{SF EXO} That Rainy Day : baekdo - {SF EXO} That Rainy Day : baekdo นิยาย {SF EXO} That Rainy Day : baekdo : Dek-D.com - Writer

    {SF EXO} That Rainy Day : baekdo

    โดย atommumu

    ขอบคุณฝนตกวันนั้น..ที่ทำให้เราได้เจอกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    997

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    997

    ความคิดเห็น


    13

    คนติดตาม


    41
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ต.ค. 57 / 09:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    Update :: 100% -end-

    สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เป็น sf เรื่องแรกนะคะ
    อาจจะภาษาแปลกๆไปบ้าง555
    เห็นช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆ เลยอยากแต่อะไรฝนๆบ้าง> <
    ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านฟิคเรื่องนี้นะคะ<3





    "ขอบคุณฝนตกวันนั้น..ที่ทำให้เราได้เจอกัน"


    pairing : Baekhyun x Kyungsoo
    twitter : atommumu

    แวะไปคุยได้นะ:D

    #ฟิควันฝนตก




     
    B E R L I N ❀
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
        

      ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

       

       

       

      “คยองซู อย่าลืมเก็บของไม่ใช้แล้วใส่ลังด้วยนะลูก” เสียงคุณแม่ตะโกนดังมาจากชั้นล่างของบ้าน

       

      “คร้าบ” เสียงใสตอบรับ ขณะกำลังจัดการรื้อเสื้อผ้าเก่าๆจากตู้

       

      เนื่องจากคยองซูสอบได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในจังหวัดปูซานก็เลยต้องไปอยู่หอที่นั่นทั้งปี กว่าจะได้กลับอีกทีก็คงปลายปีนู่น

       

      ซึ่งไหนๆก็ต้องเก็บของใช้เก็บเสื้อผ้าอยู่แล้ว ก็เลยถือโอกาสนี้รื้อห้องส่วนตัวไปด้วยเลยแล้วกัน

       

      มือบางเอื้อมไปเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะ..ก่อนสายตาจะไปสะดุดกับบางสิ่งที่ทำให้รอยยิ้มรูปหัวใจต้องคลี่ออกมา..

       

      มันคือร่มสีดำแบบพกพาธรรมดาคันหนึ่ง..

       

      แต่ทำไมมันถึงพิเศษน่ะหรอ...ก็เพราะคนให้น่ะสิ

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

       

      3 ปีที่แล้ว

       

      ท่ามกลางเหล่านักเรียนนักศึกษามากมายที่กำลังเดินไปสู่จุดหมายหลังเลิกเรียน

       

       

      โด คยองซู นักเรียนชั้นม.4ของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในกรุงโซลกำลังสาวเท้าอย่างเร่งรีบเพื่อไปยังจุดหมายของเขา คือป้ายรถเมล์

       

       

      คยองซูต้องมารอรถเมล์ที่นี่ทุกวันเพื่อกลับบ้าน แต่วันนี้ที่มันพิเศษกว่าวันอื่นๆก็เพราะพยากรณ์อากาศที่เพิ่งดูในโทรศัพท์มือถือตอนเช้าน่ะสิว่าบ่ายนี้จะมีพายุเข้า ฝนจะตกหนักควรหลีกเลี่ยงการเดินทางทางถนนและพกร่มออกจากบ้าน

       

       

      คุณแม่ของคยองซูก็เตือนเขาแล้วนะว่าให้หยิบร่มออกมาด้วย แต่สุดท้ายการที่โหมอ่านหนังสือถึงดึกๆเมื่อคืนก็ทำให้ตื่นสายแล้วก็ลืมจนได้

       

       

      ระหว่างที่กำลังคิดไปเพลินๆและก้าวเท้าไปตามทางเรื่อยๆ ลมแรงก็พัดเอาเศษฝุ่นเศษใบไม้ปลิวว่อนไปมาเต็มถนน เมื่อแหงนมองท้องฟ้ากับจำนวนเมฆตอนนี้แล้ว...คยองซูบอกได้เลยว่าพยากรณ์อากาศทายถูกชัวร์ๆ

       

       

      เด็กหนุ่มถอนหายใจ เริ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อไปให้ถึงป้ายรถเมล์เร็วๆ

       

       

      แล้วในที่สุดก็มาถึงจนได้ ร่างเล็กรีบเดินเข้าไปนั่งใต้หลังคาทันที

       

       

      "เฮ้อ ทันจนได้ ถ้าตัวเปียกกลับบ้านมีหวังโดนแม่ด่าแน่ๆ" พูดเบาๆพลางเหลือบมองป้ายตารางเวลารถเมล์

       

       

      ระหว่างนั้นก็มีคนอีกหลายคนมายืนรอรถเมล์ตรงนี้ด้วย (หรือเตรียมหลบฝนกันนะ) ทำให้ที่นั่งที่เป็นม้านั่งยาวไม่พอสำหรับทุกคน แล้วหลังคาก็ดูสั้นเกินจะบังคนที่ยืนรอจากฝนที่กำลังจะตก

       

       

      เนื่องจากวันนี้มีพายุทำให้ตารางเวลามีการดีเลย์ สำหรับสายที่เขาไปก็ต้องนั่งรออีก15นาที

       

       

      อา..วันนี้คงจะไม่ใช่วันของโด คยองซูจริงๆ

       

       

      แล้วก็เหมือนจะเป็นอย่างที่เขาคิด มีคุณยายคนหนึ่งท่าทางดูแก่มากแล้ว ถือไม้เท้าเดินโขยกเขยกมาตามทาง

       

       

      คยองซูขอให้ยายเขาไม่เดินมาตรงนี้นะ

       

       

      โอเค..ยายเขามารอรถเมล์จริงๆแหละ

       

       

      คุณยายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆก่อนจะหยุดยืน..ตรงหน้าเขา

       

       

      "อา..สวัสดีครับ" ค่อยๆเงยหน้ามองก่อนจะเอ่ยทักเบาๆ

       

       

      จริงๆคยองซูก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไรไง ก็เลย..ต้องลุกให้คุณยายนั่งㅜㅜ

       

       

      "นั่งเลยครับ ผมยืนได้ เดี๋ยวรถก็จะมาแล้ว"

       

       

      "ขอบคุณนะจ้ะ" คุณยายเอ่ยตอบ

       

       

      สุดท้ายคยองซูจึงจบลงที่การยืนพิงเสาที่มีหลังคาบังมาปิดได้แค่ครึ่งตัว

       

       

      และโชคร้ายที่ต่อจากนั้น..ฝนก็เทลงมาพอดี

       

       

      คยองซูกอดกระเป๋าเป้ไว้แนบตัว ก่อนจะรู้สึกว่ามีคนมายืนข้างๆ..

       

       

      เงาจากร่มที่ค่อยๆเลื่อนมาบังเด็กหนุ่มจากฝนทอดไปบนพื้นด้านหน้า คยองซูรีบหันขวับไปมอง

       

       

      เป็นผู้ชายตัวสูงกว่าเขาแค่นิดหน่อย ตาเรียวๆ จมูกโด่งๆ อายุน่าจะโตกว่าเขาหลายปี ใส่ชุดนักศึกษา

       

       

      "ตากฝนระวังไม่สบายนะครับ" คนแปลกหน้าเอ่ยขึ้น

       

       

      "ขะ..ขอบคุณครับ" คยองซูก้มหน้าตอบกลับคนข้างๆที่อยู่ๆก็มายืนกางร่มกับเขาตรงนี้

       

       

      "วันนี้ฝนตกหนักเนอะ ถ้าไม่ได้เอาร่มมาด้วยนี่ตัวต้องเปียกแน่ๆ ฮ่าๆๆ" คนแปลกหน้าพูดพลางหัวเราะเบาๆ

       

       

      "..." ร่างเล็กยังคงยืนนิ่งไม่ยอมพูดตอบ

       

       

      "มารอรถเมล์หรอครับ" คนแปลกหน้าพูดขึ้นอีกรอบขจัดความเงียบน่าอึดอัดที่มีแต่เสียงฝน

       

       

      "อ่า..ใช่ครับ" คยองซูตอบเสียงเรียบ ก็ใช่อยู่แล้วมั้ยล่ะ เขามายืนที่ป้ายรถเมล์คงไม่กลับแท็กซี่หรอกมั้ง

       

       

      "อยู่ม.อะไรแล้วล่ะเรา"

       

       

      "ม.4ครับ"

       

       

      "อะไรนะ" คนถามกึ่งพูดกึ่งตะโกนแข่งกลับเสียงฝน

       

       

      "ม.4ครับ ม.4" คยองซูพูดทวนช้าๆ

       

       

      "ห้ะ อะไรนะ”

       

       

      เอ๊ะ นี่ไม่ได้ยินจริงๆหรือแกล้งไม่ได้ยินกันแน่นะ หูหนวกหรือไง

       

       

      "ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ" คนตัวสูงกว่ายิ้มแล้วรีบพูดต่อเมื่อเห็นคนตัวเล็กเหลือกตาใส่

       

       

      เป็นครั้งแรกที่คยองซูได้สังเกตใบหน้าของคนแปลกหน้าที่บังเอิญเจอคนนี้ดีๆ

       

       

      ดวงตาเรียวที่มีแววขี้เล่น รอยยิ้มที่ทำให้ริมฝีปากบางๆนั่นกลายเป็นรูปสี่เหลี่ยม..

       

       

      "งั้น..ขอแทนตัวเองว่าพี่นะ พี่ชื่อบยอน แบคฮยอน เราอ่ะ"

       

       

      "อา..โด คยองซูครับ" ตอบแบบเขินๆก่อนจะก้มหน้ามองแอ่งน้ำบนพื้นต่อ

       

       

      "ยินดีที่ได้รู้จักนะ" แบคฮยอนยื่นมือข้างที่ไม่ได้จับร่มออกไป

       

       

      คยองซูเหลือบมองมือเรียวก่อนจะค่อยๆยื่นมือออกไปสัมผัสเบาๆ..มันทั้งนุ่มแล้วก็อุ่นด้วย

       

       

      "กลับบ้านคนเดียวทุกวันเลยหรอ"

       

       

      "อ่อครับ วันปกติมันสะดวกมากเลยนะครับ แต่ไม่ใช่วันฝนตกแบบนี้ แถมผมลืมร่มด้วย" คยองซูยิ้มแห้งๆ

       

       

      "ฮ่าๆ วันหลังอย่าลืมอีกนะ ไม่มีคนมากางร่มให้นะ" แบคฮยอนยีหัวคนตัวเล็กกว่าอย่างเอ็นดู

       

       

      คยองซูหันหน้าหนี มาลูบหัวทำไมเนี่ย แล้วทำไมใจต้องเต้นเวลาได้อยู่ใกล้กันด้วยนะ -//-

       

       

      “เป็นไรอ่ะ ทำไมหน้าแดงๆ” พูดไม่พอเอื้อมมือมาแตะหน้าผากอีก

       

       

      “อะ..มะ..ไม่ได้เป็นอะไรครับๆ” หันหน้าหนีอีกรอบ คนข้างๆจะรู้มั้ยนะว่ายิ่งทำแบบนี้มันยิ่งเขิน!

       

       

      “พี่แบคเรียนอยู่แถวนี้หรอครับ” พูดออกมาเปลี่ยนเรื่องซะเลย

       

       

      “อ่า ไม่อ่ะพี่อยู่มหาลัยนอกเมือกโน่น แต่อาทิตย์ได้มาฝึกงานในเมือง”

       

       

      “งั้นก็ดีสิครับ..ได้เที่ยวด้วย”

       

       

      “นั่งรถกลับไปกลับมามันไม่สนุกหรอก”

       

       

      “แต่คยองชอบนะ เวลาได้ไปที่ใหม่ๆ ตื่นเต้นดี”

       

       

      “เด็กน้อยเอ้ย~” พูดพลางส่งยิ้มมาให้

       

      อา..นั่นไง ใจเต้นเลย หยุดทำอย่างงี้ได้แล่ว

       

       

      "อ่าวรถมาแล้วอ่ะ..คยองซูเก็บร่มไว้ก่อนก็ได้นะ ไว้เจอกันอีกทีค่อยคืนก็ได้" แบคฮยอนหยิบมือบางไปไวัที่ด้ามจับ เมื่อเห็นรถเมล์สายของตนขับมาจอดด้านหน้า

       

       

      คยองซูรับร่มจากคนตัวสูงกว่าแบบงงๆ "แล้วพี่ไม่ต้องใช้หรอครับ"

       

       

      "ป้ายรถเมล์ไปลงหน้าบ้านพี่เลยแหละ เดินนิดเดียว เก็บไว้เถอะ"

       

       

      "แล้วจะเจอกันอีกหรอครับ"

       

       

      "เจอสิ เดี๋ยวเราก็เจอกันอีก" แบคฮยอนวิ่งตากฝนออกไปขึ้นรถเมล์ก่อนจะหันมาโบกมือให้

       

       

      เด็กหนุ่มยิ้มให้กับรถเมล์ที่ขับออกไปท่ามกลางสายฝนก่อนจะเงยหน้ามองร่มสีดำที่ถืออยู่..

       

       

      ไว้ผมจะเอาไปคืนนะครับ...พี่แบค

       

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

      .

       

      จนถึงตอนนี้..คงไม่มีใครรู้ว่าเขาเฝ้ารอคอยวันนั้นมากแค่ไหน

       

       

      เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มี อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ชื่ออย่างเดียว แล้วอีกอย่างนี่มันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ถึงเจอกันอีกทีจริงๆอีกฝ่ายก็คงจะจำเขาไม่ได้

       

       

      ร่างเล็กถอนหายใจ..

       

       

      ไม่รู้ว่ากี่ปีกี่เดือนกี่วันแล้วนะ..

       

       

      ที่แอบรักผู้ชายแปลกหน้าที่ชื่อ 'บยอน แบคฮยอน'

       

       

       

      ---

       

       

       

      แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างรถบัสสองชั้นเข้ามากระทบเปลือกตาที่ปิดสนิท ทำให้เจ้าตัวค่อยๆลืมตาพร้อมยกมือขึ้นมาบัง

       

       

      ถึงปูซานแล้วครับ กรุณาตรวจสอบสัมภาระก่อนลงจากรถด้วยนะครับ” เสียงคนขับรถดังมาจากด้านหน้า

       

       

      คยองซูในชุดเสื้อแขนยาวสีดำกับกางเกงยีนส์ลุกจากที่นั่งอย่างงัวเงียหลังจากนั่งรถบัสที่มหาวิทยาลัยจัดให้(แต่ไม่ฟรี)สำหรับเด็กปี1ที่ประสงค์จะนั่งรถบัสจากโซลมา ซึ่งนานกว่านั่งรถไฟประมาณ4ชั่วโมงได้ แต่เขาก็ยังยืนยันจะนั่งรถบัสเพราะมันประหยัดที่สุด แล้วก็มาถึงก่อนตั้งหลายวันมีเวลาเหลือเฟืออยู่แล้ว

       

       

      ก้าวแรกที่สัมผัสพื้นดินจังหวัดปูซาน เด็กหนุ่มหยุดยืนก่อนจะสูดหายใจลึกๆแล้วมองไปรอบๆ

       

       

      เนื่องจากเป็นเดือนกุมภาพันธ์อากาศยังหนาวอยู่แต่ต้นไม่ก็เริ่มผลิใบแล้ว มองไปซ้ายขวาจึงเห็นต้นไม้มีใบสีเขียวอ่อนๆอยู่ประปราย ด้านหน้าสุดเป็นมหาวิทยาลัยจุดหมายปลายทางของเขา มีตึกหลายตึกเรียงรายกันด้านใน การออกแบบดูมีเอกลักษณ์เฉพาะแต่ละตึก โดยรวมแล้วน่าเรียนมาก

       

       

      สวัสดีค่ะ นักศึกษาปีหนึ่ง เดี๋ยวครูจะพาเราไปที่หอพักนะคะ ตามมาค่ะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นก่อนทุกคนจะทยอยกันเดินตามไป

      .

      .

      .

      .

      .

       

      ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นในช่วงสองสามวันที่ปูซาน คยองซูรู้จักเพื่อนแค่คนเดียวซึ่งก็คือรูมเมทของเขาเอง ชื่อ 'ปาร์ค ชานยอล' เป็นคนคุยเก่งต่างกับเขาที่พูดน้อย เวลาคุยกันเลยเหมือนชานยอลพูดคนเดียวซะมากกว่า

       

       

      คยองซู! แต่งตัวเสร็จรึยัง ไปสายเดี๋ยวก็โดนทำโทษหรอก” พอนึกถึงก็ตะโกนมาเลย แต่ใช่ วันนี้มีกิจกรรมรับน้องของพี่ปี4กับน้องปี1 เขาควรจะรีบแต่งตัวแล้วไปให้ทันเวลานัด

       

       

      คายองซู!!”

       

       

      เอ้อ! เสร็จแล้วๆ” ตะโกนกลับออกไปก่อนจะเดินออกมาด้วยชุดนักศึกษาใหม่เอี่ยม

       

       

      แต่งตัวนานจริง ชุดนักศึกษาแค่เนี้ย”

       

       

      ไม่เห็นนานซะหน่อย รีบไปสิ เดี๋ยวก็สายจริงๆหรอก” คนตัวเล็กดันหลังเพื่อนตัวสูงให้ออกจากห้อง

       

       

       

       

      ทั้งสองมาถึงทันเวลาพอดี ตอนนี้เด็กปีหนึ่งนั่งรวมกันตรงกลางลานหน้าคณะเป็นแถวๆ คยองซูกับชานยอลเลือกนั่งตรงแถวสุดท้าย มีพี่ปี4หลายคนยืนอยู่ด้านหน้าสุด

       

       

      สวัสดีครับน้องๆทุกคน คงรู้กันแล้วว่าวันนี้พวกพี่จัดกิจกรรมรับน้องให้กับรุ่นน้องปี1ทุกคน เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนๆพี่ๆนะครับ” เสียงของรุ่นพี่คนหนึ่งเกริ่นนำขึ้นส่งผลให้เสียงคุยเงียบลง

       

       

      เข้าเรื่องเลยดีกว่า ก่อนอื่นให้น้องๆแบ่งกลุ่มกัน เอาแถวตามที่นั่งเลย ไปเล่นกิจกรรมทีละฐานเวียนกันไปเรื่อยๆ เอ้าลุกๆ” สิ้นเสียงรุ่นพี่ ทุกคนก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนพลางคุยกันเสียงจ้อกแจ้กต่อ ก่อนจะมีพี่ปี4เดินมาบอกแต่ละแถวว่าให้ไปฐานไหนก่อน

       

       

      คยองซูกับชานยอลก็เดินตามคนอื่นไปเรื่อยๆ มีทั้งหมด4ฐาน กลุ่มของเขาได้ฐาน2เป็นฐานแรก รุ่นพี่ดูสนุกกันมาก แต่รุ่นน้องดูจะเหนื่อยซะมากกว่า

       

       

      โอ๊ย ฉันจะเป็นลมจริงๆแล้วนะ มันยังไม่หมดอีกหรอเนี่ย” ร่างโปร่งพูดขึ้น หลังเสร็จจากโดนทำโทษกางแขนยืนขาเดียวกลางแดดเกินครึ่งชั่วโมง

       

       

      เอาหน่า อีกฐานเดียว เราก็เหนื่อยเหมือนกันนั่นแหละ” คยองซูปลอบเพื่อนตัวสูง ซึ่งจริงๆแล้วคนพูดก็ดูจะไม่ไหวพอๆกับคนฟัง

       

       

      อืมๆ ตรงนั้นป่าวอ่ะฐาน1”

       

       

      คงใช่แหละ”

       

       

      สุดท้ายก็ลากกันมาจนถึงด้านหลังมหาลัยที่ถัดไปเป็นที่ตั้งของป่าแห่งหนึ่ง มีพี่สองสามคนยืนอยู่

       

       

      นี่คือฐาน1นะคะ น้องปี1กับพี่ปี4จะจับคู่กันออกไปล่าสมบัติในป่า โดยน้องจะโดนปิดตาให้ไม่รู้ว่าพี่เป็นใคร คนไหนไปเอาสมบัติออกมาได้ก่อนเป็นผู้ชนะ แต่ใครออกมาเป็นคนสุดท้ายมีบทลงโทษนะคะ น้องรับผ้าปิดตาไปคนละผืนเลยนะคะ แล้วยืนรอพี่ๆตรงนี้ก่อน” ทั้งสองรับผ้าสีดำผืนยาวมาปิดตาแต่โดยดีเพราะอยากจะให้มันจบๆไป

       

       

      งั้นอย่างงี้เราก็ต้องแยกกันอ่ะดิ” คนตัวสูงพูดขึ้น

       

       

      อืม เดี๋ยวเจอกันตรงนี้นะ”

       

       

      ผ่านไปซักพักคยองซูก็รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆที่มือขวา

       

       

      สวัสดีครีบน้อง..” เสียงปริศนาหยุดไปหนึ่งอึดใจก่อนจะพูดขึ้นต่อ

       

       

      ไปหาสมบัติกัน”

       

       

      ไม่รู้เขาคิดไปเองรึป่าวนะ แต่เสียงของรุ่นพี่คนนี้คุ้นมากๆ.. อ่อ หรือว่าจะเป็นคนที่ประกาศในแถวตอนแรกกันนะ

       

       

      อ่า..หวัดดีครับ แล้วสมบัติที่ว่านี่มันคืออะไรหรอครับ” คนตัวเล็กถามออกไปด้วยความสงสัย

       

       

      พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะสิ ป่าตรงนี้ก็ไม่เคยเข้า พี่กลุ่มนั้นเขาเพิ่งไปเรียกพี่ให้มาช่วยเมื่อกี้เอง นี่ถ้าบอกว่ามีทำโทษด้วย พี่ไม่มาแน่ๆฮ่าๆ” เมื่อรุ่นพี่พูดจบก็จูงมือคนตัวเล็กออกเดินเข้าป่าทันที

       

       

      สัมผัสที่มือ..ทำไมรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ..

       

       

      คยองซูเดินตามรุ่นพี่คนนี้มาเรื่อยๆ ระหว่างทางไม่ได้พูดอะไรกันมากนักเพราะถูกปิดตาอยู่ ความรู้สึกคือมีลมเย็นๆพัดมากระทบใบหน้ากับเสียงหวิวๆของมันเท่านั้น

       

       

      เดินไปเรื่อยๆก็เจอพี่ปี4กำลังยืนอยู่ข้างต้นไม้มีโต๊ะตั้งอยู่ ด้านบนมีเค้กก้อนใหญ่สีขาว มีป้ายแปะไว้ว่า'ด่านที่1'

       

       

      มากันแล้วๆ ตรงนี้เลยครับด่านที่1” ทั้งคู่เดินเข้าไปตามเสียงเรียก

       

       

      "เดี๋ยวรุ่นพี่รบกวนรับผ้าไปปิดตาด้วยนะครับ" พูดพร้อมกับยื่นผ้าปิดตามาให้

       

       

      เอาล่ะครับ เดี๋ยวเราจะให้ทั้งคู่หาลูกสตรอเบอร์รี่ในเค้กครีมสด4ปอนด์ก้อนนี้มาแลกกับแผนที่ไปด่านต่อไป โดยห้าม่ใช้มือนะครับ ห้ามกินด้วยนะ เริ่มได้”

       

       

      อ่าวแล้วทำไงอ่ะ!” คนเพิ่งถูกปิดตาโวย

       

       

      ก็ใช้ปากไงครับ” กรรมการตอบ "เริ่มแล้วนะครับ ห้ามใช้เวลาเกิน20นาทีด้วยนะครับ”

       

       

      โว้ยยห้ามอะไรนักหนาวะ” บ่นอีกครั้ง ก่อนจะจำใจก้มหน้าลงไปกินก้อนเค้กจนใบหน้าเปื้อนไปด้วยครีมสีขาวๆ

       

       

      น้องปี1ต้องช่วยหาด้วยนะครับ”

       

       

      ง่า โอเคครับ” คยองซูที่ทำเป็นยืนนิ่งๆสุดท้ายก็ต้องช่วยหาด้วย โถ่นึกว่าจะรอดแล้ว

       

       

      เค้กก้อนโตที่ถูกโปะหน้าด้วยครีมสีขาว บัดนี้ได้กระจายไปทั่วทุกทิศทางโดนฝีมือของรุ่นพี่ปี4กับรุ่นน้องปี1 ครีมสีขาวเปื้อนหน้าไปหมด

       

       

      งื้อทำไมหาไม่เจอซะที”

       

       

      พี่ก็หาไม่เจอเนี่ย กินครีมเข้าไปจนเต็มกระเพาะแล้วแค่ก”

       

       

      เดี๋ยวหาฝั่งนี้ซิ..โอ๊ะ..” ใบหน้าหวานหยุดกึกเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากของตน..ประทับเข้าไปบนแก้มของคนด้านข้างอย่างจัง

       

       

      ขะ..ขอโทษครับ” คยองซูรีบเบือนหน้าหนีไปอีกฝั่ง โอ๊ยเขาทำอะไรลงไปเนี่ย น่าอายเป็นบ้าเลย!

       

       

      อ่า ไม่เป็นไร รีบหาต่อเถอะๆ” คนข้างๆที่ดูจะเขินไม่แพ้กันรีบพูดตอบก่อนจะก้มลงไปหาต่อ

       

       

      ...แต่ก็ชนกันอีกจนได้

       

       

      จมูกของทั้งคู่มาแตะกัน คนตัวเล็กกว่ารู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกคนที่รดลงมา..

       

       

      ..จนใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดง

       

       

      อ๊ากกกกกกกกกกก เขาทำอะไรอีกเนี่ยย ขอสัญญาว่าจะไม่มองหน้ารุ่นพี่ตอนเล่นเกมจบเด็ดขาด ไม่ถามชื่อไม่อะไรทั้งสิ้นเลยด้วย! มันน่าอายมากเลยฮือออออ

       

       

      “อ่ะ ผมเจอแล้วครับ” คนตรงหน้าเอ่ยขึ้นก่อนจะค่อยๆคาบผลสตรอเบอรร์รี่ขึ้นมา..จากตรงที่จมูกโดนกันนั่นแหละ-//-

       

       

      "ดีมากครับ นี่แผนที่ครับ" รุ่นพี่ที่เป็นกรรมการยื่นแผนที่ให้คนที่เพิ่งแกะผ้าปิดตาออก ไม่มีใครสังเกตคนตัวเล็กด้านหลังที่ยืนหน้าแดงก่ำอยู่

       

       

      “ทีนี้ผมก็ไปได้แล้วใช่มั้ย"

       

       

      “ครับ”

       

       

       

       

      ทั้งสองเดินไปตามแผนที่เรื่อยๆ จนเจอแอ่งน้ำขนาดใหญ่มีป้ายแปะอยู่ 'หาได้เจอสิ กุญแจอยู่ในนี้'

       

       

      “อะไรเนี่ย นี่มันงานรับน้องหรือแกล้งพี่กันแน่วะ โอเคๆเรายืนตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่จะลงไปหา” พอพูดจบคยองซูได้ยินเสียงรุ่นพี่เดินลุยลงไป น้ำไม่น่าจะลึกมากแต่คงจะเป็นโคลนหน่อยๆ

       

       

      “เห้ย! นี่ไรวะ!!” รุ่นพี่ตะโกนออกมาหลังจากใช้มือควานหากุญแจเจ้าปัญหาแล้วคงไปโดนอะไรซักอย่าง

       

       

      “พี่เป็นไรป่าวครับ?” คยองซูถามพร้อมกับก้าวขามาข้างหน้า แต่เนื่องจากยังโดนปิดตาอยู่ทำให้ลื่นตกลงไปในแอ่งน้ำ

       

       

      “โอ๊ย!”

       

       

      “คยองซู!”

       

       

      คนที่เป็นรุ่นพี่รีบวิ่งมาหารุ่นน้องที่ล้มไม่เป็นท่าอยู่ในโคลนพร้อมกับเอื้อมแขนไปพยุงคนตัวเล็กให้ยืนขึ้นดีๆ ก่อนมือเรียวจะแกะผ้าปิดตาออกจากใบหน้าเปื้อนโคลน

       

       

      “เจ็บตรงไหนมั้ยครับ”

       

       

      “พะ..พี่แบค..” เสียงใสเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ ดวงตากลทโตจ้องเข้าไปในดวงตาเรียวที่ฉายแววเป็นห่วง

       

       

      “พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง..”

       

       

      “ก็พี่เรียนอยู่ที่นี่น่ะสิ”

       

       

      “แล้วทำไม ผมไม่เคยเห็นพี่เลย”

       

       

      “ก็เรามาอยู่ที่นี่ได้กี่วันล่ะ เอ้า ยืนไหวมั้ย”

       

       

      “ไหวครับไหว” คยองซูค่อยๆยันตัวยืนขึ้นเอง แต่ก็ลื่นลงไปอีกรอบทำให้คนตัวสูงกว่าต้องอ้อมแขนไปโอบรอบเอว

       

       

      “พี่ว่าพี่พาเราออกไปก่อนดีกว่า ช่างมันเหอะไอสมบัติอะไรเนี่ย”

       

       

      “แต่..”

       

       

      “มา จับมือพี่ไว้นะ” พูดจบรุ่นพี่ก็ปีนขึ้นไปนอกบ่อก่อนจะจับมือคนตัวเล็กแล้วประคองขึ้นมา

       

       

      “เฮ้อ” คยองซูถอนหายใจ ตอนนี้เขานั่งอยู่บนพื้นหญ้าข้างๆบ่อ ตัวเปียกปอนไปด้วยน้ำกับเศษดินเศษหญ้า

       

       

      แบคฮยอนยืนมองรุ่นน้องคนสำคัญ ก่อนจะยื่นมือออกไป "ขี่หลังพี่ดีกว่า ห้ามปฏิเสธนะ”

      .

      .

      .

      .

      .

      .
      .

       

      บรรยากาศยามเย็น แสงแดดสีส้มส่องจากด้านหลังทอดเป็นเงายาวสีดำของบยอนแบคฮยอนปี4กับโดคยองซูปี1ที่อยู่บนหลัง มุ่งหน้ากลับไปมหาลัย

       

       

      ถ้าจะถามถึงความรู้สึกของคยองซูตอนนี้คงยากจะอธิบายมาก มันทั้งมีความสุขทั้งตื้นตันดีใจปนกันไปหมด เขาได้เจอพี่แบคฮยอนแล้ว ได้เจอกันอีกครั้งแล้วจริงๆ..

       

       

      “แย่เลยนะครับ เสื้อพี่แบคเปื้อนหมดเลย”

       

       

      “ไม่เป็นหรอก แหมมารับน้องฮ่าๆ”

       

       

      “เอ่อ..พี่แบคครับ..คือ..ร่มคันนั้นเดี๋ยวผมจะเอามาคืนนะครับ” คยองซูกลั้นใจพูดสิ่งที่ค้างคาออกมา

       

       

      “อ่า ได้สิ เห็นมั้ยได้เจอกันอีกจริงๆ..พูดแล้วก็นึกถึงตอนนั้นเนอะ”

       

       

      “นั่นสิครับ..ขอบคุณฝนตกวันนั้นนะครับ..ที่ทำให้เราได้เจอกัน” คนตัวเล็กกว่าเกือบจะเผลอตบปากตัวเองแล้ว นี่เขาพูดอะไรออกไปเนี่ย!

       

       

      “จริงๆแล้ว มันอาจจะไม่ใช้เรื่องบังเอิญก็ได้นะ”

       

       

      “พี่แบคหมายความว่า...”

       

       

      “เฮ้ย! นั่นไงเดินมาโน่นและ ตัวเปียกปอนเชียวไอแบค!” เสียงของรุ่นพี่ที่รออยู่ดังมาแต่ไกล เหมือนชานยอลก็จะยืนรอเขาอยู่ตรงนั้นด้วย

       

       

      “คยองซู! ทำไมตัวเปื้อนงี้ล่ะ แล้วเจ็บตรงไหนรึป่าว” เพื่อนตัวสูงรีบถามไถ่คนตัวเล็กทันทีที่รุ่นพี่ค่อยๆวางคยองซูลง

       

       

      “ไม่เป็นไรแล้วๆ แค่ข้อเท้าแพลงนิดหน่อย” คยองซูตอบพร้อมส่งยิ้มคอนเฟิร์มว่าไม่เจ็บจริงๆ

       

       

      “โอ๊ยย มาๆเดี๋ยวฉันไปส่งที่ห้อง” พูดพลางจับแขนคยองซูมาพาดบ่า ร่างเล็กเหลือบมองแบคฮยอนก่อนทั้งคู่จะส่งยิ้มให้กันอย่างรู้ดี 'เดี๋ยวไว้เจอกัน'

       

       

      “อ่า แล้วเรื่องทำโทษล่ะครับ ผมว่าผมออกมาเป็นคนสุดท้ายแน่เลย”

       

       

      “ยังจ้ะๆ มีอีกตั้งหลายกลุ่มยังไม่ออกมา ไปล้างเนื้อล้างตัวได้แล้ว” รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งตอบคำถามคยองซู จากนั้นชานยอลก็ค่อยๆพยุงคนตัวเล็กกลับหอพัก

       

       

       

       

      ---

       

       

       

       

      ขณะนี้ปีการศึกษาใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว คยองซูเป็นนักศึกษาปีหนึ่งของที่นี่อย่างเป็นทางการ

       

       

      เป็นเวลาสายๆ ร่างเล็กกำลังหิ้วกระเป๋ามุ่งหน้าไปยังตึกคณะที่อยู่ของรุ่นพี่คนพิเศษ..บยอน แบคฮยอน

       

       

      เนื่องจากรุ่นพี่โทรมานัด(แลกเบอร์โทรศัพท์กันเรียบร้อย)ให้เขาไปหาที่คณะ คนตัวเล็กก็เลยออกจะตื่นเต้นนิดหน่อย

       

       

      ก้าวขาไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่หน้าคณะ ทอดสายตาไปทั่วๆ..อยู่ตรงไหนน้า รุ่นพี่นัดเขาที่นี่หนิ..

       

       

      “ทายซินี่ใคร”

       

       

      “พี่แบค! เอามืออกปาย” คยองซูจับแขนของคนที่เพิ่งเอามือมาปิดตาเขาจากด้านหลัง

       

       

      “ไปเดินเล่นกัน” คนตัวสูงกว่าคว้าข้อมือคนโดนแกล้งอย่างไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะลากไปที่สวนเล็กๆข้างคณะ

       

       

       

       

       

      “โหห นี่ผมยังไม่เคยเดินมาตรงนี้เลยนะเนี่ย” คยองซูพูดหลังจากเดินชมต้นไม้ดอกไม้ในสวน

       

       

      “สวยใช่มั้ยล่ะ”

       

       

      “อือ”

       

       

      “เดี๋ยววันหลังพามาบ่อยๆ”

       

       

      “ดีมากๆ โง้ยไม่อยากเรียนแล้วอ่า อยากอยู่ที่นี่ทั้งวันเลย”

       

       

      “ฮ่าๆ...แล้ว..อยากอยู่กับพี่ด้วยรึป่าว”

       

       

      “อยากอยู่สิค้าบ พี่แบคคนน่ารัก ฮิ” พูดพลางกอดแขนคนโตกว่า

       

       

      “พี่หมายถึง..อยู่ด้วยกันตลอดชีวิตอ่ะครับ..”

       

       

      “ห้ะ?”

       

       

      "พี่รักเรานะ รักตั้งแต่ก่อนที่เราจะรู้จักพี่อีก..จริงๆวันนั้นพี่ตั้งใจเอาร่มไปให้รู้มั้ย..."

       

       

      “พี่แบค...”

       

       

      "คยองซู...เป็นแฟนกับพี่นะ"

       

       

       

       

       

      คนพูดคงจะไม่รู้..ว่ามันเป็นประโยคที่คนฟังรอคอยมานานแค่ไหน..

       

       

      คนตัวเล็กกว่าซบหน้าลงกับอกของคนด้านหน้า พร้อมกับกระซิบเบาๆ..

       

       

       

      รอยยิ้มที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของคนทั้งสองในวันนั้น คงจะถูกเก็บอยู่ในความทรงจำของทั้งคู่ไปอีกนาน..

       

       

       

      “ตกลงตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้วครับ”

       

       


       

      -the end-


       



      จบแล้วง้าบบ เย่~ มันยาวไปมั้ยอ่ะ555 
      ขอบคุณทุกคอมเม้นที่ให้กำลังใจนะคะ

      #ฟิควันฝนตก เผื่อใครจะสกรีม

      มีคำผิดแจ้งได้ค่ะ
      ขอบคุณที่หลงเข้ามานะค้า รักรีดทุกคน<3




       

        

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×