ลำดับตอนที่ #59
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #59 : Special Part KyuMin (ย้อนเวลาหารัก)
Special Part KyuMin (ย้อนเวลาหารัก)
“ซองมินดูแลน้องด้วยนะลูก เล่นกันอยู่แถวนี้ห้ามไปไหนไกลนะรู้มั้ย” ท่านประธานลีเอ่ยบอกกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก่อนที่จะเข้าไปประชุมกับหุ้นส่วนของรีสอร์ทแห่งนี้
“ครับ” เด็กน้อยตอบออกมาด้วยท่าทางที่น่ารัก ก่อนจะมองไปด้านหน้าของตัวเองที่มีเด็กผู้ชายอีกคนยืนอยู่
“อย่าดื้อกับพี่เขานะคยู” คุณโจบอกกับลูกชาย แล้วเจ้าของรีสอร์ททั้งสองคนก็เดินเข้าไปคุยกันที่บริเวณห้องโถง ปล่อยให้ลูกชายทั้งสองคนเล่นกันอยู่บริเวณรอบๆรีสอร์ทที่มีวิวทิวทัศน์และบรรยากาศที่แสนสดชื่นแห่งนี้ โดยมี่พี่เลี้ยงคอยมองดูอยู่ไม่ห่างนัก
เด็กชายวัยแปดขวบชื่อซองมินเอาแต่จ้องมองอีกคนไม่วางตา ส่วนเด็กชายคยูฮยอนวัยเจ็ดขวบก็จ้องมองกลับมาไม่แพ้กัน
“ไปเล่นบอลกัน” เป็นคยูฮยอนที่เอ่ยปากชวนพร้อมกับเดินจูงมืออีกคนให้เดินไปด้วยกัน ขนาดตัวและส่วนสูงของทั้งสองไม่ต่างกันนัก ซองมินสูงกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“นายเป็นผู้รักษาประตูนะ” คยูฮยอนลากซองมินมายืนที่จุดๆหนึ่ง เขาถอดรองเท้าของตัวเองมาทำเป็นขอบเขตของโกล์
“ไม่เอา! ฉันก็อยากเตะบอลเหมือนกันนะ” ซองมินประท้วงกลับ หยิบบอลแล้วเดินห่างออกไป ปล่อยให้คยูฮยอนยืนอยู่ตรงรองเท้าที่ตัวเองถอดวางไว้
“เดี๋ยวค่อยสลับกันก็ได้ ฉันเป็นคนชวนนายเล่น นายก็ให้ฉันเป็นคนเตะก่อนสิ” คยูฮยอนเองก็ไม่ยอมเสียสิทธิ์ของตัวเอง วิ่งเข้าไปแย่งบอลจากซองมินทันที
“พ่อนายบอกว่าอย่าดื้อกับฉันไง! นายต้องให้ฉันเตะก่อน!” ซองมินเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“แต่ฉันเป็นน้อง พ่อนายก็บอกให้ดูแลฉันดีๆเหมือนกัน นายต้องใช้ฉันเตะก่อน!”
“ฉันเป็นพี่นายต้องเชื่อฟังฉันสิ!”
เด็กสองคนยังคงเถียงกันและแย่งบอลกันไปมา พี่เลี้ยงเห็นท่าไม่ค่อยดีเลยต้องรีบเข้ามาห้ามไว้เสียก่อน ไม่งั้นคงได้มีใครซักคนร้องไห้แน่ ชื่อเสียงเรียงนามของคุณหนูทั้งสองก็ใช่เล่นซะที่ไหน เอาแต่ใจได้โล่ทั้งสองคน
“ไม่แย่งกันนะคะ แบ่งกันเล่น” พี่เลี้ยงช่วยเข้ามาเกลี้ยกล่อมให้เหตุการณ์ดีขึ้น แล้วเป็นคนถือบอลไว้เอง
“ผมเป็นคนชวนเล่น ผมก็ต้องได้เตะก่อนสิครับ แถมเขายังเป็นพี่ผมด้วย” คยูฮยอนหันไปฟ้องพี่เลี้ยงแล้วชี้หน้าซองมิน การพูดการจานั้นไม่ได้ให้เกียรติคนเป็นพี่ซักนิด แถมชื่ออะไรคยูฮยอนเองก็จำไม่ได้
“แต่ผมก็อยากเตะเหมือนกันนะ” ซองมินกอดอกแล้วทำหน้าบึ้ง เขารู้สึกไม่ถูกชะตากับไอ้เด็กคนนี้เอาซะเลย
“ไม่เอานะคะ อย่าทะเลาะกัน คุณหนูต้องให้น้องเตะก่อนนะคะ เราเป็นพี่ต้องเสียสละให้น้อง” พี่เลี้ยงบอกแล้วส่งบอลให้คยูฮยอน ซองมินเลยหน้าหงิกเข้าไปใหญ่
“ไม่เอาคะ อย่าทำหน้าแบบนี้ เดี๋ยวพลัดกันเล่นไงคะ แต่ให้น้องเตะก่อน นะคะ” พี่เลี้ยงยิ้มหวานให้ซองมิน เมื่อเห็นคุณหนูพยักหน้าเลยพาไปที่ประตูที่คยูฮยอนเป็นคนทำขึ้น
“เล่นกันไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่มา” พี่เลี้ยงหันไปบอกทั้งสอง เมื่อโดนคนหัวหน้าเรียกให้เข้าไปช่วยงานด้านใน
เมื่อพี่เลี้ยงจากไปแล้วคยูฮยอนก็ทำหน้าตาทะเล้นใส่ซองมินทันที มันยิ่งทำให้ซองมินรู้สึกหมั่นไส้เด็กคนนี้เข้าไปใหญ่
“ฉันจะเตะแล้วนะ” คยูฮยอนวางบอลลงกับพื้นแล้วร้องบอกคนที่นั่งอยู่ตรงโกล์รองเท้าที่เขาเป็นคนทำมันขึ้นมา
“รีบๆเตะมาสิ ฉันจะได้เล่นบ้าง” ซองมินจะโกนกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“นายก็ยืนขึ้นสิ” คยูฮยอนใช้เท้าเขี่ยบอลไปมาเพื่อรอซองมินให้ลุกขึ้นยืนแต่ไม่มีวี่แววอีกคนจะลุกขึ้นเลยซักนิด
“ถ้านายยังนั่งอยู่แบบนั้นแล้วจะเล่นได้ยังไง”
“เล่นได้ก็แล้วกัน นายก็เตะๆมาสิ ฉันรับได้ก็แล้วกัน” ซองมินตอบกลับมาหน้าบึ้ง ใช้แขนข้างขวาท้าวคางแล้วหยิบเส้นกิ่งไม้ข้างๆตัวมาเขี่ยพื้นเล่น ไม่ได้สนใจคยูฮยอนเลยซักนิด
“ก็ได้ ถ้าฉันเตะโดนนายก็อย่าร้องไห้แล้วกัน” คยูฮยอนขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงต่อ เขาจับบอลให้อยู่นิ่งแล้วเตะมันออกไปเต็มแรง กะว่ายังไงต้องโดนคนที่นั่งทำหน้าเซ็งโลกอยู่แน่ๆ
ก็ใช่ว่าซองมินจะหมั่นไส้คยูฮยอนคนเดียว คยูฮยอนเองก็หมั่นไส้ซองมินเหมือนกัน เด็กผู้ชายอะไรตาโตหน้าน่ารักกว่าผู้หญิงซะอีก
ลูกบอลที่คยูฮยอนเตะไปนั้นพุ่งไปข้างหน้าอย่างแรง ซองมินเงยขึ้นมามองบอล แล้วใบหน้าหวานก็เบียนไปทางขวา
“เตะยังไงของนายเนี่ย! ไม่เห็นได้เรื่อง!” ซองมินพูดกลั้วหัวเราะ วิ่งไปเก็บบอลก่อนจะเดินไปหาคยูฮยอนแล้วผลักให้อีกคนเดินไปเปลี่ยนตำแหน่งกับตัวเอง
คยูฮยอนจิ๊ปากอย่างรำคาญบวกกับอาการเสียฟอร์มน้อยๆ ก็บอลที่เขาเตะไปเมื่อกี้มันออกไปทางขวาเต็มๆ ไม่ได้ตรงเป้าเลยซักนิด
“รับให้ดีๆนะ!” ซองมินตะโกนบอกเมื่อตั้งบอลให้อยู่ตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว
“เตะให้มันตรงก็แล้วกันน่า!” คยูฮยอนตะโกนกลับไปด้วยอาการฉุนเฉียว ยังไงเขาก็ไม่ยอมแพ้เด็กผู้ชายหน้าหวานคนนี้หนอก
ซองมินไม่ได้พูดอะไรตอบออกแรงเตะบอลทันที ลูกบอลนั้นพุ่งไปตรงๆไปด้วยความเร็ว แต่มันกลับหยุดเอาซะดื้อๆตรงปลายเท้าของคยูฮยอนพอดิบพอดี
“มีแรงแค่นี้เหรอ” คยูฮยอนหัวเราะออกมาดังลั่น เขาก้มลงเก็บบอลตรงปลายเท้าก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นคนเตะ
ซองมินยังคงมีท่าทางเหมือนเดิม เขานั่งลงตรงที่เดิมและก็ทำท่าเซ็งโลกเหมือนเดิม ไอ้อาการไม่อยากเล่นด้วยแบบนี้แหละ ยิ่งทำให้คยูฮยอนรู้สึกหมั่นไส้
“ถ้านายไม่อยากเล่น ฉันเล่นคนเดียวก็ได้นะ” คยูฮยอนร้องบอก แต่ซองมินกลับทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ เพราะซองมินจะกระตือรือร้นตอนตัวเองเป็นคนเตะเท่านั้นแหละ
เห็นท่าทางแบบนี้คยูฮยอนยิ่งรู้สึกหมั่นไส้เข้าไปใหญ่ คราวนี้แหละเขาจะเตะอัดหน้าหวานๆนั้นให้หมดหล่อไปเลย
คยูฮยอนเตะบอลออกไปอีกครั้งสุดแรง และคราวนี้บอลก็มันพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างแรง ซองมินเงยหน้าขึ้นมามองแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ก็รู้สึกชาไปทั้งหน้า ร่างของเขาหงายลงกับพื้นหญ้าทันทีที่ลูกบอลปะทะเข้าที่หน้าอย่างจัง
“เฮ้ย! โดนจริงๆเหรอเนี่ย” คยูฮยอนร้องขึ้นด้วยความตกใจก่อนจะวิ่งเข้ามาดูซองมินที่นอนแผ่อยู่ที่พื้น ไม่มีเสียงร้องใดๆออกมาเลยแม้แต่นิด
“นี่นาย” คยูฮยอนเขย่าตัวซองมินเบาๆ เพราะอีกคนนั้นนอนนิ่งเกินไปจนคยูฮยอนเริ่มคิดไปต่างๆนาน หรือว่าหมอนี่จะตายซะแล้ว แค่โดนบอลอัดหน้าแค่นี้
“ฉันเจ็บนะ!!” อยู่ดีๆซองมินก็เด้งตัวขึ้นมาแล้วยกมือขึ้นมากุมหน้าตัวเอง มันรู้สึกเจ็บ ชาแล้วก็มึนไปหมด
“ก็นายไม่ยอมตั้งท่ารับดีๆ เองนี่นา ช่วยไม่ได้!~” คยูฮยอนพูดเหมือนปัดความรับผิดชอบ แต่ใจจริงก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาเหมือนกัน โดนอัดแรงขนาดนี้ต้องร้องไห้แน่ๆ และถ้าหมอนี้ร้องไห้ เขาก็ต้องโดนคุณพ่อดุ
“ตายซะเถอะ!!!” ซองมินเงยหน้าขึ้นมาตะคอกใส่หน้าคยูฮยอนแล้วเดินไปหยิบท่อนไม้ขนาดพอดีมือที่คนสวนเพิ่งตัดมาจากต้นไม้ใหญ่กองเอาเพื่อจะนำไปทิ้งวิ่งไล่ฟาดคยูฮยอนทันที ในเมื่อเขาเจ็บตัว ไอ้เด็กนี่ก็ต้องเจ็บด้วย
“หยุดน้า!~” ซองมินวิ่งไล่คยูฮยอนไปก็ตะโกนไป ส่วนคยูฮยอนเองก็ไม่ยอมหยุดง่ายๆ เพราะถ้าหยุดเขาก็โดนน่ะสิ
คยูฮยอนวิ่งหนีสุดแรงเกิดแต่เพราะตอนนี้เขาตัวเล็กกว่าซองมินเลยทำให้อีกคนวิ่งตามมาทันได้ไม่ยากนัก ซองมินยกท่อนไม้ฟาดไปที่คยูฮยอนเต็มแรง ทำให้คยูฮยอนล้มลงนั่งกับพื้นในทันที
“โอ๊ย!!~” เมื่อไม้ปะทะเข้าเต็มๆตรงหางคิ้ว คยูฮยอนก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาทันที แล้วความเจ็บปวดก็เริมย่างกายเข้ามา บวกกับเลือดที่ไหลย้อยลงมา
“แง.....แงๆๆๆๆ....แง” แล้วคยูฮยอนก็เริ่มแหกปากร้องไห้เมื่อเห็นเลือดของตัวเอง
ซองมินทั้งไม้ที่ถืออยู่ลงทันทีเมื่อคยูฮยอนร้องไห้ มือไม้มันเริ่มแข็งทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาซะเฉยๆ
“นายอย่าร้องไห้สิ” ซองมินนั่งลงข้างๆคยูฮยอนแล้วพูดออกมาเสียงอ่อย ยิ่งเห็นเลือดสีแดงสดที่ไหลลงมาอาบใบหน้าคยูฮยอนก็ยิ่งทำให้รู้สึกกลัวไปด้วย
“ว๊าย!คุณหนู” พี่เลี้ยงที่เพิ่งโดนใช้งานเสร็จออกมาเจอสภาพคุณหนูทั้งสองคนก็วิ่งเข้าไปหาทันที ฝ่ายซองมินที่เห็นพี่เลี้ยงเข้ามาก็เกิดอาการกลัวเพิ่มขึ้นมาอีกจึงแหกปากร้องตามคยูฮยอนไปซะเลย
“เล่นอะไรกันคะเนี่ย!” พี่เลี้ยงเข้ามาอุ้มคยูฮยอนขึ้น เสียงร้องไห้ของทั้งสองคนนั้นดังมากจนดังไปถึงด้านใน ผู้ปกครองเด็กชายทั้งสองเลยก็ต้องรีบออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“คยู!” เมื่อคุณโจเห็นสภาลูกชายก็ตรงเข้ามาอุ้มไปจากพี่เลี้ยงทันที คยูฮยอนเองก็โผเข้ากอดพ่อทันทีเหมือนกัน ส่วนปากก็ยังคงส่งเสียงร้องไปต่างไปจากซองมินที่นั่งสะอึกสะอื้นอยู่ที่พื้น
แล้วคุณโจก็พาคยูฮยอนไปขึ้นรถเพื่อพาไปโรงพยาบาล ส่วนซองมินหลังจากหยุดร้องไห้แล้วก็โดนสอบสวนไปตามระเบียบ
“ทำไม่เล่นกันแรงแบบนี้ห๊ะ!ซองมิน พ่อบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ดูแลน้อง ไม่รู้ว่าคุณกลับมาแล้วจะว่ายังไงบ้าง!” ท่านประธานลีอดไม่ได้ที่จะดุลูกชายออกไปเมื่อฟังเรื่องราวจากปากซองมินจบ ถึงจะไม่ได้ดุอะไรมากมายก็ตาม
“ผมไม่ผิดนะครับ เด็กนั่นตั้งใจเตะบอลใส่ผมชัดๆ” ซองมินบอกออกมาด้วยท่าทีที่ดูเหมือนจะสำนึกผิด แต่เมื่อฟังจากประโยคแล้วเหมือนการแก้ตัวซะมากกว่า
“ยังจะมาเถียงอีก! เราเป็นพี่นะซองมิน! แล้วเรียกน้องแบบนั้นได้ยังไงกัน เขาชื่อคยูฮยอน!” อีกครั้งที่ต้องดุลูกชายออกไป เขาคงจะตามใจซองมินมากไปจนเสียคนแล้วแน่ๆ
“จะชื่ออะไรก็ชั่งเถอะครับ ยังไงผมก็เจ็บเหมือนกันนะ”
“เฮ้อ~....ซองมิน แต่ถ้าน้องกลับมาแล้วต้องขอโทษเขาด้วยนะลูก รู้มั้ย” เสียงถอนหายใจหนักๆดังออกมาจากผู้เป็นพ่อ เขาเองก็ไม่อยากว่าอะไรลูกชายมาก เพราะทั้งซองมินกับคยูฮยอนก็ยังเด็กกันทั้งคู่ การควบคุมอารมณ์หรือการกระทำอาจจะยังมีไม่มากพอ
หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาออกมาจากปากของสองพ่อลูกอีกจนกระทั่งคุณโจพาคยูฮยอนกลับมาจากโรงพยาบาล ทั้งสองครอบครัวจึงได้คุยกันอีกครั้ง
คุณโจนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามกับท่านประธานลีในอ้อมแขนยังคงอุ้มคยูฮยอนอยู่เพราะลูกชายไม่ยอมลงตั้งแต่ที่เข้ามาด้านใน อาจเพราะกลัวคนที่นั่งปั้นหน้าบึ้งอยู่หยิบไม้มาฟาดเขาอีกก็เป็นได้
“ลงไปนั่งดีๆสิลูก” คุณโจพยายามปล่อยให้คยูฮยอนลงไปนั่งที่โซฟาข้างๆ แต่คยูฮยอนเอาแต่กอดไว้แน่นพร้อมกับซุกหน้าลงกับแผ่นออกของผู้เป็นพ่อ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ท่านประธานลีเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นคยูฮยอนมีท่าทางแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องเป็นห่วง” คุณโจยิ้มกลับมาให้เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ พร้อมกับพยายามเกาะคยูฮยอนออกให้ไปนั่งข้างๆ
“อย่าดื้อสิลูก!” คุณโจเองก็อดไม่ได้ที่จะดุลูกชายออกไปบ้างที่ทำตัวดื้อดึงแบบนี้
“ก็ผมกลัวนี่” คยูฮยอนตอบเสียงอู้อี้ คนเป็นพ่อได้ฟังแล้วก็ยิ้มออกมา แต่ท่านประธานโจที่ได้ยินแบบนี้กลับทำหน้าไม่ถูก
“พี่เขาไม่ทำอะไรลูกแล้ว ถ้าลูกเป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อ” คำพูดของคุณโจอาจจะเหมือนคำหลอกเด็กทั่วไป แต่มันก็ได้ผล คยูฮยอนยอมลงมานั่งดีๆ แล้วดึงเหมือนพิงมากอดไว้แน่น ช้อนตามองซองมินเล็กน้อย แต่พอโดนมองกลับก็หลบตาทันที
“ซองมิน” ท่านประธานลีใช้ศอกกระทุ้งลูกชายเบาๆ ให้ทำตามที่ตกลงกันไว้
“ฉันขอโทษนะ....ขอโทษนะครับ” ซองมินเอ่ยขอโทษคยูฮยอนก่อนจะลุกจากโซฟาแล้วก้มหัวให้คุณโจ จากนั้นจึงกลับไปนั่งเหมือนเดิม
“ไม่เป็นหรอกหนูซองมิน อาเข้าใจ เด็กๆเล่นกันมันก็ต้องมีกันบ้าง อีกอย่างคยูฮยอนก็เกเรก่อน” คุณโจไม่ได้ติดใจจะเอาความอะไร เพราะฟังจากที่ลายตัวเองเล่าให้ฟังแล้วคยูฮยอนก็ผิดเหมือนกัน
“แล้วคยูฮยอนเป็นยังไงบ้างครับ ผมเห็นเลือดออกแล้วดูน่ากลัวมากเลย ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยเหมือนกันที่อบรมซองมินไม่ดี”
“เย็บไปเกือบยี่สิบเข็มน่ะครับ ร้องลั่นโรงพยาบาลเลย แต่ท่านประธานไม่ต้องคิดมากนะครับ เด็กๆเล่นกันเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้” คุณโจไขข้อข้องใจให้กับท่านประธานลีฟังแล้วก็ยิ้มออกมา
“ครับ....ผมว่าเราเลื่อนประชุมเป็นวันพรุ่งนี้ดีกว่าไหมครับ วันนี้คงจะไม่สะดวก” ท่านประธานพูดขึ้นเมื่อนึกถึงการประชุมที่ต้องหยุดพักไปเพราะลูกชายจอมแสบของเขาที่ดันก่อเรื่องขึ้นเลยทำให้ทุกคนต้องลำบากไปตามๆกัน
“ก็ดีครับ”
เมื่อได้ข้อตกลงแล้วทั้งสองครอบครัวเลยได้คุยกันแบบสบายๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ใหญ่ทั้งสองคนมากกว่าที่คุยกัน ส่วนเด็กน้อยทั้งสองเอาแต่นั่งเงียบมองกันไปมาเท่านั้น เพราะคยูฮยอนมักจะแอบมองซองมินเป็นพัก แต่เมื่อซองมินจ้องกลับตัวเองก็รีบหลบตาทันที
`---------------------`
วันนี้การประชุมผู้ถือหุ้นของรีสอร์ทเริ่มขึ้นแต่เช้า เพราะคุณโจต้องเดินทางกลับอเมริกาในช่วงบ่าย ซองมินกับคยูฮยอนเลยได้อยู่กันตามลำพังอีกครั้ง เพราะพี่เลี้ยงคนเดิมต้องเข้าไปช่วยในห้องประชุมด้วย เด็กน้อยทั้งสองเลยโดนกำชับให้อยู่เฉพาะห้องห้องสำหรับต้อนรับแขกเท่านั้น โดยมีพนักงานต้อนรับคอยมองดูอยู่ตลอดเวลา
คยูฮยอนยังคงมีท่าทีเหมือนเดิมในวันนี้คือนั่งกอดหมอนพิงแล้วเงียบตลอดเวลาต่างกับคยูฮยอนคนเมื่อวานโดยสิ้นเชิง ส่วนซองมินก็เงียบไม่แพ้กัน แต่สำหรับคุณหนูเอาแต่ใจแล้วคงจะทนบรรยากาศแบบนี้ได้ไม่นานนัก
“จะนั่งอยู่แบบนี้น่ะเหรอ” ซองมินเป็นเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน แต่คยูฮยอนก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม
“ถ้านายไม่ตอบฉันจะเอาไม้มาฟาดนายอีกนะ” ซองมินทำท่าขู่เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูดด้วย แต่ดูเหมือนอะไรมันจะแย่ลง ยิ่งพูดแบบนี้คยูฮยอนก็ยิ่งออกมาอาการกลัวเข้าไปใหญ่
คยูฮยอนมองซองมินอย่างหวั่นๆ เพราะกลัวว่าอีกคนจะลุกขึ้นมาทำร้ายตัวเองอีก ตอนนี้เขาอาจจะยังสู้ซองมินไม่ได้ เพราะตัวเองเขาเล็กกว่า แถมยังบาดเจ็บอีกต่างหาก เอาไว้ถ้าเขาโตขึ้นเมื่อไหร่ แล้วถ้าเจอกันอีกเขาจะเอาคืนให้สาสมเลย
เมื่อขู่แล้วยังไม่ได้ผลซองมินเลยกลับไปเงียบเหมือนเดิม รอจนกว่าพ่อของเขาจะประชุมเสร็จแล้วเจ้าเด็กนี่ก็จะได้ออกไปจากชีวิตเขาเสียที
และแล้วเวลาที่ซองมินรอคอยก็มาถึงเมื่อการประชุมเสร็จสิ้นลง คุณโจกับคยูฮยอนก็ต้องบินกลับไปที่อเมริกาทันที แต่ท่านประธานลีพ่อของเขาก็ยังไม่วายให้ไปส่งครอบครัวที่สนามบิน
“ลาน้องหน่อยสิลูก” ท่านประธานลีกระแซะลูกชายตัวเองให้เข้าไปใกล้คยูฮยอน เพราะตั้งแต่ขึ้นรถมาเด็กสองคนนี้ก็ไม่พูดกันเลยซักคำ แต่ซองมินกลับมีท่าทางดื้อรั้นอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าดื้อสิซองมิน ทำตัวไม่น่ารักเลยนะเรา.....ไปบอกลาคุณโจกับคยูฮยอนสิลูก” คนเป็นพ่อนั่งลงข้างลูกชาย เอ่ยดุเบาๆ เพราะไม่อยากให้อีกครอบครัวได้ยิน
ซองมินยังคงมีสีหน้าบึ้งตึงเหมือนเดิมเดินเข้าไปหาคุณโจก่อนจะโค้งให้ แล้วก็หันไปมองคยูฮยอนที่พอเห็นสายตาของซองมินปุ๊บก็เข้าไปแอบข้างหลังพ่อทันที
“ไม่เอาน่าคยู” คุณโจดันหลังลูกชายตัวเองให้ไปยืนอยู่ด้านหน้าซองมิน แต่คยูฮยอนก็ยังมีท่าทางหวาดๆอยู่
“ฉันขอโทษนะ เจ็บอยู่หรือเปล่า” ซองมินจะเอื้อมมือไปแตะที่แผลคยูฮยอนแต่แล้วก็ต้องค้างไว้อย่างนั้นเมื่อคยูฮยอนถอยห่าง เลยจำต้องชักมือกลับมา
“ก็นิดหน่อย” คยูฮยอนตอบกลับมาเสียงเบา แต่สายตาของเขากลับจ้องมองไปที่พื้น
“งั้นฉันจะทำให้นายหายเจ็บนะ” ซองมินพูดเสียงสดใสแล้วเดินเข้าไปใกล้คยูฮยอนโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว
ซองมินปัดผมบริเวณหน้าผากของคยูฮยอนออกอย่างเบามือที่สุด ลมอุ่นๆจากริมฝีปากบางปะทะเบาๆที่ผ้าพันแผลของคยูฮยอน แต่มันกลับรู้สึกอุ่นไปทั่วทั้งใบหน้า จากที่จะถอยหนีคยูฮยอนกลับยืนนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะขยับไปไหน
“ไม่เจ็บแล้วนะ นายเป็นผู้ชายต้องเข็มแข็ง....เดินทางดีๆนะ” ซองมินยิ้มอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่คยูฮยอนเคยเห็นมา ก่อนที่จะเดินกลับไปหาท่านประธานลีพ่อของตัวเอง
แล้วเวลาที่ต้องจากกันก็มาถึงจริงๆ ขณะที่กำลังเดินที่ทางเข้าผู้โดยสารคยูฮยอนก็หันมามองซองมินเป็นระยะ และก็ได้รอยยิ้มกับการโบกไม้โบกมือกลับมา คยูฮยอนจึงเริ่มยิ้มออกแล้วโบกมือกลับไป
“ที่จริงนายก็เป็นคนดีนะ” คยูฮยอนพึมพำอยู่คนเดียวขณะที่เครื่องกำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อเขามองลงมาข้างล่างทุกอย่างกลับเล็กลง และทุกอย่างก็หายไปจากระยะการมองเห็น ที่เขาเห็นตอนนี้มีเพียงปุยเมฆกับฝืนฟ้าเท่านั้น
“ถ้าโตขึ้น นายจะจำฉันได้หรือเปล่านะ....แต่แค่ชื่อนายฉันยังจำไม่ได้เลย” คยูฮยอนพูดออกมาเบาๆ กับก้อนเมฆและท้องฟ้า เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานๆ และท่าทางเอาแต่ใจนั่น
เสียงใสๆของเด็กน้อยทั้งสองคนดังขึ้นพร้อมกัน คนหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังที่ไกลแสนไกล อีกคนอยู่ท่ามกลามธรรมชาติภูเขาป่าไม้ ถึงแม้จะไม่สามารถได้ยิน ไม่สามารถมองเห็น แต่นี่แหละคือพรหมลิขิตที่พรเจ้าได้กำหนดไว้แล้ว
“ขอให้ฉันได้พบนายอีกเถอะนะ”
` ---------The End---------`
kr...Talk
kr...Talk
สวัสดีจ้าเพื่อนๆทุกคน ไม่ได้เจอกันนานเลย
คิดถึงที่สุด แบบนี้ต้องจุ๊บซะหน่อย
กอดด้วยแน่นๆ อิอิ
ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของเรื่องนี้แล้วจริงๆ เราจะทำการกดปิดเรื่องแล้ว
พูดไปพูดมาก็เศร้าเหมือนกันนะเนี่ย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของพวกเรา
ที่ทำให้เรารู้จักโลกของฟิค ทำให้เราเป็นเหล่าสาวกวาย นั่งจับคู่เอสเจไปเรื่อย
อ่านฟิคเกือบจะทุกเรื่องที่มีแล้วมั้ง แล้วก็ยังได้รู้จักฉากเรตเอ็นซี ทำให้ต่อมหื่นแตก
และที่สำคัญก็ยังมีเพื่อนๆทุกคน เหล่าแฟนฟิคของเรา
ที่ช่วยอ่าน ช่วยเม้น ช่วยโหวต ช่วยซื้อฟิค หรืออะไรก็แล้วแต่ จนทำให้เรามีวันนี้
คงไม่มีอะไรจะตอบแทนได้เท่ากับคำว่าขอบคุณ
และเราก็สัญญาว่าจะแต่งฟิคให้ได้อ่านกันต่อไปเรื่อยๆ
คนอ่านก็ต้องสัญญาว่าจะอ่านและเม้นกับโหวตต่อไปเรื่อยๆเหมือนกันนะ
เกี่ยวก้อยสัญญากันนะ
สำหรับคนที่ขอฉากเอ็นซี อย่าลืมทำตามที่ไรเตอร์บอกด้วยนะ
ได้แล้วก็ไปเม้นกลับบ้างอะไรบ้าง ความจริงเราก็ไม่ได้เครียดเรื่องเม้นเท่าไหร่
แต่ถ้าคนมีจิตสำนึกก็ควรทำ เพราะมันเป็นสิ่งที่ดี
ถึงแม้ไรเตอร์กับรีดเดอร์จะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ถ้าเราเป็นคนอ่านแล้วได้เม้น
มันก็รู้สึกสบายใจสุดๆเลยนะ ไรเตอร์ไม่ได้หวังว่าเม้นคุณจะยาวหรือสั้น
แต่แค่ได้เห็นคนเม้นให้ก็ดีใจแล้ว เราจะได้รู้ว่าเราพัฒนาไหม เราแต่งสนุกหรือป่าว
คนที่เม้นให้บ่อยๆทุกตอน เราก็จะจำคุณได้ขึ้นใจ ขอบคุณจริงๆค่ะ
ก่อนจากอีกเรื่อง...อย่าลืมตามไปอ่าน2เรื่องใหม่ด้วยนะ
และก็รักคยูมินที่สุดเลย
คิดถึงที่สุด แบบนี้ต้องจุ๊บซะหน่อย
กอดด้วยแน่นๆ อิอิ
ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของเรื่องนี้แล้วจริงๆ เราจะทำการกดปิดเรื่องแล้ว
พูดไปพูดมาก็เศร้าเหมือนกันนะเนี่ย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของพวกเรา
ที่ทำให้เรารู้จักโลกของฟิค ทำให้เราเป็นเหล่าสาวกวาย นั่งจับคู่เอสเจไปเรื่อย
อ่านฟิคเกือบจะทุกเรื่องที่มีแล้วมั้ง แล้วก็ยังได้รู้จักฉากเรตเอ็นซี ทำให้ต่อมหื่นแตก
และที่สำคัญก็ยังมีเพื่อนๆทุกคน เหล่าแฟนฟิคของเรา
ที่ช่วยอ่าน ช่วยเม้น ช่วยโหวต ช่วยซื้อฟิค หรืออะไรก็แล้วแต่ จนทำให้เรามีวันนี้
คงไม่มีอะไรจะตอบแทนได้เท่ากับคำว่าขอบคุณ
และเราก็สัญญาว่าจะแต่งฟิคให้ได้อ่านกันต่อไปเรื่อยๆ
คนอ่านก็ต้องสัญญาว่าจะอ่านและเม้นกับโหวตต่อไปเรื่อยๆเหมือนกันนะ
เกี่ยวก้อยสัญญากันนะ
สำหรับคนที่ขอฉากเอ็นซี อย่าลืมทำตามที่ไรเตอร์บอกด้วยนะ
ได้แล้วก็ไปเม้นกลับบ้างอะไรบ้าง ความจริงเราก็ไม่ได้เครียดเรื่องเม้นเท่าไหร่
แต่ถ้าคนมีจิตสำนึกก็ควรทำ เพราะมันเป็นสิ่งที่ดี
ถึงแม้ไรเตอร์กับรีดเดอร์จะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ถ้าเราเป็นคนอ่านแล้วได้เม้น
มันก็รู้สึกสบายใจสุดๆเลยนะ ไรเตอร์ไม่ได้หวังว่าเม้นคุณจะยาวหรือสั้น
แต่แค่ได้เห็นคนเม้นให้ก็ดีใจแล้ว เราจะได้รู้ว่าเราพัฒนาไหม เราแต่งสนุกหรือป่าว
คนที่เม้นให้บ่อยๆทุกตอน เราก็จะจำคุณได้ขึ้นใจ ขอบคุณจริงๆค่ะ
ก่อนจากอีกเรื่อง...อย่าลืมตามไปอ่าน2เรื่องใหม่ด้วยนะ
และก็รักคยูมินที่สุดเลย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น