ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Exo] พ่ายรัก [ChanBaek] [NC 18+]

    ลำดับตอนที่ #13 : ลงโทษ และ การ พิสูจน์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.66K
      34
      22 ก.ย. 56

     







    ช่วงเวลาค่ำ ของวันเดียวกัน

    ที่ห้องรับแขก

     

     

    “จุนกิ ขอโทษพี่แบคฮยอนซะ”

     

     

    ชานยอลพูดเสียงขรึม เขาควรจะทำอย่างนี้ หลังจากที่ปล่อยให้หลานชายทำตามอำเภอใจมามากพอแล้ว

     

     

    จุนกิเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นอาขวางๆ พร้อมทั้งวางเกมลงบนโต๊ะแรงๆ เหมือนเป็นการประชดประชัน ไม่พอใจกับคำบอกกล่าวของอาชานยอล...

     

     

    เมื่อก่อนอาชานยอลมักจะตามใจเด็กชายเสมอ แต่พอแบคฮยอน เข้ามาอยู่ร่วมด้วยไม่นาน ดูเหมือนทุกอย่างจะกลายเป็นสิ่งตรงกันข้าม

     

     

    “ไม่ครับ ผมไม่ขอโทษ แล้วเขาก็ไม่ใช่พี่ของผมด้วย”

     

     

    จุนกิปฏิเสธเสียงแข็ง แบคฮยอนที่อยู่ในเหตุการก็แอบถอนหายใจเหนื่อยๆ ความจริง เจ้าของร่างบางก็พอจะรู้คำตอบของหลานเขาดี คงไม่มีทางก้มหัวขอโทษง่ายๆหรอก เด็กคนนี้ไม่ต่างอะไรกับไม้แก่ที่ดัดได้ยาก

     

     

    “อาพูด ก็ต้องเชื่อฟังอาซิ เราน่ะ สร้างปัญหามาให้อาปวดหัวมากพอแล้วนะ” ชานยอลเริ่มพูดเสียงดังตาม

     

     

    จุนกิเม้มปากเข้าด้วยความน้อยใจที่โดนต่อว่า ในเมื่ออาชานยอลไม่เข้าข้างกันอีกแล้ว

     

     

    “เมื่อก่อน ผมจะทำอะไร คุณอาก็ไม่เคยจะห้ามเลยผมเลย ทำไมตอนนี้ คุณอาต้องดุผมด้วย... ยังไง ผมก็ไม่ขอโทษ ไม่มีวันด้วย”

     

     

    จุนกิยืนยันเสียงเดิม ยิ่งเป็นการเพิ่มความโทโสให้กับชานยอลมากขึ้น

     

     

    “นี่เราไม่เชื่อฟังอาเลยเหรอ” ชานยอลตะเบ็งเสียงใส่อย่างเหลืออด จุนกิช่างก้าวร้าวขึ้นทุกวัน เกินจะห้ามไว้ได้

     

     

    “คุณอาโมโหอะไรครับ คุณอาไม่เคยดุผมเลย แต่วันนี้คุณอามาว่าผม หรือเป็นเพราะพี่เขาใช่ไหมที่ทำให้คุณอาเปลี่ยนไป.... ผมเกลียดพี่เขา เกลียดๆๆๆๆ ได้ยินไหมว่าผมเกลียด”

     

     

    จุนกิจงใจเน้นคำว่า เกลียด อย่างชัดถ้อยชัดคำ คนที่เกี่ยวข้องโดยตรง ได้แต่ยืนนิ่งให้จุนกิระบายอารมณ์ออกมาอย่างเดียว

     

     

    แบคฮยอนคงจะทำได้แค่นั้นแหละ เพราะถ้าเอ่ยปากพูดอะไรออกไป ก็ป่วยการ

     

     

    อยากเกลียดก็เกลียดไปเถอะ แต่แบคฮยอนไม่มีทางจะเกลียดจุนกิหรอก เกลียดกันไปก็เท่านั้น เพราะสิ่งที่ได้จากการเกลียดโดยไร้เหตุผล ก็คือความรู้สึกของจุนกิที่เป็นอยู่

     

     

    “บ๊อคชิล”

     

     

    เขาเรียกคนใช้เสียงเข้ม และดังพอจะทำให้เธอได้ยิน แล้ววิ่งมาหาตามคำสั่งนั้นทันที

     

     

    “คุณผู้ชายมีอะไรจะให้ฉันรับใช้ค่ะ”

     

     

    “ไปเอาไม้เรียวมา”

     

     

    “ไม้เรียวเหรอคะ คุณผู้ชายจะเอามาตีคุณจุนกิเหรอคะ” บ๊อกชิลทวนคำถามด้วยตกใจ ในเมื่อตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ เธอยังไม่เคยเห็นคุณผู้ชายตีหลานตัวเองเลยสักครั้ง

     

     

    “ใช่ ฉันจะเอาไม่เรียวตีหลานฉัน อยากจะสั่งสอนเด็กดื้อ ให้รู้จักหลาบจำซะบ้าง” เขายืนยันเสียงหนักแน่น ยิ่งทำให้คนฟังตกใจเข้าไปใหญ่

     

     

    “เอ่อ แต่คุณผู้ชายคะ ฉันว่าใจเย็นๆก่อนนะคะ”  บ๊อกชิลเอ่ยห้าม ไม่อยากให้เขาสั่งสอนด้วยวิธีที่รุนแรงกับจุนกินัก ถึงจะรู้ว่าจุนกิเป็นเด็กดื้อ แต่ก็น่าจะใช้วิธีอื่น

     

     

    “ไม่ต้องมาห้ามฉัน ฉันบอกให้ไปเอามาก็เอามาซิ” เขาสั่งเสียงเข้ม คราวนี้บ๊อกชิลถึงกับต้องก้มหัวรับคำสั่งนั้นทันที

     

     

    “ค่ะ ก็ได้ค่ะ” ว่าแล้วเธอก็หายออกไปอย่างรวดเร็ว

     

     

    ชานยอลหันกลับมามองหลานชานที่ยืนนิ่ง ขอบตากกลมๆ เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ เพราะกลัวจะโดนตี คราวนี้ผู้เป็นอาเอาจริงแน่นอน เมื่อเห็นสายตาที่ดุดันนั้นมันฟ้อง

     

     

    “คุณอาจะตี ผมจริงๆเหรอ”

     

     

    “ใช่”

     

     

    “ฮึก  คุณอาเกลียดผมใช่ไหม คุณอาถึงจะตีผม” จุนกิถามด้วยเสียงสั่นๆ นัยตาก็เริ่มสั่นระริก เด็กชายกลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะเป็นอย่างที่พูด

     

     

    “ที่อาตี เพราะอารักจุนกิต่างหาก แกล้งแต่ผู้อื่น คราวนี้ลองเจอดีด้วยตัวเองสะบ้าง จะได้สำนึก”

     

     

    “เอ่อ คุณชานยอลครับ ผมว่า คุณอย่าตีหลานคุณเลยนะ หลานคุณยังเด็ก ผมไม่ถือสา ให้เรื่องมันจบๆไปเถอะ” แบคฮยอนที่ยืนนิ่งมานาน ก็เข้ามาห้ามด้วยคน พอเอาเข้าจริงๆแล้วก็ไม่อยากให้ตีจุนกินัก เห็นน้ำตาของเด็กน้อยแล้ว ก็อดสงสารไม่ได้

     

     

    “ไม่ได้หรอกครับ คราวนี้เกินไปจริงๆ” เขาหันไปบอก ในขณะที่บ๊อกชิลถือไม้เรียวเข้ามาอยู่พอดี

     

     

    “ฮึก คุณอาอยากจะตี จะทำอะไรผมก็เชิญเลย ฮือ” จุนกิฟูมฟายหนัก

     

    ชานยอลจับตัวหลานชานให้หันหลัง ก่อนจะหวาดไม่เรียวตรงบริเวณสะพกแรงๆ จุนกิหลับนิ่วหน้าเข้า พลางสะอื้นหนักกว่าเดิม เพราะความเจ็บปวด

     

     

    ชานยอลตีแค่สามครั้ง ก่อนจะหยุด จุนกิยืนกอดออกร้องให้สะอืกสะอื้น กลัวเหลือเกินว่าอาจะไม่รักตนอีกแล้ว

     

     

    “บ๊อกชิล พาหลานฉันขึ้นไปห้อง แล้วก็จัดการทายาให้ด้วยนะ ฉันมีงานต้องทำ” ว่าแล้วเขาก็วางไม่เรียวลงกับพื้น ผละออกจากห้องนี้ไป

     

     

    “คุณจุนกิคะ ขึ้นไปข้างบนกับพี่นะคะ” บ๊อกชิลหวังจะเข้าไปปลอบโยน แต่กลับโดนเด็กชายสะบัดตัวออก

     

     

    “ไม่ต้องมายุ่ง ฮือ”

     

     

    จุนกิวิ่งหนีขึ้นไปข้างบน ปล่อยให้คนที่เหลือยืนมองเด็กชายด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ

     

    .

    .

    .

     

    ผ่านไปสักพัก

     

     

    “ก๊อกๆ” 

     

    แบคฮยอนเคาะประตูห้องของเด็กชาย ก่อนจะเลื่อนมือไปเปิดมันเข้าไป อยากจะเข้ามาดูอาการของเจ้าตัวว่าเป็นไงบ้าง.. จุนกินอนขว้ำปล่อยน้ำตาไหลลงหมอนใบใหญ่

     

     

    “ทำอะไรอยู่”

     

     

    เด็กชายจุนกิหันไปตามต้นเสียง เผยให้เห็นแบคฮยอนกำลังเดินเข้ามาห้องของตน

     

     

    “มาทำไม ฮึก” จุนกิยังคงสะอื้นไม่หยุด

     

     

    “ก็มาหาเธอนั่นแหละ”

     

     

    “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ใครใช้ให้เข้ามาห้องผม” จุนกิออกปากไล่พร้อมทั้งเช็ดน้ำตาลวกๆ เด็กชายยังรู้สึกโกรธแบคฮยอนไม่หาย

     

     

    “เห็นหน้ากัน ก็ไล่แล้วเหรอ”

     

     

    “จุนกิตีสีหน้าบูดบึ้ง”

     

     

    “ผมไม่อยากจะพูดกับใครตอนนี้ ออกไป ผมบอกให้ออกไป”

     

     

    “ฉันรู้แล้ว”

     

     

    “ก็ไปซิ” จุนกิถลึงตาใส่ “ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่”

     

    “ไม่ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าจะพูดกับเธอให้รู้เรื่อง ทีแรกฉันกะว่าจะไม่สนใจแล้ว แต่ตอนนี้ ฉันไม่ควรจะปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังอีกต่อไป เพราะเธอ เป็นคนทำให้อาของเธอไม่สบายใจมาก”

     

     

    “ที่แท้ ก็คิดถึงแต่อาของผม ... คงจะรักอาผมล่ะซิ หึ แต่ยังไง อาของผมก็ไม่มีวันรักคนอย่างพี่หรอก”

     

     

    “เขาจะรักหรือไม่รัก มันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอเลยนะ”

     

     

    “หยุดพูดได้แล้ว แล้วก็ออกไปจากห้องผมซะ” จุนกิไล่เสียงดัง แต่แบคฮยอนไม่เลือกที่จะฟัง

     

     

    “เธอเกลียดฉันใช่ไหม” แบคฮยอนไม่พูดตรงประเด็น พร้อมทั้งสังเกตท่าทางของฝ่ายกรณี

     

     

    “เกลียสิ”  จุนกิเหวออกมา มองแบคฮยอน อย่างเป็นศัตรู “คนที่เข้ามาหาอาผม ก็ต้องการจะแย่งอาไปจากผมทั้งนั้น มีแต่คนเห็นแกตัว ผมเกลียด”

     

     

    “ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะ แล้วก็ไม่ใช่ฉันแน่นอน”

     

     

    “ไม่ต้องมาเข้าข้างตัวเองเลย”

     

     

    “จริงๆนะ” แบคฮยอนยืนยัน

     

     

    “ผมไม่เชื่อ” จุนกิส่ายหัวหวือ

     

     

    “ฉันพิสูจน์ให้เธอได้นะ”





    “พิสูจน์ยังไง พิสูจน์คืออะไรล่ะ ผมไม่เข้าใจ”

     

    “คำว่าพิสูจน์ มันก็หมายความว่า ฉันจะทำทุกอย่างให้เธอเห็นว่าฉันไม่ได้เป็นคนอย่างที่เธอคิด”

     

     

    “ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย”

     

     

    “ก็จะได้รู้ว่าเธอคิดผิด ส่วนฉันนะคิดถูก”

     

     

    “พี่ต่างหากที่คิดผิด” จุนกิเถียง

     

     

    “นั่นไง แบบนี้ยิ่งต้องพิสูจน์ ฉันจะทำทุกอย่างที่พูด เธอจะร่วมมือกับฉันหรือเปล่า”

     

     

    คราวนี้จุนกิเงียบ เมื่อเห็นว่าแบคฮยอนจริงจังกับเรื่องนี้

     

     

    “ไม่พูด ก็แสดงว่าเธอตกลง ยังไงก็ฝันดีล่ะ พรุ่งนี้เรามาเริ่มกันเลยฎ

     

    สิ้นคำพูดแบคฮยอนก็ผละออกจากห้องไป ปิดประตูเบาๆให้กจุนกิ ซึ่งเป็นจังหวะที่ชานยอลเดินออกมาจากห้องทำงานพอดี เขาอยากออกมาเดินเพื่อพักสายตาจากงานที่ล้นมือ

     

     

    “คุณเข้าไปคุยอะไรกับหลานผมครับ” เขาถาม พร้อมทั้งรอคำตอบจากปากเรียวบางอย่างตั้งใจ

     

     

    “ก็ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่พูดว่าอยากจะพิสูจน์ให้หลานคุณเห็น ว่าผมไม่คิดจะแย่งคุณไปจากแก อย่างที่แกกำลังคิดอยู่นะครับ”  แบคฮยอนตอบ ชานยอลพยักหน้ารับเป็นการเข้าใจ

     

     

    “ผมทำถูกแล้วใช่ไหมครับ ที่ตีหลาน”

     

     

    “ก็.. ถูกแล้วล่ะครับ คนทำผิดก็ควรจะโดนลงโทษ ไม่งั้นคนเราก็ไม่สร้างกฎขึ้น เพื่อลงโทษคนกระทำผิดหรอกครับ”

     

     

    “ครับ แล้วคุณจะพิสูจน์ยังไงล่ะครับ” เขาถามต่อด้วยความอยากรู้

     

     

    “ก็คงเป็นการสอนหนังสือมั้งครับ ผมจะลองสอนเขาให้เป็นเด็กดีอย่างที่คุณว่า แต่ก็ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่า เพราะหลานคุณตั้งแง่กับผมไว้มาก ไม่มีทางจะญาติดีกับผมง่ายๆ แต่ยังไงผมจะพยายามทำครับ ไม่อยากจะให้ใครมาเกลียดผมโดยที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้” แบคฮยอนทำเสียงเครียด รู้สึกไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย ที่จะทำให้คนเกลียดเปลี่ยนมารักตัวเองแทน

     

     

    “ผมเชื่อว่าคุณทำได้ครับ เพราะคุณเคยทำมาแล้ว”  ชานยอลยิ้มๆให้บางๆ เขาเชื่อแบบนั้นจริงๆ ในเมื่อเขาก็เคยเป็นแบบนั้น แต่พอได้สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของร่างบางเขาก็เปลี่ยนความรู้สึกใหม่แทน ที่นับวันก็ยิ่งชัดเจนขึ้น

     

     

    ทว่าคนฟังกลับไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่ก็ไม่คิดที่จะถามออะไรออกไป

     

     

    “ผมจะไปทำงานก่อนนะครับ มีงานให้เคลียร์อีกเยอะเลย ทำที่บริษัทไม่ทัน” เขาเริ่มทำสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อนึกถึงเอกสารกองโตที่รอให้เขาไปจัดการ ..

     

     

    พอเห็นสีหน้าเขาในโหมดแบบนี้แล้ว ใช่ว่าแบคฮยอนจะชอบ อยากให้เขาอยู่ในโหมดสบายๆมากกว่า เหมือนทุกวันๆ

     

    “ครับ... ยังไงก็ ดูแลสุขภาพด้วยนะ อย่าโหมทำงานหนักนักล่ะ ผม เป็นห่วง”  คำสุดท้ายแบคฮยอนเอ่ยเสียงเบา ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าจะพูดออกมาได้ คนยืนฟังถึงกับยิ้มออกมาจวนปากจะฉีก ถึงแม้จะได้ยินเพียงแค่บางเบาก็ตาม จากที่เครียดหนัก ทว่าตอนนี้ มันหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ

     

     

    “ดีใจจัง ที่คุณเป็นห่วง... ผมไปทำงานก่อนนะ”

     

     

    “ครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกใช้ผมได้นะ”

     

    “ครับ”

     

     

    ชานยอลหมุนตัวเดินเข้าไปยังห้องทำงาน ด้วยใจชื่น  เขายังยิ้มอยู่แบบนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลย เพียงคำพูดไม่กี่คำ มันก็เหมือนพลังอันมหาสาร ทำให้เขามีแรงหึดสู้ ต่อให้งานเยอะมากกว่านี้ เขาต้องทำมันเสร็จดแน่นอน เมื่อในหัวของเขายังคงได้ยินคำพูด แสดงถึงความเป็นห่วงใยและสนใจดังก้องอยู่แบบนั้น

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×