ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF.PROJECT] Evil's Story. : WONKYU

    ลำดับตอนที่ #46 : [S Fic] Rose Addict. [ -10- ] END

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 681
      3
      20 ต.ค. 56

    Rose Addict






    - 10 -

     

                “ไอ้หนุ่มนี่น่ะหรือ? ที่ชักจูงลูกของเราให้ไปเกี่ยวข้องกับพวกอันธพาล!

                “คุณคะ เงียบๆ หน่อย” ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกของชายกลางคนทว่าก็ยังมีเสียงของหญิงหน้าตาใจดีปรามอยู่เป็นพัก เธอใช้ฝ่ามือแตะที่หัวไหล่ของสามีพลางมองสลับกับลูกชายคนเดียวซึ่งนอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้ราวกับตุ๊กตาเคลือบแก้ว ไหนจะชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ตรงหน้า คนเป็นแม่อย่างเธอจะดูไม่ออกเชียวหรือว่าหนุ่มคนนี้เป็นใคร มีความสัมพันธ์เช่นไรกับคยูฮยอน คิม มีซอน ถอนหายใจ และอีกครั้งที่สามีของเธอไม่มีทีท่าจะใจเย็นลงแม้แต่น้อย

                “ไม่ว่าไอ้หนุ่มนี่มันจะเป็นใคร มาจากไหน แต่ลูกของเราจะไม่ถูกคนแบบนี้นำพาในทางเสียๆ หายๆ ได้อีกต่อไป!

                “คุณคะ...เรายังไม่ได้คุยกับคุณคนนี้เขาดีๆ เลย แล้วก็ช่วยเงียบๆ ด้วย เดี๋ยวลูกก็ตื่นขึ้นมาหรอก!

                “คนแบบนี้จะไปญาติดีด้วยทำไมกัน!!!

                “ไอ้คนแบบนี้ มันคือคนแบบไหนกันล่ะครับ?” ชเว ชีวอนเอ่ยเสียงเรียบ เขาไม่ได้ขยับตัวไปไหนทั้งยังยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้เช่นนั้น ดวงตาคู่คมจดจ้องใบหน้าของชายผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาของโจ คยูฮยอน แน่นอนว่าท่าทีเมื่อครู่อาจดูยโสในสายตาของชายตรงหน้าเขาเป็นแน่ เสียงห้าวใหญ่ถึงได้ตวาดลั่นขึ้นมาอีก

                “ไอ้คนที่มันใช้อิทธิพลข่มขู่คนอื่นน่ะสิ...นี่คยูฮยอนก็คงถูกข่มขู่จนไม่มีทางเลือก!” นอกจากจะดื้อหัวรั้นแล้ว พ่อของโจ คยูฮยอนเมื่อยามโมโหอาจเรียกได้ว่าไม่คิดจะรับฟังเหตุผลของใครเลยทั้งสิ้น ชายหนุ่มอาจต้องเจอกับคู่ปรับที่แท้จริงแล้วเป็นแน่และเขาก็คิดว่าขืนอธิบายอะไรออกไปตอนนี้รังแต่จะยิ่งสร้างความเข้าใจผิดไปมากโข อีกทั้งความหัวโบราณของชายผู้นี้อาจทำให้เขาปวดหัวไปอีกนาน

                “ผมแค่อยากจะบอกคุณโจไว้ว่าผมไม่เคยมีเจตนาไม่ดีต่อลูกชายของคุณ ไม่ว่าจะอย่างไร...เขาคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผม” ชายหนุ่มยอมที่จะถอดภาพลักษณ์ความเป็นท่านประธานชเวชั่วคราว เขาจำเป็นต้องใจเย็น ใบหน้าคมยิ้มบางในขณะที่กล่าวกับคู่สามีภรรยาตรงหน้า ท้ายประโยคเขาไม่ลืมที่จะหันกลับไปมองเสี้ยวหน้าขาวจัด อุปสรรคด่านใหญ่ที่แท้จริงคงไม่ใช่อันตรายใดๆ แล้วล่ะ...คงจะเป็นชายวัยกลางคนผู้มีดวงตามาดมั่นผู้นี้เป็นแน่!

                “...เหอะ” ไม่วายจะเบือนหน้าไม่มองเขายามที่โค้งศีรษะทำความเคารพ จะมีก็แต่คุณนายโจที่เผยยิ้มไมตรีมอบให้

                “ผมคงต้องขอตัวก่อน”

                ทันทีที่เขาก้าวออกมาจากห้องคนไข้ ก็มีโจวมี่ยืนรอเขาอยู่นอกห้องแล้ว ทว่าไร้เงาของเด็กสาวอย่าง อี ซอนมี ถึงอย่างนั้นบอดี้การ์ดคนสนิทกลับลอบยิ้มขำพลางเอ่ยปากราวกับรู้ใจกันดี

                “อาจต้องเจองานหนักหน่อยนะครับท่านประธาน”

                “นายก็ใช่ว่าจะไม่เจองานหนัก...คุณอี ดงวานหวงลูกสาวเสียยิ่งกว่าอะไร คนเป็นพ่อก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก”

               

               

                เสียงที่กำลังอ้อนเขาอยู่ตอนนี้น่ะ...แทบจะทำให้เขาบึ่งรถไปหาที่บ้านเสียเดี๋ยวนั้น!

                “คุณชีวอน...ผมนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว” เสียงปลายสายว่าแผ่วๆ เขาคิดว่าเพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านมาเป็นแน่ที่ทำให้คยูฮยอนยังคงมีสภาพจิตใจไม่แข็งแรงเต็มร้อย ชายหนุ่มทำได้เพียงถอนหายใจ เขาไม่อาจสามารถไปพบคยูฮยอนได้ในตอนนี้ เหตุผลเดียวนั้นคือพ่อของเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะกีดกันเขาออกจากลูกชายคนเดียวของตน เรื่องแบบนี้น่ะเขาเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ชีวอนเองก็เป็นห่วงเจ้าเด็กแมวของเขาเหมือนกัน ท่าทางตอนนี้อาการของคยูฮยอนคงยังไม่ดีขึ้นมากนัก จากที่ถามจากซอนมีดูแล้ว...คนของเขาเหม่อลอย แถมยังพูดจาน้อยลงยิ่งกว่าเดิม...

                บางทีคยูฮยอนอาจยังไม่สามารถล้างภาพฝันร้ายๆ ออกไปได้

                “ฉันเองก็อยากไปหาเธอเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ”

                “คิดถึงคุณจัง” ชเว ชีวอนหลับตาพลางพิงศีรษะกับพนักพิงเก้าอี้หนังบุภายในห้องทำงาน ตั้งแต่คยูฮยอนออกจากโรงพยาบาลมาได้สองสามวัน เด็กคนนี้ก็ห่างตัวเขาชนิดที่ว่าเข้าใกล้ไม่ได้ ไม่ต่างอะไรไปจากไข่ในหิน เมื่อเขาทำอะไรไม่ได้ก็คงทำได้แต่เพียงเคลียร์งานในบริษัท ไหนจะเตรียมการสำหรับการประชุมสมาพันธ์ที่จะจัดขึ้นที่ไต้หวันจนดึกทุกวัน กระนั้นก็ใช่ว่าชเว ชีวอนจะไม่ได้คิดทางแก้ไขสำหรับเรื่องพ่อของโจ คยูฮยอนไว้...  หากคิดว่าท่านประธานชเวสามารถเอาชนะคู่แข่งทางธุรกิจมาได้มาก แต่กับแค่การได้รับการยอมรับจากพ่อของเด็กหนุ่ม...ถึงจะต้องพยายามมากกว่าหน่อย เขาเชื่อว่าชายหัวโบราณคนนั้นอาจจะไม่เปลี่ยนความคิดไปเสียทีเดียว แต่ชีวอนจะทำให้บ้านตระกูลโจเชื่อว่า...คยูฮยอนจะมีความสุขเสมอเมื่อมีเขาอยู่ข้างๆ ไม่ใช่ในฐานะท่านประธานชเวที่ใครต่อใครเกรงกลัว แต่เป็นชเว ชีวอน ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งต่างหาก

                “ฉันรู้เด็กน้อย...ฉันเองก็คิดถึงเธอ”

                “คุณชีวอนมาหาผมนะ ตอนนี้พ่อไม่อยู่” คิดว่าเขาจะทนแรงอ้อนไปได้อีกนานแค่ไหนล่ะ?

                “ได้...รอก่อนล่ะ เดี๋ยวฉันไปหา”

                หลังจากที่วางสายชายหนุ่มก็เคลียร์งานที่คั่งค้างอีกนิดหน่อย ครั้นบอดี้การ์ดคนสนิทเอ่ยปากว่าจะให้ทำหน้าที่สารถีหรือไม่ เขารีบปฏิเสธทันควัน ก่อนจะรีบบึ่งรถส่วนตัวไปที่บ้านตระกูลโจภายในเวลาอันแสนสั้น บางทีเพราะหัวใจของเขามันอาจโบยบินมาก่อนเจ้าของร่างเสียแล้วกระมัง ชเว ชีวอนทอดสายตามองตัวบ้านขนาดกลางก่อนจะกดกริ่งตามมารยาท ไม่นานร่างของหญิงวัยกลางคนก็เดินออกมาเปิดประตูรั้วให้เขา ใบหน้าสะสวยของเธอแย้มยิ้มบาง ท่าทีเป็นมิตรทำให้ท่านประธานของกลุ่มชเวโล่งอกไปอีกเปราะ

                “ต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนตอนนี้น่ะครับ” เขาว่าเสียงเรียบ เรียวปากได้รูปเผยยิ้มเพียงนิด ชายหนุ่มวัยสามสิบต้นเช่นชเว ชีวอนอดจะประหม่าไม่ได้จริงๆ แน่นอนว่าที่ผ่านมาเขาและคยูฮยอนมีสัมพันธ์กันลึกซึ้งมากขนาดไหน และเขาก็ทราบดีว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่จะคิดเช่นไรหากรู้ความจริงข้อนี้เข้า ลูกของใคร ใครก็ต้องรักต้องหวงทั้งนั้น เขาเข้าใจดีว่าทำไมพ่อของคยูฮยอนถึงได้แสดงท่าทีกีดกัน แต่กับคุณนายโจแล้วเธอดูเหมือน...ยินดีที่เขามาในวันนี้

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณ คยูฮยอนเอาแต่เหม่อทั้งวัน บางทีอาจจะคิดถึงใครบางคนอยู่ล่ะมั้ง” คุณนายโจหัวเราะแต่ลำคอเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน ตัวบ้านเงียบเชียบอาจเพราะเจ้าของบ้านที่แท้จริงไม่อยู่เป็นแน่ ชายหนุ่มกวาดสายตาหาเรือนร่างโปร่งบางทว่าเขากลับไม่พบ

                “.....”

                “คยูฮยอนอยู่บนห้องนอน คุณขึ้นไปพบแกเถอะค่ะ ...อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย แม่ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เรื่องของวัยรุ่นน่ะ...แต่ตาแก่คนนั้นหัวโบราณไปหน่อย อาจต้องใช้เวลา...แต่แม่เข้าใจคุณนะ แม่เองก็เป็นห่วงคยูฮยอนเหมือนกัน เด็กคนนั้นไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาล ไปให้แกเห็นหน้าให้ชื่นใจเถอะ ทางนี้เดี๋ยวแม่จัดการเอง” เธอว่าพลางส่งยิ้มกว้างอย่างที่เขาเองอดจะยิ้มตามไม่ได้ ชเว ชีวอนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโจ คยูฮยอนถึงได้มีรอยยิ้มที่สดใสแถมยังตรึงใจเช่นนั้น เพราะผู้เป็นแม่เป็นผู้ส่งทอดรอยยิ้มให้แก่ลูกชายของเธอเอง เขาโค้งศีรษะขอบคุณก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตัวบ้าน มองหาห้องนอนของเด็กหนุ่มตามที่คุณนายโจบอกไว้

                ร่างสูงใหญ่หยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนสีขาว ไม่จำเป็นต้องชั่งใจใดๆ เขายกมือเคาะประตูไปสองสามครั้ง และเมื่อได้ยินเสียงตอบกลับมาว่าประตูไม่ได้ล็อค ฝ่ามือจึงเอื้อมไปบิดกลอน แทรกกายผ่านบานประตูและพบกับห้องนอนที่เปิดไฟสลัวไว้แต่เพียงหัวเตียง ร่างของเด็กตัวขาวนอนขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มในอากัปเดิมๆ ที่เขาคุ้นชิน ขายาวก้าวเข้าไปใกล้พลางทอดมองดวงหน้าเมื่อยามต้องแสงไฟสีนวลส้มซึ่งขับผิวให้ดูน่ามองอย่างไม่มีที่ติ ครั้นเขานั่งลงบนพื้นเตียงข้างกันดวงตาคู่โตจึงปรือเปิดขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวานที่ดันดวงตาให้หยิบหยีน่าเอ็นดู

                “เป็นยังไงบ้าง?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม หากคำตอบที่ได้กลับเป็นการเคลื่อนไหวของลูกแมวที่เขยิบเข้ามาใกล้พร้อมกระพริบตามองราวกับจะนึกออดอ้อนให้ใจอ่อน

                “อย่างที่ผมบอกคุณ ว่าผมนอนไม่หลับเลย หลับตามันก็มีภาพวันนั้นเวียนซ้ำๆ ลบออกไม่ได้สักที”

                “ภาพเหล่านั้น...มันไม่ได้ลืมกันง่ายๆ หรอก ฉันรู้ดี...”

    ชเว ชีวอนว่าพลางลูบฝ่ามือไปตามเส้นผมสีเข้ม เขารู้ดีว่าสิ่งที่คยูฮยอนกำลังเผชิญมันไม่ใช่สิ่งที่เด็กอายุ 18 ปีสมควรจะได้รับในตอนนี้ มันออกจะหนักหนาไปด้วยซ้ำ การปลิดชีวิตใครลงด้วยมือของตัวเราเอง คล้ายกับว่า...มือของเราเปื้อนเลือดไปเสียแล้ว ใช่ว่าท่านประธานของกลุ่มชเวจะไม่เคยรู้สึกเช่นนี้... ย้อนไปเมื่อตอนที่เขารับตำแหน่งประธานของกลุ่มใหม่ๆ เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มเกิดขึ้น เขาจำเป็นต้องฆ่าฝ่ายตรงข้ามที่จ้องจะเล่นงานเขาเอง... มันเป็นภาพฝังจำที่ถูกผนึกในหัวสมอง ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ได้แต่นึกว่ามันคือวิถีแห่งการเอาตัวรอด...และการเข้าโบสถ์ไปสวดภาวนาก็ช่วยให้จิตใจของเขามันดีขึ้นบ้างเช่นกัน

    “แล้วทำยังไงถึงจะลืม” เขายิ้มบางเมื่อได้ยินคำถามราวกับเด็กไม่ประสีประสา ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามนั้น หากแต่เขาเลือกที่จะสอดตัวเข้าไปในผ้านวมพร้อมกับดึงร่างขาวจัดเข้ามาสู่อ้อมอก เตียงเดี่ยวแคบๆ ไม่เป็นอุปสรรคในยามนี้แต่อย่างใด ชีวอนลูบฝ่ามือไปตามเส้นผมนิ่มพลางกล่อมให้อีกคนรู้สึกสบาย ถึงแม้จะมีพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ แต่หลักยึดเหนี่ยวจิตใจของคยูฮยอนในเรื่องนี้กลับเป็นหน้าที่ของเขาไปเสียแล้ว ท่านประธานของกลุ่มชเวรั้งกอดให้แนบแน่นในขณะที่เขาวางศีรษะไว้บนหน้าผากของอีกฝ่าย ปล่อยให้เด็กหนุ่มได้รับความอบอุ่นจากเขาหลังจากที่ห่างกันแม้จะเพียงไม่กี่วันก็ตาม...บางทีมันอาจเป็นวันที่ผ่านไปได้อย่างยากเย็นของคยูฮยอน แค่คิดว่าเด็กคนนี้ต้องข่มตาหลับทั้งที่ยังมีภาพติดตาที่ยากจะลบเลือน... เขาเองยังทนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

    “นอนได้แล้ว...ฉันอยู่ตรงนี้...หลับนะครับ คนดี” ตบมือลงบนแผ่นหลังบางเบาๆ คล้ายกล่อมเด็กเล็กๆ สร้อยคอรูปมังกรเล่นไฟสีเงินแวววาวเด่นในสายตาเมื่อเขาก้มมองใบหน้าที่ซุกอยู่ใกล้ๆ จูบซับเปลือกตาบางหวังจะให้อีกคนฝันดี เสียงลมหายใจสม่ำเสมอทำให้ชเว ชีวอนหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมๆ กัน ฝ่ามือบางที่ยกขึ้นกุมเสื้อบริเวณอกซ้ายของเขาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ตรงนี้ อยู่ในกำมือของหนุ่มน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้อาจเป็นคืนแรกหลังผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาที่คนสองคนจะได้นอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มเสียที...ด้วยลมหายใจเดียวกัน หัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน...

    ทว่า...ยามดึกสงัดอย่างที่คนสองคนไม่ทราบว่าใครทอดสายตามองพลางถอนหายใจอย่างนึกหน่าย ผู้เป็นใหญ่ของบ้านตระกูลโจกลับมาจากการทำงานพร้อมด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อรู้ว่าใครมาเยือนในยามนี้ หากเขาเองก็จำต้องเงียบปากที่ตั้งใจจะไล่ตะเพิดใครอีกคนซึ่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนอนกอดพร้อมด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์ที่ประดับอยู่บนใบหน้าหวาน ชายวัยกลางคนทำได้เพียงยืนมองอยู่ห่างๆ หัวใจของคนเป็นพ่อมันอ่อนยวบเสมอเมื่อมองใบหน้าลูกคนเดียวที่กำลังอ่อนแอ ไร้ชีวิตชีวาในวันก่อน แต่วันนี้รอยยิ้มบางๆ คือสิ่งที่เขาได้พบเห็นอีกครั้ง เขาตัดใจเดินออกจากห้องนอนอีกทั้งยังปิดประตูห้องตามเดิม ...โดยถือเสียว่า งานนี้ ชเว ชีวอนก้าวนำคุณพ่อโจไปหนึ่งก้าวก็แล้วกัน

     

     

    ท่ามกลางห้องเรียนอันแสนวุ่นวาย การมาโรงเรียนของคยูฮยอนเป็นเรื่องปกติดี ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระนั้นเด็กหนุ่มก็รู้ดีอยู่แก่ใจ อันที่จริงก็นับว่ากลุ่มชเวปิดข่าวเรื่องการปะทะได้เงียบเชียบอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีข่าวว่าเกิดอะไรขึ้นมากนัก ไม่มีชื่อเขาในข่าวเสียด้วยซ้ำ รายงานการตายของท่านประธานจากกลุ่มคิมเป็นที่สนใจไม่นานเท่าไหร่ก็มีข่าวที่น่าสนใจยิ่งกว่ามาเบี่ยงเบนประเด็นทางสังคม คยูฮยอนซึ่งนั่งเหม่ออยู่โต๊ะเรียนและซอนมีคือคนแรกที่เดินเข้ามาถามเขา

    “วันนี้พ่อนายมาส่งอีกแล้วหรอ?”

    เด็กหนุ่มสังเกตเห็นใบหน้าน่ารักขมวดคิ้มมุ่นไปเล็กน้อย คยูฮยอนทำได้เพียงพยักหน้ารับนิดหน่อย และเขาก็ทราบดีว่าซอนมีคงมีหน้าที่มาถามข่าวคราวเพื่อนำไปบอกโจวมี่อีกที...ส่วนโจวมี่ก็คงนำไปรายงานชเว ชีวอนในขั้นสุดท้ายนั่นแหละ ตั้งแต่วันที่ชเว ชีวอนมาหาเขาที่บ้าน... คุณพ่อก็ออกปากจะมารับมาส่งเขาที่โรงเรียนทุกวัน... บางทีอาจไม่อยากให้เขาได้เจอกับ ชเว ชีวอน บรรยากาศระหว่างคุณพ่อกับชเว ชีวอนยังคงอึมครึม... คยูฮยอนรู้ว่าตัวเองยืนอยู่จุดไหน... เขายังเป็นเด็กที่ไม่บรรลุนิติภาวะถึงยังต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพ่อและแม่เสมอ... กระนั้นหากจะให้เขาตัดขาดจากชเว ชีวอน มันคงเป็นเรื่องยากยิ่ง

    โจ คยูฮยอนเดินมาไกลเกินกว่าจะถอยกลับไปเป็นเด็กหนุ่มมัธยมธรรมดาที่ไม่เคยรู้จักกลุ่มชเวแล้วจริงๆ ...เวลานี้ ตอนนี้ เขาเป็นคนของชเวไปแล้ว และเขาก็มีชีวิตที่ขาดชเว ชีวอนไม่ได้เช่นเดียวกัน...

    “ได้ข่าวว่าวันนี้คุณชีวอนจะเดินทางไปไต้หวันเพื่อไปร่วมงานประชุมของทางสมาพันธ์ที่นั้น...” เสียงของซอนมีทำให้คยูฮยอนชะงักการกระทำไปเล็กน้อย... เด็กหนุ่มเผลอปิดหนังสือเรียนพลางลอบพรูลมหายใจ เขาเกือบจะลืมไปแล้วเชียวว่ากลุ่มชเวจำเป็นต้องไปเข้าร่วมประชุมเพื่อปรับความเข้าใจกับกลุ่มอื่นๆ ตามที่ชีวอนเคยบอกเขาไว้ก่อนหน้านั้น

    “อืม...ฉันพอรู้มาบ้าง”

    “นายเป็นนายน้อยของชเว...นายเองก็ต้องไปไม่ใช่หรอ?” 

                “มันก็จริง...” แต่เขาจะไปหาชเว ชีวอนได้อย่างไรล่ะ...ในเมื่อพ่อของเขาจับตาพฤติกรรมกันแทบจะทุกฝีก้าวแบบนี้... ซอนมีมองใบหน้าขาวจัดที่จู่ๆ กลับมีสีหน้าคล้ายกับคนแบกโลกไว้ทั้งใบเช่นนั้น ไหนจะเรียวมือที่เดี๋ยวกำเดี๋ยวคลายเป็นพักๆ หล่อนเอื้อมมือไปบีบมือของเพื่อนคนดีพร้อมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายหวังจะให้คยูฮยอนสบายใจขึ้นมาหน่อย แม้ตอนนี้เองหล่อนก็ไม่รู้จะคิดหาทางแก้ไขความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะลงรอยนี้อย่างไร เรื่องของพ่อตากับลูกเขยมันเป็นเรื่องแสนจะคลาสสิก ใช่ว่าซอนมีเองจะไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับคยูฮยอน แค่คิดว่าต้องเตรียมรับมือกับความอึดอัดระหว่างโจวมี่กับคุณพ่อของหล่อน ลมก็แทบจับแล้วล่ะ!     

                “นี่คยูฮยอน... ฉันหวังว่านายจะลืมเรื่องบางอย่างไปบ้าง ส่วนเรื่องคุณชีวอนน่ะ ฉันเชื่อว่าเขาทำให้พ่อนายใจอ่อนแน่... เขาเป็นยังไง นายก็น่าจะรู้ดี ส่วนนายเองขืนไม่ทำตามใจตัวเองบ้าง ไม่ลบอะไรที่มันไม่จำเป็นออกไปบ้าง...แล้วชีวิตนายจะมีความสุขหรือไง นายกำหนดชีวิตได้เองนะ...” เด็กสาวว่าพลางขึงมือนิ่มไปพลางๆ สังเกตเห็นรอยยิ้มจากคยูฮยอนตอบกลับมาบ้าง อี ซอนมีก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย... ตั้งแต่ผ่านเรื่องราวในวันนั้นว่าคยูฮยอนที่ดูเข้มแข็งกลับดูอ่อนลงจนเหมือนเด็กเล็กๆ ที่หล่อนเองยังนึกเอ็นดูปนสงสารอยู่ในที เหมือนกำลังดูแลน้องชายทั้งๆ ที่เมื่อหลายวันก่อน...คยูฮยอนยังสามารถเป็นผู้นำหล่อนได้อยู่เลย... คนเราแค่มีเรื่องสาหัสมากระทบจิตใจนิดหน่อยก็เป็นไปได้ถึงเพียงนี้... ขอทีล่ะ... โจ คยูฮยอน คนที่เป็นถึงนายน้อยของชเว คนที่มีความมั่นใจและแข็งแกร่งอยู่ในตัว... ช่วยกลับมายืนตรงหน้าอี ซอนมีอีกครั้งทีเถอะ...

                “...อืม”

                “เข้าใจนะ...งั้นฉันขอตัวก่อน เพื่อนนายมาล่ะ เจ้าพวกน่าเบื่อน่ะ!” ไม่ลืมจะหันไปแลบลิ้นใส่กลุ่มเพื่อนตัวป่วนของคยูฮยอน ก่อนซอนมีจะกลับไปนั่งที่โต๊ะเรียนกับกลุ่มเพื่อนของหล่อนเอง

                คยูฮยอนช้อนตามองเพื่อนสนิทของเขาเอง ซองกยูที่ขยับมานั่งใกล้เขา มันทำท่าไม่กล้าจะเอ่ยปากถาม แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นยงกุกคนเดิมที่มักถามอะไรตรงๆ ในแบบที่เขาเองไม่ทันจะได้ตั้งตัว

                “ชเว ชีวอน...เป็นเจ้าพ่ออิทธิพลในโซล เป็นแฟนนายงั้นดิ?”

                “คือพวกกูก็ไม่ได้อย่างจะเค้นอะไรจากมึงนะ แต่แค่อยากรู้น่ะ...” ซองกยูเสริมพลางยิ้มแหย

                “ถามก็ตอบดิ... พวกกูเป็นห่วงมึงถึงได้ถาม!” ยงกุกขมวดคิ้วมุ่นใส่เขา ไหนจะดูจุนกับดงอูที่พยักหน้ารับคำตามที่ยงกุกถามเขาเมื่อครู่ คยูฮยอนหลับตาชั่วครู่ก่อนจะตอบออกไปเสียงแผ่ว

                “ไม่เชิง...แต่เราเป็นมากกว่านั้น

                “นั่นไง! กูว่าแล้ว...น้องยอนของพวกเรามีผัวเป็นตัวเป็นตนแถมยังเป็นถึงเจ้าพ่อด้วยนะครับ แหม่!” ดงอูว่าพลางกลั้วหัวเราะ เพื่อนในกลุ่มยิ้มขำๆ ถึงกระนั้นยงกุกกลับไม่ได้หัวเราะตามเพื่อนคนอื่น... มันเอาแต่จ้องหน้าเขา ไหนจะท่าทีขึงขังแปลกๆ นั่นอีก...

                “แต่เขาเป็นเจ้าพ่อนะมึง!

                “....”

                “เจ้าพ่อที่คิดจะทำอะไรก็ได้...ข่มขู่ใครก็ได้ ฆ่าใครก็ได้...” คยูฮยอนรู้ว่ายงกุกเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทที่เป็นห่วงเขายิ่งกว่าใครๆ ถึงหมอนี่จะเป็นคนพูดตรง แต่มันมักบอกเขาเสมอว่าเพราะมีเพื่อนซื่อๆ อย่างเขา มันถึงได้ทิ้งเขาไปไหนไม่ได้...ทิ้งความเป็นเพื่อนที่มีมาอย่างยาวนานไม่ลงสักทีทั้งที่ยงกุกเองก็มีกลุ่มเพื่อนอื่นๆ อีกมาก เด็กหนุ่มยินดีรับไมตรีนี้แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากให้กลุ่มเพื่อนที่สนิทที่สุดต้องเข้าใจในตัวคนที่เขารักมากที่สุดผิดไปด้วยเช่นกัน

                โจ คยูฮยอนยังเป็นโจ คยูฮยอนคนเดิมที่มีโลก มีเพื่อน มีสังคมเป็นตัวเอง กระนั้น...เขาก็ขาดโลกของชเว ชีวอนไม่ได้... มันเป็นโลกที่มอบอะไรหลายๆ อย่างที่สิ่งที่เขาไม่เคยมี ความกล้า ความมาดมั่น ความแข็งแกร่ง ความอบอุ่น...ตลอดจนความรักอันหอมหวานที่ไม่เคยจะได้สัมผัสจากใคร

                “ชเว ชีวอนในสายตาฉัน...เขาเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งก็เท่านั้น ขอให้พวกนายเข้าใจแบบนี้ก็พอ ตราบใดที่พวกนายยังไม่รู้จักตัวตนของใคร ก็อย่าไปตัดสินใครเขาจากภายนอกหรือภาพที่นายเห็น กระทั่งคำพูดที่นายได้ยินมาจากใครอีกทีเลย”

                “....”

                “นั่นเพราะเขา...คือคนที่ฉันจะฝากชีวิตไว้ทั้งชีวิต”

               

               

    ภายในตัวรถส่วนตัวของครอบครัวโจที่แสนคุ้นเคยแต่ทำไมวันนี้มันถึงได้สร้างความอึดอัดให้แก่เขานักก็ไม่อาจทราบ คยูฮยอนนั่งนิ่งในขณะที่ก้มมองมือของตนที่บีบฝ่ามือของตัวเองมาเป็นพัก คุณพ่อโจ หรือ โจ ฮวังฮีมารับเข้าที่โรงเรียนตรงตามเวลา...นั่นสร้างความแปลกใจให้เด็กหนุ่มอยู่ไม่น้อย เสียงเพลงฟังสบายๆ จากคลื่นวิทยุไม่ได้ช่วยขับกล่อมให้เขารู้สึกคลายความตึงเครียด มีแต่จมอยู่ในความเงียบแฝงไปด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่างที่เขาอธิบายไม่ได้

    “พ่อแค่อยากจะถามลูกสักหน่อย”

    “...ครับ?”

    “รู้จักกับไอ้หนุ่มนั้นนานแค่ไหนแล้วล่ะ?” โจ ฮวังฮีถอนหายใจในขณะที่กล่าวประโยคคำถามจบ ท่าทีไม่ชอบใจยังแสดงออกให้เห็นเมื่อเอ่ยถึงบุคคลที่สาม เด็กหนุ่มเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าคมคายของผู้เป็นพ่อก่อนจะตอบออกไปเสียงแผ่ว

    “ก็สักพักแล้วครับ” คยูฮยอนสังเกตเห็นเรียวคิ้วที่เลิกขึ้นเล็กน้อยของชายวัยกลางคน

    “อืม...แล้วรู้มาก่อนหรือเปล่าว่าชเว ชีวอนอะไรนั่นเป็นถึงเจ้าพ่อในโซล”

    “ตอนแรกผมก็ไม่ทราบอะไรมากหรอกครับ แต่ในสายตาผม เขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง และถึงแม้เราจะแตกต่างกันมากขนาดไหน...ผมกลับมองว่าความแตกต่างที่ว่ามันช่วยเติมเต็มในสิ่งที่อีกคนไม่มี” บรรยากาศในรถตกอยู่ในห้วงความเงียบไปชั่วอึกใจ แม้เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอึดอัดที่ยากจะพูดให้ใครเข้าใจ กระนั้นเด็กหนุ่มก็ยังคงมีรอยยิ้มบางเบาประดับอยู่ให้เห็น

    “พ่อเองก็รู้ว่าห้ามลูกไม่ได้อยู่แล้ว แต่พ่อยังไม่อยากวางใจในเรื่องนี้มากนัก และพ่อเองก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีกับลูกอีก” คยูฮยอนพยักหน้ารับในสิ่งที่ผู้เป็นพ่อพูด ยิ่งเห็นดวงตาที่มองกลับมาในจังหวะที่รอสัญญาณไฟแดง ความเป็นห่วงที่ส่งผ่านมาก็ทำให้เขาเองรับรู้ถึงความในใจของชายผู้ให้กำเนิดเป็นอย่างดี

    “อันที่จริง พ่อยังไม่ต้องเชื่อใจทั้งผมและเขาในตอนนี้ก็ได้ แต่เราจะช่วยกันพิสูจน์เอง ...พิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมเลือก มันไม่ใช่เรื่องผิด” บทสนทนาสิ้นสุดลง ความเงียบไร้เสียงพูดคุยประกอบเสียงดนตรีจากคลื่นวิทยุเป็นเหมือนเพื่อนร่วมทางจวบจนเมื่อยานพาหนะเคลื่อนตัวมาสู่บ้านของครอบครัวโจ คยูฮยอนสังเกตเห็นเมอร์ซิเดสที่เขาคุ้นชินเป็นอย่างดีจอดเทียบอยู่หน้าบ้าน และนั่นก็ทำให้หนุ่มน้อยทราบการมาถึงของท่านประธานจากกลุ่มชเวและมือขวาชาวจีนในทันที ร่างโปร่งก้าวเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในตัวบ้านและไม่ผิดเลย...เขาพบกับชเว ชีวอนที่นั่งพูดคุยอยู่กับคุณแม่ของเขาในห้องนั่งเล่นโดยมีโจวมี่ยืนอยู่ไม่ห่างจากบริเวณนั่นมากนัก

    “สวัสดีครับคุณโจวมี่”

    “สวัสดีครับนายน้อย”

    คยูฮยอนคิดว่าตนไม่ได้พบหน้ากับบอดี้การ์ดคนสนิทของกลุ่มชเวมานานพอสมควรตั้งแต่เกิดเรื่องในวันนั้น และเมื่อผู้เป็นใหญ่ในบ้านโจเดินตามเข้ามาติดๆ ทั้งโจวมี่และชเว ชีวอนต่างก็โค้งศีรษะทำความเคารพกันไปตามระเบียบ ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดอยู่นิดหน่อยแต่เด็กหนุ่มกลับยิ้มขำออกมาเสียไม่ได้เมื่อการพบหน้าของหนึ่งชายหนุ่มที่เขารักในฐานะคนพิเศษ กับหนึ่งชายกลางคนที่เขารักในฐานะบิดาพบกันทำให้สรรพสิ่งในห้องเงียบกริบในทันที แม้แต่คุณแม่ที่กำลังพูดไม่หยุดก่อนหน้ายังเงียบเสียงทั้งเธอยังแอบพยักพเยิดสายตามายังเขาเป็นนัยๆ

    “ก็ยังดีที่วันนี้เข้ามาในบ้านฉันยังทำความเคารพ วันก่อนริอาจแอบเข้ามา ฉันก็จะถือว่าไม่รู้ไม่เห็น”

    “ต้องขอโทษด้วยครับที่เข้ามาในยามวิกาลแบบนั้น แต่ผมคิดถึงลูกคุณพ่อจริงๆ” คนที่เป็นถึงท่านประธานของกลุ่มชเวก้มหัวขอโทษอีกครั้ง คุณพ่อโจคงหมายถึงวันที่ชายหนุ่มเข้ามาหาลูกแมวของเขาถึงห้องนอนเป็นแน่ ชเว ชีวอนลอบมองเรือนร่างโปร่งบางที่ก้าวเดินไปหาผู้เป็นแม่ของตน ใบหน้าน่ารักอมยิ้มนิดหน่อยและนั่นก็ปฏิเสธไม่ได้เชียวว่าทำให้เขายิ้มตามไปด้วย แต่บางทีการที่เขาแอบยิ้มอยู่แบบนี้อาจทำให้ชายกลางคนนึกฉุนขึ้นมาหน่อย

    “ไอ้หนุ่มนี้...” เสียงห้าวสบถอย่างนึกรำคาญก่อนจะเอ่ยต่อราวกับกำลังข่มอารมณ์หงุดหงิด “มีอะไรก็ว่ามา... ฉันเองก็ไม่ว่างมานั่งรับฟังคำพูดของใครนักหรอก เกิดฉันพูดอะไรไม่ถูกใจใครขึ้นมาอาจได้ถูกปืนเป่ากบาลเอา”

    “ผมจะทำแบบนั้นกับคุณพ่อได้อย่างไรล่ะครับ”

    “ใครเป็นพ่อเอ็งล่ะวะ!” เสียงของคุณพ่อโจดังขึ้นมาหน่อยแถมสรรพนามที่เอ่ยเรียกยังเปลี่ยนไปสักนิด ถึงอย่างนั้นคนโดนขึ้นเสียงใส่อย่างชเว ชีวอนกลับไม่ได้นึกถือโทษใดๆ ถ้าเปรียบคยูฮยอนเป็นเหมือนลูกแมวที่มักขู่ฟ่อเขาอยู่เรื่อย พ่อของคยูฮยอนก็คงเป็นพ่อเสือที่หวงลูกยิ่งกว่าอะไร...แต่อย่าคิดว่าคนอย่างชเว ชีวอนคนนี้จะกลัวเสือล่ะ! เขามีวิธีให้พ่อเสือที่ดุแสนดุคนนี้วางใจเขาได้แน่

    “ยังไม่ใช่พ่อในตอนนี้...ก็ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้” ว่าพลางยิ้มทะเล้น

    “รออะไรล่ะ รอให้คยูฮยอนเรียนจบหรือรอให้ฉันแก่จนหงอกหมดหัวหรือ? ถึงจะพาลูกชายฉันไปทำอะไรต่อมิอะไรได้ตามใจชอบน่ะ!

    “ไอ้ทำอะไรต่อมิอะไร...ผมว่าเรื่องแบบนี้คงรอกันไม่ได้ จริงไหมล่ะครับคุณพ่อ”

    “อุวะ! กวนประสาทกันจริงๆ ไอ้พวกวัยรุ่นสมัยนี้!

    “คุณคะ ใจเย็นๆ หน่อยสิ...เด็กๆ เขาจะคิดว่าคุณเป็นตาแก่ขี้โมโหเอานะ คึคึ” เป็นคุณนายโจที่คอยห้ามทัพกันกลายๆ กระนั้นเธอเองยังหยุดขำไม่ได้ สามีของเธอดื้อรั้นหัวโบราณ แต่พอเจอชายหนุ่มสวนกลับได้กวนอารมณ์ใช้ได้ก็ถึงกับเถียงไม่ออก ไปไม่เป็น เห็นท่าทีหัวฟัดหัวเหวี่ยงแบบนั้นเธอเองก็พอจะเดาได้ว่าสามีของเธอไม่ได้โมโหอะไรมากหรอก แต่กลัวเสียฟอร์มก็เท่านั้นเอง...

    “วันนี้ผมจะมาขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่พาคยูฮยอนไปไต้หวันสักสองสามวันน่ะครับ ไม่ทราบว่าจะอนุญาตหรือเปล่า”

    “ไม่/ได้ค่ะ” สองเสียงของสามีภรรยาประสานขึ้นพร้อมกัน ทว่าใจความสำคัญกลับขัดแย้งกันเอง

    “ตกลงว่าอนุญาตหรือไม่ล่ะครับ?” ชเว ชีวอนถามย้ำพลางกดยิ้มกว้างเสียจนใบหน้าหล่อเหลามีลักยิ้มผุดขึ้นที่มุมแก้ม น่าเอ็นดูนักล่ะในสายคุณนายโจ...และน่าหมั่นไส้ไม่หยอกในสายตาคุณพ่อโจ ส่วนคยูฮยอนเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าระดับชเว ชีวอนที่ภายนอกดูเงียบสุขุมแบบนั้น...ภายในซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้มากเพียงใด

    ถึงแม้พ่อของเขาจะปฏิเสธในวันนี้...แต่คิดหรือว่าชเว ชีวอนจะยอมรามือง่ายๆ

    “คำตอบก็คือไม่!” ว่าแล้วโจ ฮวังฮีก็สาวเท้าเดินออกจากห้องนั่งเล่นไม่ต่างจากการทิ้งระเบิดตูมใหญ่ คยูฮยอนเลื่อนสายตามองชเว ชีวอนที มองผู้เป็นแม่ที เมื่อทำอะไรไม่ได้...เด็กหนุ่มเองก็จนใจในความหัวรั้นของผู้เป็นพ่อถึงได้เดินหายออกไปจากห้องนั่งเล่นอีกคน ไม่วายจะหันกลับมามองตาใครอีกคนที่เผยยิ้มบางตามหลัง

    “แต่แม่อนุญาตนะ เอาเป็นว่า...” คุณนายโจกระซิบประโยคอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคนและนั่นก็อดไม่ได้ที่ทำให้ชายหนุ่มยิ้มปลื้ม ใครจะรู้ว่าโจ คยูฮยอนคาดเดาได้ยากและทำอะไรในสิ่งที่เขาไม่คาดฝัน ไม่ต่างจากหญิงวัยกลางคนคนนี้เลย...

    ...สำหรับชเว ชีวอนแล้ว ไม่มีใครสามารถห้ามเขาไม่ให้รักโจ คยูฮยอนได้หรอก...

    และใครก็ห้ามไม่ให้โจ คยูฮยอนหนีออกจากบ้านมาไต้หวันกับเขาได้เหมือนกัน...แต่อันที่จริงคงต้องยกความดีความชอบให้คุณนายโจที่ช่วยเปิดทางให้อีกที... ในตอนนี้เด็กหนุ่มถึงได้นั่งอยู่ข้างกายชเว ชีวอนบนเครื่องบินซึ่งกำลังจะมุ่งหน้าไปยังไต้หวัน ใบหน้าน่ารักหลับพริ้มพิงศีรษะที่หัวไหล่หนา เรียวปากสีอ่อนเชื้อเชิญให้แตะสัมผัส ท่านประธานของกลุ่มชเวยกยิ้มเอ็นดู... ในวันนี้เขาอาจต้องต่อสู้กับแรงอ้อนจากเด็กแมวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในวันหน้า...เขาเองอาจต้องต่อสู้กับพ่อเสือที่แท้จริงอย่างคุณพ่อโจ ฮวังฮีเป็นแน่!

    นั่นน่ะ...ศึกหนักเลยล่ะ!!!

     

    การประชุมสมาพันธ์ส่วนกลางของกลุ่มต่างๆ ในเขตบริเวณประเทศจีน ไต้หวันและฮ่องกง จัดขึ้นภายใต้การดูแลของโรงแรมของกลุ่มฮันในไต้หวันประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี ทั้งคุณปู่ชเว และคุณย่าอึนบีต่างก็เข้ามาร่วมงานนี้อย่างพร้อมหน้า กลุ่มชเวไขข้อสงสัยที่หลายๆ กลุ่ม คลางแคลงและปรับความเข้าใจทุกอย่างที่เกิดจากข่าวลือต่างๆ ให้กระจ่างชัด กลุ่มชเวได้รับความไว้วางใจและสามารถดำเนินการก่อสร้างคาสิโนที่ต้องหยุดชะงักไปได้อีกครั้ง การประชุมรวมไปถึงงานเลี้ยงเสร็จสิ้นลงด้วยความยินดีของแต่ละฝ่าย ชเว ชีวอนอาจเรียกได้ว่าเป็นท่านประธานของกลุ่มที่มีอายุน้อยที่สุดซ้ำยังประสบความสำเร็จและได้การยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ ใครๆ ต่างก็เรียกขานชายหนุ่มว่าเป็นมังกรทางธุรกิจอย่างแท้จริง

    “ปู่กับย่าขอตัวกลับก่อนล่ะกัน พรุ่งนี้อย่าลืมมาทานข้าวด้วยกันที่บ้านใหญ่ล่ะ” คุณปู่ชเวเอ่ยขึ้นพลางทอดสายตามองหลานชายซึ่งมีหนุ่มน้อยอีกคนยืนอยู่ข้างกัน เรียวมือกุมกันแน่นเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้าไปมากหลังจากครั้งแรกที่อดีตท่านประธานของกลุ่มชเวได้พบกับโจ คยูฮยอน... เด็กหนุ่มในวันนั้นที่แสดงท่าทีตื่นกลัวคล้ายลูกแมวหลงทาง แต่ในวันนี้ไม่เป็นเช่นนั้น... ดวงตาคู่โตฉายแววมั่นใจอยู่ในที ใบหน้าขาวนวลเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ใครต่างก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าน่ามองยิ่งกว่าอะไร

    “ครับคุณปู่ เดินทางปลอดภัยครับแล้วเจอกันพรุ่งนี้”

    หลังจากเอ่ยลาที่หน้าโรงแรมตระกูลฮัน คุณปู่และคุณย่าต้องก็ขึ้นรถยนต์ส่วนตัวกลับไปยังบ้านหลังใหญ่แทบชานเมือง ชายหนุ่มจึงพาตนและคนในปกครองขึ้นไปยังห้องพักโดยมีโจวมี่ตามอารักขาจวบจนเมื่อถึงส่วนพักผ่อน บอดี้การ์ดชาวจีนก็จำต้องขอตัว พ้นสายตาใครอื่นชายหนุ่มจึงโอบร่างนิ่มสู่อ้อมกอด พลางกดจมูกลงบนผิวแก้มเปล่งปลั่ง ทว่าเด็กหนุ่มกลับมุ่นหน้าเมื่อถูกหอมแก้มเข้าให้

    “คุณน่ะ โกนหนวดก็ดีนะครับ...” เสียงนั่นว่าอย่างกระเง้ากระงอด เรียวมือยกขึ้นลูบแก้มที่ถูกฉกชิงไปหยกๆ

    “ช่วงนี้มัวแต่ยุ่งๆ จนลืมไปเลย” เขาว่ายิ้มๆ พลางยกมือขึ้นลูบปลายคางไหนจะสันกรามที่มีตอหนวดขึ้นมามากพอสมควร นั่นอาจสร้างความรำคาญแก่คยูฮยอนเป็นแน่ในยามที่เจ้าตัวถูกเขาหอมแก้มหรือขยับหน้าเข้าไปใกล้ แต่ก็อย่างที่เขาได้บอกคนในปกครองไป เพราะช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเขามัวแต่ยุ่งจนลืมแม้กระทั่งดูแลตนเอง ความสนใจพุ่งตรงไปที่โจ คยูฮยอนไหนจะเรื่องการประชุม แม้ไรหนวดที่ว่าจะทำเอาเขาหมดภาพลักษณ์ท่านประธานชเวสะอาดสุขุมไปหน่อยก็ตาม

    “ขืนปล่อยไว้คุณก็คงลืมอีก...เอาเป็นว่าผมโกนให้ก็ได้”

    “หื้ม ก็เอางั้นสิ...”

    ชีวอนเลิกคิ้วขึ้นพลางมองใบหน้ากลมขาวที่อมยิ้มมุมปาก ดวงตาคู่โตกลอกไปมาคล้ายกำลังชั่งใจแต่สุดท้ายเจ้าตัวก็เลือกที่จะเดินหายไปในห้องน้ำไม่ลืมจะร้องบอกให้เขาเตรียมอุปกรณ์โกนหนวดเข้าไปในห้องน้ำอีกที เขาจัดการถอดสูทตัวนอกออกพร้อมทั้งพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นมาจนถึงข้อศอก เปิดกระเป๋าเดินทางควานหาใบมีดโกนรวมไปถึงอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ ครั้นสืบเท้าไปยังห้องน้ำก็พบกับร่างโปร่งร่างนั่งอยู่ที่ขอบอ่างล้างหน้ารออยู่แล้ว สูทสีงาช้างของคยูฮยอนวางที่อยู่หน้าตักเจ้าตัว ชายหนุ่มเท้าแขนลงบนขอบอ่างพลางโน้มใบหน้าลงไปหาอีกฝ่าย แน่นอนว่านั่นทำให้หนุ่มน้อยเบ้ปากนิดหน่อย

    “ไม่เห็นต้องใกล้ขนาดนั้นเลย” ถึงจะบ่นอุบอิบแต่กลับยกเรียวมือขึ้นจับใบหน้าของเขาพลิกซ้ายทีขวาที พินิจไรหนวดของเขาอยู่นานก่อนเจ้าตัวจะจัดการหยิบเอาผ้าขนหนูซึ่งชุบน้ำอุ่นรอไว้อยู่มาซับใบหน้าหล่อเหลาแผ่วเบา ไม่นานโฟมสำหรับโกนหนวดก็ถูกทาลงบริเวณคางไล่ลามไปถึงสันกราม ใบมีดโกนแตะสัมผัสลงบนผิวหน้าไปตามแนวเส้นขน เคราและไรหนวดบนใบหน้าของเขากำลังจะถูกกำจัดออกในไม่ช้า  ชายหนุ่มใช้ดวงตาอันทรงเสน่ห์ทอดมองเจ้าของมือขาวที่ค่อยๆ โกนหนวดให้เขาอย่างเบามือ ไม่มีใครพูดอะไรอาจเพราะใช้สายตาเป็นตัวสื่อสาร แก้มนวลร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อถูกจ้องหนักชนิดตั้งใจจะละลายกันไปข้าง ไอ้ครั้นจะรีบโกนหนวดให้เสร็จๆ ก็หวั่นอีกคนจะถูกคมมีดบาดเสี้ยวหน้าสมบูรณ์แบบเข้า

    “หน้าแดงหมดแล้ว...” เสียงทุ้มว่าเรียบๆ กระนั้นก็แฝงนัยยะอ้อล้อ...เด็กหนุ่มได้แต่เถียงกลับไปในใจว่าเพราะถูกจ้องเอาเป็นเอาตายไม่ใช่หรือไง... จะให้ทำเป็นไม่รู้อะไรได้อย่างไรล่ะ?

    “ก็คุณจ้องผมหนิ อ่ะ...เสร็จแล้วครับ” ผ้าขนหนูซับเอาโฟมพร้อมกับเศษไรหนวดออกเผยใบหน้าเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่มอีกครั้ง แม้ขั้นตอนการโกนหนวดเมื่อครู่จะยังไม่ครบครันมากนัก แต่เด็กหนุ่มเองก็ไม่อยากจะถูกนั่งจ้องอยู่ตรงนี้นานๆ นักหรอก...เพียงเท่านี้ภายในท้องของเขาก็มวลเวียนไปด้วยผีเสื้อนับล้านตัวแล้วล่ะ คยูฮยอนตั้งใจจะปีนลงจากอ่างล้างหน้าซึ่งเขานั่งอยู่ก่อนหน้าก็กลับถูกใครอีกคนตั้งใจกักเขาไม่ให้ขยับตัวไปไหน ดวงตาแวววาวค้อนมองผลสุดท้ายกลับเป็นรสจูบละมุนที่แต้มจูบเสียจนหนุ่มน้อยตัวเบา แขนแข็งแรงเลื่อนมาโอบรอบเอวก่อนจะประคองจูบได้อย่างถนัดถนี่ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปและหลับตารับสัมผัสลึกซึ้ง

    แหงล่ะ...โจ คยูฮยอนไม่เคยไม่ชอบจูบของชเว ชีวอนหรอก... จูบที่ทั้งอ่อนโยนเคล้าคลึงไปด้วยความรุ่มร้อนแบบนั้น...

    “รัก...” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ หากได้ยินไม่ผิด...เขากำลังถูกบอกรักอย่างนั้นใช่ไหม?

    “....”

    “รู้เอาไว้...ว่าฉันรักเธอ ...รักมากที่สุด”

    แถมยัง...

    ไม่สามารถปฏิเสธการแสดงความรักอันแสนตรงไปตรงมาของผู้ชายคนนี้ได้เลย

    เสียงบอกรัก...เสียงครึมครางดังระงมในห้องน้ำกว้าง... เงากระจกสะท้อนภาพสองเรือนร่างซึ่งไม่ได้ผละออกจากกันเลยแม้น้อย ช่องว่างระหว่างกันถูกเติมเต็มในที่สุด ค่ำคืนอันแสนยาวนานเต็มไปด้วยความคะนึงหาที่ห่างหายกันไปหลายวัน เป็นคืนแรกที่แลกเปลี่ยนความสุขซึ่งกันและกันหลังปัญหาทุกอย่างคลี่คลายไปได้ด้วยดี เด็กหนุ่มในวัยคาบเกี่ยวสู่ความเป็นผู้ใหญ่โอบรัดแผ่นหลังกว้างซึ่งโถมกายเข้าหา ความเสน่หาในอารมณ์ช่วยขับเคลื่อนคลื่นความรักไปได้อย่างยอดเยี่ยม สร้อยคอสีเงินสะท้อนแสงแวววาวบนคอระหงเข้ากันได้ดีกับรอยสักมังกรเล่นไฟ ปลดเปลื้องความเป็นตัวตนไปด้วยกัน เฝ้ามองรอยยิ้มของอีกคนอย่างไม่นึกเบื่อหน่าย สองมือที่เกี่ยวประสานคือคำสัญญาที่จะไม่ทอดทิ้งกันไปไหน...เหมือนหัวใจที่เต้นสะท้อนเป็นจังหวะเดียว...

    ยามนี้ดอกกุหลาบเบ่งบานงามเพริศ...ยามนี้ดอกกุหลาบอยู่ในมือของมังกรหนุ่มผู้ซึ่งจะถนอมไว้ด้วยชีวิต และยามนี้...ดอกกุหลาบจะเคียงข้างเขาอย่างแข็งแกร่งตราบลมหายใจของใครจะหมดลง...

    ด้วยชีวิต...และศรัทธา

     

     

    บทส่งท้าย

     

     

    นี่น่ะหรือ...ทะเลสาบสุริยันจันทราที่ชเว ชีวอนเคยบอกว่าอยากจะพาเขามาเหลือเกิน... เรือยอร์ชล่องไปตามทะเลสาบในยามเช้า บรรยากาศเย็นสบายรวมไปถึงหมอกบางๆ ช่วยทำให้สถานที่แห่งนี้ราวกับเป็นเมืองในฝัน... คยูฮยอนซึมซับบรรยากาศที่ว่ากันว่าเป็นสวิสเซอร์แลนด์แห่งไต้หวัน ทอดสายตามองวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา สวยงามอย่างที่ชเว ชีวอนเปรยไว้ไม่มีผิด

    “ชอบไหม?” ว่าพลางโอบเอวเขาจากเบื้องหลัง คางแหลมๆ ซุกที่ซอกคอไหนจะจมูกโด่งที่จุมพิตลงที่ข้างขมับ คยูฮยอนหลับตารับไออุ่นจากผู้ชายที่เขาตั้งใจจะฝากชีวิตไว้ทั้งชีวิต เรียวมือยกขึ้นกุมมือหนา ความหนาวเมื่อยามที่ลมเย็นๆ ต้องผิวกายหายไปอย่างน่าประหลาดเมื่ออ้อมกอดอุ่นๆ เข้ามาแทนที่

    “ชอบมากเลยครับ...ไม่คิดว่าที่นี่จะสวยขนาดนี้”

    “มันเป็นที่พักผ่อนที่สวยมากจริงๆ...ไม่ว่าจะมาไต้หวันครั้งไหน ฉันก็ไม่พลาดที่จะมาที่นี่”

    “...คุณไม่เบื่อบ้างหรอ?”

    “ไม่หรอก ครั้งนี้มันพิเศษไปกว่าทุกครั้ง เพราะมีเธอ...” เวลานี้หนุ่มน้อยไม่กล้าหันกลับไปมองคนที่กอดเขาหลังเบื้องหลังจริงๆ นั่นเพราะเขารู้ดีว่าดวงตาคมเหยี่ยวมันทรงพลังมากขนาดไหน...ชเว ชีวอนน่ะสามารถแผดเผาให้เขาละลายดั่งขี้ผึ้งลนไฟทุกหนที่ได้สบตา

    “ต่อหน้าคุณพ่อจะกล้าพูดแบบนี้หรือเปล่าน๊า...ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะนั่นสร้างความประหม่าให้แก่ท่านประธานของกลุ่มชเวไปเสียหน่อย...ไม่ใช่ว่าเขาจะกลัวคุณพ่อโจหรอกนะ แต่เพราะเขาสมควรจะเกรงใจท่านต่างหาก... ลองนึกๆ ดูว่าเขากวนประสาทท่านไปก็เยอะ กลับโซลรอบนี้เห็นจะโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษแน่

    “โธ่...กล้าสิ”

    “อ่าฮะ...งั้นก็ช่วยแก้ตัวแทนผมที่แอบหนีมาไต้หวันกับคุณ แล้วก็ช่วยไปประชุมผู้ปกครองกับคุณพ่อด้วยนะครับ...”

    “ได้ไงกันล่ะเด็กคนนี้!” นี่เข้าข่ายโบ้ยงานหลวงให้เขาหรือเปล่าล่ะ? ชายหนุ่มอดไม่ได้จะหยิกแก้มยุ้ยๆ ไปหนึ่งทีผลที่ได้คือลูกแมวตัวขาวเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนไหนจะหันมาขู่ฟ่อใส่เขายกใหญ่

    แต่เอ๊ะ...ถ้าคยูฮยอนเป็นนายน้อยของชเวเต็มตัวจริงๆ บางทีเจ้าตัวอาจไม่ใช่ลูกแมวแสนเชื่องอีกต่อไป แต่จะเป็นแม่เสือที่คิดจะตะปบเขาเมื่อไม่พอใจกันเห็นจะถูก!

    “คุณเป็นถึงท่านประธานชเวเชียวนะ!” นั่นไงล่ะ...ไม่ทันไรก็ขึ้นเสียงใส่เขาเสียแล้ว... ชเว ชีวอนได้แต่ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อพลางพรูลมหายใจหนักๆ

    “เฮ้อ”

    “นี่!!! ทำไมต้องถอนหายใจใส่ผมด้วยเล่า!

    “ยอมแล้วๆ”

               

                ท่าทางท่านประธานชเวผู้ยิ่งใหญ่อาจหมดอำนาจในเร็ววันเพราะนายน้อยของกลุ่มชเวที่ชื่อ โจ คยูฮยอนเสียแล้วล่ะ!

                 

               

     

    - The End -

     

    Talk*

    ในที่สุด...ก็ปิดเรื่องนี้สักที ใจหายเบาๆกับเรื่องโรสนะเนี่ย เพราะเรื่องนี้มันเกิดจากความเสน่หาในตัวพี่วอนล้วนๆ และโดยส่วนตัวเราก็ชอบพี่วอนในลุกส์ที่มากๆ ชอบยอนในชุดนักเรียนด้วย ฮอลๆๆๆๆ สุดท้ายนี้สำหรับฟิคเรื่องนี้ก็หวังว่าผู้ที่อ่านมาถึงตอนจบจะมีความสุขกับฟิคตอนสั้นๆ จากเรานะคะ อันที่จริงเราไม่ได้หวังจะแต่งเรื่องนี้เป็นเรื่องยาวเลย พล็อตก็วางแบบสั้นๆ ไว้ จนแล้วจนรอดถึงได้รักฟิคเรื่องนี้โดยไม่รู้ตัว... มาถึงตอนสุดท้ายแล้ว สำหรับคนที่ตามอ่าน แม้จะเม้นท์ไม่เม้นท์ เราก็ขอขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้...

    ปล.เอาเป็นว่าถ้าเราจะขอคอมเม้นท์สำหรับเรื่องนี้ในตอนสุดท้ายก็จะกรุณามากเลย TwwwT เราไม่ซีเรียสเรื่องเม้นท์หรอก แต่อยากรู้ว่าชอบไม่ชอบและเอาไปปรับแก้ก็เท่านั้น ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

    ปล2.สามารถพูดถึงโรสในแท็ก #RoseAddict ได้นะคะ ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×