ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF.PROJECT] Evil's Story. : WONKYU

    ลำดับตอนที่ #3 : [SF] Evil and the Beast. [3/3] {END} 100%

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.34K
      11
      19 ต.ค. 54

    Evil and the Beast.
     

    ตอนที่ 3 (END)

                 

    นี่...พอได้แล้ว...

                    คิดว่าผมพูดประโยคนี้กับใครอยู่? คนที่กำลังเอาแต่ใจตักตวงความสุขจากตัวผมไม่หยุดหย่อน ผ่านมาก็หลายชั่วโมง หมอนี่ยังไม่ยอมออกจากตัวผม... หรือเพราะยามันจะยังไม่หมดฤทธิ์

                    เหอะ...รีบๆ หมดเถอะ แค่นี้ผมก็ขยับตัวไม่ได้อยู่แล้ว...นอนอยู่ใต้ร่างซีวอนไม่พอ เรี่ยวแรงในมวลกายสาบสูญ โดนอสูรหน้าหล่อสูบไปจนหมด

                    หื้ม? ตีหน้าซื่อกันเห็นๆ คิ้วหนาเลิกมองผมเล็กน้อย...ส่วนล่างที่ยังคงเชื่อมติดกันอยู่ชักจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ ซีวอนยิ้มกรุ้มกริ่มพลางแสร้งแทรกตัวเข้ามาหาผม...ไม่แรงมาก นุ่มนวลแต่ก็เล่นเอาผมเกือบเตลิด

                    ฉันบอกให้พอ...เหนื่อย...ปวดไปทั้งตัวแล้ว แหวใส่เขาไปตามพิธี ก่อนจะคนขี้แกล้งจะยอมถอนตัวออกจากผมจริงๆ นึกโล่งใจที่ไม่ต้องมานอนร้องครางให้อายอีก แค่เมื่อคืนก็ครางจนไม่เหลือยางบนหน้าแล้วเถอะ! ร่างกำยำลุกออกจากเตียงของผมไปโดยที่พี่ท่านใช้อากาศห่มตัวเอง ไม่ได้ตั้งใจมอง...แต่ก็นั่นแหละ...ผมมุดหน้าลงกับผ้าห่ม หูได้ยินเสียงเปิดฝักบัวในห้องน้ำ...

                    ในเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้แล้ว...มันรวดเร็วเกินกว่าผมจะมั่นใจว่าความรู้สึกที่มีให้อีกคนมันคือความรักหรือเปล่า...ผมรู้จักซีวอนไม่ถึงสองอาทิตย์ หมอนั่นในทีแรกแสดงท่าทางรังเกียจแต่กลับตอนนี้แล้ว...

                    เรามีอะไรกัน

                    แม้มันจะมีข้อตุกติกนิดหน่อย ที่คุณป้าคิมเป็นคนลงมือวางยาใส่ซีวอนก็เถอะ แต่ตอนที่มีอะไรกัน...เรารู้สึกตัวกันทั้งคู่...รู้และสำนึกว่าตัวเองทำอะไรอยู่

                    เฮ้ย!!!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกอุ้มให้ลอยขึ้นจากเตียงพร้อมกองผ้านวมที่ห่อหุ้มร่างกายเปลือยเปล่า...ใบหน้าหล่อยิ้มร้าย ผมมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า...สภาพเหมือนตอนที่มาเคาะประตูห้องผมเมื่อคืน กางเกงวอร์มสีเข้มกลับคืนสู่ร่างใหญ่อีกครั้ง ผมตวัดตามองเขาเคืองๆ พลางดิ้นขลุกขลักเมื่อจุดหมายที่ซีวอนนำทาง คือห้องนอนของหมอนั่นเอง!

                    ซีวอน...ปล่อย!!!” ซีวอนไม่สนใจ...ซ้ำยังผิวปากสบายใจ...ใช้เท้าเขี่ยเปิดประตูห้องนอนพลางวางผมลงบนเตียง ผมรีบขยับตัวหนีทั้งๆ ที่มันก็แสนจะยากลำบาก...ร่างกายมันยังไม่ปรับสภาพ รู้สึกเหมือนเขายังอยู่ในตัวด้วยซ้ำ ผมเงื้อมหมัดขึ้นตั้งกาด เรียกเสียงหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่

                    ใจเย็นดิ...พานายมานอนพักที่ห้องฉันเฉยๆ เตียงนายน่ะเละหมดแล้ว ว่าจะให้แม่บ้านมาทำความสะอาดเปลี่ยนผ้าปูซะหน่อย... ผมรับคำในลำคอ พลางทิ้งตัวลงนอน...ในใจนึกหวั่นๆ แต่พอเห็นรอยยิ้มอ้อล้อรวมไปถึงโครงหน้าคมคายที่โน้มลงมาแตะสัมผัสที่เรียวปากเพียงชั่วครู่ ผมก็ไม่นึกจะคาดโทษใครต่อ 

                    เดี๋ยวจะโดนพ่อคุณคนดีงอนเข้าให้อีก!

                    ผมกระพริบตามองแผ่นหลังกว้างที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง...ก่อนเปลือกตาจะค่อยๆ ปิดลงเหนื่อยแถมยังปวดไปทั้งตัว...เวลานี้ ผมต้องการ...การพักผ่อน...

     

     

                    ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องนอนมืดสนิท...ครั้นมองออกไปนอกบานประตูกระจกกั้นระเบียงก็พบว่าเวลานี้พระอาทิตย์ตกดินไปซะแล้ว นี่ผมนอนหมดแรงนานขนาดนี้เลยหรอ?...ผมขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง แขนเสื้อตัวใหญ่ทำให้ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย เสื้อของซีวอน...หมอนี่คงจัดการแต่งตัวให้ผมตอนหลับสินะ ผมจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย นึกขึ้นได้ว่าควรจะต้องออกไปทำอาหารเย็นให้คนตัวโตๆ ได้แล้ว

                    ก้าวแรกที่ผมเปิดประตูออกจากห้องนอน...ห้องนั่งเล่นที่มักเปิดไฟสว่างมืดมิดเสียจนมองอะไรไม่ออก บรรยากาศรอบกายแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ผมเพ่งสายตาตรงไปยังโซฟากลางห้องก็พบกับร่างสูงใหญ่ของใครอีกคนที่นั่งนิ่งไม่ไหวติ่ง แขนข้างหนึ่งท้าวไว้กับพนักพิง ดวงตาคู่คมที่ไม่ฉายแววใดๆ เชื่อผมไหม? ว่าถึงแม้ห้องจะมืดยังไงก็ยังมองเห็นดวงตาของเขาอยู่...ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แต่ละก้าวมันดูเชื่องช้า ยิ่งเดินเข้าไปให้มากเท่าไหร่ การหายใจของผมมันก็ยิ่งติดขัด

                    ทำไมผมถึงรู้สึกเช่นนี้ล่ะ? หรือเพราะผมกลัวว่าซีวอนจะรู้ความจริง

                    สนุกมากไหม?

                    นายหมายถึงอะไร? แค่เขาเอ่ยประโยคนี้ ผมก็เริ่มจับทางไม่ถูก...คำพูดของซีวอนที่ถามผม มันมีคำตอบอยู่ในตัว ว่าเขา...รู้ความจริงเข้าให้แล้ว...

                    ร่าน

                ............ ผมเงียบไม่สามารถโต้ตอบซีวอนได้...คำจำกัดความที่เขาให้กับผมคือคำว่า ร่านร่านที่หมายถึงใคร่อยากไปทั่วอย่างนั้นใช่ไหม? ผมพร้อมที่จะนอนกับทุกคนที่ผ่านเข้ามางั้นหรอ? ปากของผมมันหนักอึ้ง ไร้ซึ่งคำแก้ตัว จะว่าผมร่าน...มันก็คงไม่ผิด เพราะคนที่ผมเลือกจะร่านด้วย ก็มีแค่เขาคนเดียว...อย่างนี้เรียกว่าร่านได้หรือเปล่า?

                    ผมขยับตัวเข้าไปใกล้เขา ตั้งใจจะวางฝ่ามือลงบนไหล่หากทุกอย่างไม่เป็นดังที่คิด ซีวอนตวัดตามองผมราวกับสิ่งที่เขามองอยู่ไม่ใช่ มนุษย์เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางส่งมือแกร่งมาผลักตัวผมจนเซถลาล้มลงไปทั้งยืน

                    นายหลอกฉัน โจ คยูฮยอน...!!!”

    เสียงคำรามลั่นรวมไปถึงใบหน้าถมึงทึง ดวงตาคู่คมวาวโรจน์คล้ายสัตว์ป่าที่กำลังบ้าคลั่ง ร่างใหญ่ปรี่เข้ามาผมก่อนฝ่ามือร้อนๆ จะทาบทับลงบนลำคอ บีบแน่นเสียจนผมยากจะหายใจ...

                    ฉะ ฉัน...ซีวอน...ปล่อย ฉันหายไม่ออก ผมพยายามร้องขอความเห็นใจ หากก็ศูนย์เปล่า มือแกร่งออกแรงบีบลำคอของผมอย่างไม่ปรานี ซ้ำยังจิกเล็กลงบนเนื้อคอ...ทุกอย่างที่ซีวอนกำลังแสดงออกคือความโกรธและความแค้นที่ผมเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง

                    ใช่...ผมหลอกเขา แต่จะให้ทำยังไง? ชีวิตของคนเรามันมีทางเลือกมากนักหรือไง...

                    นายมันก็แค่อีตัว...ที่อยากได้เงินจนตัวสั่น... คำพูดเจ็บแสบที่ออกจากปากเขา เหมือนหนามเล็กๆ ที่ทิ่มแทงหัวใจของผม...แม้มันจะเป็นเพียงหนามจากดอกกุหลาบหากมันสามารถกีดแทงหัวใจของเขาให้เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าถูกใครอื่นดูถูก...ผมยกมือขึ้นทาบลงบนมือของเขา ลมหายใจที่กำลังจะขาดช่วงทำเอาผมตาพร่าเลือนไปหมด

                    ซะ ซีวอน... ผมไม่มีคำกล่าวใดอื่น นอกจากเรียกชื่อเขา...หากมันก็ดังแต่ลำคอ...เขาบีบคอผม บีบแน่นเหมือนจะกำกระดูกต้นคอให้แหลกคามือ ช่วงเวลาแห่งความทรมาน...เขาเอาแต่ด่าทอผม...ทุกถ้อยคำช่างร้ายกาจ  ใบหน้านิ่งเฉยของชเว ซีวอน คือสิ่งที่ผมอยากจะมองให้ชัดมากที่สุด เพราะอะไรล่ะ...

                    เพราะผมมันงี่เง่าเองที่อยากจะให้ซีวอนดูแลหัวใจที่เคยบอบช้ำ

                    ดูแลคน เห็นแก่ตัวอย่างผม

                    อยากได้เงินก็บอกดีๆ สิ...หึ...แค่ฉันมีเซ็กซ์กับนายมันก็จบเรื่องใช่ไหม...นายมันไม่มีค่าอะไรเลย เสียงสุดท้าย ก่อนจะหมดลมหายใจ...เพราะผมคือจอมหลอกลวง ถึงได้ไม่เคยเจอความรักที่แท้จริง...

     

                    โจ คยูฮยอน นายมันไม่มีค่า!!!!!”

                   

     

                    ตุ้บ!!!

     

                    เจ็บ...

                    ผมกุมสะโพกของตัวเองด้วยความเจ็บปวด...ดวงตากระพริบถี่กวาดมองไปรอบๆ ห้อง...ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพดี...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

                    มีแต่ผมที่นอนกลิ้งตกเตียงของซีวอนลงมานั่งหน้าหงิก

                    ผมซึ่งในตอนนี้มีเสื้อผ้าอยู่บนร่างกายได้แต่พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้นด้วยความยากลำบาก ตะกายตัวเองให้ขึ้นไปนอนบนเตียงนุ่มๆ อีกครั้ง...ซีวอนใส่เสื้อผ้าให้ผม ส่วนเจ้าตัวไม่รู้ว่าหายตัวไปไหน...

                    ความฝันเมื่อครู่...ชักจะน่ากลัวเกินไปแล้วนะ!

                    ผมสะบัดหัวไล่ภาพความฝันนั้นออก พลางตั้งท่าจะลุกออกไปหาอะไรทานสักหน่อยด้วยเพราะกระเพาะอาหารเริ่มทำงาน เอื้อมมือหวังจะเปิดประตู หากเสียงพูดคุยที่ดังลอดบานประตูมาทำให้ผมหยุดชะงัก

                    ความจริง...แม่ไม่เห็นต้องเข้ามาหาผมถึงคอนฯโดเลยหนิครับ...ตอนบ่ายผมก็กะจะเข้าบริษัทพอดี

    คุณนายชเวมาที่นี่...งั้นหรอ?

                    คุณคิมเขาชวนแม่มาหนิ อีกอย่างแม่ก็แค่อยากจะมาดูความเป็นอยู่ของลูกสักหน่อย มีคยูฮยอนมาดูแล...มาอยู่เป็นเพื่อน...คงไม่เกเรเหมือนแต่ก่อนใช่ไหมจ้ะ? เสียงหวานนุ่มของคุณนายชเวกล่าวกลั้วหัวเราะ ผมขมวดคิ้วตึงเมื่อได้ยินชื่อคุณป้าคิมอยู่ในบทสนทนา...นี่ก็แปลว่า ตอนนี้คุณป้าของผม...อยู่ที่นี่น่ะสิ!

                    แผนสูงใช่เล่นนะครับ คุณป้าผมน่ะ กะจะมาเช็คผลงานล่ะสิ

                    ผมหยั่งรู้ในทันที...ว่าคุณป้าคิมสุดที่รักต้องมีแผนการร่างไว้ในสมองอีกแน่!

                    แล้วคยูฮยอนล่ะคะ คุณซีวอน... เสียงของป้าคิมแทรกขึ้นกลางคัน... ฉับพลันผมรีบตรงดิ่งกลับไปนอนผมเตียงดังเดิม สักพักผมก็รู้สึกว่ามีใครเปิดประตูห้องเข้ามา...ผมแสร้งนอนหันหน้าไปอีกทาง ไม่นานผมก็รับรู้ว่าใครนั่งลงบนเตียง พร้อมกับเอื้อมมือมาลูบศีรษะ...

                    หลานรักของป้า...นอนซมเชียวนะ...

                    ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ... ผมตอบรับคำพูดของคุณป้า ก่อนจะค่อยๆ หันมาเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ ใบหน้าของเธอบอกได้เลยว่ามีแต่คำว่า ความสุขเรียวปากที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีจัดกว่าปกติแย้มยิ้มกว้าง พลางเธอก็ดึงตัวผมที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นนั่ง ไม่วายสอดมือมาเปิดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของซีวอนจนเผยให้เห็นเนื้อผิวขาวจัดที่แต่งแต้มไปด้วยร่องรอยกลีบกุหลาบ

                    คุณป้าคิมเผยยิ้มมุมปาก...ฝ่ามือแหวกเสื้อเนื้อบาง ดวงตาไล่มองเรืองร่างของผมราวกับพอใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...แน่สิ...ส่งผมถึงฝั่งแล้วหนิ

                    ต๊าย!!!” เสียงแหลมหวีดร้องขึ้น ผมตกใจถึงขั้นเผลอเอามือปิดเรียวปากของเธอ หากคุณป้าคิมก็จิกเล็บลงบนเอวของผมเต็มแรง...ผมซึ่งทำอะไรไม่ได้ ถึงได้ปล่อยฝ่ามือของจากปากของเธอ

                    คุณป้าคิมของผม เริ่มแผนการขั้นที่สองแล้วสินะ ให้ตายเถอะ... ผมอยากจะบ้า...

                    เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ คุณคิม... คุณนายชเว รีบวิ่งเข้ามายังห้องนอนของลูกชายเธอ...ตามด้วยซีวอนที่วิ่งตามคุณแม่ของเขาเข้ามาด้วย... ท่าทางของสองแม่ลูกตกใจสุดขีด...หากความตกใจที่ว่า เป็นความตกใจคนละรูปแบบทว่ามาจากสาเหตุเดียวกัน....คุณป้าคิมเลิกเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นจนผมอยู่ในสภาพล่อแหลม ดีที่ผมใส่กางเกงสามส่วนไว้อยู่... (ซีวอนเป็นคนใส่ให้ต่างหาก)

                    คุณนายเชวเอามือป้องปากก่อนจะสาวเท้ายาวๆ ต้องเรียกว่าถลาตัวเข้ามาหาผมเสียมากกว่า...มือบางทาบทับลงบนเนื้อตัวของผมซึ่งเต็มไปด้วยรอยรักที่ซีวอนทำไว้เมื่อคืน ส่วนซีวอนที่ยืนอยู่เบื้องหลัง เหมือนจะตัวแข็งไปราวสิบวินาที...ทว่าสักพักหมอนั่นก็ปรับสีหน้าให้เรียบนิ่ง เหมือนไม่แตกตื่นอะไร...

                    ตาซีวอน...

                    ครับแม่~” คนเป็นแม่เค้นเสียงเรียกชื่อลูกชาย หากคนโดนเรียกกลับไม่หือไม่อือ...ใบหน้าหล่อจัดยิ้มร่า เดินอ้อมเตียงมานั่งซ้อนหลังผม...ตอนนี้แล้ว ผมว่าคุณนายชเวคล้ายจะลมจับ เธอถึงได้เอามือทาบหน้าอกตัวเองพลางผ่อนลมหายใจราวกับคุมสติไม่ให้ตระหนกไปมากกว่านี้

                    ลูก...ทำอะไรคยูฮยอนน่ะ อธิบายแม่ที... กระนั้นเธอก็ยังสามารถเอ่ยถามลูกชาย ซีวอนดึงมือของคุณป้าคิมที่เลิกเสื้อของผมออก ก่อนหมอนั่นจะจัดแจงเสื้อผ้าของผมให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ใบหน้าคมเลื้อยลงมาเกยบนไหล่ บอกได้เลยว่าเวลานี้...คุณป้าคิมยิ้มหน้าบาน...คงรู้สึกเหมือนตัวเองเดินอยู่ในสวนดอกไม้แน่ๆ!

                    แม่ครับ...ก็ทำแบบที่วัยรุ่นเค้าทำกันน่ะ ขืนผมอธิบายให้แม่ฟัง แม่จะเป็นลมเอานะครับ... ซีวอนตอบกลับน้ำเสียงระรื่น...ผมลอบสังเกตใบหน้าสวยของคุณนายชเว สีหน้าของเธอซีดเล็กน้อย...บางทีเธออาจไม่สามารถเข้าใจในทีเดียว และอาจรับรู้เรื่องแบบนี้เร็วเกินไปหน่อย...

                    เรื่องลูกชายของเธอเปลี่ยนรสนิยมแล้ว อะไรเทือกนั้น...

                    อกแม่จะระเบิด...ไปทำคยูฮยอนแบบนี้ได้ยังไงลูก!!! คุณคิมเขาจะว่ายังไง!” คุณนายชเวออกอาการร้อนรน โวยวายไปตามประสา...ตรงข้ามกับซีวอนที่ใจเย็นเสียเหลือเกิน หมอนั่นเกี่ยวเอวผมให้ขยับเข้าไปใกล้ จัดแจงท่าทางให้ผมนั่งพิงอกเขา...นี่ๆ...ขอโทษเถอะ นี่มันต่อหน้าแม่นายเลยนะ...

                    เรื่องนั้นน่ะ ฉันโวยวายไม่ได้หรอกนะค่ะ หลานของฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ได้จะเสียแล้วเสียเลย ท้องก็ท้องไม่ได้...ฉันเองคงเรียกร้องไม่ได้หรอกค่ะคุณป้าคิมเข้าโหมดดราม่า... เธอพูดไปก็แสร้งทำสีหน้ากล่ำกลืน...น้ำเสียงฟังดูสั่นเครือ...นี่ถ้าผมไม่รู้จักเธอมาก่อน คงคิกว่าคุณป้าคิมต้องทุกข์ใจจวนเจียนจะปล่อยโฮแน่ๆ แต่...ผมรู้จักเธอดี มาไม้นี้...ร้อยทั้งร้อย...ตกหลุมพรางคุณป้าแกมาแล้วทั้งนั้น

                    คุณคิมค่ะ ดิฉันต้องขอโทษแทนซีวอนเขาด้วยนะคะ...ที่ทำ...กับคยูฮยอนแบบนี้อีกหนึ่งรายที่กำลังจะตกหลุมพราง...

                    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ไม่เป็นไร... ไม่ว่าเปล่า คุณป้าคิมแทรกยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะสาวเท้าเดินออกจากห้องนอนไปเสียดื้อๆ รางวัลออสก้าร์ปีนี้ คงหนีไปพ้น...ป้าคิมดราม่า

                    คุณนายชเวมองตามหลังร่างท้วมๆ ของคุณป้า พลางดวงตาสีอ่อนก็ทอดมองผมสลับกับมองหน้าลูกชายตัวดีที่ดูเหมือนจะไม่ทุกข์ร้อนใดๆ เธอถอนหายใจอยู่หลายต่อหลายเฮือกก่อนจะตัดสินใจพูดประโยคน่าตกใจต่อมา

                    ซีวอน!!! รับผิดชอบคยูฮยอนซะ!!!” เป็นผมซะเองที่เบิกตาโพลง...ผมเข้าใจ...ว่าไอ้การเกิดเรื่องแบบนี้ คนเป็นผู้ใหญ่ใช่ว่าจะรับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ แต่ที่คุณนายชเวกำลังทำ นอกจากจะกำลังตกหลุมพรางอันแยบยลของคุณป้าคิมแล้ว ผมยังรู้สึกกระดากอายอยู่ไม่น้อย...ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ ที่พอพลาด(?)แล้วต้องมีผู้ชายมารับผิดชอบน่ะ!

                    แม่ครับ...ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้... ซีวอนตอบเสียงอ่อน...ผมไม่ยักจะเข้าใจการกระทำของซีวอนนัก นับวันก็ยิ่งแปลก...หรือเขายังมีอะไรที่ผมอ่านไม่ออกอีก

                    นี่...นอกจากสมองกลวงๆ แล้ว หรือ ชเว ซีวอน จะซ่อนสมองอันล้ำเลิศเอาไว้กัน?

                    ไม่เป็นไรหรอกครับ... ประโยคแรกที่ผมเอ่ยปาก คุณนายชเวเธอส่ายหน้าไปมาพลางเอื้อมมือมาบีบฝ่ามือผมเบาๆ นึกภาพออกไหมครับ? เหมือนผู้หญิงที่ถูกกระทำชำเราแล้วมีผู้อุปการะเข้ามาช่วยเหลือน่ะ... ต่างกันก็ตรงที่...คู่กรณีไม่ได้หนีหน้าหายไปไหน ซ้ำยังมัวแต่กอดเอวทำตัวเป็นพ่อปลาไหลเลื้อยไปตามตัวผมไม่ห่าง

                    ไม่เป็นไรไม่ได้นะจ้ะ... เธอหันมาพูดน้ำเสียงนุ่ม ก่อนจะถลึงตามองหน้าลูกชายตัวกวน...ผมลอบมองใบหน้าหล่อจัด สิ่งที่ได้คือรอยยิ้มกวนบาทา...ขนาดอยู่กับคนเป็นแม่...หมอนี่ยังริอาจกำเริบเหิมเกริม!

                    แม่อย่าซีเรียสสิครับ...น่านะ อย่าซีเรียสไปเลย แม่เห็นผมเป็นคนไม่ดีขนาดนั้นเลยหรอ?

                    จ้ะ พ่อลูกชายตัวดี! เรานี่ก็เหลือเกิน...ถึงคยูฮยอนเขาจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่เขาก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่ ไปล่วงเกินเขาน่ะมันใช่เรื่องหรือไง...ไหนจะคุณคิมเขาอีก เห็นใจผู้ใหญ่ทางนั้นเขาบ้างสิ!” ท่าทางจะเป็นเรื่อง...คุณนายชเวเอ็ดซีวอนยกใหญ่ สีหน้าของเธอตึงเครียด บรรยากาศรอบกายเข้าขั้นเย็นยะเยือก...

    ไม่รู้ล่ะ! ยังไงลูกก็ต้องรับผิดชอบ...

                    ไม่มีปัญหาครับแม่~” ง่ายไปป่ะ!  ชเว ซีวอน!!!

                                                   

                                   

                    การรับผิดชอบของ ชเว ซีวอน ดูเหมือนท่าจะถูกใจคุณป้าคิมเข้าอย่างจัง!

                    ทำไมไม่บอกว่าบ้านกำลังจะโดนยึด ประโยคแรกหลังจากที่ซีวอนกลับจากทำงาน ผมขมวดคิ้วตึงทั้งๆ ที่ดวงตายังคงจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมของแล็ปท๊อป ผมซึ่งนั่งขัดสมาธิท้าวคางอยู่บนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยหน้าโทรทัศน์ถอนลมหายใจเล็กน้อย สงสัยคุณป้าคิมจะมาม่า(ดราม่า)ใส่ซีวอนชามใหญ่ พี่ท่านถึงได้ทำสีหน้าเคร่งเครียดราวกับหุ้นของบริษัทตกหวบยังไงยังงั้น

                    มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันควรบอกนายหนิ ผมตอบน้ำเสียงไม่ยี่หระ ความจริงผมมาเพื่อมาหลอกเอาเงินจากเขาไปไถ่บ้านคืนนะ แต่พอเจอะซีวอนถามแบบนี้เข้าให้ เป็นผมซะเองที่ไม่กล้าจะตอบ การกระทำของผม...ไม่ต่างอะไรไปจากพวกอิหนูของพวกอาเสี่ยเลี้ยงเลยสักนิด...

    หลายวันที่ผ่านมา ชเว ซีวอน ทำตัวเหมือนเจ้าชีวิตของผม ไม่ว่าจะกระดิกตัวไปไหน...เขาคือคนที่คอยตามทุกฝีก้าว ซ้ำเขายังให้บัตรเครดิตกับผมง่ายๆ โดยบอกอีกว่า จะใช้เท่าไหร่ก็ได้...วงเงินไม่จำกัด...ขอแค่ผมใช้มันก็พอ...ผมไม่ปฏิเสธ...เพราะอย่างน้อย เงินที่เขาให้มาผมก็ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น...อีกอย่างถ้าเกิดคุณป้าคิมรู้ว่าผมมีบัตรเครดิตอยู่ในมือ คงริบไปเป็นของตัวเองแน่ๆ

                    จะว่าไป...ศักดิ์ศรีของผม...มันยังมีเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า?

                    แต่ฉันเป็นผัวนาย

                    หนิ...มากไปแล้วนะ ผมถลึงตามองซีวอนที่พูดประโยคเมื่อครู่โดยไม่รู้สึกกระดากปาก เจ้าของร่างสูงใหญ่ยักไหล่ไม่สนใจ ซีวอนก้มตัวลงมานอนหนุนตักของผม ก่อนจะช้อนสายตามองผมด้วยดวงตาที่มองยังไง ก็ไม่เคยที่อ่านออก ซีวอนซ่อนกล่องความรู้สึกบางอย่างที่ผมไม่สามารถเข้าไปค้นได้ ผู้ชายคนนี้มองเผินๆ ก็แค่เพลย์บอยธรรมดาๆ แต่ใครจะรู้ว่าถ้าลองได้รู้จักกันอย่างลึกซึ้งแล้ว ซีวอนที่คนทั่วไปมองเห็นมันก็แค่เปลือกนอก ซีวอนตัวจริงน่ะ เก็บตัวเงียบเชียบไม่แม้แต่จะเปิดเผยตัวตน...

                    คยูฮยอน... เรียกชื่อผมทำไม? ผมเลิกคิ้วมองคนโตแต่ตัว พลางขยับตัวให้ซีวอนนอนหนุนตักได้สบายมากขึ้น เรียวมือยกขึ้นลูบแก้มเขาไปพลางๆ

                    หื้ม?

                    นายรักฉันใช่ไหม? คำถามที่แสนจะตรงตรงมา ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีแววขี้เล่นเหมือนแต่ก่อน ดวงตาสงบนิ่ง สิ่งเดียวที่เขามองคือใบหน้าของผม...ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ความรู้สึกดีใจปนมึนงงในอกตีกันให้วุ่น

    คยูฮยอนคนเก่งที่เคยคิดจะปั่นหัวซีวอนเล่นราวกับเส้นประสาทตาย

                    ผมคิดคำตอบไม่ออก เพราะคำตอบที่ว่าดันติดอยู่ที่ปลายลิ้น... รักไหม? ไม่รู้... รู้แค่ว่า... ถ้าขาดเขาไปสักคน ชีวิตของผมมันคงไม่มีสีสัน ไม่มีคนมาให้ต่อปากต่อคำหรือยั่วกวนประสาทให้นึกสนุก

                    แล้วถ้าฉันบอกว่ารักล่ะ นายจะหาว่าฉันโกหกไหม?

                    ไม่...ฉันเชื่อนายเสมอ...ไม่ว่านายจะโกหกว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ฉันก็จะเชื่อ...เชื่ออย่างไม่มีข้อแม้... ซีวอนฉีกยิ้มเต็มแก้ม คำพูดของเขามันทำให้ผมดีใจได้เพียงแค่วูบหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกเหมือนตัวเองตกจากที่สูง เมื่อเขาบอกว่า...เชื่ออย่างไม่มีข้อแม้...ภาพความฝันที่ซีวอนจะฆ่าผมให้ตายมันตอกย้ำให้ผมคิดอยู่เสมอว่าความลับไม่มีในโลก ถ้าเกิดซีวอนรู้ว่าที่ผมมาอยู่ที่นี่เพื่ออะไร หวังเงินจากเขาหรือแม้กระทั่ง ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อหวังจะจับหมอนี่อย่างที่ป้าคิมต้องการ แล้วทีนี้...เขายังจะคิดว่าคำพูดของผมมันเป็นความจริงอยู่หรือเปล่า?

                    ทำไมถึงเชื่อ...ถามกลับน้ำเสียงเรียบ ผมคลี่ยิ้มให้เขาเล็กน้อย...ดวงตาละจากใบหน้าของเขากลับมามองหน้าจอแล็ปท๊อปที่ไร้ความคืบหน้า แรงขยับหนักๆ ทำให้ผมรู้ว่าซีวอนพลิกตัวหันหน้าเข้าหาหน้าท้องของผม แขนแกร่งโอบรอบเอวกอดกระชับแน่นๆ ทำตัวเหมือนเด็กที่นอนกอดหมอนข้างคู่ใจ

                    โจ คยูฮยอน...ฉันน่ะมันรักนายเข้าให้แล้วน่ะสิ

                    คำบอกรักแผ่วเบาที่เขาพูด ดูเหมือนมันจะทำให้หมอนี่เสียฟอร์มน่าดู เขาถึงได้แกล้งเอาหน้าซุกอยู่กับหน้าท้องของผมซ้ำยังตั้งใจกอดรัดช่วงเอวให้แน่นขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้อกจากปากของผู้ชายอย่าง ชเว ซีวอน ผมแย้มยิ้มเล็กน้อย...ไม่รู้สึกว่าคำว่า รักมันจอมปลอมเหมือนแต่ก่อน คำว่ารักที่ออกจากปากซีวอนต่างจากแทคยอนลิบลับ...

                    แท้จริงแล้ว โจ คยูฮยอนก็แค่คนงี่เง่าที่แกล้งทำเป็นแข็งแกร่งเพื่อเก็บซ่อนความอ่อนแอ...แค่ได้ยินคำว่ารักจากปากคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน รู้จักกันเพียงผิวเผิน แค่บังเอิญมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งผูกมัดกันทางกาย จิตใจมันก็เกิดอ่อนยวบยาบ...เชื่อฟังเขาทุกอย่าง...ร่างกายก็เช่นกัน...แผ่นหลังของผมเอนลงตามแรงโน้มถ่วง ไม่ต่างอะไรไปจากริมฝีปากที่ถูกบดเบียดเคล้าคลึง ทุกอย่างถูกชักนำไปโดยง่ายดาย บทรักก่อตัวขึ้นอีกครั้งโดยปราศจากซึ่งสิ่งกระตุ้น ช่วงเวลาที่กำลังเป็นไป...ไม่มีใครที่หน้ามืด มีแต่ผมที่ถลำลึกหลงใหลได้ปลื้มไปกับอ้อมกอดของอสูรในคราบเทพบุตร...

                    ใครกันแน่นะ...ที่คุมเกมส์นี้ ฉันหรือว่านายกัน ชเว ซีวอน...

     

                    เช้าวันนี้ทุกอย่างผิดปกติไปหมด...ซีวอนตื่นเช้าเสียจนผมนึกประหลาดใจ แถมยังบอกให้ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว เพื่อออกไปทำเรื่องไถ่บ้านของผมคืนจากธนาคาร เรียกง่ายๆ ก็คือ ใช้หนี้ นั่นแหละนะ...ร่างสูงใหญ่ง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้าง่ายๆ ถึงจะแปลกใจที่เห็นเขาจู่ๆ ก็ทำหน้าที่นี้แทนผม แต่ก็เอาเถอะ...ผมยักไหล่ไม่สนใจความคิดที่ว่าพลางเดินเข้าไปกอดเอวเขาจากทางด้านหลัง นึกอยากจะอ้อนหมอนี่สักหน่อย เลยเอาแก้มถูกับแผ่นหลังกว้างนั้นไปมา แน่นอนว่าซีวอนพลิกตัวหันกลับมาไม่ลืมที่จะโน้มตัวลงมาแต้มจูบอรุณสวัสดิ์

                    อย่ามายั่วกันแต่เช้าน่า... ผมยู่ปากเมื่อซีวอนมองความหมายการอ้อนของผมเป็นอย่างอื่นซะแทน ที่ผมอ้อนเนี่ยก็เพราะอยากอ้อนเถอะ ไม่ได้เรียกร้องให้เขามาจับกดกันอีกรอบให้เจ็บสะโพกสักหน่อย!

                    ฉันเปล่ายั่วเถอะ

                    หน้านายมันยั่วว่ะ ช่วยไม่ได้... ซีวอนฉีกยิ้มกว้าง ไม่วายยกมือขึ้นหยิกแก้มผม...นี่...ผมเป็นคนนะไม่ใช่ตุ๊กตาจะได้ทั้งหยิกแก้มทั้งยีหัวได้ตามใจชอบ...ผมหมุนฝ่าเท้าไปนั่งรอเขาที่โต๊ะทานข้าว แสร้งทำหน้ามุ่ยไม่พอใจคล้ายจะหลอกล่อให้หมอนั่นตามง้อ แต่ก็เท่านั้นแหละ ซีวอนเอาแต่ยิ้มขำ พี่ท่านเดินมายีหัวผมอีกรอบ พลางวางจานข้าวลงบนโต๊ะเหมือนให้อาหารแมวยังไงยังงั้น... ร่างสูงเดินหายเข้าไปในห้องนอน...สักพักก็ออกมาพร้อมกับชุดลำลองสบายๆ ทรงผมไม่ได้เซ็ทตั้งๆ เหมือนวันก่อนดูแปลกตาอย่างเห็นได้ชัด ผมเลิกคิ้วมองเขาไปหนึ่งทีอดไม่ได้ที่เอ่ยปากแซว...

                    หล่อตายอ่ะ...

                    หล่อไม่หล่อก็เป็นผัวนายแล้วเหอะ!”

                    ชอบหรอ...มีเมียแบบฉันน่ะผมนึกหมั่นไส้พิกล เลยกะจะตอกกลับให้ซีวอนเงียบบ้าง แต่ก็เปล่า... โครงหน้าคมคายระบายยิ้มกว้างแฝงแววเลศนัย ครั้งแรกเลยนะที่ผมต้องหดคอหนีใบหน้าของเขาที่เคลื่อนเข้ามาใกล้แทบจะในระยะประชิด จมูกได้กลิ่นอ่อนๆ ของโคโลญที่เขาใช้ ดวงตาคู่คมฉาบไปด้วยความรู้สึกที่ผมอ่านไม่ออก

                    ไม่ได้ชอบ...แต่รักเลยต่างหาก...

                    คำพูดของอสูรอย่างนาย...ฉันจะเชื่ออย่างไม่มีข้อแม้ล่ะกัน...           

                    หลังจากจัดการเรื่องที่ธนาคารเสร็จ เป็นอันว่า...บ้านที่ผมอยู่มาตั้งแต่เกิด เวลานี้ก็หวนคืนสู่อ้อมอกคุณป้าคิมอีกครั้ง เจ้าหล่อนระบายยิ้มกว้าง(มาก)อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาเปล่งประกายวิบวับ ผมพอจะเดาออกว่าเธอคิดอะไร...สำหรับคุณป้าคิมเป็นจำพวก...ได้คืบจะเอาศอก...ฉะนั้น แผนการของคุณป้าคิมที่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีคงไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ แผน A แผน B หรือแผน C ทุกอย่างพร้อมจะอุบัติขึ้นได้เสมอ ขอแค่เธอปรารถนา...           

                    ความจริง... คุณซีวอน ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยหนิค่ะ ป้าคิมเข้าสู่บทดราม่าอีกครั้ง ทำเป็นพูดเกรงใจ แต่ที่จริง...ก็หวังจะให้ผมโกยเงินจากซีวอนอีกน่ะสิ...

                    ไม่เป็นไรครับ...เรื่องแค่นี้เอง ผมนิ่งเงียบ...หลังจากเก็บเสื้อผ้าและข้าวของทั้งหมดออกจากห้องนอนที่ปิดตายมาเกือบสองเดือน ซีวอนบอกว่าถึงจะไถ่บ้านให้ผมแล้ว แต่ยังไงผมก็ต้องอยู่กับเขาต่อตามคำสั่งของคุณนายชเว เรื่องที่ซีวอนต้องรับผิดชอบผมอะไรประมาณนั้น ผม...ซึ่งในเวลานี้ ตกเป็นเบี้ยให้คนอื่นควบคุมถึงได้ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะขืนขัดใจใครเข้า...คงเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะ กับ ซีวอนน่ะนะ...

                    ยังไงก็ฝากคยูฮยอนด้วยนะคะ...ดูแลแกแทนดิฉันด้วย คุณป้าคิมฝากฝังผมกับซีวอนคล้ายว่าผมจะแต่งงานออกเรือนก็ไม่ปาน ผมเบ้ปากเล็กน้อยเมื่อคำพูดที่ได้ยินมันกระดากหูแปลกๆ ผมเอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อของเขาเล็กน้อย แสดงสีหน้าที่ซีวอนมองแล้วเขาก็ระบายยิ้มขำออกมาเสียอย่างนั้น...

                    ผมไม่ขำ...ผมแค่อึดอัด อยากออกไปจากที่นี่...เอือมกับบทป้าคิมดราม่าเต็มทน

                    อยากกลับบ้าน... ผมพูดเสียงกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน ซีวอนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง พลางยกมือขึ้นยีหัวผมแรงๆ

                    ก็นี่ไงบ้านนาย นั่งอยู่เนี้ย จะไปไหน...

                    ไม่ใช่...ฉันหมายถึงคอนโดฯ นายต่างหาก... ผมรู้ว่าเขาแค่แหย่เล่น แต่ผมก็ชักอยากจะเอาแต่ใจกับซีวอนบ้าง...ทีหมอนั่นยังงอแงไม่สมวัยกับผมอยู่บ่อยๆ เลย ผมกระพริบตามองเขาพลางเอาหน้าซบลงบนไหล่หนา ส่งเสียงบ่นอู้อี้ในลำคอ ซีวอนบ้า ซีวอนบ้า ซีวอนบ้า พาโบ!!!”

                    คยูฮยอน...เอาแต่ใจกับคุณซีวอนเขามากไปแล้วนะ เสียงป้าคิมเอ่ยแทรกขึ้น หากผมก็ไม่สนใจเอาหน้าผากถูกับไหล่เขาไปเรื่อย...

                    RRRRRRR

                    เสียงเรียกเข้ามือถือของซีวอนดังขัดจังหวะระหว่างที่ผมกำลังอ้อนหมอนี่ได้ที่...ซีวอนขยับตัวหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะขอตัวออกไปคุยธุระนอกบ้าน วินาที...จึงเหลือเพียงผมและคุณป้าคิม เสียงหัวเราะในลำคอของเธอทำเอาผมจำต้องเงยหน้ามอง ใบหน้าหยิ่งผยองเผยยิ้มเจ้าเล่ห์

                    ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าหลานรักของป้าจะลีลาเด็ดถึงขั้นลูกชายยัยคุณนายชเวหลงจนหัวปักหัวปำขนาดนี้

                    ..... ผมไม่ตอบเธอ เพราะอะไรน่ะหรอ...เพราะผมกลัวว่าตัวเองจะเสียท่าเข้าง่ายๆ เหมือนในละครไง...ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ทุกอย่างกลับพังลงเพียงเพราะคำพูดพลั้งปากเพียงไม่กี่ประโยค

                    นี่แกมันเก่งหรือคุณซีวอนมันโง่กันนะ...ผู้หญิงมีตั้งมากตั้งมาย ดันมาสนใจ...คนอย่างแก...ถึงแกจะเป็นมารหัวขนสำหรับฉัน แต่ก็ยังดี...ที่มารอย่างแกยังสู้อุตส่าห์ดิ้นรนหาเงินมาไถ่บ้านให้ฉันจนได้...เก่งจริงๆ หลานรักของป้า...

                    มันก็เพราะคุณป้าอยู่เบื้องหลังทุกอย่างไม่ใช่หรอครับ...

                    ...แต่ถ้าแกมันไม่ง่ายจริง...ก็คงทำไม่ได้ ว่าไหม?ที่แท้...ผมในสายตาของคุณป้าก็คงไม่ต่างจากอีตัวที่เธอพร้อมจะส่งให้ใครต่อใครใช้บริการสินะ...ผมเม้มริมฝีปากแน่น ทุกอย่างที่ผมทำลงไปมันควรจะจบลงเสียที...ผมตอบแทนบุญคุณของเธอมากพอแล้ว ในเมื่อเธอมองผมเป็นเพียงสินค้า บางทีพันธนาการที่หน่วงผมราวกับโซ่ตรวน ผมควรจะทลายมันทิ้งซะ!                              

                    ผมไม่ได้เป็นอย่างที่คุณป้าคิด...แต่ถ้าคุณป้าจะคิดแบบนั้น ผมก็คงห้ามไม่ได้...ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณที่เลี้ยงผมมาจนโต แต่ต่อไปนี้...ผมคงไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นมารหัวขนให้คุณป้ารำคาญใจอีก...เชิญอยู่บนโลกแห่งความละโมบต่อไปเถอะครับ...ถ้าผมได้เงินจากเขามาอีก รับรองว่าเงินที่ว่าจะถึงมือคุณป้าทุกวอนไม่มีตกหล่น ผมลุกขึ้นก่อนจะโค้งเคารพเธอ ทว่า...

                    เพี๊ยะ!!!

    แรงตบที่แก้มซ้ายเจ็บชาเสียจนผมไม่สามารถพูดอะไรได้อีกต่อไป...เจ็บก็จริง...แต่ความรู้สึกของผมในตอนนี้มันว่างเปล่า...ผมไม่ต้องการทำตัวไร้ค่าอีกต่อไปก็เท่านั้น ผมแค่ต้องการให้คุณป้ารู้จักคำว่า พอผมแค่ไม่อยากเป็นเบี้ยให้ใครค่อยบังคับ หรือกำหนดชีวิต...ที่เป็นอยู่มันก็มากพอแล้ว

    ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นอกจากการได้อยู่กับ ชเว ซีวอน...

    เหมือนพ่อเหมือนแม่แกไม่มีผิด...สันดานมันไม่ทิ้งแถว ทะนงตัวให้ได้นานๆ ล่ะแก ถ้าเขารู้ความจริงเรื่องแกหลอกแดกเขา...แล้วอย่าซมซานกลับมาหาฉันล่ะกัน!” ผมหมุนตัวออกจากบ้านหลังเล็กๆ นี้ ครั้นเดินออกไปนอกตัวบ้านก็พบกับซีวอนที่ยืนพิงรถยนต์ของเขาอยู่...สีหน้าของซีวอนราบเรียบ เขาไม่พูดอะไรนอกจากดึงตัวผมเข้าไปกอด ปลอบประโลมราวกับเขารับรู้เรื่องของผมเป็นอย่างดี

    ถ้าเกิดเขารู้เรื่องที่ผมหลอกเขาล่ะ...ผมจะเป็นยังไง...เขาจะอยากกอดผมอยู่รึเปล่า...

    ร้องไห้รึเปล่า? จะได้เตรียมอกไว้ให้นายใช้ซับน้ำตาน่ะ เสียงพูดกลั้วหัวเราะทำเอาผมแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย ผมไม่ได้ร้องไห้...ซ้ำยังรู้สึกโล่งอกเสียมากกว่า สิ่งเดียวที่ผมกลัวที่สุดในตอนนี้ คือการถูกเกลียดจากซีวอนต่างหาก...

    ไม่อยากร้อง...

    แสดงว่าในใจร้องไห้ไปแล้วใช่ไหม?

    คงงั้น... ไม่มีเสียงตอบรับนอกจากวงแขนแกร่งที่โอบกอดผม มือใหญ่ที่ลูบศีรษะผมไม่ห่าง...รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก...

                    เดวิลอย่างผม...คงตกอยู่ในห้วงอำนาจของอสูรอย่าง ชเว ซีวอน เข้าแล้วล่ะ...

     

     

                    ผมลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันอะไร...ถ้าซีวอนไม่วิ่งแจ้นมาเรียกร้องความสนใจจากผมซึ่งกำลังนั่งทำวิทยานิพนธ์ในยามเย็นที่หัวสมองกำลังโล่งเสี่ยงต่อการตกร่องน้อยที่สุด... หมอนี่ลากผมไปแต่งตัวให้เขาถึงในห้องนอน(ของซีวอน) แถมท้ายด้วยการตักตวงกำไรจากตัวผมไปเรื่อยเปื่อย

                    วันนี้ คือวันแต่งงานของ ไอ้เหี้ยแทคยอนกับนางพญาน้ำแข็งอย่างชอง ซูจอง...

                    ผมปฏิเสธเสียงแข็งที่จะไม่ไปงานแต่งงานครั้งนี้ แต่ซีวอนกลับบอกว่า ถ้าหากผมไม่ไปก็เท่ากับ...ผมยังเหลือเยื่อใยให้แทคยอนอยู่...ที่ผมไม่อยากไปก็เพราะเกลียดขี้หน้าจนไม่อยากจะพบจะเจอต่างหาก อีกอย่างผมไม่อยากจะตกเป็นขี้ปากใครถ้าหากต้องเดินเข้างานไปกับอดีตแฟนหนุ่มของเจ้าสาวและผมซึ่งเป็นโจทย์เก่าของฝ่ายเจ้าบ่าว...

                    นี่! โจ คยูฮยอน...ไปเหอะน่า...ไม่เห็นจะเป็นไร... เขายังเซ้าซี้ผมไม่เลิก ผมแกล้งเดินหนีออกจากห้องนอน สองมือยกขึ้นปิดทั้งสองข้าง หากซีวอนที่ตอนนี้แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ดึงมือของผมออกพลางเขาก็จับข้อมือผมไว้แน่น

                    ฉันไม่อยากไป...นายอย่ามาบังคับฉันจะได้ไหม?

                    แสดงว่านายยังรักไอ้แทคอยู่ล่ะสิ...สปีริตหน่อยดิ...ทีฉันยังไปได้เลย...เพราะอะไร...ก็เพราะฉันไม่ได้ใยดีซูจองแล้วไง...ฉันน่ะ สนแค่นายคนเดียว...

                    ซีวอน...ฉันน่ะรักนายนะ แต่จะให้ฉันไปเจอไอ้เหี้ยนั่นอีก ไม่เอาด้วยหรอก!”

                    ถ้าเกิดฉันเมาแล้วพาสาวกลับมาด้วย นายจะแย่เอานะ!!!” ซีวอนยกข้ออ้างน่าหมั่นไส้ ผมสะบัดข้อมือออกจากพันธนาการ เดินหนีเขาเข้าไปในห้องนอน(ของผมเอง) แน่นอนว่าเขาก็ยังไม่ล้มเลิกความคิด พอรู้ว่าจุดอ่อนของผมคือการตัวอ่อนเมื่อโดนจูบ...เขาก็ทำอยู่อย่างนั้นจนเป็นผมซะเองที่ได้แต่หอบหายใจถี่ ยืนไม่อยู่ต้องอาศัยแขนแข็งแรงพยุงตัวที่แทบจะไหลลงไปกองกับพื้น...

                    ทีนี้จะไปได้หรือยัง?

                    อยู่นี่ให้นายจัดหนัก ยังดีกว่าซะอีก... กล้าพูดนะผม...แต่มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ หนิ =3=

                    ไม่ล่ะ... กลับมาค่อยทำก็ได้ แต่ตอนนี้นายต้องไปงานแต่งกับฉัน...เข้าใจไหม?

                    ซีวอนนนนนนนนนนนนน

                    อย่าเพิ่งยั่ว...กลับมาจากงานแต่ง จะยั่วยังไงก็แล้วแต่...ตอนนี้ชเวไม่ตื่นหรอกครับ!”

                    ...กำไรของชเว ซีวอน ชักจะเยอะเกินไปแล้วเหอะ!

     

                    เสียงเพลงบรรเลงคลาสสิกรวมไปถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ งานแต่งงานที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย...ทุกอย่างในงานเป็นสีฟ้าอ่อน ผมย่นจมูกไม่ชอบใจกับกลิ่นดอกไม้ที่อบอวลอยู่รอบกาย ผมแพ้เกสรดอกไม้ ได้กลิ่นทีไรจะรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวกอยู่ร่ำไป ส่วนคนข้างๆ ผมนอกจากจะเดินยืดอกทำตัวหล่อจนสาวๆ ในงานมองตามหลังจนแทบคอเคล็ดแล้ว พี่ท่านก็ยังทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเข้าไปแสดงความยินดีกับบ่าวสาวในขณะที่ผมได้ยืนนิ่งไม่อยากเข้าใกล้...อดไม่ได้ที่ซีวอนจะดึงมือผมให้ขนาบข้างตัวเขา

                    กลับเลยได้ไหม... ผมถามซีวอนน้ำเสียงกระซิบ หากใบหน้าคมคายที่ส่ายไปมาคือคำตอบที่ผมได้รับ ซีวอนกระชับมือที่เรากุมกันอยู่ พลางโน้มตัวลงมากระซิบข้างกกหู

                    เดี๋ยวดิ...เปิดตัวนายก่อน ฉันถึงจะพากลับ...

                    อะไรนะ!”

                    ก็บอกว่าเปิดตัว...เข้าใจไหม...หื้มมมมมม กวนบาทามาก!!! ที่แท้ก็หลอกผมมาเพื่อที่จะเปิดตัวในกลุ่มเพื่อนฝูงสินะ...ไม่เอาล่ะ ผมไม่ชอบหนิ...

                    คยูฮยอน...วันนี้น่ารักจังนะ... เสียงหวานของซูจองเอ่ยขัดจังหวะผมที่กำลังจะเพ่งกบาลซีวอน...ซูจองในชุดเจ้าสาวสีขาวสว่างฟูฟ่อง ใบหน้าหวานระบายยิ้มเล็กน้อยพลางเธอก็ก้าวเข้ามาใกล้ มือคู่เล็กยกขึ้นจัดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าของผมให้เข้าที่เข้าทาง...เสี้ยวหน้าที่ผมเคยมองว่าดูเย็นชา...เวลานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เธอดูมีความสุขจนดวงตาเปล่งเป็นประกาย...นี่สินะ...ที่เรียกว่า ความสุขของเจ้าสาว...

                    คุณซูจองก็สวยมากๆ เหมือนกัน...

                    ซีวอนน่ะ นิสัยเหมือนเด็กๆ ไม่มีผิด...ยังไงฉันก็มองว่าคนที่ปราบซีวอนได้อยู่หมัดก็คงมีแต่คยูฮยอนคนเดียวเท่านั้น...ถอดเล็บถอดเขี้ยวหมอนั่นให้หมดเลยนะ...

                    ขอบคุณครับ ที่ไม่รังเกียจกัน...เธอส่ายหน้าไปมา รอยยิ้มบางเบาทำให้ผมอดจะยิ้มตามเธอไม่ได้ ชอง ซูจอง คือผู้หญิงที่สวยและเพียบพร้อม...สมแล้วที่ได้แต่งงานกับลูกชายท่านทูต...อันที่จริง อย่างที่ผมบอก แทคยอนน่ะเป็นคนดี ดีทุกอย่าง...ดีเสียจนผมคิดว่า...ยากที่เราจะมาพบกัน แต่สิ่งเดียวที่ทำให้ผมมองเขาเลว คือการที่ทิ้งผมไป...เวลานี้ ผมควรเลิกทิฐิเสียที...อะไรที่มันเสียไปแล้ว เอากลับมาไม่ได้สักหน่อย...

                    มีความสุขมากๆ นะครับ...พวกคุณเหมาะสมกันจริงๆ... ผมมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของแทคยอน...อย่างน้อยหมอนั่นก็คงสบายใจที่ผมคงไม่คิดจะแหกอกเขาอีก...

                    หลังจากพูดคุยกับบ่าวสาวพอเป็นพิธี ผมก็ถูกซีวอนลากไปอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนฝูงของเขา ต้องบอกเลยว่า...กลุ่มของซีวอนเป็นอะไรที่ผมเองก็คาดไม่ถึง ทีแรกผมคิดว่าซีวอนจะเป็นคนเดียวที่คบผู้ชาย แต่จริงๆ แล้ว เพื่อนๆ เขาอีกสองสามคน ก็ควงเด็กหนุ่มมาด้วยเหมือนกัน...ที่จำได้ก็คงเป็น อี ทงเฮ คนนี้นะมีแฟนเป็นรุ่นน้องผมที่มหาลัยฯ คล้ายๆ ว่าจะชื่อ ซองมิน... ส่วนอีกคนก็ ปาร์ค จองซู  แฟนของนายคนนี้เป็นรุ่นพี่ผมที่เรียนจบไปแล้ว...ชื่อ คิม ฮีชอล

                    ถึงว่าล่ะ... ทำไมซีวอนถึงได้เซ้าซี้ให้ผมมาที่งานนัก...ดูจากท่าทีแล้ว เพื่อนๆ เขาคงอยากเห็นหน้าคล้าตาผมเอาการ แต่พอได้เห็นแล้วทุกคนก็ได้แต่ยิ้มแหย...แน่สิ...ผมมันแฟนเก่าเจ้าบ่าวหนิ...

                    ซีวอนคะ!” เสียงมาไม่ว่า แต่หญิงสาวที่กระโดดมาเกาะแขนซีวอนน่ะ มันชักจะมากเกินไปแล้วเถอะ ผมขึงตามองซีวอนสลับกับแม่สาวชุดเดรสเกาะอกสีชมพูอ่อน ซีวอนหน้าเสียเล็กน้อยพลางพยายามแกะมือหนึบๆ ของหญิงสาวคนนั้นออก

                    ปล่อยก่อนครับ...นานะ เหนียวกว่าที่คิด หญิงสาวตาโตไม่ยอมปล่อยมือออกจากแขนซีวอน ซ้ำยังเอาหน้าซบลงบนไหล่หนา ผมขบเขี้ยวสกัดกั้นอารมณ์ขุ่นมัว ไม่ลืมจะส่งยิ้มให้เจ้าหล่อนที่ดูเหมือนจะยียวนผมด้วยการยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน

                    ทำแบบนี้ก็ฉลาดหนิ...ว่าผมเป็นอะไรกับซีวอน ยังจะหน้าด้านอยู่ได้...

                    ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณนานะ... ผมส่งยิ้มเย็น ทั้งที่มือผมยังถูกกอบกุมโดยซีวอน หากยัยนี่ก็หนังหนาเสียเหลือเกิน เอ่อเว้ย...อยากได้ผู้ชายจนตัวสั่นหรือไง!

                    นานะ...นี่คยูฮยอน แฟนผมเอง... น้องนีตาโตขึ้นเล็กน้อย เธอปล่อยมือจากแขนซีวอน พลางส่งยิ้มแบบฉบับที่นางร้ายเขาชอบทำกัน...ผมมองแล้วก็ชักคันไม้คันมือ ทว่าก็ต้องข่มอารมณ์ไว้...ยัยนั่นก็แค่พวกชอบกวนประสาท...เดี๋ยวเถอะ...เกิดผมเอาจริงขึ้นมา เจ้าหล่อนคงไม่ได้ยืนส่งยิ้มยั่วให้ซีวอนหรอก!

                    ซีวอนค่ะ...ว่างๆ ก็แวะมาหานานะได้นะ...เค้ารอตัวเองเสมอ... (((^3^))) “ ฟังแล้วแทบอยากจะอาเจียนเอาของเก่าออกมา...โคตรของโคตรตอแหล...

                    ซีวอนคงไม่ว่างไปหาคุณหรอกครับ เพราะทุกวันนี้ ซีวอนก็อยู่กับผม...บนเตียง...จนไม่ว่างไปทั้งวันแล้ว...ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดี แต่ผู้ชายสมัยนี้ ไม่ชอบหรอก... ผู้หญิงที่มีแต่สมองกลวงๆ วิ่งตามผู้ชายไปวันๆ น่ะ

                    อีนัง........!!!”

                    งานแต่งงานนะครับ คุณนานะ.... คิม ฮีชอล คือคนห้ามศึก...นานะชี้นิ้วค้างไว้กลางอากาศก่อนเธอจะวิ่งแท่ดๆ ห่างออกไป...ผมเอื้อมมือไปหยิกท่อนเอวหนาโทษฐานทำให้หัวเสีย ซีวอนสะดุ้งตัวโหยงพลางร้องโอดครวญเสียงดัง

                    โอ้ยๆๆๆ

                    นี่! อย่ามาสำออยเลยนะ...ยัยนั่นน่ะ เป็นใคร...รู้จักกันได้ยังไง...ฉันไม่รู้ เคลียร์ให้จบ...เพราะฉันไม่ได้เป็นแค่แฟนนาย แต่เป็นเมียที่แม่นายสั่งให้รับผิดชอบ จัดการให้จบ! เข้าใจไหม?

                    ครับๆๆๆ ทำไมโหดงี้อ่ะ!”

                    หุบปากไปเลย!”

                    ครับ คร้าบบบบ เงียบแล้วครับ

                    ไอ้ชเว กลัวเมียว่ะ!!!” อี ทงเฮเอ่ยพลางหัวเราะดังลั่น...ผมมองภาพเพื่อนฝูงของซีวอนที่หัวเราะชอบใจแล้วก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ ที่ผมโวยวายวอแวกับเขาแบบนี้ คงเพราะผมหลงระเริงในตำแหน่งคนรักที่ทั้งเขาและแม่ของซีวอนมอบให้หรือเปล่ากัน? ซีวอนทำหน้าหงอยได้ไม่นาน เขาก็ดึงตัวผมเข้าไปใกล้ๆ พลางทาบริมฝีปากลงบนเรือนผม...เชื่อเขาเลย...ชเว ซีวอน จอมสร้างภาพ~

     

                    โซฟาตัวยาวดูแคบลงถนัดตาเมื่อทั้งผมและซีวอนนั่งเบียดชิดกัน ดวงตาทอดมองจอเอลซีดีที่ฉายการ์ตูนคลาสสิกในยามเช้าวันอาทิตย์...ผมขยับตัวได้ไม่ค่อยสะดวกเพราะหลังจากงานแต่งงานเมื่อคืน หมอนั่นก็ทำตามที่ตัวเองพูดไว้จริงๆ ผมเลื้อยตัวลงไปนอนหนุนตักเขาพลางฝ่ามือใหญ่ก็สอดมารวบเกี่ยวเอวผม ไม่วายจะแกล้งแอบลากมือผ่านแนวสันหลังให้ผมต้องถลึงตามอง

                    มากไปแล้ว... ผมพูดขึ้นพลางเอื้อมมือไปหยิกท่อนเอวเขาบ้าง ซีวอนแสดงสีหน้าเหมือนเจ็บเจียนตาย ก็แค่แกล้งไง...แต่เอาเข้าจริงแล้ว หมอนี่ไม่ได้สะทกสะท้านหรอก ยังมีหน้าโน้มตัวลงมาคลอเคลียที่ปากผมอีกต่างหาก...เยอะเกินไปแล้วเหอะ!

                    ชอบยั่วตลอดอ่ะ...

                    ไม่ได้ยั่ว!!!” ผมใช้ฝ่ามือดันใบหน้าหล่อจัดให้ออกห่าง ซีวอนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะยอมนั่งนิ่งๆ ให้ผมนอนหนุนตักเขาได้สบายๆ โดยไม่เสียกำไรอีก จู่ๆ เราทั้งคู่ก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความเงียบ มีเพียงเสียงของการ์ตูนที่ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ ทีแรก...ผมก็นอนดูการ์ตูนอยู่ดีๆ นั่นแหละ แต่จนแล้วจนรอดดวงตาของผมกลับหยุดนิ่งที่เสี้ยวหน้าของเขาซะอย่างนั้น ซีวอนเวลาไม่พูดจาอะไร...ดูน่ากลัวเหมือนกันนะ...นัยน์ตาของเขามันนิ่งไม่ไหวติ่ง...เรียวปากคมที่ชอบยิ้มกวน ครั้นปราศจากรอยยิ้ม ใบหน้าของเขาไม่ต่างอะไรไปจากอสูรในการ์ตูนที่เรากำลังดูอยู่เลยสักนิด

                    Beauty and The Beast

                    ซีวอน...ถ้าเกิดฉันเคยโกหก หลอกลวง นาย...นายจะโกรธฉันไหม?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อผมพูดประโยคนั่นจบ...ซีวอนไม่ตอบอะไรนอกจากนั่งเงียบต่อไป เขาปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบ

                    ความเงียบที่ว่า...เขาหมายถึงอะไร ไม่โกรธ โกรธ หรือเกลียด...

                    เบลล่าทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพ่อของเธอจากอสูรร้าย...ทว่า อสูรกลับหลงรักเบลล่าอย่างไม่มีเงื่อนไขซ้ำยังรักและพร้อมที่จะปกป้องเธอเสมอ ...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

                    แต่ฉันไม่ใช่เบลล่า...ฉันไม่ใช่โฉมงามแต่ฉันเป็นเดวิล ฉันคือ โจ คยูฮยอน คนที่คิดจะจับนายเพราะหวังเงินต่างหาก... ผมพูดทุกอย่างที่ตัวเองคิด... ตัวตนที่แท้จริงของซีวอน คือคนๆ นี้สินะ ผู้ชายเงียบขรึมที่มองทุกอย่างเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เขาพูดจาเปรียบเทียบแฝงความนัยบางอย่างที่ผมฟังแล้วทำให้เข้าใจในคราวเดียว...

                    เขารู้มานานแล้ว แค่ไม่พูดออกมาก็เท่านั้น...

                    แต่ที่นายทำมันมีเหตุผล...ฉันไม่งี่เง่าเหมือนพระเอกในละครหรอกนะ ที่จะได้โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ฟังคำอธิบายของนางเอกน่ะ เขาเน้นย้ำคำว่า นางเอกซีวอนตัวจริงหายวับไปแล้ว เหลือแต่ซีวอนจอมขี้เล่นที่เอาแต่ยิ้มขำมองผมด้วยดวงตาเปล่งประกายเจ้าเล่ห์

                    ...หมายความว่า ซีวอนรู้ตัวอยู่ตลอดว่าโดนผมปั่นหัว...

                    ฉันไม่ใช่นางเอก...

                    เอ้า! ไม่ใช่นางเอกแล้วเป็นอะไร?

                    ...ตัวอิจฉา... ผมว่าพลางมุ่ยหน้า เบือนสายตาไปทางอื่น...จ้องตาซีวอนนานทีไร รู้สึกหัวใจมันเต้นผิดจังหวะแปลกๆ เสียฟอร์มนิดๆ นะ ที่ผมคิดว่าตัวเองคุมเกมส์ทุกอย่างมาตลอด สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่ลูกไก่ในกำมือของซีวอน ที่บังเอิญฉลาดรู้เรื่องทุกอย่างมาตั้งแต่แรก

                    ดีนะ...ที่เขาไม่โกรธผมจนฆ่าให้ตายอย่างในฝัน

                    ไม่งั้น...ผมคงโทษโชคชะตาไปตลอดชีวิต!

                    ชเว ซีวอน คือผู้ชายฉลาดแห่งยุค...โจ คยูฮยอน เจ้าเล่ห์ขนาดไหน อย่าคิดว่าจะหลอกอสูรอย่างฉันเลย...เพราะฉันน่ะ มันหล่อมากยังไงล่ะ~ (((^O^)))”

                    ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย!!!”

                    ลงโทษเดวิลหน่อยดีกว่า.............................

                   

                   

     

     

     

     

                    ความลับบางอย่างที่ โจ คยูฮยอนยังไม่รู้

     

                    คือ ชเว ซีวอน อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทุกอย่างยังไงล่ะ...

     

                    คุณป้าคิมขี้งกคิดจะหลอกเอาเงินจากแม่ของผม ใช่ว่าผมจะไม่รู้เรื่อง...ที่ปิดปากเงียบก็เพราะบังเอิญถูกใจท่าทียียวนของ โจ คยูฮยอน เข้าต่างหาก

                    ทีแรก...ผมก็ไม่อะไรมากหรอก แค่หวังเครมก็จบเรื่อง... เพราะไหนๆ คยูฮยอนก็เสนอตัวให้ขนาดนี้...

                    แต่...เพราะผมมันไม่มีสเป็คตายตัว พอได้ถูกยั่วประสาทเข้าหน่อย ไอ้ผมมันก็หลงคนน่ารักปากเก่งเสียเต็มเปา หวังจะแก้แค้นกลับบ้างมันก็ทำไม่ลง ไม่เอาหรอกครับ...แบบในละคร ถึงผมจะเป็นอสูร แต่ก็เป็นอสูรหน้าหล่อจิตใจดีนะ  เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น...ผมแค่วางให้มันดำเนินไปในทางที่ควรจะเป็น...

                    แทคยอนและซูจอง แต่งงานกันได้เพราะทางผู้ใหญ่จัดการ...ถึงจะบังเอิญที่สองคนนี้เกิดสปาร์คกันก็ตาม

                    ผมทำตัวเป็นอาเสี่ยเลี้ยงที่ตามติดเขาทุกฝีก้าว...เพราะผมกลัวว่าคุณป้าคิมอาจจะส่งคยูฮยอนไปให้คนอื่นในวันใดวันหนึ่ง หากผมปล่อยมือจากเขาไป ผมกลัวว่าเธอจะมองคยูฮยอนเป็นเพียงสินค้าที่หากำไรได้เสมอ เมื่อเธอต้องการ และเมื่อถึงตอนนั้น คยูฮยอนจะไม่มีศักดิ์ศรีอีกต่อไป...

                    สู้ให้คนขี้อ้อนอยู่กับผม...เห็นจะดีกว่าเป็นไหนๆ

                   

     

     

                    เคยได้ยินไหมครับว่าความรักมันเกิดขึ้นได้เสมอ...

     

                    ผมเหมือนอสูรที่ถูกจองจำโดยความรักจอมปลอม รักที่เกิดขึ้นเพราะความหลงระเริงในหน้าตาทางสังคม ส่วนคยูฮยอนก็เหมือนกับเบลล่าในคราบเดวิลตัวร้าย ที่เข้ามาก่อกวนชีวิตผม...ผมรักในความเป็นตัวตนของเขา ความรู้สึกของคยูฮยอนที่แสดงออกมามันคือความจริง ปราศจากการแสแสร้งที่ผมเจอมาบ่อยจากผู้หญิงมากหน้าหลายตา...ผมพร้อมที่จะรักและปกป้องเขาเสมอ ขอแค่ทุกวันที่ตื่นมา มีเขาอยู่ข้างกายก็พอ...

                    เพลย์บอยอย่างผม พร้อมจะถอดเล็บถอดเขี้ยว สิ้นลายอสูรเสมอ เมื่อเจอคนที่ใช่...

     

     

                    คนๆ นั้น ก็คือ เบลล่าในชีวิตจริง...

     

     

     

                    โจ คยูฮยอน

     

              ผมรักคุณครับ เดวิลตัวร้าย

     

     

    The End

     

    Talk*

                อ๊าก =3=  ในที่สุดก็ปิดเรื่องนี้จนได้... ทุกคนคงคิดว่าจบง่ายไปไหม? ทำไมไม่ดราม่า เรื่องนี้ไม่มีคำว่าดราม่าอยู่ในหัวสมองไรเตอร์มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วค่ะ ไรเตอร์แค่อยากถ่ายทอดเรื่องราวของโฉมงามกับอสูรในอีกรูปแบบหนึ่งต่างหาก...ขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ขอบคุณจริงๆ ค่ะ เจอกันใหม่ใน Evil’s story เรื่องต่อไปนะ ^^

    ตัวอย่างเรื่องต่อไป.. Hyun Rocker
    โจ คยูฮยอน " ผมหลุดออกมาจากท้องแม่ ผมก็เห็นสัจธรรมแล้วล่ะ ว่าผมน่ะ ควรจะเป็นร็อคเกอร์สตาร์!!! "
    ชเว ซีวอน " พี่น่ะ ห่างจากเราแค่ 5 ปี อาบน้ำให้เราพี่ก็เคยมาแล้ว ฉะนั้นเลิกเรียกพี่ว่าลุงซีวอนสักที... "
    อี ทงเฮ " กูก็แค่ซื่อสัตย์ต่อจิตใจ หัวใจกูคิดยังไงกูก็พูดอย่างนั้น... นี่ คยูฮยอน กูพร้อมเป็นเมะให้มึงนะ กูเห็นมึงมาทุกสัดส่วนตั้งแต่เด็กแหละ มึงอย่าเที่ยววิ่งไปซบอกพี่ซีวอนได้ป่ะ กูหึง!!! "

    #แก้คำผิด



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×