คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : [S Fic] Just Me. [ -7- ] {END} ----------- 100%
-7-
บุหรี่คือสิ่งที่เขาไม่ได้จับต้องมาแรมเดือน หากทว่ารสบุหรี่ขมๆ รวมไปถึงกลิ่นที่ชวนให้ต้องข่มตายามสูดนำสารนิโคตินเข้าปอดกลับมีผลทำให้เขารู้สึกคลายอารมณ์งุ่นง่านน่าหงุดหงิดลงมาได้เล็กน้อย ดวงตาคู่คมมองทอดไปยังผนังห้องสีสว่าง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ห้องส่วนตัวของเขา แต่กลับเป็นของเด็กหนุ่มที่นอนหลับพริ้มอยู่ข้างๆ เสื้อผ้าทุกชิ้นยังคงเกลื่อนระเกะระกะไปตามพื้นห้อง น่าขำสิ้นดีเมื่อชายหนุ่มในวัยเช่นเขา วัยที่ควรระงับสติอารมณ์กลับอยากจะทำอะไรต่อมิอะไรไม่ต่างจากพวกวัยรุ่นคะนองรัก เนื้อผิวขาวจัดที่โผล่พ้นผ้านวมสีฟ้าเผยร่องรอยที่เขาทำไว้มากพอดู ชเว ซีวอนวางมวนบุหรี่ที่หมดไปเกือบค่อนไว้ให้ห่างมือ พลางโน้มกายกลับลงไปหาคนที่กำลังส่งเสียงงัวเงีย แสงไฟสลัวในห้องรวมไปถึงความหนาวเย็นจากภายนอกบ่งบอกเวลาดึกสงัดในยามนี้ได้เป็นอย่างดี
“ตัวร้อน” เขาบ่นให้กับความร้อนที่สัมผัสได้เมื่อยามยกแขนขึ้นสอดรวบเอวของคนข้างกาย คยูฮยอนมีไข้เสมอเมื่อยามที่พวกเขามีอะไรกันเกินเลยกว่าที่อารมณ์จะหยุดยั้ง ลมหายใจอุ่นร้อนคงทำให้คนมีศักดิ์เป็นอาได้คิดสักนิดว่าร่างกายของคนเป็นหลานไม่ได้รองรับความต้องการของเขาได้สูงมากอย่างที่ควรจะเป็น เขายังไงเสียก็คือผู้ชายที่มีความอยาก ส่วนคยูฮยอนก็ยังคงเป็นเด็กที่ไม่ประสีประสาในเรื่องอย่างว่า...แม้ตัวเขาจะเป็นคนสอนรสรักให้ก็ตาม
“อาจะไปไหน...” เสียงอ้อแอ้ที่ดังลอดจากร่างที่กำลังคดตัวอยู่ในผ้าน่วมทำให้ซีวอนหยุดมือที่กำลังกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนเองให้เข้าทีเข้าทาง... เขาหันกลับมามองร่างที่กำลังปรือตามองเขาอย่างอ่อนแรงพลางเอื้อมมือไปแตะสัมผัสเข้าที่ข้างแก้ม และการที่เขาทำเช่นนั้นก็ทำให้คยูฮยอนขยับตัวเข้าหาฝ่ามือของเขาเหมือนลูกแมวช่างอ้อน หลับตาและเผยยิ้มเมื่อเขาลูบนิ้วเบาๆ ไปตามผิวแก้มสีระเรื่อ
“ไปหาผ้ามาเช็ดตัวให้เธอหน่อย...ท่าทางจะไข้ขึ้นอีก”
“ไม่ต้องก็ได้ ตัวร้อนนิดเดียว เดี๋ยวก็หาย...”
“.......”
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกหน่า แค่ไข้นิดหน่อยอีกอย่างคนที่ทำให้เป็นก็อยู่ตรงนี้ นอนกอดคนแถวๆ นี้ ตื่นเช้าเดียวก็หายเองแหละครับอา...” คนที่ตอนแรกทำเหมือนหมดแรงเต็มทนหยัดตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะขยับกายเข้ามาใกล้ มือบางปัดผ้านวมที่ปิดร่างขาวจัดให้ออกห่างก่อนเรียวมือที่ว่าจะไล้ขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของคนที่อายุมากกว่าอย่างเชื่องช้า บางครั้ง...ราชสีห์ก็มักถูกกลลวงของสัตว์เล็กๆ หลอกล่อได้เสมอ... ชเว ซีวอนกดสายตามองดวงหน้าที่แนบวางลงบนอกของเขา มือที่ปลดเม็ดกระดุมวกกลับขึ้นมายึดหัวไหล่ของเขาไว้มั่นก่อนจะตั้งใจก่อกวนส่วนล่างของเขาให้รู้สึกไม่สงบอีกครั้ง
ชเว ซึงฮยอนคิดว่าเมื่อคืนเขาคงนอนฟังเสียงครางของโจ คยูฮยอนจนชินชา...ในเมื่อห้องอยู่ตรงข้ามกันแค่นี้...และดูเหมือนจะระเริงรักกันทั้งคืน
ชายหนุ่มทอดสายตามองรถแวนคันหรูที่วิ่งเข้ามาจอดเทียบท่าภายในตัวบ้านตระกูลชเวผ่านทางระเบียงชั้นสอง... คุณลุงชีคยองและคุณป้าอินยองก้าวลงมาจากรถ ตามด้วยสาวใช้ที่ช่วยกันขนกระเป๋าเดินทางของทั้งคู่กันคนละไม้ละมือ...เขาได้ยินมาจากซอฮยอนว่า หากวันไหนที่คุณลุงคุณป้ากลับมาจากต่างประเทศไวกว่ากำหนด มักทำเซอร์ไพรส์ลูกชายบุญธรรมด้วยการเข้าไปปลุกเจ้าตัวถึงห้องในตอนเช้า... และมอบของขวัญจากประเทศนั้นๆ ให้เจ้าตัว เหมือนกับโอ๋เด็กเล็กๆ ไม่มีผิด...มันดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ... แต่บังเอิญที่ว่า มันดันเป็นความจริงที่คยูฮยอนหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะสิ
ซึงฮยอนคิดว่าเขาพยายามใจดีกับคนสองคนนี้มาเสมอ
แต่บางทีมันก็ควรจะถึงเวลาที่เรื่องแบบนี้... ไม่ควรเป็นความลับที่คนอื่นช่วยกันปิดอีกต่อไป บางทีการที่เขาอยู่เฉยๆ ดีกว่าหุนหันพลันแล่นมันคงเหมาะกว่าเป็นไหนๆ
มันดูใจร้ายใช่ไหม...คนอย่าง ชเว ซึงฮยอนก็ใจร้ายกับคยูฮยอนได้เสมออย่างที่คยูฮยอนมองเขาเป็นคนร้ายกาจตั้งแต่เด็กจนโตนั่นแหละ...
คุณนายอินยองใบหน้าซีดเผือดเมื่อยามที่เปิดประตูห้องนอนของลูกชายบุญธรรม หล่อนตั้งท่าจะปิดประตูนั่นเสีย หากสามีอย่าง ชเว ชีคยองไม่ยักจะสนใจในท่าทีอิหลักอิเหลื่อของหล่อนเลยสักนิด ฝ่ามือใหญ่ของเขาเอื้อมไปผลักเปิดประตูในกว้างออก และนั่นก็คงทำให้ผู้เป็นใหญ่ในบ้านชเวในเวลานี้ไม่สามารถอธิบายอารมณ์ความรู้สึกได้ถูกนัก
เสื้อผ้ากองเกลื่อนกลาด
และ...
ร่างของคนที่กำลังใช้แขนหนุนต่างหมอนแก่ลูกชายของเขาเอง...
ผ้านวมปิดผิวกายของเด็กหนุ่มที่กำลังหลับสนิท แน่นอนว่าภายใต้ผ้านวมนั่นคงไม่มีเสื้อผ้าแต่อย่างใด...ใครอีกคนก็เช่นกัน...
โมโหหรือจะสู้บันดาลโทสะ...
ชเว ชีคยองตรงดิ่งเข้าไปกระชากแขนของเด็กหนุ่มเสียจนเจ้าตัวตื่นขึ้นจากนิทรา...ดวงหน้าขาวจัดมีท่าทีตื่นตระหนกไม่ต่างจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายของเขาอย่าง ชเว ซีวอน...ฝ่ามือที่เคยถนอมเด็กคนนี้ อุตส่าห์ทั้งรักทั้งเฝ้าดูแลตบเข้าอย่างแรงบริเวณผิวแก้มซีดขาว และอีกหมัดที่ซัดใบหน้าหล่อเหลาของน้องชายตัวดีเพื่อหวังจะระบายความโกรธที่มีมากเสียงยิ่งกว่ากองไฟโหมกระหน่ำ
“บัดสี!!” เสื้อผ้าที่กองใกล้พื้นที่เขายืนถูกคว้าขึ้นเพื่อขว้างใส่ใบหน้าของโจ คยูฮยอน ร้อนถึงคุณนายอินยองต้องรีบคว้าตัวสามีของเธอไว้ก่อนผู้เป็นใหญ่ของชเวจะพลั้งมือไปมากกว่านี้
“คุณคะ...หยุดเถอะค่ะ!!!”
“แกก็เหมือนกันไอ้ซีวอน...กล้ามาก กล้าทำเรื่องแบบนี้ในบ้านหลังนี้ได้ยังไง!!!” เสียงทุ้มกังวานตะโกนไปทั่วห้อง...ชเว ซีวอนมีสีหน้านิ่งเฉย ราวกับไม่รู้สึกอะไรแล้วหากเรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร ชายหนุ่มโค้งศีรษะให้แก่พี่ชายเล็กน้อยตามด้วยการกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบอยู่ในที
“มันเป็นสิทธิของผม”
“สิทธิ...แกบอกว่านี่มันคือสิทธิ สิทธิที่แกมีอะไรกับหลานตัวเองอย่างนั้นหรือไง... คยูฮยอนเขาเป็นลูกของฉัน ลูกแท้ๆ ไม่ใช่ลูกบุญธรรมอย่างที่แกคิด...”
ลูกแท้ๆ คยูฮยอนนึกทวนคำพูดของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อบุญธรรมอยู่ในใจ...
เด็กหนุ่มช้อนสายตาไปยังชายตรงหน้า ชายที่เพิ่งพลั้งปากว่าเขาเป็นลูกแท้ๆ พลันสายตาไปเจอะกับดวงตาของหญิงผู้เป็นแม่บุญธรรม...หล่อนสบตาเป็นคำตอบ...คำตอบที่คยูฮยอนคิดว่า มันอาจมีบางอย่างที่เขาอาจคิดผิด...มันอาจไม่ใช่...
เขาไม่ใช่คนของชเวมาตั้งแต่แรก ฉะนั้นเขาไม่มีทางเป็นลูกแท้ๆ ของ ชเว ชีคยองเป็นแน่
ไม่มีทางอยู่แล้ว...เขามันก็เป็นแค่เด็กที่เกิดจากความไม่ต้องการหนิ แค่บังเอิญว่าแม่ที่แท้จริงของเขาเป็นน้องสาวของแม่บุญธรรม เขาถึงได้มาอยู่ที่นี่ในฐานะคนของชเว...
“คุณพ่อหมายความว่ายังไง...”
“ลูกเป็นลูกของพ่อ...”
“...ผมไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น”
“เพราะพ่อเคยนอกใจแม่...”
อี ทงเฮเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเข้ามาภายในห้องของโจ คยูฮยอนนับตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวันก่อน...เขาได้ยินมาว่าลุงชีคยองออกคำสั่งขังคยูฮยอนไว้ในห้องจนกว่าท่านจะเคลียร์เรื่องของ ชเว ซีวอนได้จนจบดี รวมไปถึงเรื่องพินัยกรรม...ในทีแรกลุงคนขับรถที่เขามักพูดคุยด้วยบ่อยๆ เวลามาที่บ้านชเวแอบเล่าให้ฟังว่าชเว ซีวอนหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปก็หลายหนที่ลุงชีคยองขังคยูฮยอนไม่ให้ออกไปไหน ซ้ำยังอนุญาตให้เพียงเขาและคุณป้าอินยองเข้าไปดูแลคยูฮยอนเท่านั้น...
เหตุผลง่ายๆ คือกลัวว่าคยูฮยอนจะเตลิดไปกับชเว ซีวอน...
เพราะเจ้าตัวเพิ่งรู้ว่าความจริง...ว่าตัวเองเป็นลูกแท้ๆ ไมใช่ลูกบุญธรรมอย่างที่เข้าใจมาตลอด แต่กระนั้น อี ทงเฮก็เชื่อเหลือเกินว่าคยูฮยอนไม่ใช่เด็กอ่อนต่อโลกถึงขั้นช็อคไปกับสิ่งที่ได้รับรู้... คยูฮยอนฉลาดและมีหัวคิดมากพอ...และเขาก็เชื่อว่า คยูฮยอนมีสติและไม่คิดทำอะไรบ้าๆ แน่
“คยูฮยอน...” เขาเรียกชื่อคนที่นั่งขดตัวอยู่พื้นข้างเตียง...ดวงหน้ากลมขาวเงยขึ้นพลางช้อนสายตามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะก้มใบหน้าแนบหัวเข่าของตนเองตามเดิม
“พ่อขังฉันไว้ทำไมก็ไม่รู้ ไม่คิดหรือไง ว่าถ้าฉันอยากจะหนีไปกับซีวอนมากขนาดไหน ฉันก็ทำได้ทั้งนั้น...”
“คุณลุงชีคยองคงกำลังเดือดอยู่น่ะสิ คุณอาที่รักของนายก็กำลังร้อน...ใครๆ ก็กำลังทำอะไรไม่ได้กันทั้งนั้น รังแต่จะยิ่งแย่ถ้าบุ่มบ่ามไม่รู้จักคิด” เขาพูดพลางทิ้งกายนั่งลงข้างๆ กายคนที่ไม่มีสีหน้าท่าทางใดๆ แสดงออกมาให้เห็นชัดเจนมากนัก ทงเฮเอื้อมมือไปรั้งศีรษะของเพื่อนหัวดื้อเพื่อให้ซบอยู่ที่หัวไหล่ของเขาพลางกดยิ้มบางเบาเมื่อครั้นดวงตาคู่กลมช้อนมองเขานิดหน่อยก่อนจะเฉมองไปทางอื่นเหมือนหงุดหงิดคำพูดเขากระมัง
“ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรนักหรอกว่าฉันจะเป็นลูกแท้ๆ หรือลูกบุญธรรมของคุณพ่อ ยังไงซะ ฉันก็เลือกที่จะรัก ชเว ซีวอนแล้ว...ไม่ว่าคุณพ่อจะเคยนอกใจคุณแม่ เคยแอบมีอะไรกับน้องภรรยาของตัวเอง แล้วพลาดจนมีฉันขึ้นมา...ฉันก็ไม่สนทั้งนั้นว่าตัวเองจะเป็นคนของชเวหรือไม่... ความเป็นชเว ไม่ได้ตัดสินให้ฉันต้องเลิกรักผู้ชายคนนั้นเพราะฉันเลือกเส้นทางของฉันแล้วจริงๆ”
“ฉันรู้แล้วล่ะหน่าว่านายรักคุณอาของนายม๊ากมาก...” คยูฮยอนหยิกแขนเขาให้จังๆ หลังจากเผลอเน้นเสียงประชดไปนิดหน่อย กระนั้น อี ทงเฮก็สามารถลอยหน้าสาธยายต่อได้อย่างไหลลื่นอยู่ดี “...แต่ฉันก็อยากให้นายใจเย็นแล้วรอดูสถานการณ์ต่อไปดีกว่า ดูว่าคุณอาซีวอนของนายเขาจะทำยังไง...เขาจะกล้าทิ้งความเป็นชเวอย่างที่นายกล้าทำรึเปล่า”
“...ฉันก็คงโดนขังอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าอาซีวอนจะตัดสินใจทำอะไรงั้นสิ”
“นายน่าจะรู้ดีว่า ชเว ซีวอนน่ะ บางทีก็ร้ายกาจได้มากเท่านายหรือบางที อาจมากกว่าด้วยซ้ำ”
“......”
“จะบอกอะไรให้นะ คยูฮยอน...คนอย่างชเว ซีวอน...เคยเป็นคนอ่านออกง่าย แต่ตอนนี้ฉันว่าไม่แล้วล่ะ...ท่าทางจะอยู่กับนายมากเกินไปน่ะสิ”
“อี ทงเฮ พูดตรงๆ และอย่าอ้อมค้อม”
“ฉันแค่จะบอกว่า...ในฐานะของผู้ชายแล้วล่ะก็ ฉันแค่คิดว่า ชเว ซีวอนคงกำลังคิดทำอะไรที่ไม่คาดฝันแน่ๆ นายอาจต้องเตรียมใจไว้รอรับความตื่นเต้นนิดหน่อย...เอาล่ะ! ฉันคิดว่าฉันควรจะกลับบ้านได้แล้ว เห็นโจ คยูฮยอนยังอยู่ในสภาพไม่สึกหรอฉันก็สบายใจ”
ร่างของอี ทงเฮหยัดตัวลุกขึ้นจากพื้น คยูฮยอนมองใบหน้าของเพื่อนสนิทที่มีรอยยิ้มกวนๆ เป็นเหมือนเครื่องหมายการค้า และก่อนที่ทงเฮจะได้เดินออกไปจากห้องของเขาดี ประตูก็ถูกผลักออกช้าๆ โดยฝีมือของเจ้าของร่างสูงใหญ่ในมือถือถาดอาหารพร้อมด้วยแก้วนมจัดเรียงมาเป็นอย่างดี ติดก็ตรงที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็น ชเว ซึงฮยอนที่กำลังยืนถือถาดที่ว่าแม้ใบหน้าจะบอกบุญไม่รับก็ตาม
“สวัสดีครับพี่ซึงฮยอน...ว่าแต่นี่...” อี ทงเฮโค้งศีรษะให้บุคคลตรงหน้าเล็กน้อยพลางก้มมองถาดอาหารที่ว่า และนั่นก็คงทำให้คยูฮยอนไม่พอใจกันนิดหน่อยถึงได้พ่นเสียงเหอะดังๆ ให้ได้ยิน...
“ฉันแค่เอาอาหารมาประเคนคนถูกขังตามคำสั่งของคุณลุงคุณป้า...”
“อ่า...ผมอยู่เป็นเพื่อนคยูฮยอนตอนทานข้าวดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก...นายน่ะกลับไปเถอะ คุณลุงชีคยองท่านคงไม่ชอบเท่าไหร่ถ้านายจะอยู่กับคนมีความติดตัวถึงดึกดื่น เพราะเดี๋ยวอาจเกิดคดีซ้ำๆ ซากๆ อีก” ให้ตายสิน่า...ชเว ซึงฮยอนก็ยังคงดีกรีปากร้ายได้มากเท่าเดิมอย่างที่ไม่เคยเปลี่ยน...ทงเฮนึกอยู่ในใจ พลางมองกลับไปยังเจ้าของร่างโปร่งที่ตอนนี้หน้าบอกบุญไม่รับยิ่งกว่าผู้ชายตรงหน้าเขาเสียอีก... เขาหัวเราะแห้งๆ ให้กับสถานการณ์ที่ดูจะคุกรุ่นอย่างอธิบายไม่ถูก ซึงฮยอนหลีกทางให้เขาออกจากห้องประหนึ่งบังคับกันกลายๆ
ใจหนึ่งเขาก็อยากจะอยู่ต่อ แค่รู้สึกไม่วางใจ...
“เพื่อนนายถูกขังเดี่ยว ไม่ใช่มีนายมาขังคู่...”
“........”
“เพื่อนอยู่ส่วนเพื่อน...ครอบครัวอยู่ส่วนครอบครัว... ฉันคิดว่านายฉลาดและแยกแยะสองคำนี้ได้ดีนะ อี ทงเฮ”
“.........”
“ทงเฮ...กลับไปเถอะ ถ้าไม่รีบกลับเดี๋ยวจะโดนหมาบ้าแถวนี้กัดเอา”
“แต่ว่า...”
“ทงเฮ...ฉัน ไม่ เป็น ไร”
นี่คงเป็นครั้งแรกเลยล่ะที่คนอย่างทงเฮถูกตอกกลับเสียจนหน้าหงายไม่เป็นท่า เขาพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนที่เรียกได้ว่า ตอนนี้มันคงเป็นกรงขังชั้นเยี่ยมมากกว่า...เมื่อเขาเดินห่างออกมา ประตูห้องที่ว่าก็ถูกปิดลงดังโครม...
คนตระกูลชเวเข้าใจยากทุกคนเลยสิหน่า...
ถาดอาหารถูกวางลงบนโต๊ะเขียนหนังสือก่อนที่คนชอบทำหน้ายักษ์จะยืนกอดอกมองร่างขาวจัดที่ยังนั่งอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อนตัวไปไหน...ชเว ซึงฮยอนย่อตัวลงไปนั่งมองเสี้ยวหน้าขาวที่กำลังบูดบึ้งได้ทีก่อนจะเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ
บางทีเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักว่าทำไมพอเห็นหน้างอๆ ของโจ คยูฮยอนทีไร คำพูดดีๆ กลับไม่เคยมีอยู่ในหัวเลยสักครั้ง ก็อย่างที่เข้าใจ...ในเมื่อเขาโดนมองว่าใจร้ายใจดำมาเสมอ จะใจดีให้ถึงที่สุดก็คงไม่ได้ทำให้เด็กบ้านี่มองเขาเป็นคนดีขึ้นมาหรอก
“นาย
“การถูกขังอยู่ในห้องนี้ก็ไม่ต่างจากถูกล่ามโซ่สักเท่าไหร่”
“คุณลุงชีคยองสั่งให้คุณอาซีวอนกลับเยอรมันในวันพรุ่งนี้...ท่าทางนายจะถูกทิ้งซะแล้วล่ะ เด็กน้อย”
“เลิกพูดจากวนประสาทแล้วหุบปากสักที...ไม่มีใครหาว่าคุณ
ว่าแล้วเชียว... คนอย่างอี ทงเฮ ไอ่เรื่องเซ้นท์ไม่เคยพลาด!
ชายหนุ่มแนบใบหูอยู่หน้าประตูหลังจากรู้สึกระคายต่อการกระทำของ ชเว ซึงฮยอน แล้วดูท่าเขาจะคิดไม่ผิดเสียด้วย... เขาได้ยินเสียงบทสนทนาทุกอย่าง ถึงตอนนี้แล้วทงเฮถึงได้บิดลูกบิดประตูที่ถูกล็อคจากด้านในอย่างร้อนใจ เสียงทะเลาะที่ว่ายังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจวบจนเมื่อเขาตะโกนขึ้นหวังจะให้เสียงของตัวเองลอดผ่านเข้าไป กลับมีเพียงเสียงแก้วที่ตกลงมาแตกกระทบพื้น
“คยูฮยอน!!! ได้ยินฉันไหม? นี่!! ไอ้ซึงฮยอนมึงคิดจะทำอะไรวะ” เขาคิดว่าการมีสัมมาคารวะกับ ชเว ซึงฮยอนคงไม่มีผลในทางบวกแล้วล่ะ!
“.....”
เงียบไป...จู่ๆ ทุกอย่างกลับเงียบไป...
ใจไม่ดีเสียยิ่งกว่าเก่า...
“มีเรื่องอะไร!!” ชเว ซีวอนนั่นเองที่โพล่งเสียงขึ้นมาหลังจากดูท่าอาจวิ่งขึ้นมาจากชั้นล่างเพราะได้ยินเสียงของเขาตะโกนลั่น...ผู้ชายคนนี้หอบหายใจถี่ในขณะที่ดวงตาคู่คมก็จ้องหน้าเขาราวกับอยากจะได้คำตอบเสียเดี๋ยวนี้
“ไอ่ซึงฮยอน...เอ่อ ผมหมายถึง ชเว ซึงฮยอน เข้าไปในห้องคยูฮยอนเมื่อครู่ ดูเหมือนพวกเขาจะทะเลาะกันค่อนข้างรุนแรง...อะเออ...” ยังไม่ทันที่อี ทงเฮจะพูดจบประโยคดี ประตูห้องที่เขาพยายามเปิดอยู่นานสองนานกลับถูกผลักออกอย่างแรงด้วยฝีมือของคนที่เพิ่งเข้าไปมีปากเสียงกับเจ้าของห้องเมื่อครู่ อะไรๆ มันก็คงดูเชื่องช้าไปหมดเมื่อเทียบกับ ชเว ซีวอน... ชายหนุ่มในวัยสามสิบสองก้าวขายาวๆ เข้าไปในห้องนอนของเพื่อนสนิทของเขาแทบจะในทันที บางทีชเว ซีวอนอาจลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้โจ คยูฮยอน...
แต่กระนั้น อี ทงเฮก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังผู้ชายคนนั้น ก่อนจะตวัดสายตามองชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่เดินออกมายืนนิ่งๆ อยู่ข้างประตู...หมอนั่นถอนหายใจยาว ใบหน้าที่ค่อนข้างจะออกไปในทางคมดุมีรอยเหมือนถูกหมัดซัดเข้าที่โหนกแก้ม...ดวงตาสีชานั่นดูๆ ไปแล้วอาจกำลังระงับไฟที่ปะทุเดือดในร่าง...ความโกรธงั้นหรอ? เขาว่าไม่หรอก...
กำลังอิจฉาอยู่น่ะสิ อิจฉาที่คนที่ได้กอดคยูฮยอนมีเพียง ชเว ซีวอนคนเดียว
ชเว ซึงฮยอนแม่งน่าตลกชิบหาย...
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ชเว ซึงฮยอน...บางทีคนเราก็ไม่ควรทำอะไรให้มันตึงหรือหย่อนจนมากเกินไป...รักก็บอกว่ารัก ไม่ใช่บอกว่าเกลียด รักก็ควรดูแลไม่ใช่ทำร้ายจิตใจกันซ้ำแล้วซ้ำอีก...แล้วเมื่อไหร่ล่ะครับที่คุณจะได้สิ่งที่เรียกว่าความรักตอบแทน”
“......”
“น่าตลกดีชะมัดสิหน่า” อี ทงเฮทิ้งท้ายประโยคอย่างไม่ยี่หระ ชเว ซึงฮยอนยืนค้างอยู่ตรงนั้นได้ไม่นานก็เปิดประตูห้องฝั่งตรงข้ามแล้วปิดอีกทีด้วยพละกำลังที่บอกได้เลยว่าพายุทอร์นาโดที่ห้ามเอาอะไรไปขวางทั้งสิ้น ชายหนุ่มลดสายตาของตนกลับไปยังภาพเบื้องหลังภายในห้องของเพื่อนสนิท... คยูฮยอนก็ยังคงเป็นคยูฮยอนอยู่วันยังค่ำ ปากบอกว่าตัวเองเข้มแข็ง แต่จนแล้วจนรอด เจ้าตัวก็กลับสะอื้นฮักอยู่ภายใต้อ้อมกอดของผู้ชายคนนั้นไปเสียแล้ว...
อี ทงเฮ รู้ใจ โจ คยูฮยอน มากขนาดไหน ก็มากพอที่จะวางใจและปล่อยให้ผู้ชายที่ตัวเองเหม็นขี้หน้ามาตลอด ได้จับมือคยูฮยอนเดินจากเขาไปแล้วล่ะ
ใบหน้าคมคายอมยิ้มเพียงนิดก่อนจะเอื้อมมือไปปิดประตูห้องนอนของคยูฮยอนให้เรียบร้อยเสีย...บางทีคนสองคนอาจต้องการเวลาส่วนตัว เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะต้องเจออะไรอีก...ก็ถ้าพระเจ้าใจดีกับคยูฮยอนสักหน่อย...เขาก็เชื่อเหลือเกินว่าความรักครั้งนี้ของเพื่อนรักของเขาเองจะไม่มีทางได้รับความเจ็บปวดอย่างแน่นอน
“หมอนั่นทำอะไรเธอไหม”
เสียงแรกที่เอ่ยถามไม่เท่ากับอ้อนแขนที่สอดเข้ามาโอบรัดร่างของเขาในทันทีที่ชเว ซีวอนสามารถพาตัวเองเข้าในอยู่ในห้องที่อับแสงแห่งนี้ได้ การถูกขังในห้องนี้ในทีแรกคยูฮยอนมองว่ามันเป็นเรื่องที่ยังไงเสียก็ไม่ได้มีผลกับเขามากนัก การถูกขังให้ความรู้สึกเหมือนถูกล่ามโซ่ก็จริง แต่การที่เขาได้เห็นใบหน้าของผู้ชายตรงหน้าบวกกับคำพูดของเขาไม่ได้อยากจะนำมาใส่ใจของ ชเว ซึงฮยอนเมื่อครู่แล้ว อะไรๆ ก็สามารถทำให้สติของ โจ คยูฮยอนแตกกระเจิงไปได้หมดอย่างที่ไม่เคยเป็น
“ไม่...ไม่เลยครับ ผม... ยังเป็นของ...คุณ” น้ำเสียงที่แทบจะไม่เป็นประโยคอดไม่ได้ที่ชายหนุ่มจะยกมือขึ้นลูบกลุ่มสีเข้มนั้นอย่างปลอบประโลม กายบางกำลังสั่นสะท้านและเขารู้ว่าคยูฮยอนไม่ได้กลัวที่จะถูกซึงฮยอนทำอะไร แต่กลัวว่าอ้อมกอดที่เจ้าตัวกำลังได้รับอยู่ในวินาทีนี้จะจางหายไปต่างหาก
เหมือนครั้งนั้น...เมื่อวันที่เขาเดินจากคยูฮยอนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
แน่นอนว่าเหตุการณ์ในวันนั้นจะไม่หวนกลับมาอีก แม้ ชเว ซีวอน จะยังคงเป็นมนุษย์ที่ยังมีความหยิ่งทะนงอยู่มาก แต่กับครั้งนี้เขาคิดว่าความเป็นชายผู้เย่อหยิ่งจะทำให้เขาสามารถสะสางปัญหานี้ไปได้อย่างไม่ยุ่งยากอะไร
พินัยกรรมน่ะหรือ เขาสละมันทิ้งได้ เขาก็สละความเป็นชเวทิ้งได้เหมือนกัน
“หยุดร้องไห้เถอะ”
“...คุณอย่าไปไหนเลยจะได้ไหม?” ฝ่ามือของคยูฮยอนหยุดที่คอปกเสื้อเชิ้ตของเขาก่อนเจ้าตัวจะออกแรงขย้ำเนื้อผ้าบริเวณนั้นอย่างอดกลั้นโดยที่ไม่เงยหน้าสบตากับเขาเลยสักนิด ใบหน้าขาวจัดค่อนไปทางซีดราวกับคนป่วยยังคงแนบอยู่หัวไหล่ของเขาไม่ต่างจากหยดน้ำตาที่ร่วงเผาะกระทบหัวไหล่หยดแล้วหยดเล่า
“......”
“มันอาจฟังดูงี่เง่าที่ผมอยากให้คุณรักผมแค่คนเดียว แต่ได้โปรดเถอะครับ...ผมมาไกลเกินกว่าจะหันหลังให้กับความรักครั้งนี้ ไม่ว่าจะต้องเจออะไรผมพร้อมยอมรับเสมอ ขอแค่ได้อยู่กับคุณ พระเจ้าอาจไม่ได้ตัดสินให้เรารักกันอย่างถูกต้อง ตั้งแต่ชาติกำเนิดหรือแม้แต่สายเลือด แต่ผมเลือกแล้วจริงๆ ...เลือกที่จะรักคุณ”
“เข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจ...เชื่อใจฉัน แล้วทุกอย่างจะเป็นอย่างที่เราหวัง”
โจ คยูฮยอนมองแผ่นหลังกว้างของคนคนนั้นผ่านบานหน้าต่างที่ถูกล็อคอย่างแน่นหนา...เขายังคงถูกขังเช่นเดิม และผู้ชายที่เอ่ยคำมั่นให้เขาเชื่อใจพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่กำลังขึ้นรถแวนไปโดยไม่หันหลังกลับมามองคนอย่างเขาเลยสักนิด เรียวปากเม้มแน่นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวซ้ำว่ามืออีกข้างกำลังกำชายเสื้อเชิ้ตของตนเองจนเจ็บชา การเชื่อใจคือการที่เขาถูกปล่อยให้อยู่ที่แห่งนี้อย่างโดดเดี่ยวอีกครั้งอย่างนั้นหรือ เด็กหนุ่มแค่หวังว่าการที่เขายืนอยู่ตรงนี้จะทำให้ใครคนนั้นเปลี่ยนการตัดสินใจแต่เปล่าเลย...
เขาไปแล้ว...
แล้วโจ คยูฮยอนจะทำยังไงต่อไป...
ร่างโปร่งก้าวเท้าเอื่อยเฉื่อยไปยังเตียงเบื้องหลัง...ดวงตาตวัดมองกระจกเงาที่สะท้อนภาพเขาเองในยามที่ดูย่ำแย่ที่สุดเลยก็ว่าได้...คยูฮยอนคนนั้นล่ะ คนที่ฉลาดไปเสียทุกเรื่อง...คนที่อยู่ในกระจกเงาดูโง่เง่าสิ้นดี...
โง่จังเลยนะ โจ คยูฮยอน
โง่จนปล่อยให้เขาจากไปอีกแล้ว
อยากได้เขาคืนมา ต้องทำยังไง?
จะต้องทำยังไง...
ชเว ซึงฮยอนคิดว่าเขาได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างกระทบพื้น...จากห้องฝั่งตรงข้าม...ไวเท่าความคิด เขาเปิดประตูห้องของตนก่อนจะเรียกให้สาวใช้ที่มีกุญแจห้องของโจ คยูฮยอน เปิดเข้าไปในทันที...
เด็กโง่!!
เขาคว้าร่างของโจ คยูฮยอนที่นอนไร้สติอยู่กับพื้นห้อง ข้อมือขวามีรอยกรีดลึก ข้างๆ กันคือมีดปลอกผลไม้ที่เขาไม่แน่ใจนักว่าเจ้าตัวไปเอามาจากไหน หยดเลือดสีแดงฉานและขวดยานอนหลับที่กลิ้งตกอยู่ไม่ไกลนัก...
คนบ้าอะไรทั้งกรีดข้อมือ ทั้งกินยานอนหลับ หรือกลัวไม่ตาย?
น่าโมโหชะมัดเลยว่ะ โจ คยูฮยอน!!!
คนทั้งบ้านวิ่งวุ่นกันไปหมดเพียงเพราะ โจ คยูฮยอน พยายามฆ่าตัวตาย...ก็เกือบตายแล้วล่ะ ดีที่เขาเข้ามาทัน...ถ้าตายจริงๆ เขาจะไม่มีวันสงสาร ซ้ำจะยิ้มเยาะให้กับเด็กที่ทำตัวอวดฉลาดมาตลอดแต่กลับไม่รอดฝั่ง ห้องพักคนไข้มีเพียงเขาและคุณลุงคุณป้าที่ดูจะมีสีหน้าค่อนข้างไม่สบายใจ ต่างจากเขาที่เอาแต่จ้องมองร่างขาวจัดที่ยังคงไม่ฟื้นเพราะความอ่อนเพลียนั่นอย่างใจเย็น
ผู้ชายคนนั้นจะรู้ไหมว่า โจ คยูฮยอนคิดจะฆ่าตัวตายเพราะตัวเอง...
หึ ก็ถ้ารู้คงไม่ยอมกลับเยอรมันไปง่ายๆ โดยไม่ต่อรองอะไรเลย
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ คยูฮยอน...”
เสียงของคุณลุงชีคยองเอ่ยแผ่วหลังจากที่ โจ คยูฮยอนลืมตาขึ้นหลังจากหลับแบบนั้นมาเกือบหนึ่งวันเต็มๆ สิ่งที่เด็กคนนั้นแสดงออกมีเพียงรอยยิ้มบางๆ ก่อนเจ้าตัวจะหลับตาลงอีกครั้ง เหมือนปิดกั้นตัวเองและไม่อยากได้ยินเสียงของใครอีก... คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่เดินหายออกไปจากห้องพักคนไข้ เพราะจนใจจะพูดคุยกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนในเวลานี้ ชเว ซอฮยอนเข้ามาเยี่ยมคยูฮยอนเพียงชั่วครู่แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับท่าทีเฉยชานั่นถึงได้กลับไปอีกคน จึงเหลือแต่เขาที่ทำหน้าที่เฝ้าไข้คนหัวดื้อมาได้อย่างอดทน
“อยากตายมากหรือไง” เพราะเขารู้ว่าเด็กนั้นเพียงแค่หลับตาและไม่ได้พักผ่อนอย่างที่ใครเข้าใจถึงได้เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องสี่เหลี่ยม เสียงเหอะที่เขาได้ยินแผ่วๆ บ่งบอกได้ชัดว่า โจ คยูฮยอนกำลังฟังเขาอยู่ เขายกยิ้มให้กับปฏิกิริยาน่ารำคาญกระนั้นก็ยังวางท่าและเอ่ยประโยคถัดไป “ยอมแพ้แล้ว? ถึงได้อยากตาย หรือแค่เรียกร้องความสนใจ”
“เหตุผลของผม คุณจะเข้าใจอะไร”
“เด็กโง่”
“ขอบคุณที่ชม”
ดูเข้าสิ...
ชเว ซึงฮยอนยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้กับคำพูดคำจาของคนเพิ่งรอดชีวิต แถมยังเป็นเขาซะด้วยที่เป็นคนช่วยชีวิตเด็กหัวดื้อนี่ไว้ เขาถอนหายใจหนักๆ ออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะตวัดสายตาเบนไปมองสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ โจ คยูฮยอนบ้าง...การมองเด็กนั้นอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เด็กจนโต มันทำให้เขารู้ว่า ไม่ว่าจะใช้วิธีใด...คนคนนี้ก็คงไม่มีทางเห็นเขาในสายตา...
เลิกมองดวงตาคู่นั้นได้แล้ว ชเว ซึงฮยอน...
โจ คยูฮยอนยกข้อมือขวาที่มีผ้าผันแผลปิดบาดแผลน่ากลัว แน่นอนว่าเขาเป็นคนทำมันเอง...ถ้าทำแบบนั้นได้แล้วผู้ชายคนนั้นกลับมายินดียินร้ายกับเขาบ้าง มันก็คงจะดี...ดวงตาคู่กลมกวาดมองไปรอบห้องพักคนไข้อีกครั้ง และอีกครั้งที่เขาเห็น ชเว ซึงฮยอนยังคงอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนมาตลอดสองสามวันที่ผ่านมา...ร่างสูงใหญ่เอนตัวหลับคอพับอยู่ที่โซฟาในขณะที่มืออีกข้างถือมือถือเครื่องแพงไว้ไม่ยอมปล่อยด้วยซ้ำ
อี ทงเฮมาเยี่ยมเขาเมื่อตอนเย็น และแน่นอนอีกนั่นแหละ...โจ คยูฮยอนถูกเทศนาไปไม่รู้กี่บทต่อกี่บท ซ้ำด้วยการที่หมอนั่นร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรทั้งที่เขาก็ยังไม่ได้จากโลกนี้ไปเสียหน่อย... อี ทงเฮก็เป็นซะอย่างนี้...เมื่อไหร่จะห่วงตัวเองมากกว่าตัวเขา... ประโยคที่ทำให้ทงเฮเลิกโวยวายคือเขาตอบกลับไปว่า
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ ที่ฉันอยากจะตายไม่ใช่เพราะนาย ไม่ใช่เพราะเขา มันเป็นเพราะฉันเอง...แต่สัญญาเลยนะ ว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก...เจ็บจะตาย ทรมานจะตาย...ไม่อยากโง่อีกแล้ว”
และคนทิฐิสูงอย่างทงเฮก็ไม่ไว้หน้า ชเว ซีวอน ต่อไปแล้วเหมือนกัน
“ถ้ายังรักตัวเองอยู่ อย่ายุ่งกับคนอย่าง ชเว ซีวอนอีก”
อี ทงเฮเตือนคนอย่างโจ คยูฮยอนได้ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะทำตาม...
สัมผัสมืออบอุ่นที่วางลงบนหน้าผากของเขาก่อนจะเลื่อนลงมากุมข้อมือขวาอย่างเบามือทำให้เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืดมิดของห้องพักคนไข้ ไม่ใช่ความฝันหรอก เพราะเขารู้อยู่แล้วว่ายังไง ชเว ซีวอนต้องมายืนอยู่ตรงหน้า...
“ชู่ววว” ชายหนุ่มยกนิ้วขึ้นแตะนิ้วริมฝีปากของเขาก่อนจะเหลือบสายตาไปยัง ชเว ซึงฮยอนที่ยังคงหลับสนิทเฝ้าไข้อยู่ไม่ห่าง
“นายน่าจะรู้ดีว่า ชเว ซีวอนน่ะ บางทีก็ร้ายกาจได้มากเท่านายหรือบางที อาจมากกว่าด้วยซ้ำ”
หลอกว่าตัวเองกลับเยอรมันไปแล้ว หลอกว่าเขาจะฆ่าตัวตายเพื่อที่จะได้ออกมาจากการกักขังของบ้านชเว และแน่นอนว่าถ้าหากเขาอยู่นอกเหนือบ้านหลังนั้นแล้ว...ทุกอย่างมันย่อมง่ายกว่า
แผนการง่ายๆ ที่อาจต้องเสี่ยงหน่อย
ย้อนไปเมื่อวันที่ ชเว ซีวอนออกจากบ้านชเวไป...กระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ ที่ซ่อนไว้ใต้หมอนของเขาเอง...ทำให้เขารับรู้ว่าผู้ชายที่ชื่อ ชเว ซีวอน เป็นอย่างที่ทงเฮคาดไว้ไม่มีผิด
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะใช้มีดกรีดข้อมือตัวเอง...ฉันแค่คิดว่าเธอจะเล่นละครตบตา...ไม่คิดว่า เธอจะทำมันจริงๆ” เสียงกระซิบแหบพร่าที่ข้างกกหูทำให้คยูฮยอนเผยยิ้มออกมาได้โดยไม่รู้ตัว ชเว ซีวอนมีท่าทางร้อนใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าในเวลานั้นเขาแค่อยากรู้ว่าถ้ากรีดข้อมือไปแล้ว ปฏิกิริยาของ ชเว ซีวอนจะน่าตกใจขนาดไหน ก็เท่านั้น...ผู้ชายที่ชอบดุเขาอยู่เรื่อยจะว่าอะไรรึเปล่านะ...
เก็บไว้ในใจดีกว่า...
“ไม่ยักจะสมจริงตรงไหน...มุขยานอนหลับ ละครใช้กันเยอะแยะไป”
“โจ คยูฮยอน...” ชเว ซีวอนเอ่ยชื่อเขาด้วยน้ำเสียงไม่น่าฟังนัก และนั่นก็ทำให้คยูฮยอนระบายยิ้มเผล่ หยัดตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะซบหน้าลงบนอกของคนที่อยากพบหน้ามากที่สุด... การเคลื่อนไหวของพวกเขาแม้มันจะเงียบเชียบมากเพียงใด แต่คยูฮยอนรู้ว่ามีอีกสายตาแอบเฝ้ามองอยู่... ชเว ซึงฮยอนมองอยู่ ไม่ยอมพูด ไม่โวยวาย และแกล้งทำเป็นหลับตาทั้งที่รู้ว่าพวกเขาตั้งใจจะทำอะไรต่อไป...
แปลก...
“แล้วหลังจากนี้คุณจะทำยังไง...” คนป่วยเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วพลางช้อนสายตามองรูปหน้าคมคายผ่านความมืด และนั่นก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มพึงพอใจ...ทำไมนะทำไม ชเว ซีวอน ผู้หยิ่งทะนงถึงได้ตามใจ โจ คยูฮยอนในเวลานี้นัก...
“ไปจากที่นี่”
หรือเพราะจริงๆ แล้วเขาเป็นคนทำให้ผู้ชายคนนี้เป็นแบบนี้กัน
“แล้วเรื่องพินัยกรรมนั่นล่ะครับ”
“ฉันไม่เคยมองว่าพินัยกรรมมันสำหรับสำหรับฉันมาตั้งแต่แรก...”
“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ท่านทราบเรื่องพินัยกรรมนั่นหรือยังครับ? ว่าผมซ่อนไว้ที่ไหน”
“พวกเขารู้หมดแล้ว...ทำไมถึงได้มาช่างถามเอาตอนนี้กัน” ชายหนุ่มว่าอย่างหมั่นเขี้ยวพลางใช้ปลายนิ้วคีบปลายจมูกรั้นอย่างที่ชอบทำ ผลคือเด็กตัวขาวหดใบหน้าหนีแต่ก็กลับแนบแก้มลงมาที่อกของเขาอีกครั้งพลางหัวเราะชอบใจทั้งที่ใบหน้าซีดเซียวออกขนาดนั้นแน่นอนว่ามันคงเป็นผลมาจากการที่เจ้าตัวเล่นบทคนฆ่าตัวตายเสียจนเขาเองยังตกใจ อีกครั้งที่ ชเว ซีวอนตวัดสายตากลับไปยังใครอีกคนที่ทำหน้าที่เฝ้าไข้โจ คยูฮยอน... ชเว ซึงฮยอนหลับสนิท
แต่นั่นก็แค่แสร้งทำ ชเว ซีวอนรู้ แต่ที่เขารู้มากกว่านั้นคือ
ซึงฮยอนจะไม่นำเรื่องนี้ไปบอกใคร และจะปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไปเองอย่างที่ผ่านๆ มา...
ปล่อยให้พวกเขามีชีวิตของตัวเอง โดยปราศจากคำว่า ชเว สักทีเถอะ...
“คุณอา”
“...อืม” ชายหนุ่มในวัยจบใหม่ ก้มมองเด็กชายตัวเล็กที่เดินเตาะแตะมาหาเขา พลางยื่นมือมาตรงหน้าราวกับออดอ้อนให้เขาอุ้ม ชเว ซีวอนไม่ค่อยจะสนิทกับหลานคนไหนในบ้านมากนัก จะมีเพียงหลานคนเล็กที่มักมาพูดจาฉอเลาะรวมไปถึงการที่ได้ดูแลเด็กนี้เป็นครั้งคราวจึงทำให้เขาสนิทกับเด็กตัวขาวคนนี้โดยไม่รู้ตัว
“เหงาจังเลย” กลีบปากสีแดงขยับพูดไปอย่างน่ารักน่าชัง ไม่วายจะวาดสองแขนเล็กๆ กอดคอของเขาไว้แน่น ใบหน้ากลมเกลี้ยงระบายยิ้มเสียจนน่าหยิก...เขายิ้มตอบหลานชายกลับไปเพียงนิดพลางถามต่อ
“ทำไมไม่ไปเล่นกับพี่คนอื่นๆ ล่ะครับ”
“ไปเล่นด้วยแล้วแต่ก็ยังไม่หายเหงาอยู่ดี”
“แล้วทำยังไงถึงจะหายเหงา อยู่กับอาหรอ” ซีวอนหลุดหัวเราะกับท่าทางทำปากยู่ประกอบกับดวงตาคู่โตที่เบิกมองเขาเล็กน้อยพลางซบลงบนไหล่หนา หลานของเขาน่ะกะว่าจะออดอ้อนเสียให้หงายหลังเล่นกันเลยหรือไง
“ก็คยูรักอานี่น่า รักคุณอาคนเดียวเลย”
ช่างฉอเลาะไม่เคยเปลี่ยนเลยสิหน่า โจ คยูฮยอน...
“คุณซีวอน เราจะไปที่ไหนกัน?”
“เธออยากไปที่ไหน”
“อืมมมมม...ที่ไหนก็ได้...ที่ๆ มีแต่เรา...”
“...ได้สิ ฉันตามใจเธออยู่แล้ว เพราะเธอคนเดียวเท่านั้น”
“รักคุณอา ไม่สิ...รักคุณจังเลย ซีวอนของผม”
ดวงตาสองคู่จับจ้องตารางเที่ยวบินภายในสนามบินนานาชาติก่อนเรียวปากของทั้งคู่จะเผยยิ้มบางเบาเมื่อบังเอิญเที่ยวบินที่ตรงใจของพวกเขา คือที่ๆ เดียวกัน...
ฝ่ามือหนาเอื้อมมาเกี่ยวเรียวนิ้วไปกอบกุมอย่างเช่นไม่เคยได้รับรู้ว่าการจับมือเช่นนี้มีผลต่อจิตใจมากเพียงใด... เขาก็เพิ่งรู้ว่าการจับมือใครสักคนมันทำให้เขาอิ่มใจมากเพียงใด ไม่ต้องมองเสี้ยวหน้าของคนข้างกายชายหนุ่มก็รู้ว่าอีกคนก็คงมีรอยยิ้มที่ไม่ต่างกัน
หลังจากนี้...พวกเขาไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง
แต่การที่ยอมละทิ้งทุกอย่าง เพื่อใครสักคน...
มันอาจดูงี่เง่านักล่ะในสายตาคนทั่วไป...
แต่ถ้าการละทิ้งสิ่งนั้นแล้ว ได้สิ่งที่มีค่ามากกว่าเป็นรางวัลตอบแทน
คุณจะเลือกอย่างไหน...?
END
Talk*
ไม่มีขอแก้ตัว ฮรึกกกกกกกกกกกกก
ช้ามากสำหรับครึ่งสุดท้าย เกือบเดือนกว่าๆ เลยที่ไม่ได้อัพเรื่องนี้ให้จบ
มัวแต่ทำอะไร ก็เยอะอยู่ 55555 กิจกรรมกีฬา สอบกลางภาค หรือมัวแต่เวิ่นเว้ออออออ
ยังไงก็ขอโทษท่านผู้อ่านจากใจจริง T^T
ตอนจบฟินไหมเราไม่รู้นะ แต่สำหรับเรา เราชอบให้มันเป็นแบบนี้...
อ้ออออ!!
เจอกันเรื่องหน้าจ้า >.<
ความคิดเห็น