ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Great Warrior Online สงครามมหาราชันย์

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue - จุดเริ่มต้น (re)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.78K
      29
      20 ก.ย. 66

     

    จุดเริ่มต้น

     

    ยุคเซครอน  จักรวรรดิเบรคาเชียน

     

    ยุคเซครอนเป็นยุคที่ได้รับอารยธรรมจากกรีกเสียส่วนมาก และถูกขนานนามว่า ยุคมิคสัญญี ซึ่งถือคติ 'ผู้แข็งแกร่งคือผู้อยู่รอด' เป็นเหตุให้เกิดสงครามขึ้นตามอาณาจักรมากมาย เว้นแต่อาณาจักรเบรคาเชียน

     

    จักรวรรดิเบรคาเชียน หรือที่รู้จักกันในนาม ดินแดนแห่งนักรบ เป็นจักรวรรดิที่มีแนวคิดและแนวปฏิบัติต่างจากอาณาจักรอื่นๆ ที่ก่อสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดนกัน จักรวรรดิเบรคาเชียนนั้นจะรบก็ต่อเมื่อถูกอาณาจักรอื่นรุกรานเท่านั้น ไม่เคยก่อสงครามเพื่อการแก่งแย่งชิงดีหรือขยายอาณาจักร กล่าวคือ ไม่รุกรานผู้ใดก่อน ไม่ทำร้ายผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่เหยียดหยามหรือดูถูกชนชาติ ให้เกียรติเด็กและสตรี ในขณะเดียวกันกองทัพแห่งจักรวรรดิเบรคาเชียนก็ไม่เคยละเว้นจากการซ้อมรบ ไม่ประมาทและมีการเตรียมพร้อมหากเกิดสงครามขึ้นอยู่ตลอด

     

    น้อยครั้งที่จักรวรรดิเบรคาเชียนจะถูกรุกราน และทุกอาณาจักรที่มารุกรานนั้นจะพบกับความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ มีหลายเหตุผลที่ทำให้แทบไม่มีอาณาจักรหรือจักรวรรดิใดกล้าบุกดินแดนนักรบแห่งนี้ ไม่ว่าจะการ ยุทธวิธีในการรบ ความเพียบพร้อมของกองทหาร ความกล้าหาญของจักรพรรดิ แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุด คือ เจ้าหญิงแห่งเบรคาเชียน ผู้ปรีชาสามารถ เป็นที่พักพิงแก่ประชาชน หากแต่สำหรับอาณาจักรอื่นนั้น เธอถูกเรียกขานในนาม ‘แม่มด’

     

    เจ้าหญิงแห่งเบรคาเชียนมีพระนามว่า เรธิเซีย มีพระชนมายุเพียง 16 พรรษา แต่กลับได้รับมอบหมายให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ความสามารถของเธอนั้นไม่เป็นที่กังขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจ ความกล้าหาญ และความโอบอ้อมอารี ทหารมากมายเลือกที่จะติดตามเธอไปในสนามรบสู้จวบจนนาทีสุดท้ายและตายอย่างมีเกียรติในสนามรบ 

     

    เมื่อ 5 ปีก่อนเรธิเซียได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมา

      

    ในช่วงฤดูแล้งของปี จะมีอัคคีภัยเกิดขึ้นราวสองถึงสามครั้ง ความเสียหายมีเพียงป่าไม้ที่ถูกทำลาย ทว่าปีหนึ่งอัคคีภัยครั้งรุนแรงที่สุดก็ได้เกิดขึ้น เปลวเพลิงโหมกระหน่ำมาตั้งแต่ป่าไม้ลุกลามถึงอาคารบ้านเรือน ผู้คนมากมายเสียชีวิต ไฟป่ากินอาณาบริเวณไปจวนจะถึงพระราชวัง แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เจ้าหญิงเรธิเซียวัยเด็กเริ่มขยับปากพูดโดยไร้ เสียงอักขระโบราณปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า นัยน์ตาเลื่อนลอยของเธอจับจ้องเพียงแค่ตัวอักษรที่อ่านไม่ออกเบื้องหน้าเท่านั้น ทันใดนั้นจากท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ปราศจากเมฆหมอกใดๆ กลับกลายเป็นฟ้าที่มืดครึ้ม สายฝนช่วยดับเปลวเพลิงที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมายและเมื่อภัยพิบัติครั้งรุนแรงนี้จบลงปรากฏการณ์ประหลาดนั้นก็หายไปเหลือเพียงเศษซากแห่งความสูญเสีย

     

    'เวทมนตร์' ถูกผู้คนมากมายมองว่าเป็นพรแห่งพระเจ้า แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกมองว่าเป็นคำสาปแห่งซาตานด้วยเช่นกัน นั่นคือคำนิยามสิ่งที่เธอดลบันดาลขึ้น นับแต่นั้นชาวบ้านก็เริ่มสรรเสริญเรธิเซียขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเรื่องนี้ลามไปถึงต่างอาณาจักร บ้างก็ส่งเจ้าชายมาเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี พยายามหลีกเลี่ยงการเป็นศัตรู ส่งผลให้จักรวรรดิเบรคาเชียนสงบสุขเรื่อยมา 

     

    หากแต่ไม่ใช่สำหรับยามนี้ อาณาจักรคาเธนสืบหาประตูทางลับ อาวุธ หรือกระทั่งจำนวนและรูปแบบของทหาร วางรูปแบบกำลังพลให้สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับการยึดจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ จนในที่สุดอาณาจักรคาเธนก็สามารถพิชิตดินแดนแห่งนักรบได้ แต่นั่นกลับไม่ใช่สิ่งที่กษัตริย์แห่งคาเธนองค์นี้ต้องการ ที่เขาต้องการคือ ชีวิตของเจ้าหญิงเรธิเซียแห่งจักรวรรดิเบรคาเชียน นั่นทำให้เขาต้องใช้เวลากว่า 5 ปีในการเตรียมพร้อมสำหรับแผนการนี้

     

    บัดนี้กษัตริย์ริชาร์ดแห่งคาเธนพร้อมทหารฝีมือดีจำนวนหนึ่งยืนอยู่หน้าจักรพรรดิซึ่งนั่งอย่างสงบบนบัลลังก์โดยมีเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิเบรคาเชียนในชุดเกราะอยู่เคียงข้าง ทั้งสองพระองค์ไร้ซึ่งอาการหวาดกลัวและความเกรี้ยวกราด พระพักตร์เรียบเฉยราวกับได้คาดการณ์ถึงสถานการณ์เช่นนี้ไว้แล้ว

     

    "อยู่ต่อหน้าฝ่าบาทแล้ว ยังไม่คารวะอีกรึ!?" เสียงตวาดดังลั่นจากขุนนางชั้นสูงซึ่งเรธีเซียเคยเรียกว่า 'พวกเฒ่าหัวประจบ' เสียงจากชายชราที่สนใจแต่อำนาจนั้นไม่มีความน่าเกรงขามแม้แต่น้อย

     

    "แล้วเหตุใดข้าต้องคารวะกษัตริย์ลอบกัดเช่นนายเหนือหัวของเจ้าด้วย?" เจ้าหญิงมนตราแค่นเสียงอย่างดูถูก การกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้ขุนนางสูงวัยไม่สบอารมณ์หนักขึ้นกว่าเดิมแต่มันก็แค่นั้น

     

    กษัตริย์แห่งคาเธนสรวลเบาๆ "ใจกล้าสมเป็นเจ้าหญิงแห่งเบรคาเชียน แต่อย่าพึ่งโกรธเกรี้ยวไป ข้ามีข้อเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตของประชาชนในเมืองของเจ้า แน่นอนว่ารวมถึงเสด็จพ่อของเจ้าด้วย" เจ้าหญิงเรธิเซียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงให้พูดมา "อะไรล่ะ ที่มีค่ามากมายขนาดนั้น?" 

     

    กษัตริย์ริชาร์ดขยับรอยยิ้มพร้อมตอบอย่างเต็มเสียง "ชีวิตของเจ้าอย่างไรล่ะ ใช้ชีวิตของเจ้าแลกกับประชากรในจักรวรรดิของเจ้า แลกกับทหารของเจ้า แลกกับขุนนางที่ภักดีของเจ้า และแลกกับชีวิตของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเบรคาเชียน หากเจ้ายอมตกลงข้าก็จะถอนกำลังทั้งหมดในทันที" นี่เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจทีเดียว..อย่างน้อยก็สำหรับเธอ เรธิเซียหรี่ตาลงเล็กน้อยริมฝีปากกระตุกรอยยิ้มเหยียดอย่างรู้ชะตากรรมของตน 

     

    "เพราะข้ามีเวทมนตร์สินะ? ก็ย่อมได้ หากสามารถแลกกับทุกสิ่งที่ท่านว่ามาข้าก็พร้อมอุทิศชีวิตนี้ให้ แต่ข้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคิงมากเล่ห์เช่นท่านจะทำตามข้อตกลงที่ได้ให้ไว้กับข้า” แม้จะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่สามารถต่อรองอะไรได้ แต่เรธิเซียก็ยังคงรอบคอบและไม่ยอมตกอยู่ใต้คำสั่งของกษัตริย์ผู้นำทหารมาเหยียบย่ำจักรวรรดิของตน

     

    “ข้าล่ะถูกใจท่านจริงๆ ทั้งปราดเปรื่องและงดงาม ถ้าไม่ติดว่าท่านเป็นบุคคลอันตรายอันดับหนึ่งของข้า.. ไม่สิ ของทุกอาณาจักร ข้าคงอยากได้ท่านมานั่งเคียงข้างบัลลังก์กษัตริย์แห่งคาเธน”

     

    “ขออภัยด้วย ข้าไม่มีรสนิยมแต่งกับกษัตริย์คราวบิดาแม้จะเป็นการแต่งเพื่อผลประโยชน์ก็ตาม ..ซึ่งนั่นไม่ใช่ประเด็น” เรธิเซียยังคงความเยือกเย็นได้เช่นเดียวกับจักรพรรดิผู้เป็นบิดา

     

    ข้อเสนอที่ต้องใช้ชีวิตของพระธิดาแลกกับประชากรและทุกอย่างภายในจักรวรรดิเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนองค์จักรพรรดิก็ไม่อาจสูญเสียไปได้ เลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ขององค์จักรพรรดิก็คือเรธิเซีย ซึ่งเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ที่คู่ควรกับการเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปเป็นว่าที่มกุฎราชกุมารีของจักรวรรดิแห่งนี้ แต่ในขณะเดียวกันหากไร้ซึ่งประชาชนและบ้านเมืองให้ปกครองแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีจักรพรรดิอีกต่อไป ในการต่อรองนี้จักรพรรดิแห่งเบรคาเชียนทำได้เพียงเคารพการตัดสินใจของพระธิดาเท่านั้น

     

    “ว่ากันตามตรงแล้ว อันดับท้ายสุดของบุคคลที่ข้าจะเล่นตุกติกด้วยก็คือท่านนี่แหละ เป็นไปได้ข้าก็ไม่อยากถูกสาปโดยวิญญาณของเจ้าหญิงมนตราด้วยสาเหตุไม่รักษาคำพูดเท่าไหร่หรอกนะ นั่นคงเป็นการตายที่น่าอายนัก ในจารึกของทุกอาณาจักรคงมีบันทึกเรื่องนี้ไว้ และข้าไม่อยากถูกชนรุ่นหลังจดจำในฐานะนั้นด้วย ..เอาเป็นว่าสาบานกับแม่น้ำสติกซ์ท่านจะว่าอย่างไร?”

     

    “ข้าตกลง แต่มีข้อแลกเปลี่ยนอีกข้อ ข้าต้องการหนึ่งชีวิตจากคนของเจ้าก่อนที่จะทำตามข้อตกลงของท่าน จะเป็นใครนั้นข้าไม่ขัด” คิงริชาร์ดมุ่นหัวคิ้วกับข้อเสนออันแปลกประหลาดก่อนกล่าวตกลง

     

    ไม่นานนักทหารระดับแม่ทัพคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับทหารที่บาดเจ็บสาหัสใกล้ตายรอมร่อนายหนึ่ง "นี่คือคนของข้าที่ท่านขอ และข้าขอสาบานกับแม่น้ำสติกซ์ว่าจะไม่กระทำการอันใดที่เป็นการรุกรานจักรวรรดิของท่านอีก" เมื่อได้ยินดังนั้นเรธิเซียจึงยิ้มอย่างโล่งอก ก่อนเอามือวางบนหลังของทหารที่ถูกพาตัวมาพร้อมเอ่ยถามนามของทหารนายนั้น

     

    ปฏิกิริยาที่ได้รับจากทหารคนนั้นผิดคาด ตอนแรกเธอคิดว่าจะได้รับคำพูดเหยียดหยามแต่กลับตรงกันข้าม ทหารนายนั้นหลับตาลงพร้อมที่จะละจากโลกใบนี้ด้วยจิตใจที่มั่นคง คำพูดที่กล่าวกับเรธิเซียทุกคำล้วนมาจากใจ "ช่างเป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้ตายพร้อมเจ้าหญิงที่ทรงพระกรุณาธิคุณเช่นท่าน" 

     

    เรธิเซียใช้มือปิดตาชายผู้นี้ราวกับจะสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าจากนั้นจึงเขียนอักขระลงบนหลังของชายผู้นั้น น่าแปลกที่ทุกเส้นที่เธอขีดนั้นกลับเป็นเส้นสีดำทั้งที่ขีดด้วยมือเปล่า เมื่อเขียนจบอักขระเหล่านั้นกลายเป็นวงเวทขนาดใหญ่ล้อมรอบตัวเธอและทหารแห่งคาเธนไว้ ทหารนายนั้นค่อยๆ หมดลมหายใจและจากไปอย่างสงบ

     

    เรธิเซียหันไปโน้มศีรษะคารวะผู้เป็นบิดา ก่อนเอ่ยกับคิงริชาร์ดอย่างไม่หวั่นเกรง

     

    "ข้าพร้อมแล้ว" 

     

    กษัตริย์แห่งคาเธนมองดูร่างของทหารผู้นั้นและหันกลับมากล่าวกับเจ้าหญิง "ข้าไม่รู้หรอกนะว่าท่านทำอะไร แต่หากทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง การกระทำของท่านอาจเป็นชนวนสู่การอวสานของจักรวรรดิเบรคาเชียน" 

     

    เรธิเซียหัวเราะเบาๆ "ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้ามีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ทำเช่นนั้น ข้าเพียงแต่ใช้ทหารของท่านเป็นตัวกลางนำทหารของข้ากลับมาจากโลกแห่งความตายเพียง ใช้ชีวิตแลกชีวิตอย่างไรล่ะ แม้ว่าปริมาณจะต่างกันก็เถอะ" และเธอก็เหมือนได้ยินคิงแห่งคาเธนสบถเบาๆ ว่า "เจ้าหญิงเจ้าเล่ห์"

     

    ถึงกษัตริย์ริชาร์ดจะสาบานต่อแม่น้ำสติกซ์แต่เธอก็ยังไม่วางใจ หากสามารถดึงชีวิตของกององครักษ์ที่ฝีมือดีที่สุดกลับมาได้เธอจึงจะวางใจได้มากขึ้น โดยปกติแล้วการแลกชีวิตเช่นนี้นั้นเป็นไปไม่ได้เลยแต่เพราะเธอเลือกใช้ชีวิตของตนเป็นการก่อกวนแม่น้ำแห่งความตาย ความเป็นไปได้นั้นจึงเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย เรธิเซียเหยียดยิ้มกล่าว "ขอบคุณสำหรับคำชม"

     

    ทหารคาเธนนำเรธิเซียมามัดไว้กับแท่นประหารก่อนนำไปตั้งไว้กลางกองฟางซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เสียงประชาชนมากมายร้องไห้ กล่าวคำสรรเสริญ และด่าทอทหารแห่งคาเธนอย่างไม่กลัวตาย ทหารเหล่านั้นทำได้เพียงฟังเสียงสาปแช่ง ไม่สามารถตอบโต้ได้ เนื่องจากคำสาบานระหว่างกษัตริย์เป็นสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำตาม

     

    เธอหลับตาลงช้าๆ หวนถึงวันเวลาที่เติบโตมา ใช้ชีวิต เล่าเรียน ณ จักรวรรดิแห่งนี้ หวนถึงเหล่าประชาที่แซ่ซ้องสรรเสริญเมื่อคว้าชัยเหนือกองทัพฝ่ายตรงข้ามได้ หวนถึงวันเวลามากมายที่ผ่านมาในชีวิตของตน ชั่วเวลาแค่นาทีเดียว แต่สำหรับเรธิเซียนั้นยาวนานนับปี เธอจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ทั้งหมด ก่อนที่เปลวไฟแห่งชีวิตจะแผดเผา พรากเจ้าหญิงอันเป็นที่รักของประชาชน

     

    และพรากเธอจากจักรวรรดิที่เธอรัก

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×