ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนาน Ragnarok

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่7 ไทร์(Tyr) กับ เฟนรีส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.26K
      0
      2 ธ.ค. 49

    บทที่7 ไทร์กับเฟนรีส
    ไทร์-Tyr หรือทิว-Tiv องค์นี้เป็นลูกชายของโอดินกับฟริกก้า (บางตำราว่าเป็นลูกของโอดินกับยักษ์ไร้นามแห่งท้องทะเล) ชื่อของเขาเป็นที่มาของชื่อวันอังคาร-Tyr's day หรือ Tuesday ที่เรารู้จักกันดี
    ไทร์เป็นเทพแห่งสงคราม เช่นเดียวกับโอดิน (โอดินเป็นเทพประจำหลายอย่างครับ รู้มากก็หยั่งเงี้ยะ) แต่ที่ไม่เหมือนกันก็ตรงที่ ไทร์ลงลุยสงครามด้วย ส่วนโอดินจะนั่งมองคู่ต่อสู้บนบัลลังก์ที่แอสการ์ดแล้วกำหนดว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ
    รูปร่างของไทร์เป็นชายหนุ่มที่มีกล้ามเป็นมัด แต่มีมือข้างเดียว อีกข้างหนึ่งถือดาบไว้ตลอดเวลา ไม่มีการบันทึกว่าเขามีวังอยู่ที่ไหน คลับคล้ายคลับคลาว่ามักถูกเชิญไปอยู่กับคนนั้นทีคนนี้ที ตำนานบันทึกไว้แต่เรื่องความเข้มแข็งของเขากับเหตุผลที่ว่าทำไมไทร์จึงมีมือข้างเดียว
    เรื่องมันเชื่อมต่อมาตั้งแต่โลกิกับอังกรโบดาให้กำเนิดลูกสามอย่างคือ เฟนริส จอร์มุนกานด์และเฮลนั่นแหละครับ
    การเกิดของสิ่งประหลาดทั้งสามในจักรวาลไม่ช้าไม่นานก็รู้ไปถึงหูเทวาอีเซอร์ เทวาแห่งสวรรค์ตกใจมากที่พืชพันธ์ของโลกิช่างไม่เหมือนกับอะไรเลย ความไม่สบายใจของเทพค่อยๆ มากขึ้นๆ มากขึ้นจนรู้ไปถึงหูโอดิน และโอดินก็กลัดกลุ้มจนต้องเดินทางลงไปถามเอาความจากเทพีนอร์นทั้งสาม และก็ได้รับคำตอบว่า ทั้งสามสิ่งคือตัวแทนของความชั่วร้ายที่จะต้องกำจัดให้เร็วที่สุดหลีกเลี่ยงความพินาศที่มันจะก่อตามมา
    โอดินจึงสั่งให้เทพอีเซอร์กลุ่มหนึ่งลอบเข้าไปในโจตันไฮล์ม จับอังกรโบดาตรึงไว้แล้ว ขโมยลูกของหล่อนกลับไปแอสการ์ดโดยที่นางยักษ์ผู้เป็นแม่ช่วยอะไรไม่ได้เลย
    ทว่าทันทีที่ชาวสวรรค์เห็นลูกๆ ของโลกิ ทุกคนต่างเมินหน้าจากความน่าเกลียดของมัน โอดินเนรเทศเฮลลงไปอยู่แดนนิฟล์ไฮล์มทันควัน นางกลายเป็นเทพีครอบครองอาณาจักรที่ไม่มีใครต้องการ นั่นคือดินแดนแห่งความตาย เป็นความตายชนิดน่าอับอายที่สุดในความเชื่อของชาวเหนือ คือตายด้วยเหตุปกติธรรมชาติ ความมืดของนิฟล์ไฮล์มถูกใจเฮลมาก มันทำให้หล่อนสามารถซ่อนร่างกายท่อนล่างซึ่งเป็นศพเน่าได้ อีกทั้งที่นี่ยังมีอาหารโปรดถูกใจคือศพคนตายที่หล่อนจะสามารถแทะกินเนื้อเน่าๆ หักกระดูกศพเลียกินไขที่ส่งกลิ่นเหม็นได้อย่างสบายๆ
    ถัดจากเฮล โอดินขว้างงูจอร์มุนกานด์ลงไปในทะเลที่ล้อมรอบมิดการ์ด งูดำดิ่งลงไปถึงก้นบึ้งแฝงตัวอยู่ที่นั่นตั้งแต่บัดนั้น มันค่อยๆ โตขึ้นๆ ยาวขึ้นๆ จนหัวไปทันหางกลายเป็นวงกลมล้อมมิดการ์ดที่ใต้ทะเล
    แต่เมื่อมาถึงตาเฟนริส โอดินชักไม่อยากไล่มันไปไหน ค่าที่ตอนนั้นมันยังดูเป็นลูกหมาน้อยธรรมดาๆ บวกกับความที่โอดินรักหมาป่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงปล่อยให้ลูกหมาเฟนริสเที่ยวท่องไปอย่างอิสระในทุ่งและป่าของแอสการ์ด
    เฟนริสกลายเป็นปัญหาในเวลาต่อมา เนื่องจากมันหิวตลอดเวลาและทุกครั้งที่มันหิวมันจะหอนโหยหวนสร้างความรำคาญแก่ชาวสวรรค์เป็นที่ยิ่ง ทว่าเทพองค์หนึ่งที่ไม่รู้สึกรำคาญเหมือนองค์อื่นคือเทพไทร์ เสียงหมาเฟนริสหอนกลับเรียกความสนใจมากกว่า เขารู้สึกว่าเป็นหน้าที่ๆ จะต้องตามรอยมันแล้วโยนเนื้อก้อนใหญ่ให้มันกิน อาหารดับความหิวทำให้หมาเงียบ ไทร์เลี้ยงหมาป่าทุกวัน เขาเลยกลายเป็นเทพองค์เดียวที่เข้าใกล้เฟนริสได้
    เวลาผ่านไป โอดินเพิ่งสังเกตเห็นว่าลูกของโลกิตัวนี้ใหญ่ขั้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด พระองค์นึกถึงคำทำนายของเทพีนอร์นได้ว่า เฟนริสนี่แหละจะเป็นผู้ฆ่าพระองค์ในช่วงสุดท้ายของจักรวาล ถึงโอดินจะรู้ว่าชะตาลิขิตแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่พระองค์ก็ไม่ต้องการเร่งจุดจบให้เร็วนัก โอดินจึงไม่สั่งให้ฆ่าเฟนริสแต่ให้หาทางผูกมันไว้อย่างแน่นหนา
    บรรดาเทพไปหาของผูกมัดอันแรก เป็นโซ่ชื่อแลดิ้ง-Laeding เส้นใหญ่ขนาดธอร์เองยังกลัว เทพถือโซ่เดินเข้าไปหาหมาป่า ถามมันว่าจะยอมถูกผูกหรือไม่ เฟนริสดมโซ่และลองกัด แล้วมันก็ยอมให้ผูก แต่หลังจากผูกเสร็จ เฟนริสก็แสดงให้เห็นพลังอันมากมาย มันเกร็งกำลังผลัวะเดียว โซ่แลดิ้งก็ขาดออกจากกันราวกับทำจากกระดาษ
    เทวาแทบไม่เชื่อสายตา พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าหมาป่าตัวนี้จะสามารถทำลายพันธนาการอันแข็งแกร่งลงได้มันน่าจะมีอะไรผิดพลาดกับโซ่เป็นแน่ เทพแอสการ์ดลองอีกครั้ง คราวนี้เขาเอาโซ่โดรมิ-Dromi ซึ่งใหญ่เป็นสองเท่าของเส้นแรก แต่ละข้อโซ่ใหญ่ขนาดที่คนธรรมดายกไม่ไหวเอามาผูกหมาป่าเฟนริส มันทำท่ายอมให้ผูกเหมือนเส้นแรก แต่สุดท้ายก็สะบัดทีเดียวขาดสะบั้น
    ความแข็งแกร่งของเฟนริสชักทำให้เทวดาทั้งหลายใจฝ่อ โอดินหาทางแก้ไข และแล้วก็สั่งสเคอร์เนียร์-Skirnir ทูตสื่อสารของเฟรย์ลงไปยังดินแดนคนแคระ ให้ทำของวิเศษสำหรับผูกเฟนริส เสนอค่าตอบแทนเป็นทองคำมากชนิดคนแคระนึกไม่ถึง
    เป็นที่รู้ๆ กันละครับว่า คนแคระไม่สนใจเรื่องความเป็นไปทั้งทางโลกหรือทางสวรรค์ พวกมันสนใจเรื่องการประดิษฐ์ของและแร่ทองคำ ถ้าต้องการอะไรแล้วเอาทองคำมาแลก คนแคระเป็นทำถวายหัวกับโซ่ล่ามเฟนริส คนแคระก็รับจ้างด้วยการเอาของวิเศษซึ่งต่างก็เป็นสิ่งมองไม่เห็นที่มีแต่คนแคระเท่านั้นหาได้ มาผสมกัน นั่นคือเสียงแมววิ่ง เคราผู้หญิง รากภูเขา เสียงปลาร้อง เอ็นหมีและน้ำลายนก กลายเป็นสายริบบิ้นล่ามหมาเรียกว่า ไกลป์เนียร์-Gleipnir
    สเกอร์เนียร์กลับแอสการ์ดพร้อมริบบิ้นเส้นบาง เทพพากันออกไปหาหมาป่าอีกครั้ง เฟนริสมองสายริบบิ้นที่เทพถือมาด้วยความระแวง มันรู้ว่าเทพคงต้องมีอุบายอะไรแน่ๆ การจะเอาริบบิ้นเส้นบางขนาดอาจจะขาดได้ถ้าโดนลมเบาพัดมาหามัน หมายความว่าริบบิ้นจะต้องมีดีพอที่จะผูกมันได้ เฟนริสเห่าหอนด้วยความหงุดหงิดบอกให้รู้ว่ามันไม่ยอมให้เอาริบบิ้นผูก เทวาแอสการ์ดต่อรอง บอกว่าหากมันสะบัดไกลป์เนียร์ออกไม่ได้ เทพจะยอมปล่อยมันทันที เฟนริสไม่เชื่อ มันเห่าหอนหนักขึ้น ทำให้สมาชิกแอสการ์ดต้องถอยเพื่อความปลอดภัย
    ทุกคนรู้ว่าตอนนี้ไม่มีใครเข้าใกล้หมาป่าเฟนริสได้ เนื่องจากมันเริ่มระแวง ต่างคนต่างมองตากันแล้วนึกออกว่า เทพองค์เดียวที่หมาป่าไว้ใจคือไทร์ จึงเชิญเขามา ไทร์รับริบบิ้นเดินเข้าใกล้เฟนริส ปลอบมันว่าถ้าผูกแล้วสะบัดไม่ออกจะปล่อย ไทร์ให้มันงับมือข้างหนึ่งของเขาไว้เป็นหลักประกันให้เชื่อว่าเทพรักษาคำพูด คำมั่นของไทร์ให้หมาป่ายอม อย่างหนึ่งเพราะมันจำได้ว่ายามที่มันหิวตั้งแต่ตอนเป็นลูกหมาก็มีเพียงไทร์คนนี้ที่ให้อาหาร
    ไทร์เอามือซุกไว้ในปากเฟนรีสปาก เทวาอีเซอร์เอาริบบิ้นไกลป์เนียร์ผูกทบแล้วทบเล่ากว่าจะแน่ใจ ปรากฏว่าเมื่อเฟนริสลองขยับคราวนี้มันไม่ขาดจากกันเหมือนโซ่ ยิ่งดิ้นรนยิ่งรัด ยิ่งกระชากยิ่งแน่น ขนหลังของเฟนริสตั้งชันด้วยความโกรธ มันแสดงท่าทางให้เทพปล่อยมันตามสัญญา แต่ไม่มีเทพองค์ไหนขยับเข้าใกล้ไปแก้ริบบินแม้แต่องค์เดียว เฟนริสจึงกัดมือไทร์ขาดติดกรามของมันทันที
    เฟนริสถูกผูกอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งถึงเวลาแร็กนาร็อค ยามที่ปีศาจมีฤทธิ์อำนาจมากจนริบบิ้นไกลป์เนียร์หมดความศักดิ์สิทธิ์ร่วงลงพื้นไปเองอย่างง่ายดาย คราวนั้นละครับเฟนริสก็ออกตามล่าโอดินผู้ออกคำสั่งให้พรากตัวมันมาจากแม่และยังผูกมันให้ได้รับแต่ความทรมาน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×