ่งๆ

    “ไม่กินรึไง เอาแต่นั่งจ้องคนอื่นอยู่ได้”

    “ดูคนแถวนี้กินก็อิ่มแล้ว”

    “ประสาท” บ่นงุบงิบแล้วก้มหน้าก้มตากินต่อ รู้หรอน่ะว่าเขิน

    “แบคฮยอนซอสเปื้อนปาก”

    “ห้ะ” ทำไมชอบทำนักนะไอ้หน้าหมาสงสัยเนี่ย

    ผมไม่ตอบแต่หยิบทิชชู่ออกมายื่นให้แทน เขารับไปเช็ดรอบปากตัวเองลวกๆ มองๆไปก็เหมือนเด็กเช็ดปากแบบนั้นเลยแหละครับ ฮ่าๆ

    “กินเสร็จแล้วจะไปไหนอีกรึเปล่า?”

    “ไม่อ่ะ อยากกลับบ้านเลยเซฮุนอยู่คนเดียว”

    “โอเค งั้นกินเสร็จจะได้กลับ”

    .

    .

    .

    .

    .

    .
    .
    .

    .

    .
    ชานยอลพาผมกลับมาส่งที่บ้าน ป่านนี้เซฮุนมันคงเล่นเกมอยู่บนห้องนั่นแหละ เดี๋ยวนี้ดูมันติดเกมส์หนักไม่ค่อยยุ่งกับผมเท่าไหร่ แต่ก็ดีแล้วนี่

    “เข้าบ้านได้แล้ว ยืนทำหน้าเซ่ออะไร” ไอ้เด็กปากหมา

    “นั่นปากเหรอ”

    “นายเห็นเป็นอะไรล่ะ”

    “ป่าวแค่สงสัยว่าเป็นปากคนหรือปากหมา”

    “อยากรู้มั้ยล่ะ” แล้วจะมายักคิ้วทำไม คิดว่ากลัวเหรอ ผมไม่ตอบแต่กอดอกเชิดหน้าลอยหน้าลอยตาใส่

    “อ้ะ..” ผมเบิกตาโพลงตอนมันกระชากผมเข้าไปใกล้แต่ก็ไม่ทันโง่ได้นานนักหรอก ริมฝีปากหยักก็ทาบลงมาบนปากผม วินาทีนั้นเหมือนมันเบลอๆ มองเห็นแค่ดวงตาคมของอีกคนที่อยู่ใกล้ เหมือนเห็นประกายดาววิบวับรอบๆพื้นที่สีขาวแต่เมื่อทนกับสายตาคู่นั้นของอีกคนไม่ไหวผมจึงค่อยๆปิดเปลือกตาลงสัมผัสที่ปากยังคงนุ่มนวล ความรู้สึกมันเหมือนมาร์ชเมลโล่วที่ไปย่างไฟแล้วนำมาทาบกับปากของผมกลิ่นมันหอมเหมือนนมรสหวานละมุนกว่าจะรู้ตัวสัมผัสนั้นก็ค่อยๆจางหาย ผมปรือตาขึ้นมองอีกคนที่ส่งยิ้มสว่างจ้ามาให้ อ่า.. เมื่อกี้ผมจูบกับชานยอลงั้นเหรอ

    “ถึงจะปากหมาแต่ก็หวานนะ”

     

    ฮื่อออ ผมแพ้ปาร์คชานยอลอีกแล้ว

     

     

     

     

    “แบคฮยอนตอบผมมาเดี๋ยวนี้ ตอบมานะ” เขย่าเข้าไปแขนกูอ่ะ เขย่าจนแขนกูจะหลุดละ

    “โว้ยย ไม่เว้ย”

    “ได้ไงอ่ะ เมื่อคืนผมเห็นนะว่าแบคฮยอนจูบกับมันหน้าบ้านอ่ะ”

    “แล้วแกจะเสียงดังทำไมเซฮุน” ผมตอบเสียงเรียบ

    “แบคฮยอนคบกับมันแล้วใช่มั้ย” ตีหน้าเศร้าได้ตอแหลมาก

    “ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ไปๆ ไปซ้อมได้ละ”

    “ไม่รักผมเหรอ” อะไรของมัน

    “อย่ามางอแงน่า” ผมถอนหายใจกลอกตาขึ้นฟ้าเป็นรอบที่ร้อยของวัน มันจะอะไรนักหนาวะ

    “แบคฮยอน..”

    “อย่าให้พูดเรื่องลู่หานนะ” ผมงัดไม้ตายมาใช้

    “ห้ะ?” ตาเหลือกเลยสิมึง ไอ้เด็กเปรต

    “หึ”

    “ใครบอกมา ไอ้เชี่ยชานยอลใช่มั้ย ตอบมาเซ่”

    J

    L

    “แบคฮยอน” อ่า นั่นชานยอลนี่นา ผมยิ้มพลางโบกมือตอบกลับไป

    “พี่อย่าไปยิ้มให้มันสิ”

    “ลู่หาน J ผมตอบกลับ

    “เย็นนี้ไปรับนะ มีเรื่องจะคุยด้วย”

    “อื้ม”

    “กูไม่ให้ไป” เซฮุนนี่ก็ไม่จบ

    “อ่า ลู่หาน”

    “โอเคๆ ผมให้พี่ไปก็ได้”

    “มันแน่อยู่แล้วเซฮุน ตั้งใจซ้อมล่ะ ไปละ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตกเย็น

    ผมมารับแบคฮยอนที่เดิม จะว่าไปก็ไม่น่าเชื่อที่ผมจะจีบแบคฮยอนได้นานขนาดนี้ ปกติแค่ผมนั่งเฉยๆผู้หญิงก็แทบจะวิ่งเข้าหา ใช้ชีวิตแบบเด็กวัยรุ่นผู้ชายทั่วไปที่อยากจะเป็นแบดบอย ฟันแล้วทิ้ง ล่าแต้ม วันไนท์สแตนด์ ก็ไม่แปลกหรอกครับที่เซฮุนมันไม่อยากให้ผมยุ่งกับแบคฮยอน เพื่อนกันมันก็รู้ๆกันอยู่ แต่กับแบคฮยอนที่ผมรักจริง ผู้ชายที่ไม่มีอะไรโดดเด่น ตัวเล็กเล็กๆขาวๆแก้มยุ้ยๆตาตี่ๆที่หาได้ทั่วไปตามท้องถนนเกาหลี ที่สำคัญไม่มีนมตู้มๆคัพซีแบบที่ผมชอบด้วยซ้ำ แต่ก็น่าแปลกที่ผมกลับหยุดมองไม่ได้เลย เห็นแวบแรกก็อยากรู้จัก อยากคุย อยากกอด อยากหอม อยากทำให้เป็นของผมคนเดียว นั่นแหละครับผมถึงได้ตามจีบจนถึงทุกวันนี้

    “รอนานป่ะ”

    “ไม่อ่ะ ไปเถอะ” ผมคว้ามือบางแล้วพากันเดินไปที่หน้าโรงเรียนอนุบาลไปหยุดที่ร้านขายสายไหมที่มีเด็กตัวเล็กๆรุมล้อมรอบๆ

    “พามาที่นี่ทำไมอ่ะ?” หน้าเซ่อ หมาหน้าเซ่อ มันน่าจับมาฟัด..

    “พามาซื้อสายไหม” ผมต่อแถวรอซื้อสายไหม เด็กๆก็เริ่มกลับบ้านไปหมดจนเหลือแค่ผมสองคนที่ยืนอยู่หน้าร้านสายไหม ผมซื้อสายไหมสีขาวฟูฟ่องมาหนึ่งไม้แล้วเดินกลับมาหาแบคฮยอนที่ยืนอยู่ห่างๆ

    “อ่ะ ให้” ผมยื่นสายไหมให้คนน่ารัก

    “ให้ทำไมอ่ะ”

    “จะขอเป็นแฟน” ผมยิ้มกว้าง

    “หา?”

    “เป็นแฟนกันนะชากียา”

    “ไอ้บ้า..” มือเล็กหยิบสายไหมจากมือผมไป อ่า แก้มกลายเป็นสีชมพูเลย

    “เป็นแฟนกันแล้วนะแบคฮยอน”

    “อื้ม” ไม่ไหวแล้วครับ ปากแดงๆที่เม้มเลียสายไหมเข้าปากนั่นโคตรยั่ว ไหนๆก็เป็นแฟนกันแล้วของอย่างนี้ไม่ต้องเกรงใจหรอกเนอะ

     

    แบคฮยอนน่ะหวานจริงๆนะครับ ปาร์คชานยอลคนนี้คอนเฟิร์มเลย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “แบคฮยอนคบกับมันเหรอ”

    “อะไรเซฮุน”

    “ผมไม่ยอมอ่ะ ไปคบกับมันทำไม”

    “เฮ้ออ..”

    “นี่ถอนหายใจใส่ผมเหรอ”

    “ฮัลโหลชานยอล มารับหน่อยสิ”

    “ย๊า นี่พี่กล้าเมินผมเหรอ”

    “อื้อ รอที่เดิมนะ”

    “ฮึก..”

     

    ยังไงซะเซฮุนก็ยังงอแงอยู่วันยังค่ำ

     

     

     

     

     

    F I N








    ___________________________________________________________


    #ficnomcb

    จากไม่ชอบยังกลายเป็นคู่รัก

    ขอบคุณค่ะ
    Beshine

     

     

     

     

     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×