ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ¿¿ ♡{SF} - ONE DIRECTION [YAOI] ¿¿ ♡

    ลำดับตอนที่ #1 : {SF} -; #Ziall Holik / พี่ชายน้องชาย Chapter 1.

    • อัปเดตล่าสุด 19 ม.ค. 57















    #พี่ชายน้องชาย

    .
























     

     

     

     

    “เซนพรุ่งนี้เราจะมีสมาชิกเพิ่มมาใหม่อีกคนนะ” เสียงของแม่ดังขึ้นมาในระหว่างกำลังดูการ์ตูนโปรด เซนเงยหน้าขมวดคิ้วใส่ ว่าแม่พูดถึงเรื่องอะไร

     

     

    “แม่หมายความว่าไงฮะ ..” เซนมองหน้าพ่อสลับกับแม่ไปมาอย่างเอาคำตอบ ทั้งคู่มองหน้ากันและอมยิ้มในท่าทางของลูกชายวัย 5 ขวบ

     

     

    “เรากำลังจะมีน้องนะเซน พ่อกับแม่อุปการะมาเลี้ยงดูอีกทีพ่อกับแม่กลัวเซนจะเหงาน่ะ” พ่อเป็นฝ่ายพูดบ้าง เซนเบิกตาโพลงด้วยความดีใจลุกขึ้นกระโดดเต้นไปมาหอมแม่สลับกับพ่อก่อนจะวิ่งไปรอบๆโซฟาเหมือนหมาเจอเจ้าของ

     

     

    “จริงหรอฮะแม่ จริงหรอฮะ ผมกำลังจะมีน้องใช่ไหมฮะ” เซนหยุดหายใจหอบหลังจากกระโดดอยู่นานราวหนึ่งนาที แม่ขยี้ผมลูกชายที่รักก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ

     

     

    “แต่ตอนนี้พี่ชายต้องไปนอนก่อน เพราะว่าถ้าพรุ่งนี้น้องมาจะไม่มีแรงเล่นนะจ้ะ” เซนได้ยินแม่พูดจบก็เดินขึ้นไปข้างบนห้องอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้มันเป็นเรื่องยากมากที่จะพาเจ้าลิงตัวเล็กขึ้นห้องนอนโดยการ์ตูนสุดโปรดของเขายังไม่จบ

     

     

    “ฝันดีนะเซน” แม่ควานหาสวิตช์ไฟตรงประตูเพื่อดับไฟในยามราตรีที่ท้องฟ้ามืดดับ

     

     

    “เอ่อแม่ฮะ เดี๋ยวก่อน” เซนใช้มือดันตัวเองขึ้นจากผ้าห่มผืนใหญ่บนเตียงด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล

     

    “ว่าไงจ้ะ” แม่หันหลังเดินกลับมาหาเซน ที่นอนอยู่บนเตียงและใช้มือลูบหัวของเขาเบาๆ

     

    “แม่ว่าน้องจะชอบผมไหม” เซนเชยหน้ามองผู้เป็นแม่ แม่เงียบไปสักพักหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา

     

    “ชอบสิเซน เหตุผลอะไรที่น้องจะไปชอบเซนล่ะใช่ไหม แต่เซนต้องเป็นพี่ที่ดีของน้องนะ”

     

    “ฮะ..”

     

    “แล้วเซนต้องเป็นพี่ที่คอยปกป้องน้องด้วยไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม”

     

    “แน่นอนอยู่แล้วครับแม่!” เซนทำท่าเหมือนทหารรับทราบหน้าที่ของผู้บังคับ เซนล้มตัวลงนอนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแป้นก่อนจะหลับตาลงสู่ในภวังค์ของเขา .....

     

    “ฝันดีนะลูก”

     

    “ฝันดีครับแม่”

     

     

     

     

     

     

     

    .

     

     

     

     

     

     

     

    “เซนดูสิใครมา” เสียงของพ่อทะลุผ่านประตูเข้ามาห้องนั่งเล่น เซนตื่นตั้งแต่เช้าอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเพื่อรอคนคนหนึ่ง เซนวิ่งออกไปเปิดประตู เขาพบพ่อและแม่กับเด็กอายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปี และกำลังจะมาเป็นสมาชิกคนที่สี่ของบ้าน

     

     

    “นี่ไนออลจ้ะเซน” แม่ยืนโอบไหล่เด็กผู้ชายคนนั้นไว้ก่อนจะแนะนำให้ลูกชายของตัวเองได้รู้จัก

     

     

    ไนออลดูตัวเล็กกกว่าเซนนิดหน่อย ผิวขาวเนียนเหมือนหิมะในฤดูหนาว แก้มแดงระเรื่อเหมือนมะเขือเทศที่กำลังสุกเปล่ง ผมสีบลอนด์แซมเทาน้ำตาลกับตาสีน้ำทะเลเหมือนมีพายุเพิ่งสงบ ไนออลแต่งตัวดีเกินกว่าที่จะบอกว่าเขาเคยอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

     

     

    “ฉันเซนนะ ฉันเป็นพี่ของนายได้ไหม?” เซนเดินเข้าไปกอดคนอายุน้อยกว่า ไนออลดูสับสนเล็กน้อยคงเพราะวัยที่ยังไม่มากจึงยังคงทำตัวไม่ถูก เขาได้แต่พยักหน้ายึกยักไปมาและส่งยิ้มให้พี่ชาย

     

     

    “ต่อไปนี้ฉันจะเป็นคนคอยปกป้องนายเอง” เซนยิ้มก่อนจะจูงมือน้องชายเดินเข้าไปในบ้าน รอยยิ้มดีใจของพ่อแม่ปรากฏออกมาลูกเลี้ยงกับลูกจริงเข้ากันได้ดีไม่มีอะไรสุขใจไปกว่านี้อีกแล้ว

     

     

     

     

     

    .

     

     

     

     

     

     

     

    .

     

     

     

     

    “ไนออลเซนตื่นได้แล้ว เช้าแล้วนะลูก”  เสียงทุบประตูปลุกให้เซนตื่นจากภวังค์ นัยน์ตาสีเฮเซลดูโดดเด่นมากขึ้นเมื่อมันกระทบกับแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ร่างกายกำยำขึ้นเมื่อผ่านมาสิบสามปี ผมดำขลับจมูกโด่งรับกับปากที่ได้รูปสมกับเป็นลูกครึ่ง

     

     

    เซนเดินตรงไปหยิบผ้าขนหนูที่วางพาดไว้กับเก้าอี้ กลิ่นยังชื้นๆอยู่ด้วยความขี้เกียจเซนจึงนำไปพาดส่งๆตรงเก้าอี้แทนที่จะเป็นราวตากผ้า

     

     

    เขาใช้เวลาไม่มากในการอาบน้ำแต่งตัว ไม่ได้พิถีพิถันกับการแต่งองค์ทรงเครื่องมากมายนัก แค่เสื้อยืดคอกลมสีดำกับกางเกงยีนส์ตัวเดียวก็พอ คงเพราะเซนไม่ใช้หนุ่มเจ้าสำอางค์และอีกอย่างเขาไม่ต้องแต่งตัวดีมากก็มีสาวๆมารุมล้อมอยู่แล้ว ก็อย่างที่ว่าหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

     

     

    เซนเดินไปหยิบโทรศัพท์ของเขาบนโต๊ะ และจับมันยัดลงไปในกระเป๋า พร้อมด้วยตำราเรียนวันนี้ดูจะแสนหน้าเบื่อกว่าวันอื่นเป็นปกติเพราะมีวิชาฟิสิกส์และเคมีควบคู่ไปด้วย

     

     

    “เซนไนออลเสร็จรึยังลูก อาหารเช้าเสร็จแล้วนะ” เสียงของแม่ดังขึ้นอีกรอบ เขารีบจับหนังสือที่เหลือยัดลงไปในกระเป๋า เก็บเสื้อผ้าวางกองอยู่บนพื้นไปไว้ในตะกร้า ก่อนจะใช้มือบิดกลอนประตูเปิดออก

     

     

    ประตูปิดลงพร้อมกับคนอยู่ห้องตรงข้าม เด็กหนุ่มซึ่งอ่อนกว่าเขาปีหนึ่ง ผมสีบลอนด์ดูไม่เป็นระเบียบ ตาสีฟ้ายังดูงัวเงียเกินกว่ากว่าจะทำกิจวัตรในตอนเช้าได้

     

     

    เขาใส่เสื้อแขนจัมพ์สีขาวกับกางเกงยีนส์ใส่ตั้งแต่เมื่อวาน เซนเชื่อเลยว่าไนออลคงจะใส่กางเกงนี้ไปตลอดอาทิตย์

     

     

    ไนออลดูเหมือนลูกเป็ดขี้เหร่น่าปกป้องมากกว่าน่ารังแก

     

     

    น่ารักมากกว่าน่ากลั่นแกล้ง

     

     

    น่าถนุถนอมมากกว่าทำลาย

     

     

    น่าเก็บรักษามากกว่าโยนทิ้ง

     

    .

     

    เพราะลูกเป็ดตัวนี้ที่ทำให้เซนตกหลุมรัก

     

     

    “อรุณสวัสดิ์ไนออล” เซนเปิดปากทักทายคนอายุน้อยกว่า เพียงแค่อยากได้ยินเสียงของอีกคน แต่ผลตอบรับคือไนออลแค่พยักหน้าอย่างเคยก่อนจะขยี้ผมให้เป็นทรงแล้วเดินลงไปข้างล่าง ทิ้งให้อีกคนยืนยิ้มแหยอย่างหัวเสีย

     

    ไอบ้าเซนนี่ทำนายทำอะไรลงไปวะงี่เง่าชะมัด!

     

     

    เซนค่อยๆเดินลงบันไดตามไนออลไป ถ้าสะดุดขาตัวเองแล้วตกบันไดคอหักได้เขาคงทำไปแล้ว หน้าแตกแต่เช้า

     

     

    ห้องครัวเต็มไปด้วยกลิ่นขนมปังปิ้งที่สุกหอมกรุ่นกับกาแฟหอมเข้มข้นมันลอยตลบอบอวนเต็มห้องไปหมด

     

    “อรุณสวัสดิ์ฮะแม่” ไนออลเดินเข้าไปกอดแม่ทางข้างหลัง ก่อนจะฉกขนมปังมาจากจานชิ้นหนึ่ง แม่ตีไนออลเบาๆเป็นท่าทางดุๆ ไนออลไม่สนใจแถมยังทำท่าทางทะเล้นใส่แม่และเดินกลับมานั่งเก้าอี้ประจำของตัวเอง

     

    “เซนอรุณสวัสดิ์จ้ะ” แม่ละมือจากการจัดจานอาหารเช้าเสร็จหันหลังกลับมาก็เจอลูกชายคนโตเดินเข้ามาในห้องครัวพอดี

     

     

    “อรุณสวัสดิ์ฮะแม่” เซนกระตุกยิ้มมุมปากให้แม่หน่อยๆเพราะตอนนี้เขาคงไม่มีอารมณ์ยิ้มมากเท่าไหร่หรอก เพราะเพิ่งโดนไนออลหักหน้าให้แตกมา

     

     

    ไนออลเงยหน้ามาเจอเซนพอดีตอนที่ขนมปังยังเต็มปาก เซนกำลังจะยิ้มให้ แต่ก็ไม่ทันไนออลรีบมุดหน้าลงไปดูโทรศัพท์ของเขาแล้วพิมพ์อะไรบางอย่าง เซนหน้าแตกรอบที่สอง ยิ่งไนออลทำแบบนี้เขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองหมดความมั่นใจลงทุกวันๆ

     

     

    “พ่อล่ะฮะแม่” ไนออลถามแม่ทั้งๆที่มือยังคงง่วนอยู่กับการส่งข้อความหาใครสักคนที่เซนไม่รู้จักแต่พยายามอยากจะรู้

     

     

    “เดี๋ยวก็ลงมาแล้วล่ะ” แม่ตอบไนออลพร้อมกับการจัดโต๊ะอาหารให้ลูกชายทั้งสองและสามีที่รัก หลังจากพ่อเดินเข้ามาในห้องครัวทุกคนเริ่มจัดการอาหารเช้าของตัวเอง แม่เคยบอกว่าการทักทายคนในครอบครัวหรือคนที่รู้จักเราในตอนเช้าจะทำให้เรารู้สึกมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากขึ้น ซึ่งมันเป็นคำพูดอย่างเดียวเลยที่เซนไม่เชื่อแม่ เขาทักไนออลทุกๆเช้าแต่ผลตอบรับกลับมาก็คือการเมินเฉยของอีกคน

     

     

    “เออ แม่ครับผมอิ่มแล้ว.. ผมจะไปรอบนรถนะ” เซนวางขนมปังไว้ที่จานก่อนจะหยิบกุญแจรถพ่อแล้วเดินออกไป โดยมีนัยน์ตาสีฟ้าคู่หนึ่งมองตามหลังอย่างไม่รู้ตัว

     

     

    เวลาผ่านไปไม่นานไนออลก็ขึ้นรถตามมาต่อด้วยพ่อ แต่กว่าจะออกรถก็ใช้เวลานานเพราะพ่อชอบลืมนู่นลืมนี่กว่าจะจูบลาแม่อีกก็ปาไปสิบนาทีได้

     

     

    เป็นเวลาที่ดูยาวนานและแสนอึดอัดกับการเดินทางไปโรงเรียน พ่อที่เปิดเพลงยุค 60 กับไนออลที่ยังคงไม่ละสายตาจากไอโฟนของเขา การส่งข้อความดูออกรสชาติมากทีเดียว ทั้งการที่ไนออลขำแบบกลั้นเสียง นั่งยิ้มกับไอโฟนของเขา และดูเหมือนจะไม่มีวี่แววที่จะละสายตามามองคนข้างๆอย่างเขา

     

     

    ไนออลจะรู้ไหมว่าเขาอยากคุยกับไนออลขนาดไหน ใช่แต่ก่อนสองคนสนิทกันมากเรียกว่าตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ มีอะไรก็แชร์กันไม่ว่าจะเหลือคุ้กกี้หนึ่งชิ้นก็จะหักครึ่งแบ่งกันเสมอ แต่สองคนเริ่มห่างกันตอนไนออลขึ้นเกรด 8 สังคมของเขาเริ่มขยาย ไนออลเริ่มมีโลกส่วนตัวมากขึ้นโดยลืมไปว่ายังมีอีกคนเป็นห่วงเขาอยู่ตลอด

     

     

    ไนออลเคยเมาตอนเกรด 9 เซนก็ไปอุ้มกลับบ้าน ไนออลโดนรังแกตอนเกรด 3 เซนก็เป็นคนไปช่วยเขา ตอนเด็กๆเขานอนดูสกู้ปปี้ดูด้วยกันทั้งคืน สัญญากันว่าเซนจะเป็นแช็กกี้ไนออลจะเป็นสกู้ป และสัญญาว่าจะดูแลกันตลอดไป .. เซนหันกลับมามองเขาและไนออลตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขาสองคนอยู่กันคนละโลก ไม่มีใครล้ำเส้นใคร ต่างคนต่างอยู่ แม้แต่จะมองหน้ากันยังไม่มอง ถ้ารู้แบบนี้เซนคงไม่อยากโตหรอก ......

     

     

    รถเคลื่อนที่ค่อยๆหยุดลง ความคิดของเซนก็เตลิดวับหายไปสู่โลกความจริง

     

     

    “สวัสดีครับพ่อ” ไนออลกับเซนพูดพร้อมกันซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญในรอบสิบครั้ง ทั้งสองคนมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย ไนออลรีบเปิดประตูแล้ววิ่งไปหาผู้ชายผมหยิกคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะรอเขาอยู่

     

     

    “เซนเดี๋ยวก่อน” เสียงของพ่อทำให้เซนต้องหยุดชะงัก

     

     

    “ว่าไงครับพ่อ” เซนถีบตัวขึ้นมานั่งที่เบาะ

     

    “ลูกไม่คิดจะคุยกับน้องเลยหรอ” เป็นคำถามที่ยากจะตอบเมื่อได้ยิน เขาพยายามขนาดไหนที่จะคุยกับไนออล แต่ไนออลสิไม่เคยจะหยุดตัวเองให้หันมาคุยกับเขาสักวินาทีเดียว

     

     

    “ผมพยามแล้วครับพ่อ แต่ตอนนี้ไนออลเขามีโลกส่วนตัว ผมไปก้าวก่ายไม่ได้หรอก” เซนได้แต่ก้มหน้ารับโชคชะตาของตัวเอง

     

     

    “พ่อต้องไปแล้ว ดูแลน้องให้ดีด้วยล่ะ” เสียงแตรจากรถคันข้างหลังส่งสัญญาณให้พ่อรีบออกรถ ทำให้พ่อไม่มีเวลาคุยกับเซนมากนัก พ่อตบบ่าเซนอย่างให้กำลังใจ เซนได้แต่พยักหน้าแล้วเดินลงจากรถพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

     

     

    เซนก้าวไปตามทางเดินผู้คนรอบกายทักทายเขาทุกๆสามก้าว ผู้หญิงที่ส่งสายตาจากตู้ล็อกเกอร์แล้วกล่าวทักทาย เซนได้แต่โบกมือพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้พวกเธอ ผู้หญิงสวยมีมากมายแต่เขาไม่เคยคิดจะสนใจเลยสักนิด

     

     

    เซนหยิบกุญแจจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ยี่ห้อ Levi’s ของเขาขึ้นมาไขกับตู้ล็อกเกอร์ แต่เมื่อเปิดออกก็เจอกับจดหมายซองสีชมพูกับกลิ่นน้ำหอมหลากหลายกลิ่นเวียนวนในล็อกเกอร์ เซนชินกับมันแล้ว สาวๆจะเอาจดหมายของตัวเองสอดเข้ามาในล็อกเกอร์ของเขาในทุกๆเช้า แต่เซนใช่ว่าจะเป็นคนใจร้ายที่ไม่คิดจะเปิดอ่านหรือโยนมันทิ้งลงถังขยะ เขาจะเอามันหอบกลับไปเก็บไว้ในลิ้นชักที่ห้องนอน หรือไม่ถ้าของคนไหนมีรูปสวยๆเซนก็จะแปะมันไว้บนผนัง

     

     

    เซนไม่เคยคิดว่าพวกเธองี่เง่าหรือจมปลัก เซนคิดว่าพวกเธอน่าเทิดทูนมากกว่าที่กล้าจะบอกรักคนที่ชอบ ถึงจะแค่เขียนจดหมายก็ตามที เซนคงไม่เก่งเหมือนพวกเธอ

     

     

    เซนเป็นคนขี้ขลาด

     

    เป็นเหมือนเต่าหดอยู่แต่ในกระดอง..

     

    เก็บความรู้สึกไว้คนเดียวไม่กล้าบอกใคร

     

    ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าด้วยซ้ำไป.....

     

     

    “พ่อหนุ่มเซน หล่อจริงๆนะ” เสียงเล็กแหลมที่ดูเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นข้างๆ

     

     

    “วันนี้ได้กี่ซองล่ะมึง” เขาชะเง้อคอมามองตู้ล็อกเกอร์ของผู้ถูกถาม ลูอี ทอมลินสันเด็กหนุ่มร่างเล็กเพื่อนสนิทของเซน จะเรียกว่าร่างเล็กก็ไม่ได้ต้องเรียกว่าเตี้ยกว่าเซนสิถึงจะถูก เซนคิดว่าส่วนสูงกับสมองของเขาน่าจะโดนสตัฟฟ์ไว้เพราะเซนไม่เห็นว่ามันจะพัฒนาตามวันเวลา เสียงที่น่ารำคาญเกินจะบรรยาย ชอบเล่นอะไรแพลงๆตลอดเวลา ลูอีเป็นคนที่วิเศษคนหนึ่งที่ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็จะมีเสียงหัวเราะหรือใบหน้ายิ้มแย้มข้างกายของเขาเสมอๆ เรียกได้ว่าเป็นพวกโจ๊กประจำห้อง

     

     

    “เอ่อ .. น่าจะสิบห้า ไม่สิ.. สิบหกว่ะ” เซนหยิบซองจดหมายขึ้นมานับแต่ก็โดนคนตัวเล็กกว่ากระชากไปเปิดอ่าน

     

     

    “กูคิดว่าสิบเจ็ดซองนะ” เสียงทุ้มๆดังขึ้น พร้อมกับยื่นจดหมายสีชมพูที่อยู่บนพื้นให้เซน เลียม เพนย์เพื่อนสนิทของเซนอีกคน ดูสขุมที่สุดในสามคน ดูเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนที่สุด ดูมีเชาว์มากที่สุด และคอยขับรถไปส่งบ้านเวลาพวกเขาเมาได้ทุกครั้ง เลียมเป็นพวกนักวางแผนได้อย่างงั้นต้องอย่างงั้น บ่อยครั้งเลียมชอบทะเลาะกับลูอีเพราะความคิดเห็นต่างกัน ทัศนคติไม่เหมือนกัน เลียมเป็นคนที่ป็อปปูล่าพอตัวด้วยทั้งการแต่งตัวสติปัญญาและองค์ประกอบหลายๆอย่าง

     

     

    “ทำลายสถิติว่ะมึง มึงโคตรแจ่มเลย” ลูอีที่ดูตื่นเต้นกับการทำลายสถิติซองจดหมายบอกรักจากสาวๆของเซนในรอบสองอาทิตย์ เขาดูสดใสตลอดเวลาจนน่าอิจฉา ทำไมเซนถึงไม่ยิ้มแย้มให้ใครได้ตลอดเวลาแบบลูอีบ้าง

     

    .

     

     

    คาบเช้าที่ผ่านไปช้าเหมือนเคยเพราะต้องเรียนฟิสิกส์กับเคมีติดต่อกัน เซนรอที่จะให้หมดคาบเที่ยงไม่ไหว บางทีถ้าเรียนต่อเขาอาจคลั่งจนเอาบีกเกอร์ในห้องทดลองทุบหัวตัวเองก็เป็นได้

     

     

    “วันนี้พอแค่นี้แล้วอย่าลืมการบ้านที่อาจารย์สั่งด้วยล่ะ” เสียงออดดังขึ้นทุกคนแยกย้ายเก็บของใส่ลงกระเป๋า

     

    เสียงโทรศัพท์สั่นครืดในกระเป๋ากางเกง เซนหยิบขึ้นมาเปิดดูพบว่าเป็นแม่ที่ส่งข้อความมา

     

    -Mom

     

     พ่อกับแม่จะไม่อยู่สองอาทิตย์ แม่จะวางเงินส่วนหนึ่งไว้ให้ตรงโต๊ะห้องนั่งเล่น เซนกับน้องอยู่กันดีๆ เลิกเรียนแม่จะโทรไปหาอีกที

    รักลูกทั้งสอง

    แม่

     

     

    เซนตกใจนิดหน่อยที่มันดูกะทันหันเกินไป แต่ที่ตกใจกว่าคือเขาต้องอยู่กับน้องชายกันแค่สองคน

     

     

    “ใครส่งข้อความมาวะเซน” ลูอีขี้เสือกถามทันทีเมื่อเซนกดล็อคหน้าจอแล้วเก็บมันกลับลงไปในกระเป๋ากางเกง

     

     

    “แม่ว่ะ แม่บอกว่าจะไม่อยู่สองอาทิตย์ไปกับพ่อ” เซนยักคิ้วขึ้นทำท่าสูดลมหายใจเข้าไปก่อนจะปล่อยออกมา

     

     

     

    “แม่ไม่อยู่ อย่างนี้ต้องปาร์ตี้!” ลูอีที่ทำท่าดีใจตะโกนจนคนที่ยังเหลือในห้องหันมาทำท่าดีใจไปตามๆกัน

     

     

    “ไม่ๆ งานนี้ไม่มีปาร์ตี้แน่นอน แม่ฉันเอาตายแน่ถ้ารู้ว่ามีปาร์ตี้” เซนตะโกนเสียงดังพลางโบกมือไปมา

     

     

    “เสียดายว่ะ เออ แล้วมึงก็ต้องอยู่กับน้องเลี้ยงมึงใช่ไหม” ลูอีห่อไหล่ลงเป็นเชิงเสียดายสุดๆสำหรับเจ้าพ่อปาร์ตี้อย่างเขา

     

    “อย่าไนออลว่าน้องเลี้ยงได้ไหม กูไม่ชอบ” เซนมองลูอีตาขวางทุกครั้งเวลาลูอีพูดแบบนี้ อันที่จริงเซนจะมองตาคนอื่นตาขวางทุกครั้งเวลาเรียกไนออลว่าน้องเลี้ยง

     

     

    “เออกูขอโทษๆ ไปกินข้าวเหอะมึง” ลูอีขอโทษขอโพยเซนก่อนจะพยายามเขย่งตัวใช้แขนไปกอดคนอีกคน

     

     

    “ยิ้มไรมึง” ลูอีหันไปตะวาดเลียมที่เดินตามหลังมา

     

     

    “เปล่า กูแค่สงสัยว่าตัวมึงสั้นหรือขามึงไม่ยาวก็แค่นั้นเอง” เลียมพูดปนหัวเราะ ก่อนจะปล่อยขำก๊ากออกมา จนคนอื่นตามทางเดินหันมามองด้วยความสงสัย

     

     

    “เดี๋ยวได้กินตีนเป็นอาหารกลางวัน” ลูอีกระโดดตบหัวคนสูงกว่า เลียมร้องโอ้ยแต่ก็ยังคงขำไม่เลิก

     

    ปัญญาอ่อนกันจริงๆเลยเซนคิดในใจ

     

     

    “ประกาศนักเรียนทุกคน ขณะนี้เกิดเหตุขัดข้องทางไฟฟ้าจึงทำให้อาคารเรียนต้องหยุดการใช้งาน ทางโรงเรียนจึงจะปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านครึ่งวัน และขอให้นักเรียนสนุกกับวันหยุดสองอาทิตย์ที่อาจารย์ไปสัมมนาประเทศฝรั่งเศสขอบคุณค่ะ”

     

    เสียงเฮจากนักเรียนดังสนั่นทางเดิน ทุกคนทยอยกันออกไปด้วยความดีใจสุดขีด เซนพยายามออกมาจากทางเดินให้ได้โดยลืมไปว่ายังมีอีกคนหนึ่งที่ต้องดูแล

     

    ความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวฉับพลันเซนรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดโทรออกเบอร์ของใครอีกคนที่ไม่ได้โทรมานานมาก

     

     

    “ฮัลโหล.... พี่ฮะ” เสียงใสจากปลายสายดังขึ้น

     

     

    “ไนออล... ไนออลอยู่ไหนพี่จะไปหา” เซนที่ดูอกสั่นขวัญหายมากกว่าใครเพื่อน

     

     

    “ผมอยู่หลังพี่ไง หันหลังมาสิ” เซนทำตามคำสั่งปลายสาย เขาหันหลังไปเจอกับเด็กหนุ่มผมทอง ที่ทำให้ใจเขาเต้นได้ตลอดเวลาที่เจอ

     

     

    “ทำตกใจไปได้ ผมดูแลตัวเองได้นะ” ไนออลเดินมาหาเซนพลางใช้มือล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อเก็บโทรศัพท์

     

     

    “ก็นายชอบทำให้พี่เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย” เซนถอนหายใจใช้มือหนาๆขยี้ไปที่ผมทองๆของน้องชาย

     

     

    “เดินกลับบ้านได้ไหม” เซนละมือออกจากหัวของอีกคนเพราะไนออลทำหน้าบึ้งดูไม่พอใจเท่าไหร่ที่เซนยังคงเห็นเขาเป็นเด็กอยู่

     

     

    ไนออลไม่ตอบได้แต่พยักหน้าหงึกๆอีกตามเคย เซนตัดพ้อแล้วเดินนำหน้าคนอีกคน

     

     

    “ไนออล แม่กับพ่อจะไม่อยู่ตลอดสองอาทิตย์นะ” เซนยื่นข้อความที่แม่ส่งมาให้ไนออลดู

     

     

    ไนออลยื่นโทรศัพท์กลับมาให้เซนแล้วพยักหน้าอีกครั้ง เซนเริ่มไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่ไนออลไม่ยอมพูดอะไรเขาเลย แค่พยักหน้าไปมามันรู้สึกหงุดหงิด

     

     

    “นี่ไนออล อย่าแค่พยักหน้าให้พี่สิ ตอบพี่บ้าง” เซนหยุดเดินก่อนจะทำหน้าจริงจังใส่อีกคน ไนออลถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ เขาไม่เคยเห็นพี่ชายดูจริงจังแต่ปนงอแงเหมือนครั้งนี้

     

    ไนออลพยักหน้าตอบกลับ....

     

     

    “นายหยุดพยักหน้าได้แล้วไนออล!” เซนเปลี่ยนจากดุมาเป็นเสียงตะคอกแทนเริ่มทำให้ไนออลกลัวเขามากขึ้น

     

     

    “พี่ขอโทษ.... วันนี้อยากกินไอติมไหม” เซนเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วมาก จากอีกคนเป็นอีกคน ไนออลก็เหมือนกันในตอนแรกดูกลัวๆแต่พอได้ยินถึงไอติมก็ตาลุกวาวเหมือนเจอสมบัติล้ำค่าวางกองอยู่ตรงหน้า

     

     

    “วานิลาหรือช็อกโกแลตชิพ” เซนหันไปถามไนออล เขาทำท่าครุ่นคิดเหมือนกำลังคิดข้อสอบปลายภาค

     

     

    “สองอย่าง”

     

     

    “กินเยอะอ้วนเหมือนหมู”

     

     

    “สนไหมล่ะ”

     

     

    เซนไม่ตอบอะไรได้แค่ยิ้มก่อนจะเดินนำหน้าคนอีกคนมา ไนออลไม่เข้าใจความหมายที่เซนได้แต่ยิ้มให้ คนตัวเล็กรีบวิ่งตามพี่ชายไปก่อนจะเอามือเล็กกว่าสอดเข้ามาที่มือของคนผมดำ

     

     

    เซนดูตกใจเล็กน้อยกับการกระทำของน้องชาย นานมาแล้วที่พวกเขาเดินจับมือกัน

     

     

    มีความสุขจัง...

     

    อยากกุมมือของอีกคนไว้นานๆ

     

    ไม่อยากปล่อยมือ

     

    เพราะถ้าปล่อยเราอาจจะไม่ได้คุยกันแบบนี้อีก...............

     

     

     

     

    อุณภูมิที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา ถ้าไนออลสังเกตหน้าเขาคงตกใจเพราะเซนหน้าแดงผ่าว ใจเต้นระรัวเหมือนมันจะกระเด็นออกมาจากอก สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

     

     

    “พี่ฮะเลี้ยวซ้ายสิ ถึงแล้วจะเดินไปไหน” ไนออลโพล่งพูดขึ้นทำให้สติเซนกลับมา

     

     

    “อ่อ.. เอาเงินพี่ไปซื้อ พี่จะโทรหาแม่อยู่ข้างนอกเสร็จแล้วก็กลับบ้านกันนะ” เซนหยิบเงินจากกระเป๋าให้ไนออล คนผมทองเดินเข้าไปในร้านยิ้มร่าอย่างมีความสุข

     

    เซนสไลด์หน้าจอโทรศัพท์กดไปที่เบอร์ของแม่ก่อนจะต่อสาย

     

     

    “ฮัลโหล ว่าไงจ้ะลูก ไม่เรียนหรอ”

     

     

    “วันนี้โรงเรียนปล่อยให้กลับบ้านเร็วครับแม่เห็นบอกว่าเหตุขัดข้องอะไรก็ไม่รู้”

     

     

    “แล้วน้องล่ะ”

     

     

    “น้องเข้าไปซื้อไอติมอยู่ครับไม่ต้องห่วง”

     

     

    “งั้นดีแล้วล่ะจ้ะ เอ้อ .. ถ้าเงินไม่พอโทรมาบอกแม่นะแม่จะโอนเข้าบัญชีให้”

     

     

    “ครับๆ แล้วแม่ไปไหนกับพ่อเหรอ”

     

     

    “คือว่าโรงงานพ่อมีจัดงานแข่งขันในบริษัท โรงงานพ่อเลยพามาจัดที่มาลีบูพ่อเลยอยากให้แม่ไปด้วย ง่ายๆว่าฮันนีมูนกันสองคนจ้ะ ขอโทษนะที่มันดูกะทันหันไปหน่อย”

     

     

    “ฮ่าๆ ไม่เป็นอะไรหรอกครับแม่ แม่บอกพ่อด้วยนะอย่าแข่งกีฬาหนักมาก เดี๋ยวกลับมาโรคกระดูกจะถามหาเอา”

     

     

    “จ้า เซน.. แม่ต้องวางแล้วนะลูกจะขึ้นเครื่องแล้ว ดูแลน้องให้ดีๆนะ ใช้เวลาสองอาทิตย์ให้คุ้ม เชื่อมความสัมพันธ์กลับมาใหม่นะลูก บายจ้ะรักลูกนะ”

     

     

    “เดี๋ยวครับแม่... เดี๋ยว”

     

     

    เชื่อมความสัมพันธ์เหรอ………  แม่ล้อเราเล่นหรือเปล่า

     

     

    “พี่ฮะเสร็จแล้ว แม่ว่าไงบ้าง” ไนออลเดินถือไอติมโคนที่มีทั้งรสวานิลาและรสช็อกโกแลตชิพอยู่ด้วยกัน

     

     

    “โรงงานพ่อจัดแข่งขัน พาไปมาลีบูเลย”

     

     

    “หูย มาลีบูเลยเหรอ.. ผมอยากไปบ้าง ทะเลสีสวยชาดหาดสีขาว พี่เซนผมอยากไป” ไนออลกระตุกแขนพี่ชายเหมือนเหมือนงอแงจะเอาลูกโป่ง

     

     

    “รอโตกว่านี้เดี๋ยวพี่จะพาไป” เซนขยี้ผมสีทองของน้องชายขี้อ้อน ไนออลทำท่ากระโดดดีใจโหยงๆ ก่อนจะใช้มือเรียวจับมือของเซนแกว่งไปมาตลอดทางระหว่างเดินกลับบ้าน

     

     

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

     

     

    เซนหยิบกุญแจไขประตูบ้านจากใต้พรมเช็ดเท้า แม่มักชอบซ่อนมันไว้ตรงนี้ทุกครั้งเวลาออกจากบ้าน

     

     

    “พี่เซน มาดูไรนี้!” เสียงตะโกนไนออลที่ดังมาจากทางหลังบ้าน ด้วยความเป็นห่วงเซนรีบวิ่งตามเสียงนั้นไป

     

     

    “ไนออล! มีอะไรไนออล!

     

     

    “พี่ดูนี่สิ พ่อทิ้งรถไว้ให้เราด้วย!” ไนออลชี้ไปทางรถของพ่อที่จอดนิ่งอยู่หลังบ้าน เป็นครั้งที่สองแล้วที่ไนออลทำให้หัวใจเซนเกือบวาย

     

     

    “พี่ก็นึกว่าเป็นอะไร ปั๊ดโธ่! ไปเข้าบ้าน” เซนกอดคอคนผมทองแล้วพยายามลากเข้าบ้าน

     

     

    “พี่เซนดีใจหน่อยสิ พ่ออุตส่าห์ทิ้งรถไว้ให้เราเลยนะ”

     

     

    “พี่ดีใจกับนายด้วย แต่ข่าวร้ายคือพี่จะไม่ให้นายขับแน่ พี่คนเดียวที่ขับได้โอเค๊?”

     

     

    “โธ่พี่เซน......”

     

     

    “อย่ามาโธ่ พี่จะไม่ห้ามเลยถ้านายไม่เอารถสามคนที่เราเคยมีไปขับชนจนพังน่ะ แล้วอีกอย่างนายยังไม่มีใบขับขี่ ฉะนั้นห้ามเด็ดขาด” เซนยิ้มมุมปากให้ไนออลก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้อง ทิ้งให้คนผมทองยืนกอดอกหน้าบึ้งใส่

     

     

    บานประตูสีขาวสะอาดปิดลง คนผมดำเดินตรงไปวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะก่อนจะทิ้งตัวลงไปกับเตียงที่มีลายแบทแมน

     

     

     

    หัวใจแทบหยุดเต้นเวลาอยู่ใกล้

     

    แทบหยุดหายใจเวลาใกล้กัน

     

    แต่ถึงยังไงก็ไม่อยากห่างกาย

     

    อยากปกป้องและดูแล

     

     

    โอ้ยเซนมึงเป็นบ้าอะไรวะเลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว!

     

    น้องเว้ยน้องคิดสิคิด……….

     

     

    เซนยันตัวลุกขึ้นจากที่นอน ใช้มือหนาๆถอดเสื้อยืดออกมันเพราะอึดอัดเหลือเกิน อยากจะอาบน้ำให้สบายตัว

     

     

    “พี่เซน อะจะ...........” ไนออลเปิดประตูผ่างเข้ามาเจอกับเซนที่ใส่กางเกงยีนส์แค่ตัวเดียว เซนที่ดูไม่คอยสะทกสะท้านเท่าไหร่ แต่คนผมทองแทบจะเป็นลมล้มตายคาห้อง

     

     

    “มีอะไรเหรอไนออล” เซนยักคิ้วเป็นเชิงถามไนออล

     

     

    “เอ่อ แค่อยากจะถามว่าอาหารเย็นจะเอายังไง” ไนออลชี้ดินชี้ดาวมั่วซั่วเหมือนคนไม่ได้สติ

     

     

    “พี่ว่าแม่น่าจะทำอาหารเย็นไว้ในตู้เย็นนะ ลองไปหาดูถ้าหิวก็เอามาเวฟ”

     

     

    “อะ... อะ... โอเค ผมไปละนะ” ไนออลปิดประตูดังปังอย่างจัง เซนนึกในใจว่าเขาทำอะไรให้ไนออลไม่พอใจหรือเปล่า  

     

    คนอะไรยิ่งโตยิ่งเข้าใจยาก

     

     

     

    .

     

     

     

    มาถอดเสื้อให้ใจหวั่นอย่างนี้ได้ยังไง

     

    ใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะแล้วนะ

     

    หน้าเขาตอนมองเซนคงตลกแน่เลย

     

    เซนจะคิดยังไงกัน

     

     

    หลังประตูสีขาวอีกฟากหนึ่งมีเด็กผู้ชายผมทองยืนเป็นกังวลกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา อยากทำร้ายตัวเองให้ตายไปตรงนั้น กล้ามสีแทน....... ร่างกายกำยำ ไม่คิดว่าพี่ชายจะโตขึ้นเร็วขนาดนี้เลย

     

     

    เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เหมือนไม่กี่นาที แต่เหมือนล้านปีที่เขาต้องคอยปิดบังความรู้สึกไม่ให้พี่ชายรู้ตัวว่าเขารักพี่มากขนาดไหน ไม่ใช่ในฐานะพี่น้อง ไม่ใช่ในฐานะเพื่อน ไม่ใช่ฐานะลูกเจ้าของบ้านกับคนมาอยู่อาศัย แต่มันเป็นความรักที่ไม่สามารถบอกไปได้

     

     

    มันทรมานที่พูดออกไปให้อีกคนรู้ก็ไม่ได้

     

    กลัวจะโกรธ

     

    กลัวจะเกลียด

     

    กลัวจะไม่เข้าใกล้

     

    และสุดท้ายกลัวจะเสียเขาไป

     

     

    ไนออลโมโหตัวเองก้าวฉับๆเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเองซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

     

     

    เขากำหมัดก่อนจะทุบลงไปที่หมอนของตัวเองหลายครั้งเหมือนคนบ้า ไม่เป็นวิธีทรมานตัวเองแบบไม่ต้องเจ็บตัว การจะต่อยหมัดไปตรงกำแพงก็ดูจะเจ็บเกินไปสำหรับไนออล

     

     

    บ้า!บ้า!บ้า!

     

    งี่เง่า!งี่เง่า!งี่เง่า!

     

     

    เมื่อเช้าเขาทักก็หยิ่งไม่ยอมตอบไอโง่งี่เง่า โว้ย จะทำตัวหยิ่งไปถึงไหนไนออล มึงหยิ่งมากเดี๋ยวเขาก็ไม่คุยด้วยหรอก!

     

     

    “เอ่อ ไนออลเป็นอะไรรึเปล่า” เซนที่เดินเข้ามาด้วยบ็อกเซอร์ตัวเดียว ไนออลแทบปลิดชีพตัวเองทิ้งด้วยหมอน สงสารเขาบ้างเลือดจะหมดตัวแล้วนะเซน

     

     

    “อ่อเปล่าฮะ ผมแค่คิดว่ามันเป็นแพนเค้ก ผมอยากจะกินมันน่ะแฮะๆ” ไนออลใช้มือเกาท้ายทอยตัวเองแสดงท่าทีเขินอาย แต่ในสมองของเขาแทบจะตีกัน อยากกินแพนเค้กหรอ โง่สิ้นดีไอไนออล!

     

     

    “พี่มีอะไรหรือเปล่า” ไนออลรวบรวมสติก่อนจะถามคนตรงหน้า

     

     

    “อยู่ๆห้องน้ำพี่ก็น้ำไม่ไหลพี่จะอาบน้ำ ขอยืมห้องนายได้ไหม”

     

     

    “ดะ ดะ ได้ฮะ เข้าไปเลย”

     

    เซนค่อยๆก้าวเข้ามา พร้อมกับหัวใจของไนออลที่เต้นเร็วขึ้น

     

    “แฮะๆ”

     

     

    โอ้ย รีบเดินไปได้ไหมวะเนี่ย เกร็งจนจะเป็นตะคริวอยู่แล้ว

     

     

    เหงื่อชุ่มหลังและมือของไนออลเต็มไปหมด ทำอะไรไม่ถูก หายใจติดขัด หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนคนรัวตีกลอง เหมือนมีผีเสื้อสักพันตัวบินไปมาในท้องของเขาเต็มไปหมด

     

     

    เซนปิดประตูห้องน้ำลง คนผมทองถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนไม่เคยได้หายใจมาเป็นเวลาสิบปี

     

     

    ไนออลทรุดตัวลงกับเตียงนอนผ้าปูลายทวิสตี้ที่แม่ซื้อให้ตอนอายุครบ 16 ไนออลไม่ได้เกลียดมัน แต่เขากลับชอบมันซะอีก คนอื่นอาจจะเห็นว่าลายมันดูเด็กเกินไปอายุขนาดนี้ยังใช้ที่นอนลายนี้อยู่อีกเหรอ

     

     

     ไนออลไม่คิดอย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อกับแม่ซื้อให้เขานั้นเป็นของขวัญพิเศษทุกชิ้น เขารักพ่อกับแม่มาก เขาได้รับความรักจากพ่อกับแม่ไม่แพ้กับเซน พ่อกับแม่สอนเขาให้โตขึ้นพร้อมกับพี่ชาย พ่อกับแม่สอนให้เขาสองคนดูแลกันและกัน แต่ไนออลก็ผิดสัญญา.....

     

     

    ไนออลตีตัวห่างจากเซนตอนเกรด 8 เหตุผลอยู่ที่ว่ายิ่งเขาโตขึ้นเมื่อไหร่ความรู้สึกมันเริ่มชัดเจนขึ้นทุกที จนต้องปฏิเสธความรู้สึกนั้นออกไปไกลตัวเขา ทั้งหลบหน้า พยายามไม่อยู่ใกล้ พยายามทุกอย่างที่จะไม่แสดงความรู้สึกนั้นออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจที่พร้อมจะทะลุออกจากอกพ่นออกมาเป็นคำพูดต่างๆนาๆ

     

     

    บางทีอยากจะกลับไปยืนที่จุดๆเดิม ที่กอดเซนได้อย่างหน้าตาเฉย ที่หอมเซนได้อย่างไม่ต้องอายใคร แต่ตอนนี้ไม่ใช่......... แค่วันนี้ได้เดินจับมือเซนกลับบ้านก็ดีแค่ไหนแล้ว เซนคงจะไม่อยากอยู่ใกล้เขาอีกแล้วหล่ะ ห่างกันตั้งหลายปี ความรู้สึกดีๆที่มีให้กันคงอยากจะเชื่อมต่อใหม่

     

     

    ห้ามใจได้ที่ไม่ต้องอยู่ใกล้เกือบปีสี่ปี แต่วันนี้แค่ใกล้กันไม่กี่ชั่วโมงความรู้สึกดันย้อนกลับมา เหมือนพวกผู้หญิงที่กำลังลดน้ำหนักเลยสินะ......... ห้ามใจไว้แต่สุดท้ายก็ต้องกิน

     

     

    อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมจัง .............

     

     

     

     

     

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ช็อตฟิคเรื่องแรกของบทความและตอนแรกของเรื่องจบแล้ว  ( ̄▽+*)

    เรื่องนี้คิดชื่อไม่ออกจริงๆเลยเอาเรื่องพี่ชายน้องชายซะเลย ห้วนๆอย่างนี้แหละจำง่ายดี 55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555

     

    เพิ่งแต่งคู่ Ziall ครั้งแรก แต่ก่อนเคยแต่งแต่ Larry ตลอดเลยอยากลองเปลี่ยนบ้าง เพราะเอมชิปคู่นี้ อิอิส์

     

    อยากอ่านความคิดเห็นของทุกคนติชมได้จะได้แก้ฝีมือเน้อ

    ชอบไม่ชอบเม้นมาได้ฮ้า เอมอยากรู้จริงๆว่าชอบกันไหมมมมมม TwT

     

    สุดท้ายใครอยากเวิ่นลงทวิต (ถ้ามีคนอยากเวิ่นนะฮ่า) #พี่ชายน้องชาย เลยครัฟซ์

     

    ขอบคุณรีดเดอร์ที่ทนอ่านที่เอมเวิ่นไว้ ขอบคุณมากข่า /กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ (●ε●) ” 

     

    {รอแก้คำผิด,}

    Supercell
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×