ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SS501] ; All About '2Hj' ♡

    ลำดับตอนที่ #3 : { SF } ; BODYGUARD (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 373
      6
      31 ก.ค. 55

     

     

     

    BODYGUARD

     

     

     

     

     

     

     

     

    “คนนี้คนที่สิบแล้วนะลูก ทำตัวดีๆหน่อยสิ”

     

    เสียงของบิดายังดงก้องไปทั่วห้องอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ผมจึงได้แต่ทำหน้าเบื่อหน่ายอย่างช่วยไม่ได้ ก็ดูบอดี้การ์ดแต่ละคนที่พ่อหามาให้สิครับ... โหดจะตาย ใครจะไปอยากอยู่ด้วยหล่ะ น่าเบื่อ

     

     

     

    คุณหนูอย่างคิมฮยองจุนหน่ะเกิดมาเพื่อคู่กับความรื่นรมย์แห่งการบันเทิงเท่านั้น!

    เรื่องอะไรที่จะต้องมานั่งอดอู้ในห้องสี่เหลี่ยมกับบอร์ดี้การ์ดสูทดำด้วยหล่ะครับ...

     

     

     

    “เข้ามาก่อนสิ” เสียงคุณพ่อพูดต่อหลังจากบ่นไปได้สักพัก ในที่สุดก็หามาจริงๆสินะครับ หึ... คราวนี้จะเล่นให้กลับบ้านไม่ถูกเลยคอยดู

     

    “สวัสดีครับ” เสียงเปิดบานประตูดังเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงใส่สูทสีดำซึ่งทำให้เขาแลดูมีภูมิฐานมากขึ้น ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มตัดเข้ากันได้ดีกับรูปหน้า ผมทรงซอยที่ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไปช่วยชับให้ใบหน้านั้นดูหล่อเหลาขึ้นอีกเป็นกอง

     

    หล่อว่ะครับ...... #คิดไรอยู่

     

    “ผมคิมฮยอนจุงครับ จากนี้ไป... ฝากตัวด้วยนะครับ” ร่างสูงที่เพิ่งเข้ามากล่าวแนะนำตัวพร้อมกับเว้นช่วงการพูดเพื่อยิ้มให้กับผมอย่างเป็นมิตรให้กับผม

     

     

     

    หน้าตาดียังไงผมก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะจะบอกให้! (มั้ง...)

     

     

    .

     

     

     

     

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

    ถึงวันที่ต้องไปโรงเรียนอีกแล้วหล่ะครับ วันอันแสนน่าเบื่อ วันอะไรรู้กันไหมครับ? วันจันทร์ไง! เป็นวันที่วัยรุ่นต้องแหกตาตื่นแต่เช้า มันช่างเป็นวันที่ผมเกลียดจริงๆนะครับ... แต่ผมกะจะอู้ไม่ไปแหล่ะ ทำไงได้หล่ะครับก็ผมขี้เกียจนี่นา

     

     

    ก๊อกก๊อกก๊อก...

    “คุณหนูครับ ถ้าไม่ตื่นตอนนี้เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสายนะครับ”

     

    บอดี้การ์ดคนใหม่มาปลุกผมแล้วหล่ะครับ แต่ผมก็ไม่ตื่นหรอก ผมล็อกประตูห้องไว้นี่นา แถมยังติดระบบสแกนลายนิ้วมือไว้อีกด้วย ใครพังเข้ามาได้ก็เก่งเกินคนแล้วหล่ะครับ...

     

     

     

    ตึง!

    “ถ้าคุณหนูยังไม่ตื่น ผมจะใช้วิธีเด็ดขาดแล้วนะครับ!”

     

     

    เสียงเปิดประตูดังเข้ามาพร้อมกับคุณบอดี้การ์ดคนใหม่ที่ยืนจ้องหน้าผมอยู่ที่ปลายเตียง เดี๋ยวก่อนนะ.. พังประตู??? เฮ้ย พังเข้ามาได้ไงวะครับเนี่ย!

     

    “นะ... นายเข้ามาได้ไง??”

     

    “ผมมีคีย์การ์ดหน่ะครับ ยังไงตื่นแล้วก็ไปโรงเรียนกันเถอะนะครับ จะสายแล้ว” ร่างสูงพูดขึ้นมาพร้อมกับเดินเข้ามาจะฉุดกระชาก (?) ผมขึ้นจากเตียงอย่างน่ากลัว

     

     

     

    พ่ออ่ะพ่อ ให้คีย์การ์ดคนแปลกหน้าได้ไงเนี่ย…

    ถ้าเขามาปล้ำผมใครจะรับผิดชอบ???

     

     

    สุดท้ายผมก็ต้องลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ครับ มันช่างน่าเศร้าใจจริงๆนะครับที่คุณหนูอย่างคิมฮยองจุนต้องยอมสยบอะไรง่ายๆแบบนี้ ก็จะทำยังไงได้หล่ะครับ ไม่ว่าผมจะเอาพ่อมาขู่หรือใช้วิธีไหน บอดี้การ์ดสุดจะถึกทนและแสนน่ากลัวก็ได้แต่ตอบมาว่า...

     

     

     

    ‘ผมทำตามหน้าที่ครับ’

    ‘ผมทำงานให้พ่อคุณครับ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของคุณ’

    ‘คุณหักเงินเดือนผมไม่ได้ครับ เพราะพ่อของคุณเป็นคนจ้างผมมา’

    ‘ถ้าไม่ทำตามผมจะฟ้องคุณพ่อของคุณนะครับ’

    และอย่างอื่นอีกมากมาย..........

     

     

     

     

    ฆ่ากันเลยเถอะพ่อ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

    .

     

     

     

    .

     

     

     

     

                ตอนนี้ผมมาอยู่ที่โรงเรียนแล้วหล่ะครับ โรงเรียนที่ผมเรียนอยู่เป็นโรงเรียนเอกชนที่มีแต่ลูกคนรวยเท่านั้นที่เรียนได้ เพราะฉะนั้นการที่จะมีบอดี้การ์ดตามติดตัวเสมือนเงาจึงถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเด็กนักเรียนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นลูกของคนมีชื่อเสียง จึงทำให้อาจเกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุได้จึงต้องจ้างบอดี้การ์ดติดตัวไว้นั้นแหล่ะครับ

     

     

     

     

                “ฮยองจุน วันนี้ไปเที่ยวกันไหม” เพื่อนสนิทผมถามขึ้นมาครับ ซึ่งนั้นก็คือจองมิน เขาเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่อนุบาลแล้วหล่ะครับ เราอยู่ด้วยกันมานานมาก จึงไม่ต้องระหวาดระแวงซึ่งกันและกัน

                “เอาสิ ที่ไหนหล่ะ?”

                “ผับ A ตอน 3 ทุ่ม”

                “ได้สิๆ เดี๋ยวตามไป มารับหลังบ้านด้วยสิ”

                “ได้ๆ แล้วบอดี้การ์ดคนใหม่นายไม่ว่าหรอ? ดูโหดนะนั่น”

                “อ่อ ไม่ว่าหรอก หึ.. เดี๋ยวโดดออกไปหา”

                “เออเคๆ มาก็ระวังตัวดีๆด้วยละกัน” จองมินบอกพร้อมกับโบกมือลาเพื่อไปนั่งที่ของตัวเอง ส่วนผมหน่ะหรอครับ... คิดแผนการหนีจากบอดี้การ์ดสุดโหดเพื่อไปเที่ยวคืนนี้หน่ะสิ!

     

     

     

     

    ใครหน้าไหนอย่าได้คิดแหยม.. คิมฮยองจุนอยากได้อะไรก็ต้องได้!

     

     

     

     

     

                ในที่สุดก็เลิกเรียนแล้วหล่ะครับ ซึ่งบอดี้การ์ดผู้แสนถึกทน (?) ก็มาตรงกับเวลาเลิกเรียนเป๊ะเลยหล่ะครับ ผมจึงต้องรีบกลับบ้านอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อถึงบ้านผมก็รีบขึ้นห้องพร้อมกับขอไม่ทานอาหารเย็นเพราะอ้างว่าไม่สบายไม่อยากให้ใครรบกวนทั้งนั้น พร้อมกับบอกคุณพ่อไว้อีกว่าอย่าให้บอดี้การ์ดเข้ามาในห้องของผมเพราะผมต้องการพักผ่อนเนื่องจากปวดหัวจากการเรียนมาก (หรอ?)

     

     

     

                วันเวลาผ่านไปไวอย่างกับโกหก หลังจากที่ผมเล่นคอมพิวเตอร์เหมือนคนไข้ที่กำลังป่วย (?) ก็ได้ฤกษ์นามยามดี ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้วหล่ะครับ ว่าแล้วผมก็เดินเข้าไปค้นในตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วเพื่อสำรวจอุปกรณ์ที่เคยใช้ในวัยเด็กจากการปีนป่ายเล่น ในที่สุดผมก็เจอแล้วหล่ะครับ!

     

     

     

     

    บันไดเลื่อนได้สำหรับปีนลงไปสองชั้น!

     

     

     

     

     

                เมื่อก่อนห้องของผมอยู่ชั้นสามแหล่ะครับ ก็เลยทำให้หนีเที่ยวไม่ค่อยได้ เพราะต้องออกจากประตูบ้านทางเดียว มันออกยากหน่ะครับเลยไปไม่ค่อยได้ แต่ตอนนี้ห้องของผมอยู่ชั้นสองแล้วหล่ะครับ การปีนบันไดลงไปนี่จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักสำหรับคิมฮยองจุน ว่าแล้วก็เอาบันไดไปปีนพร้อมกับค่อยๆปีนลงไปเนื่องจากไม่ได้ปีนมานาน แต่สักพักผมก็แลนด์ดิ้งถึงพื้นดินแล้วหล่ะครับ! มองซ้ายขวาซักพักก็เห็นรถสปอร์ตอัลฟ่าโรมิโอของจองมินซึ่งจอดรออยู่หลังบ้านอย่างถนัดตาจึงรีบวิ่งไปขึ้นรถในทันที ซึ่งแน่นอนว่าต้องไม่มีใครเห็น...

     

     

     

     

    คิมฮยองจุนหนีเที่ยวครั้งที่ 501 ได้สำเร็จแล้วครับ! #เชี่ยวชาญ

     

     

               

                ในตอนนี้รถสปอร์ตคันหรูของจองมินก็ได้พาพวกเรามาถึงปลายทางแล้วหล่ะครับ ซึ่งสถานที่ในครั้งนี้เป็นผับสำหรับคนรวย จึงปลอดภัยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกดักฉุดหรืออะไรแน่นอน ส่วนของภายในนั้นหน่ะหรอครับ ราคาชนิดที่ว่าหากไม่มีเงินจริงก็อย่าได้มาเหยียบเลย ส่วนผมหรอครับ? มีตังค์ซะอย่างก็อย่าไปกลัวครับ

     

     

               

                เสียงเพลงและแสงสีในผับทำให้ราตรีนี้ยังอีกยาวนานนัก ทุกคนในสถานที่บรรเริงรมย์ต่างเพลิดเพลินไปกับมนตร์สเน่ห์ของสถานที่นี้ ตอนนี้ผมกำลังเต้นอยู่กลางฟลอร์แหล่ะครับ ก็แค่ขยับกายไปตามเสียงเพลง... ปล่อยวางจิตใจ... แค่นี้เราสามารถเสพสมความสุขจากที่นี้ได้แล้วหล่ะ.. มาที่นี่ไม่ได้หมายความว่าต้องมาเพื่อเรื่องอย่างว่าอย่างเดียวนะครับ จริงไหม? เต้นไปได้สักพักผมก็รู้สึกเหนื่อยจึงไปนั่งที่บาร์แทนแล้วหล่ะครับ ผมต้องปลดกระดุมบนสองเม็ดอย่างช่วยไม่ได้ ร้อนชะมัดเลยตอนนี้...

     

     

           “มาคนเดียวหรอครับ?”  ชายหนุ่มผิวสีแทนหน้าตาคมเข้มเดินเข้ามาหาผมซึ่งเพิ่งนั่งได้ไม่นานพร้อมกับสั่งเครื่องดื่มเลี้ยงผมอีกด้วย มาไม้นี้ตลอดอ่ะครับพวกนี้...

     

     

                “ครับ” ผมตอบสั้นๆอย่างเสียมารยาทนิดหน่อยเพราะไม่อยากคุยต่อสักเท่าไหร่ ที่จริงก็อยากตอบว่ามากับเพื่อนแต่ตอนนี้จองมินหายไปไหนก็ไม่รู้แล้วสิครับ... อีกอย่างนึงถึงผมจะชอบเที่ยวแต่ก็ไม่ใจง่ายนะขอบอก! (รักนวลสงวนตัวนะเออ)

     

                “เหงาแย่เลย คืนนี้ไปต่อกับผมไหมหล่ะ?” พูดไม่พอยังเอามือมาจับข้อมือผมด้วยอีกเนี่ย.. จองมินนายหายไปไหน T_T

     

     

     

     

     

     

                “ขอโทษนะครับ พอดีมาตามแฟนกลับบ้าน”

     

     

                เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังของผมพร้อมกับมือหนาที่มากระชากมือที่กำลังจับข้อมือผมอย่างทันที ผมคงจะรู้สึกขอบคุณและโล่งใจมากกว่านี้ถ้าหากว่าคนที่มากระชากมือมันไม่ใช่…

     

     

     

     

     

    (คุณ)บอดี้การ์ดฮยอนจุงผู้ถึกทน T_T

     

     

     

     

     

     

                ตอนนี้ผมกำลังถูกฉุดกระชากลากถูไปตามทางเดินของผับหรูเพื่อไปขึ้นรถด้วยมือของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบอดี้การ์ด ชิบหายแบบสุดๆเลยครับพี่น้องที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้... นาย – ตาย – แน่ – คิม – ฮยอง – จุน

     

                ผมที่กำลังนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ในรถอย่างเด็กดี (?) แอบมองบอดี้การ์ดผู้ทำหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลาอยู่เรื่อยๆ เขาจะฟ้องพ่อผมไหม? ผมจะถูกกักบริเวณไหมเนี่ย? T_T

     

     

     

                “เรื่องที่คุณหนีเที่ยวผมรายงานคุณพ่อของคุณเรียบร้อยแล้วนะครับ”

                “...” ชิบหายครับ

           “แล้วก็... คุณถูกกักบริเวณหนึ่งเดือนนะครับ”

                “…” T_________________T

                “และคุณพ่อของคุณให้ผมนอนห้องเดียวกับคุณและดูแลตลอด 24 ช.ม. ด้วยครับ”

                “…” อาร์ – ยู – ฟัค – กิ้ง – คิด – ดิ้ง – มี!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

    .

     

     

     

    .

     

     

     

     

                ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน.. ตอนนี้ผมกำลังนั่งอดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมโดยที่มีครูสอนพิเศษ (ที่พ่อลงทุนจ้างมาเพื่อจะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน) นั่งพล่ามสูตรเคมีอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่ายๆอยู่ตรงหน้าผม และที่สำคัญที่สุด... บอดี้การ์ดสุดถึกทนที่แสนรักของคุณพ่อกำลังนั่งจ้องผมอย่างไม่วางตา!

     

     

                ตอนนี้สะกดคำว่า ‘ความสุข' แทบไม่ถูกเลยหล่ะครับ................

     

     

     

                ในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกเรียนกับครูสอนพิเศษแล้วหล่ะครับ ผมนอนแผ่หลาบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจสายตาใคร (ซึ่งมีอยู่แค่คนเดียว) ด้วยความเหนื่อยอ่อน  ผ่านไปแค่อาทิตย์เดียวผมก็จะตายแล้วหล่ะครับT_T

     

     

                “นี่.. อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกอ่ะ เบื่อจะตายอยู่แล้ว” ผมพูดขึ้นอย่างลอยๆเพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงบอดี้การ์ดหน้าถมึงทึงฟังผมอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วหล่ะครับ

           “แต่คุณพ่อสั่งกักบริเวณนะครับ”

                “น้า~~ ออกไปนิดนึงไม่ตายหรอกหน่า

                “…”

                “ได้โปรดเถอะ~~~” ตอนนี้ผมกลิ้งไปหาคุณบอดี้การ์ดที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมกับจ้องตาเหมือนหมาอ้อนเจ้าของแบบสุดๆ(?) ได้โปรดเถอะ เซ็ทมีฟรี OTZ

                “…”

                “นะครับ... พี่ฮยอนจุง~” อ้อนแบบสุดๆแล้วนะเว้ยครับ............

                “… ก็ได้ครับ”

     

     

    มิชชั่นคอมพลีท ผมเป็นไทแล้วครับบบบบบบบบบ!

     

     

     

     

     

     

                ตอนนี้ผมกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่หน้าบ้านแหล่ะครับ ถึงแม้ว่าพื้นที่สนามหญ้าในบ้านจะกว้างมากแต่ผมก็เบื่อแล้วหล่ะครับ อยากออกมาเดินข้างนอกบ้าง บรรยากาศในตอนนี้ก็เหมือนกำลังเดินอยู่ในสวนดอกไม้ที่กุหลาบกำลังผลิและร่วงโรยบนทางเดิน เปิดซาวนด์แบบในหนังด้วยนะครับ... #ฟีลมันใช่มาก

     

     

                แต่ในทันทีทันใดก็มีรถตู้มาจอดข้างหน้าผมอย่างรวดเร็ว... ผมได้แต่มองอย่างงงๆว่าเขาจะมาทำอะไรกัน? แต่แทบจะในทันทีก็มีคนเปิดประตูรถออกมาพร้อมกับใช้ผ้าปิดปากของผมซึ่งทำให้สติของผมพร่าเลือนลงเรื่อยๆ...

     

     

     

     

     

                “ฮยองจุน!!!!!!!!!!”

     

     

     

     

     

                ร่างสูงได้แต่มองรถตู้ที่กำลังขับไปไกลมากขึ้นพร้อมกับรีบวิ่งไปเข้าบ้านแล้วขับรถเพื่อไล่ตามรถตู้ที่ลักพาตัวฮยองจุนไปอย่างรวดเร็ว ในใจร้อนรนดั่งไฟเมื่อเห็นเด็กตัวขาวโดนลักพาตัวขึ้นรถไปต่อหน้าต่อตา...

     

     

     

     

     

     

                รถตู้ในตอนนี้ได้ลักพาตัวฮยองจุนมาถึงตึกร้างซึ่งเป็นที่นัดหมายโดยเรียบร้อย ซึ่งตัวฮยองจุนนั้นยังไม่ได้สติเนื่องจากฤทธิ์ของยาสลบที่โดนโปะเข้าไป กลุ่มที่ลักพาตัวฮยองจุนนั้นก็ต่างปรึกษาแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไปโดยจับร่างโปร่งมัดไว้กับเก้าอี้พร้อมกับนำเทปปิดปากเพื่อไม่ให้พูดด้วย เวลาผ่านไปไม่นานร่างบางที่ถูกจับมัดกับเก้าอี้ก็เริ่มได้สติและหันมาดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง (?)

     

     

     

     

     

     

     

          “อ่อยอั้น!! (ปล่อยฉัน!!)"

    ผมพูดขึ้นหลังจากที่เพิ่งได้สติกลับคืนมาเมื่อกี้ พวกกลุ่มที่ลักพาตัวผมก็ไม่ได้สนใจอะไร หากแต่กลับเดินหนีซะงั้นอ่ะ! กล้าเมินคิมฮยองจุนคนนี้หรอ??? #อวดเก่งไม่เลือกสถานที่

     

    “อ่อยอิเอ้ย!! (ปล่อยสิเว้ย!!)"

    “อ่อยๆๆๆๆ ไออินอั้ย! (ปล่อยๆๆๆๆ ได้ยินไหม!)""

    “ใครจะปล่อยให้โง่วะ จับมาไม่ฆ่าก็บุญละเงียบๆไป” ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่พูดอะไรแล้วหล่ะครับ

     

     

     

     

     

     

    กลัวง่ะ T___________T

     

     

     

     

     

     

     

     

    นั่งเงียบสงบเสงี่ยมเรียบร้อยได้ไม่นานพวกกลุ่มที่ลักพาตัวผมมาก็ทยอยออกกันไปทีละคนแหล่ะครับ จนตอนนี้เหลือแค่สองคนที่ยังอยู่ในห้องกับผม ตอนนี้ได้ยินเสียงเอะอะเหมือนคนสู้กันเลยแหล่ะครับ เอ๊ะหรือว่าจะเป็น...

     

    “ปล่อยเด็กคนเมื่อกี้มาเดี๋ยวนี้!”

     

     

     

     

     

     

    ผมรักคุณบอดี้การ์ดคิมฮยอนจุงจังเลยครับ T^T

     

     

     

     

     

     

     

                ตอนนี้บอดี้การ์ดของผมได้เข้ามาถึงในห้องแล้วหล่ะครับ ซึ่งอีกสองคนมองหน้าซึ่งกันและกันอย่างเลิ่กลั่กเพราะเห็นสภาพศพ (?) ของเพื่อนร่วมงานอยู่ข้างนอก จึงลังเลว่าจะสู้ดีไหม แต่คิดได้ไม่นานก็โดนร่างสูงที่อยู่ข้างหน้าผมซัดจนกลายเป็นศพไปอีกสองศพแล้วหล่ะครับ ส่วนผมก็นั่งดูมวยสดต่อยกันอย่างใบ้กินเนื่องจากพูดหรือขยับไม่ได้เลย ถ้าปากพูดได้ผมก็คงจะเชียร์คุณบอดี้การ์ดอย่างสุดใจแล้วหล่ะครับ

     

         “คุณหนูเป็นไรไหมครับ?” คุณบอดี้การ์ด (เปลี่ยนสรรพนามให้ใหม่เรียบร้อย) ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยพร้อมกับแก้เชือกและค่อยๆดึงเทปที่ปิดปากผมออกอย่างระมัดระวัง

         “กลัวง่ะ กลัวๆๆๆๆๆ T_______T” ผมที่ซึ่งตอนนี้ใบ้ไม่กินพูดได้เรียบร้อยแล้วก็รีบตรงรี่เข้าไปกอดคุณบอดี้การ์ดอย่างต้องการที่พึ่ง ถึงจะได้ดูมวยสดแต่ตอนที่เขาจับผมมามันก็น่ากลัวนะครับ T^T

               

     

                คุณบอดี้การ์ดลูบหัวผมบ่อยๆอย่างปลอบโยนพร้อมกับกระชับกอดให้แน่นขึ้นซึ่งทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเขาต้องการที่จะปกป้องผม “ไม่ต้องกลัวนะครับคุณหนู เดี๋ยวเราก็จะกลับบ้านกันแล้วนะ"

     

     

     

     

                “ยังกลับไม่ได้หรอก”

                เสียงนั้นดังขึ้นมาจากทางประตูห้องซึ่งทำให้ผมถึงกับตกใจคว้าคุณบอดี้การ์ดแทบไม่ทัน แต่เมื่อได้เห็นหน้าคนที่พูดประโยคเมื่อกี้ก็ต้องตกใจกว่าเก่า เพราะนั้นคือพ่อของผม!

     

                “พ่อมีเรื่องจะบอกลูกก่อนนะ” พ่อพูดขึ้นก่อนที่จะเดินมาทางผมพร้อมกับลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

          “เรื่องอะไรฮะ?”

                “ก็... ฮยอนจุงหน่ะ คือคู่หมั้นของลูกเองแหล่ะ”

               “…” < อ้าปากค้างอยู่

         “ส่วนแผนลักพาตัวหน่ะพ่อจัดการขึ้นมาเองแหล่ะ แค่อยากลองทดสอบว่าฮยอนจุงหน่ะเขาจริงใจกับลูกมากแค่ไหน”

                “…” < ใบ้กินของแท้

                “แค่นั้นแหล่ะ พ่อไปทำงานต่อละลูก” พ่อผมโบกมือพร้อมกับเดินออกจากห้องไป บทจะไปก็ไปอ่ะครับพ่อ อะไรเนี่ย อินดี้ไปละครับ.........

     

               

     

                ผมหันไปมองคุณบอดี้การ์ดอย่างงงๆ ซึ่งร่างสูงก็ดูจะงงกับแผนการของพ่อเหมือนกัน ว่าแต่... คู่หมั้นงั้นหรือ? ถ้าหมั้นก็ต้องแต่งงานสิ!

     

     

     

                “อ่อ... พ่อลืมบอก วันแต่งงานหน่ะเดือนหน้านะลูก คราวนี้พ่อไปจริงๆละ”

                พ่อซึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ (อีกแล้ว) ตะโกนเข้ามาบอกพวกเราทั้งสองคนในห้องก่อนที่จะเดินจากไปอีกครั้งอย่างเป็นปริศนา (?) หึ... แต่งงานเดือนหน้าหน่ะหรอครับ?

     

     

                                “ไม่แต่งโว้ยยยยยยยยยยย!!”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                สองอาทิตย์ต่อมา
                ผมตื่นมาอย่างงัวเงียแต่ก็เพิ่งนึกได้ว่าจะตื่นขึ้นมาทำไมทั้งๆที่มันเป็นวันเสาร์... ตื่นมาก็เจอะกับบอดี้การ์ด (เปลี่ยนสรรพนามกลับเรียบร้อย) ที่นอนอยู่ข้างๆทันทีเลยหล่ะครับ ตอนแรกๆก็ตกใจอยู่ที่มีคนมานอนข้างๆแต่พอนานๆไปก็ชินไปเองแหล่ะครับ พอคิดได้ดังนั้นแล้วก็จึงลุกกขึ้นยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรในตอนเช้า เมื่อทำอะไรเสร็จก็เดินออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าร่างสูงที่นอนบนเตียงตอนนี้ตื่นแล้วหล่ะครับ แถมยังมองผมตาแป๋วอีกด้วย... -_-
     
     
     
                “ไปเดทกัน”
                บอดี้การ์ดที่ยังไม่หายง่วงหลังการตื่นนอนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ยังไม่ทันตื่นดีก็มาชวนคนไปเดทเนี่ยนะ? ช่างโรแมนติกจริงๆเลยนะครับให้ตายสิ
     
     
                “ไม่เอาอ่ะ”
                “คุณพ่อสั่งมานะครับ”
                “สั่งให้ลูกไปเดทกับบอดี้การ์ดเนี่ยนะ??”
                “กับคู่หมั้นต่างหากครับ”
                “… -_-” ย้ำจังเลยนะคำนี้…
            “นั่งรอก่อนสิบนาทีเดียวพี่มานะครับ” ทุกคนไม่ได้หูฝาดไปหรอกครับ บอดี้การ์ดแทนตัวเองว่า ‘พี่’ เวลาคุยกับผม เขาเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่ความแตกว่าเขาเป็นคู่หมั้นของผมแหล่ะครับ โดยไม่ว่าจะเป็น
     
            ‘กินนี่สิอร่อยนะ’
                ‘ทานหน่อยสิ ผอมจะตายอยู่แล้ว เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก’
                ‘ตัวบางขนาดนี้ลมพัดก็กระเด็นแล้ว กินเยอะๆหน่อยสิ’
                และอีกมากมาย....
     
     
     
     
    ทำตัวอย่างกับเป็นพ่อคนที่สองอ่ะครับ!
     
     
     
     
               
                นั่งรอได้ไม่นานบอดี้การ์ดก็เดินออกมาภายในเวลาสิบนาทีเป๊ะๆ (ไวเกินคน) และเดินเข้ามาพร้อมกับฉุดข้อมือเพื่อให้ผมลุกขึ้นพร้อมกับเดินจูงมือผมไปที่รถ มือของบอดี้การ์ดใหญ่มากเลยหล่ะครับ... จับมือกันที่นี่มือของเขาแทบโอบรอบมือของผมหมดเลย ให้ความรู้สึกอบอุ่นดีพิลึกเหมือนกันนะครับ....
     
     
     
     
     
     
                สถานที่ที่บอดี้การ์ดพาผมมาเดทก็คือสวนสนุกแหล่ะครับ เราไปเล่นอะไรกันเยอะแยะเลย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟเหาะหรืออะไรที่มันหวาดเสียวอ่ะครับ.. ผมชอบมาก แต่ดูท่าบอดี้การ์ดคนนี้ของผมจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่...
     
     
     
     
    หึ... จะพาไปเล่นให้อ้วกแตกกลับบ้านไม่ถูกเลยคอยดู!
     
     
     
     
     
                “พี่ฮยอนจุงฮะพาผมไปเล่นรถไฟเหาะหน่อย~”
    ผมพูดขึ้นพร้อมกับมองร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าพลางชี้มือไปยังรถไฟเหาะที่ขนาดดูจากบนพื้นยังดูน่าหวาดเสียวขนาดนี้ ถ้าขึ้นไปนั่งจะเป็นยังไงเนี่ย น่าตื่นเต้นจังเลยครับ -.-
     
    “อ่า.. คือพี่”
    “นะฮะนะฮะนะฮะนะฮะ”
    “... ก็ได้ครับ”
     
     
     
     
     
    หึหึ... ช่วงเวลาแห่งการแก้แค้นกลับมาแล้วหล่ะครับ!
     
     
     
     
     
     
    หลังจากที่ได้ผ่านสมรภูมิรบกับเครื่องเล่นอันน่าหวาดเสียว (?) มานับสิบแล้ว บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆผมในตอนนี้ก็ดูจะหมดแรงไปเยอะเลยหล่ะครับ ใบหน้าที่หล่อคมนั้นซีดลงอย่างเห็นได้ชัด แอบสะใจในความสงสารอ่ะครับ... (เป็นคนดีมาก) แต่อย่าเห็นว่าบอดี้การ์ดเป็นคนดีนะครับ ตอนที่ขึ้นรถไฟเหาะก็แอบหอมแก้มผมไปตั้งหลายรอบ แอบโอบเอวผมตอนเดินด้วย นิสัยไม่ดีจริงๆเลยครับ...
     
     
     
     
     
     
    “กินสายไหมกัน”
    บอดี้การ์ดเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับถือสายไหมสีชมพูสีสันน่ากินมาด้วย แต่ปัญหาคือ ทำไมซื้อมาอันเดียวอ่ะครับ? -_-
     
     
     
     
    “มันมีอันเดียว”
    “แบ่งกันกินไง”
    “ไม่เอาอ่ะ”
    “กินไปเลยไม่งั้นฟ้องคุณพ่อแน่” พูดจบแล้วไม่พอยังมีการยัดเหยียดสายไหมมาที่ตรงหน้าปากของผมด้วย ผมจึงต้องกัดสายไหมนั้นไปอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งแน่นอนแหล่ะครับ บอดี้การ์ดก็ยังนั่งยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นผมเบ้ปากใส่... ยิ้มตลอดอ้ะ!
     
     
     
     
     
     
                ร้านขายของที่ระลึกมีของน่ารักให้เลือกมากมายจริงๆนะครับ ตอนนี้ผมกับบอดี้การ์ดกำลังอยู่ในร้านพวกนี้อยู่ ผมกำลังดูพวกโปสการ์ดที่มีรูปสวยงามของที่ท่องเที่ยวให้นี้อยู่อย่างเพลินๆก็รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรมาสวมหัวแหล่ะครับ นั้นก็คือพร็อบที่บอดี้การ์ดหยิบมายัดใส่หัวผม สิ่งนั้นก็คือ...
     
     
     
     
     
     
    พร็อบหูกระต่าย(ของผม)กับพร็อบหูหมาป่า(ของบอดี้การ์ด)
    เห็นผมเป็นเด็กสามขวบหรอครับ???
     
     
     
     
     
     
     
     
     
          “ถ่ายรูปกัน”
                พูดยังไม่ทันขาดคำบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับโอบไหล่ผมเข้าไปใกล้แล้วกดถ่ายรูปทันทีโดยที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว ซึ่งคาดว่าหน้าผมคงเอ๋อเหมือนเด็กอนุบาลสามขวบเป็นแน่แท้... -_-
     
     
     
     
                “ยังไม่ทันตั้งตัวเลย เอารูปมาดูหน่อย”
                “ไม่ให้ดูหรอก หน้าตลกดี”
                “เอามา!”
                “ไม่ให้หรอก” ร่างสูงพูดพร้อมกับชูโทรศัพท์มือถือไว้จนสุดแขน ผมซึ่งเตี้ยกว่านิดหน่อยจึงเอื้อมไม่ถึง ทำไมสวรรค์กลั่นแกล้งฮยองจุนแบบนี้หล่ะครับ...
     
     
     
     
     
     
    ร่างสูงเลือบมองรูปที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันเห็น
    ใครบอกว่าเอ๋อก็บ้าแล้วหล่ะ... ออกจะน่ารักขนาดนี้!
     
     
     
     
     
     
     
     
    “ไปขึ้นชิงช้าสวรรค์กันนะฮยองจุน”
    หลังจากที่นั่งพักมาร่วมเกือบยี่สิบนาทีแล้วร่างสูงที่นั่งข้างผมก็พูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปทางชิงช้าสวรรค์ซึ่งตอนนี้เริ่มเปิดไฟเนื่องจากในตอนนี้ถึงเวลากลางคืนแล้ว... มันสวยมากๆเลยหล่ะครับ
     
    “อืมม ไปสิ”
     
     
    ตอนนี้พวกเราทั้งสองคนก็ได้มาอยู่บนชิงช้าสวรรค์ตามที่ใจหมายแล้วหล่ะครับ แต่ในขณะนี้ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา อาจจะเป็นเพราะบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหน้าผมเอาแต่เงียบ และผมก็มัวแต่มองวิวด้วยหล่ะมั้งครับ…
     
     
     
    “ฮยองจุน”
    คนที่อยู่ตรงหน้าผมพูดออกมาเบาๆหลังจากที่เงียบมานาน ตอนนี้เราทั้งสองคนจ้องตากันแล้วหล่ะครับ
    “หืม?”
    “พี่...”
    “…?”
    “แต่งงานกับพี่นะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - 

     

     

    100% แล้วค่ะ ^^

    มันมีตอนต่อนะคะ อย่าเพิ่งตกใจ55555 มันยาวอ่ะค่ะ

    ตอนนี้อาจจะไม่ค่อยสนุก มันไม่ค่อยมีอะไรเลย

    ตอนนี้ทีเซอร์ฮยองจุนออกมาแล้ว ฝากด้วยนะคะ<3

     
    THEME : © Tenpoints !
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×