คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : "ชาวนากับนางหมาป่า"
ณ..เหมันตฤดูแห่งท้องทุ่งนิรนาม
ชายหนุ่มแห่งทะเลข้าวสาลีก้าวย่างไปในดินแดน
ซึ่งเขาเชื่อว่าได้ถือกำเนิดขึ้นที่นี่
เดินไปด้วยความหวังว่า
ภาพฝันแห่งอดีตกาล
จะสะท้อนกลับมายังดวงตาแห่งจินตภาพอีกคราครั้ง
ก่อนจะกลับคืนสู่โลกที่ตนอยู่ บ้านที่คนเคยเนา ที่ซึ่งเขาเคยเป็น
แต่ทันใดนั้น........โสติประสาทก็ยินสรรพเสียงของความบาดเจ็บ
และในขณะเดียวกันกลิ่นอายของหยดเลือดก็แผ่ซ่านมาตามระลอกลมที่ย้อนยอก
..ณ...ทุ่งน้ำแข็งนิรนาม
ความบาดเจ็บ ....มันเป็นความบาดเจ็บของนักล่าที่แข็งแกร่ง นักล่าผู้กระหายเลือด
แต่บัดนี้นักล่าต้องล้มร่างด้วยคมเขี้ยวของผู้ร่วมเผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่า
พิษแห่งบาดแผล ร้าวลึกดั่งดวงตราแห่งผู้แพ้
ชายหนุ่มเพ่งพินิจไปยังนางพญาหมาป่าที่อ่อนแรงตัวนั้น
ดวงตาของมัน......อ้อนวอน ร้องขอชีวิตผ่านภาษาแห่งนามธรรมและเสียงสะท้านพร่าของลมหายใจอันรวยริน
ชายหนุ่มอุ้มร่างนางหมาป่าขึ้นไว้ในอ้อมกอด เพียงให้ไออุ่นจากอ้อมอกแผ่ซ่านไปยังร่างอันสั่นเทาจากความหนาวที่โหดร้าย และไม่ลืมที่จะเยียวยาบาดแผลของมันด้วยความอุ่นอันแผ่ซ่านจากเรือนกาย
ณ ........กระท่อมไม้สักสีน้ำผึ้ง นางหมาป่านอนเลียแผลด้วยดวงตาที่เปี่ยมหวัง
แต่กระนั้นความอ่อนนุ่มของผ้าห่ม ระอุอุ่นจากเตาผิงรูปโดม ผสานไอร้อนที่ซาบซ่านจากผ่ามือของชายหนุ่ม
ซึ่งทำให้นางหมาสั้นสะท้านแต่..ทว่า.พิษบาดแผลของมันกลับทุเลาขึ้นอย่างอัศจรรย์
รุ่งอรุณ อันหนาวยะเยือก....เยียบ แห่งทุ่งน้ำแข็ง นางหมาลุกขึ้นยืนหยัดสลัดความป่วยไข้ที่ฝังแน่นในกายา
หายไปอย่างประหลาด ขนที่มันวาว ใบหูทั้งสองที่ชูชั้น พวงหางอันสง่างามดั่งสัญญาญบ่งบอกว่า มันจะกลับไปสู่ความเป็นนักล่ากระหายเลือดนับแต่วินาทีนี้
พร้อม...ที่จะออกล่าเหยื่อ โดยที่ไม่สนใจที่จะหยุดฟังเสียงแห่งสายลมที่พริ้วผ่านทุ่งข้าวสาลีที่ซึ่งมันเคย
ทิ้งร่างเผชิญกับความตายอยู่เพียงลำพังและไม่มีวันที่จะหยุดฟังเสียงอันอ่อนไหวแห่งสายลมใดอีกต่อไป มันกระซิบในใจดังๆว่า
" ข้าคือนางพญาหมาป่า ข้าคือนักล่า นักล่าอย่างข้าจะหยุดฟังเสียงแห่งสายลมที่พัดผ่านทุ่งข้าวสาลีได้อย่างไรกัน หากข้ากะทำเยี่ยงนั้น
ข้าจะเป็นนักล่าที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างกันข้าจะไม่มีวันนั่งดูดาว ข้าจะไม่มีวันหลั่งน้ำตา หากข้ากระทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่ต่างอะไรกับกระต่ายน้อยที่อ่อนแอ รอวันสังเวยชีพแด่กรงเล็บแห่งพญาเหยี่ยว หาใช่ผู้ยิ่งใหญ่ไม่"
สิ้นเสียงแห่งหัวใจแห่งนางพญาหมา เสียงฝีเท้าที่เหยียบย่างอย่างช้า ช้า ช้า ทว่าหนักหน่วง ค่อยๆย่างก้าวที่ละน้อย ละน้อย เพื่อสูดไอหนาวแห่งเหมันตกาลเป็นครั้งแรกหลังจากจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งพิษไข้อยู่หลายเพลา
ฝีเท้าย่างเหยาะ เหยาะ ย่าง แล้วทรุดร่างสีน้ำตาลเทาต่อหน้าชายหนุ่ม เสมือนสำนึกคำพรแห่งพระผู้เป็นเจ้าที่ได้ประทานชีวิตใหม่ให้กับ
เจ้าหมาให้กลับคืนมาอีกคราครั้ง รอให้ชายหนุ่มก้าวเดินไปหามันอย่างช้าๆ แล้วนำฝ่ามือที่เปี่ยมล้นความอาทรสัมผัสลงบนศรีษะแล้วโอบกอดมันไว้ในอ้อมอกเช่นที่เคยกระทำ ในยามที่มันยังไม่สร่างพิษไข้ แต่ชายหนุ่มก็ได้หันหลังให้มันพร้อมเดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมา แม้มันจะอ้อนว่า"ได้โปรดกรุณาข้าครั้งสุดท้ายเถิด" ด้วยสำนึกในห้วงคำนึงตลอดเวลาว่า มันคือหมาป่า ย่อมมีสันดานดิบที่กำเนิดจากป่า คงไม่มีวันจะทำให้"เชื่อง" ได้แม้ว่ามันจะเคยขอร้องว่าช่วยทำให้มัน"เชื่อง" ชายหนุ่มตระหนักดีกว่าไม่มีวันที่จะทำให้
สรรพชีวิตที่มาจากป่าให้เชื่องอย่างสนิทใจได้ หมาป่าไม่มีวันโศกเศร้า หมาป่าไม่มีวันหลั่งน้ำตา เพราะจิตสำนึกของมันคือ นักล่า หรือว่าชายหนุ่มไม่อยากให้นิทาน "ชาวนากับงูเห่า" มันเกิดขึ้นซ้ารอยกับเขาอีก
หรือชายหนุ่มรู้ในมโนสำนึกว่านี่คือ"เล่ห์ของนางหมาป่า" ที่ชายหนุ่มไม่มีวันจะหลงกล
ชายหนุ่มเดินกลับไปสู่กระท่อมไม้สักสีน้ำผึ้งเขาเขาอีกครั้ง พร้อมกับโยนนิทานไร้สาระทุกๆเล่มลงสู่เตาผิงรูปโดม ปล่อยให้เปลวไฟเผาผลาญมันที่ละเล่ม ละเล่ม จนหมด พร้อมกับเปล่งวาจาในใจว่านิทานดั่งกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ชายหนุ่มพลันนึกถึงสิ่งที่ผู้เฒ่าบอกขานเรื่องราวในอดีตกาลให้เขาฟังว่า มีนางหมาป่าบาดเจ็บซมซานมาขอชีวิตแก่หนุ่มชาวนามาหลายชั่วอายุคน แต่ไม่เคยมีหนุ่มชาวนาผู้ใดรอดชีวิตจากคมเขี้ยวอันแข็งแกร่งคมกริบของนางหมาป่าเลยแม้แต่คนเดียว
ชายหนุ่มยิ้มเยาะอย่าพึงใจตนไม่ทันตกเป็นเหยื่ออันโอชะจากคมเขี้ยวขาววาววับของนาง
แต่เขาก็ตั้งคำถามอยู่ในใจว่า ใครจะเป็นเหยื่อเขี้ยวฆาตกรของนางพญาหมาแห่งทุ่งน้ำแข็งเป็นรายต่อไป
ความคิดเห็น