FAN-FIC [YAOI] THE LAST WORD OF HEART [DONGMIN] II - FAN-FIC [YAOI] THE LAST WORD OF HEART [DONGMIN] II นิยาย FAN-FIC [YAOI] THE LAST WORD OF HEART [DONGMIN] II : Dek-D.com - Writer

FAN-FIC [YAOI] THE LAST WORD OF HEART [DONGMIN] II

เมื่อต่างคนต่างรอ ความเข้าใจผิดจึงบังเกิด...แล้วพวกเขา...จะเข้าใจกันได้ทันเวลาหรือ...

ผู้เข้าชมรวม

1,544

ผู้เข้าชมเดือนนี้

4

ผู้เข้าชมรวม


1.54K

ความคิดเห็น


17

คนติดตาม


4
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  18 ก.พ. 53 / 17:09 น.

แท็กนิยาย

DongMin Yaoi



ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้






THIS FICTION

 



MY FICTION

 

 The PriEst ร่ายมนตร์รักร้าย ให้นายปีศาจ

ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ





    FAN-FIC [YAOI] SJ: DONGMIN

    TITLE: THE LAST WORD OF HEART [II]

    WRITER: ZALAPAOW [NUNGNING]

    RATE: NO NC

    WARN: THIS STORY IS FAKE. NOT REAL.

     

     

     

    ท่ามกลางอากาศที่เริ่มหนาวเย็น ใบเมเปิ้ลร่วงหล่นตามทางที่ไร้ผู้คน สายลมพัดปลิวให้พวกมันลอยว่อนไปทั่ว สระน้ำใสที่เคยนิ่งสนิทเกิดวงน้อยน้อยเมื่อยามใบสีน้ำตาลไหม้สัมผัสผิวของมัน หมอกจางตอนสายไม่ได้หนาจนทำให้มองอะไรไม่เห็น ท่ามกลางเสียงของธรรมชาติเสียงฝีเท้าของใครบางคนเริ่มเคลื่อนเข้ามาด้วยความเร็วสม่ำเสมอ เขาหอบเล็กน้อยเมื่อถึงต้นไม้ใหญ่อันเป็นจุดนัดพบ

     

    เสียงที่แปลกประหลาดนี้ทำให้ร่างเล็กที่นอนพิงต้นไม้จนเผลอหลับไปรู้สึกตัว ซองมินขยับผ้าพันคอให้เข้าที่ลืมตาแป๋วมองคนที่เพิ่งมาถึง

     

    “พี่ทงเฮครับ” เขาส่งเสียงเรียกทงเฮที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก

     

    “ซองมิน รอนานมั้ย” ร่างสูงถามพร้อมด้วยรอยยิ้มบางประดับริมฝีปาก

     

    “ไม่ครับ” ซองมินยิ้มตอบแล้วเดินเข้าไปหาทงเฮ

     

    “เราไปกันเถอะ” มือหนาเอื้อมไปกุมมือบางไว้ ความอบอุ่นของทั้งสองแผ่ถึงกันขณะเดินอย่างเชื่องช้าผ่านทางที่เคยเงียบสงบ

     

    ความเงียบของสวนสาธารณะโรยตัวกลับคืนมาอีกครั้งดังที่เป็นทุกวัน ทุกครั้งที่ทงเฮนัดซองมิน เช่นเดิมที่ซองมินเป็นฝ่ายรอจนหลับโดยที่ทงเฮไม่เคยรู้...แต่ใครจะไปรู้

     

    ...ต่อไปอาจไม่ใช่ซองมินที่รอคอย...

     

    ...ต่อไปอาจใช่ซองมินที่จะยิ้มเมื่อได้มาที่นี่...

     

     

     

    “ซองมิน เราไปเที่ยวกันมั้ย” ฮยอกแจถามเพื่อนรักในสถานที่ที่ไม่ต่างจากเทอมที่แล้วแม้แต่น้อย...ห้องสมุด และคำตอบก็ไม่เคยต่างจากเดิมเลย

     

    “พวกนายไปเถอะ ฉันจะอ่านหนังสือต่ออีกหน่อย” เพื่อนรักคนนั้นยิ้มหวาน ฮยอกแจถอนหายใจส่ายหน้ากับเรื่องปกตินี้

     

    “ยังไงก็กลับพร้อมพี่ทงเฮล่ะ กลับคนเดียวจะเป็นเรื่องเอา” เขาว่า ซองมินยิ้มบางก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ

     

    เรื่องที่ซองมินคบกับทงเฮนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนในโรงเรียนรู้กันดีเพราะความดังแบบไม่เกรงใจใครของทงเฮ แต่ใครจะสนใจในเมื่อต่างคิดว่าคู่นี้ไม่เหมาะสมกันแม้แต่น้อย สักวันพี่ทงเฮก็ทิ้ง นั่นแหละคำพูดของนักเรียนคนอื่น แต่นั่นไม่ได้ส่งผลต่อซองมินมากนัก เขายังคงทำตัวเป็นปกติ มีห้องสมุดเป็นแหล่งสิงสถิตและมีทงเฮเป็นติวเตอร์ส่วนตัว

     

    “ซองมิน ทำการบ้านอยู่เหรอ”

     

    เรื่องที่จะผิดปกติก็คือการที่ทงเฮเดินเข้าห้องสมุดเป็นว่าเล่นทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยแม้แต่จะเฉียดกายเข้ามานั่นแหละ

     

    “ใกล้จะเสร็จแล้วครับ พี่ทงเฮเล่นบาสมาเหรอ” ซองมินเอียงคอถามพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดเหงื่อให้แฟน

     

    “อืม” ทงเฮยิ้มบาง

     

    แน่ล่ะ ทงเฮก็ยังคือทงเฮ นิ่ง เงียบขรึม และดูโหดในระดับหนึ่ง...

     

     

     

    “ทำไมไม่เอาเสื้อแขนยาวมา” ทงเฮดุซองมินพลางโยนเสื้อคลุมตัวเองให้คนรัก รู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นร่างนั้นสั่นแถมผิวยังซีดอีก

     

    “ก็เมื่อเช้ามันไม่หนาวนี่ครับ” ซองมินเถียง

     

    “คราวหลังไม่หนาวก็ต้องเอามา” ซองมินสะดุ้งน้อย ๆ กับเสียงของทงเฮก่อนจะยิ้มแหยออกมา

     

    “พี่ทงเฮ กินไอติมกันนะ” มือบางเอื้มไปเกาะแขนทงเฮไว้เป็นเชิงออดอ้อน

     

    “ไม่ได้ ดูตัวเองซิหนาวจนสั่นแล้วยังจะอยากกินไอติมอีกรึไง” ทงเฮดุขึ้นอีกครั้ง ซองมินนิ่งเลือกเดินตามทงเฮเงียบ ๆ แทนจนคนเดินนำชักจะผิดสังเกต

     

    “ถ้ากินเค้กน่าจะพอได้นะ” ทงเฮว่า ซองมินยิ้มหวานส่งให้ร่างสูง

     

    “ครับ”

     

    สองร่างเดินเคียงคู่กันสู่ร้านขนมหวานเล็ก ๆ ไม่ห่างจากโรงเรียนมากนัก บรรยากาศยามเย็นดูเงียบสงบเพราะนักเรียนส่วนใหญ่ของชออินจะอยู่ตามห้างสรรพสินค้า แหล่งชอปปิ้ง หรือแหล่งเสียเงินอื่นกันหมดแล้ว

    โป๊ก

     

    ทงเฮสะดุ้งหันไปมองซองมินที่กุมหัวหลังจากชนประตูกระจกไปเต็มที่ ร่างบางทำหน้าเหยเกน้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บ

     

    “เป็นอะไรมั้ย” ทงเฮถามพลางลากคนรักเข้าไปนั่งในร้าน

     

    “เจ็บ T^T

     

    “คราวหลังต้องระวังนะ ถ้าไม่มีพี่อยู่จะทำยังไง พี่เป็นห่วงนะ” ทงเฮลูบหัวซองมินอย่างแผ่วเบา

     

    “พี่จะไม่อยู่กับผมตลอดเหรอครับ” ร่างสูงชะงักไป

     

    “วันที่ซองมินรักพี่ พี่จะอยู่กับซองมินตลอดไป” ทงเฮตอบพลางส่งยิ้มบางให้ ซองมินหน้าแดงระเรื่อก้มหน้าเงียบไม่ตอบอะไรออกมา

     

     

     

    หน้าหนาวเริ่มมาเยือน อากาศเย็นจนซองมินต้องขยับเสื้อและผ้าพันคอของตนเองมือข้างหนึ่งก็ถือโกโก้ร้อนอย่างระมัดระวัง ที่ที่ไม่ได้ระวังคือทางเดินนี่แหละ

     

    “อ๊ะ” ร่างบางสะดุ้งเมื่อโกโก้หกรดมือ สำคัญกว่านั้นคือเขาเดินชนคนเข้า

     

    “ขอโทษครับ” ซองมินพูดด้วยเสียงร้อนรน

     

    “ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มและถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองที่เปื้อนโกโก้ออกมา

     

    “ขอโทษจริง ๆ นะครับ ถ้ายังไงให้ผมเอาเสื้อคุณไปซักมั้ยครับ” ชายหนุ่มยิ้มหวาน

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่คุณควรจะรีบเช็ดโกโก้บนมือคุณก่อนที่มันจะลวกไปมากกว่านี้นะครับ” ร่างสูงโค้งให้เล็กน้อยและเดินจากไป ซองมินสะดุ้งตัวรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที

     

     

     

    “ทงเฮ ช่วงนี้นายเป็นอะไรเนี่ย เงียบ ๆ” ซีวอนถามเพื่อนรัก

     

    “ทงเฮมันเคยพูดมากด้วยเหรอ” ฮันคยองขัดขึ้นมา

     

    “เรื่องซองมิน” ทงเฮพูดออกมาในมือก็หมุนเหรียญเล่นแบบคนไม่มีอะไรทำ

     

    “นายก็ใจร้อนไป ซองมินเค้าอาจจะรักนายแต่ไม่กล้าพูดก็ได้” ฮันคยองว่า

     

    “ฉันไม่มั่นใจว่ะ”

     

    “อะไรที่นายไม่มั่นใจ ตัวนาย หรือว่าซองมิน” ซีวอนถาม

     

    “ลางสังหรณ์...” ฮันคยองขมวดคิ้วกันคำตอบของเพื่อน

     

    “เอางี้ดีมั้ย นายก็ลองห่างจากน้องเค้าสักพักสิ น้องเค้าจะได้รู้ตัว” ซีวอนเสนอ ทงเฮหันไปสบตากันฮันคยองอย่างขอความเห็น

     

    “ฉันเห็นด้วย”

     

     

     

    ...Rhhhh Rhhhh...

    “ครับพี่ทงเฮ ^^” ซองมินรับโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี ตอนนี้ซองมินกำลังจะไปหาอะไรอ่านเล่นในห้องสมุด

     

    (ซองมิน วันนี้การบ้านเยอะมั้ย)

     

    “เสร็จหมดแล้วครับ”

     

    (งั้นก็รีบกลับบ้านนะ วันนี้พี่ติดงาน)

     

    “ผมรอก็ได้ครับ”

     

    (ไม่ต้อง มันดึกน่ะ)

     

    “อ่อ...ครับ” มือบางลดลงวางสายรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของทงเฮ ยังไม่ทันจะคิดอะไรได้ไกลร่างเล็กของเพื่อนรักอีกคนก็เข้ามากระโดดกอดซะก่อน

     

    “นี่ วันนี้ไปเที่ยวกันฉันหน่อยน๊า” เรียวอุคกอดคอเพื่อนทำเสียงออดอ้อน

     

    “นะซองมิน ยังไงวันนี้ก็ไม่มีงานแล้วนี่นา” ฮยอกแจมาร่วมพูดด้วยอีกคน

     

    “แต่...”

     

    “ไปนะ” เรียวอุคตัดบทแล้วลากเพื่อนออกจากโรงเรียนทันที

     

    “นายน่ะ จะกลายเป็นหนอนหนังสืออยู่แล้ว ห่างบ้างเถอะห้องสมุดน่ะ” เขาบ่นเพื่อนตัวเอง

     

    ร่างบางถูกสองเพื่อนรักลากขึ้นรถมาจนถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เรียวอุคยิ้มหวานให้เพื่อนพร้อมทั้งลากเพื่อนลงจากรถ

     

    “ช่วยฉันเลือกของให้พี่เยซองหน่อยนะ”

     

    “อืม”

     

    “น่ารักมากซองมิน”

     

    “นี่ ถ้านายคิดจะลากฉันมาให้ดูนายอ้อนซองมินคราวหลังก็ไม่ต้องเลยนะ” ฮยอกแจเริ่มโวยวายเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นส่วนเกินไปแล้ว

     

    “เอาน่า นายก็มากับทุกวันอยู่แล้วนี่นา” เรียวอุคทำหน้าทะเล้นใส่เพื่อน ฮยอกแจยู่ปากเดินนำเพื่อน ซองมินยิ้มกับท่าทางของทั้งสองคน

     

    ระหว่างที่เรียวอุคกำลังเดินหาของซองมินก็เดินเล่นเรื่อยเปื่อย เขาไม่ใช่คนชอบซื้อของ ไม่ถูกชะตากับการเดินห้างสักเท่าไหร่ เดินได้ไม่เท่าไหร่ก็เบื่อแล้ว ร่างบางถอนหายใจเดินเข้าร้านนาฬิกาเพราะไม่มีอะไรทำ

     

    ...ให้ฉันนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดยังจะดีกว่า...

     

    พลันสายตาก็ไปสะดุดเช้ากับนาฬิกาเรือนสวยที่ถูกตั้งไว้ชั้นบนสุด

     

    “ขอโทษนะครับ เรือนนี้เท่าไหร่ครับ”

     

    “สนใจเหรอครับ...อ้าวคุณ” ซองมินละสายตาจากนาฬิกามามองพนักงาน

     

    ...คนที่เขาชนคราวที่แล้ว...

     

    “คุณ...ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ”

     

    “ผมชื่อชางมินครับ พอดีว่านี่เป็นร้านสาขาย่อยของพ่อผมน่ะ ผมเลยมาช่วยขายแก้ว่าง” ร่างสูงพูดด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

     

    “ผมชื่อซองมินครับ” ซองมินยิ้มตอบ

     

    “จะซื้อไปให้แฟนเหรอครับ”

     

    “ครับ” หน้าหวานขึ้นสีระเรื่อขณะตอบรับ ชางมินหัวเราะ

     

    “งั้นผมลดให้คุณราคาพิเศษเลยล่ะ”

     

     

     

    “ได้อะไรน่ะซองมิน” เรียวอุคทักเมื่อเห็นเพื่อนเดินกลับมาพร้อมถุงอะไรบางอย่าง

     

    “นาฬิกาน่ะ” ซองมินส่งยิ้มหวานให้เพื่อน

     

    “ให้พี่ทงเฮล่ะซิ” เรียวอุคแซว ซองมินยิ้มหน้าแดง

     

    “อืม”

     

    “แล้วสรุปเลยนะซองมิน นายรักพี่ทงเฮป่ะ” ฮยอกแจถามขึ้นมา

     

    “...”

     

     

     

    ซองมินมาถึงโรงเรียนด้วยความแจ่มใส เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะทำในไม่กี่วันข้างหน้าพลันริมฝีปากก็แย้มรอยยิ้มสดใส เขาสูดหายใจเอากากาศเย็นเข้าเต็มปอดอย่างผ่อนคลาย

     

    Hi อารมณ์ดีเชียวนะเพื่อน” ฮยอกแจแซว

     

    “อันยอง...วันนี้นายก็มาแต่เช้าเลยนะ” ซองมินแซวกลับด้วยรอยยิ้ม ไม่บ่อยนักที่จะเห็นเพื่อนคนนี้มาเช้าแต่ก็พอจะเดาเรื่องได้ลาง ๆ

     

    “ก็อยากมาเช้าบ้าง...” ฮยอกแจลากเสียงยาวแก้มแดงระเรื่อไม่รู้ด้วยเพราะความอายหรืออากาศเย็นกันแน่

     

    “ไม่ต้องมากลบเกลื่อน รู้นะว่าวันนี้ครบรอบวันที่ฮยอกแจเป็นแฟนกับพี่คิบอมล่ะซี่” ฮยอกแจหน้าแดงมากกว่าเดิมเมื่อเพื่อนรักจับทางถูก

     

    “ชิ ยังไงก็ขอให้นายเอาเรื่องของตัวเองให้รอดแล้วกันนะ :P” เขาทำหน้าทะเล้นใส่ซองมินก่อนจะวิ่งหนีไป ซองมินหัวเราะร่วนก่อนจะอมยิ้มรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด

     

    ...ฉันก็หวังว่ามันจะสำเร็จฮยอกแจ...

     

    “อ๊ะ” ร่างบางร้องกับความซุ่มซ่ามของตัวเองที่ชนกับคนอื่นเข้าอีกแล้ว

     

    “ซองมิน” ทงเฮดูจะอึ้งเล็กน้อยจากการที่เหม่อถึงร่างบางแล้วยังมาเจอพอดีอีก

     

    “สวัสดีครับพี่ทงเฮ” ซองมินส่งยิ้มหวาน

     

    “อืม” ทงเฮปั้นหน้านิ่ง

     

    “เมื่อวานงานเรียบร้อยมั้ยครับ”

     

    “ยังหรอก ยังไงวันนี้นายก็ไม่ต้องรอนะ” ทงเฮพูดเสียงเรียบแล้วเดินจากไป ซองมินเอียงคอมองตามอย่างงุนงง รู้สึกแปลกใจกับท่าท่างของทงเฮอยู่ไม่น้อย

     

    ...เป็นอะไรของเค้านะ...

     

     

     

    หลังจากวันนั้นแล้วซองมินก็ไม่ได้เจอทงเฮอีกเลยจนเขานึกกังวลไปไกล แผนการที่เขาวางเอาไว้ก็ใกล้จะถึงเข้ามาทุกทีจนกระทั่ง...

     

    24 ธันวาคม...

     

    วันสุดท้ายของการเรียนในปีนี้ ซองมินมาโรงเรียนไม่เช้านัก เขามาพร้อมถุงนาฬิกาที่ซื้อไว้ให้ทงเฮ แต่ในใจกลับกังวลไปต่าง ๆ นานา สายตาเหม่อเรื่อยเปื่อยแม้แต่คิ้วก็ขมวดมุ่น แถมตอนเรียนก็มัวแต่คิดจนเรียนไม่รู้เรื่องซะอีก

     

    “ไงซองมิน ยังติดต่อที่ทงเฮไม่ได้อีกเหรอ” เรียวอุคถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของเพื่อน

     

    “อืม”

     

    “ทำไงดีล่ะ นี่ก็เลิกเรียนแล้วด้วย”” ฮยอกแจเริ่มกังวลแทนเพื่อน

     

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” น้ำสียงหวานสั่นเครือ ฮยอกแจกับเรียวอุคมองหน้ากัน

     

    “ทำไมนายไม่ลองไปหาพี่เค้าที่ห้องล่ะ เราเลิกก่อนพี่เค้าตั้งสิบนาที ไปตอนนี้น่าจะทันนะ” เรียวอุคเสนอ ซองมินยิ้มขึ้นมา

     

    “นั่นสินะ ขอบใจนะ” ร่างบางส่งยิ้มหวานให้เพื่อนแล้วรีบวิ่งไปยังตึกเรียนปีสามทันที

     

    “เอ้อ...โชคดีแล้วกันนะ”

     

     

     

    ซองมินวิ่งด้วยความเร็วโดยไม่ห่วงสุขภาพตัวเอง กว่าจะถึงชั้นสองของตึกก็หอบถี่จนต้องหยุดหายใจไปพักหนึ่ง

     

    “อ้าว ซองมิน” ชางมินทัก

     

    “คะ...ครับ...คุณ...ชะ...ชางมิ...น” ซองมินส่งยิ้มแหยไปให้

     

    “อื้ม ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะ”ชางมินถามพลางส่งยิ้มหวาน

     

    “เอาไอ้นี่...มาให้อนาคต...เจ้าของ” ซองมินว่าพลางยกถุงสีน้ำเงินเข้มให้ร่างสูงดู

     

    “ผมนึกว่าคุณให้เขาไปแล้วซะอีก” ชางมินยิ้มขำ

     

    “กะเซอร์ไพรซ์น่ะครับ” ซองมินยิ้มอาย ชางมินหัวเราะร่วนกับความคิดนั้น

     

    “แต่วาผมไปห่อมาด้วยนะ” ร่างบางเริ่มอวด

     

    “คุณห่อแล้วร้านผมจะเสียชื่อมั้ยเนี่ย” ชางมินหยอด

     

    “ไม่หรอกครับ”

     

    “ไหน ๆ ผมขอดูฝีมือคุณหน่อยเถอะ” ซองมินหัวเราะยื่นถุงให้ชางมิน เขาพยักหน้าเมื่อเห็นฝีมือของซองมิน ดูก็รู้ว่าเจ้ากระดาษสีเขียวมิ้นที่บรรจงพับเป็นชั้นนั้นต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนถึงจะออกมาได้สวยขนาดนี้

     

    “สวยจริงด้วยนะเนี่ย คูรสนใจหางานพิเศษมั้ยครับ” ชางมินแกล้งทำเสียงเข้ม

     

    “เงินเดือนดีมั้ยล่ะ...อ๊ะ...”

     

     

     

    “เฮ้ยทงเฮ นายเจอซองมินบ้างรึยัง” ฮันคยองร้องถามเพื่อนเมื่อครูเดินออกจากห้องเรียบร้อยแล้ว

     

    “ยัง”

     

    “ไอ้เจ้าบ้า เดี๋ยวน้องเค้าก็เครียดตายหรอกเล่นหลบหน้าเค้าแบบนี้น่ะ ไปคุยกับเค้าได้แล้ว” เข้าดุเพื่อนชุดใหญ่

     

    “ครับ ๆ คุณเพื่อนผู้มีประสบการณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีแฟน” ทงเฮประชดใส่

     

    “ก็เออน่ะสิ ไม่งั้นฉันจะจีบฮีชอลติดได้ไง” ทงเฮส่ายหน้าเลิกสนใจเพื่อนตัวเอง

     

    ...จริงอย่างมันว่า เขาน่าจะคุยกับซองมินได้แล้ว...

     

    ร่างหนาหยุดชะงักหน้าห้องตัวเองเมื่อเห็นคนที่กำลังคิดถึงกำลังยืนคุยกับชางมินอย่างสนุสนาน ภาพของซองมินที่ยื่นของบางอย่างให้แถมยังหัวเราะเสียงหวานแบบนั้น

     

    ...นี่รึเปล่า สาเหตุที่ซองมินไม่กล้าพูดคำนั้น...

     

    ...ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เป็นแบบนี้...

     

    ...นานแล้ว หรือตอนที่เขาไม่ได้อยู่กับซองมิน...

     

    พลันก็รู้สึกโมโหจนเดินดุ่มไปลากซองมินออกมาโดยไม่คดหน้าคิดหลัง เรียกว่าอารมณ์หึงก็อาจได้ ร่างบางร้องอย่างตกใจเมื่อถูกดึงออกมา แถมถุงนาฬิกาก็ยังอยู่กับชางมินซะอีก

     

    “พี่ทงเฮ ผมเจ็บ...” ซองมินร้องบอก ความเร็วที่ถูกร่างสูงลากมานั้นทำให้เหนื่อยหอบไม่ต่างจากตอนวิ่งขึ้นไปบนอาคารนัก

     

    “หึ เจ็บเหรอ” ทงเฮยิ้มเย้ย

     

    “ฉันเจ็บกว่านายหลายเท่า เพราะแบบนี้ใช่มั้ยนายถึงไม่พูดคำว่ารักออกมาสักที” เขาตะคอกจนซองมินสะดุ้ง

     

    “เปล่านะครับ”

     

    “งั้นอะไรล่ะ นายไม่ได้รักไม่ได้รู้สึกอะไรกับฉันตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย คงสะใจมากสินะที่หลอกกันมาได้ ฉันคิดว่านายจะรักฉันได้ ก็ดี...ในเมื่อเป็นไปไม่ได้ เราเลิกกัน!” ซองมินอ้าปากค้างพูดไม่ออกหลังจากทงเฮร่ายยาวไม่เหลือช่องว่างให้แทรกเขาก็เดินจากไปทันที

     

    ร่างบางทรุดตัวลงกับพื้น แทบไม่รับรู้ถึงการพยุงตัวจากชางมินที่วิ่งตามมาและได้ยินทุกอย่าง

     

    “คุณไม่เป็นไรนะครับ”

     

    “เขา...อึก...” ซองมินร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายสายตาใคร

     

    “คุณอย่าเพิ่งเครียดสิครับ เขายังได้ฟังคุณพูดสักคำเลย” ชางมินพยายามยิ้มให้กำลังใจ

     

    “ผม..แค่ต้องการให้เขารับมันไป และฟังคำคำเดียวเท่านั้น อึก” มือหนาลูบศีรษะร่างบางอย่างแผ่วเบา

     

    “ผมช่วยคุณได้มั้ย” เขาถาม

     

    “ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อใจพี่ทงเฮ ยังไงเขาก็ต้องมาตามนัดของผม” ชางมินพยักหน้ามองซองมินที่หายใจหอบถี่อย่างเป็นห่วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

     

     

     

    ...พี่ทงเฮครับ...ผมขอร้อง...ขอเจอพี่อีกแค่ครั้งเดียวนะครับ...

     

    ...ผมจะเจอพี่ที่จุดนัดพบของเรา...

     

    ร่างหนากัดฟันกรอด ความโกรธยังไม่จางหาย เขาปิดโทรศัพท์และยัดมันลงกระเป๋าทันทีที่อ่านจบ

     

    “วันนี้ไปดื่มกับเรามั้ย” คังอินถามขึ้นมา

     

    “ไป!

     

     

     

    11.00 PM

    ชางมินเปิดประตูเข้าร้านมาด้วยความรีบเร่ง อันที่จริงคือเขาแวะเข้าโรงเรียนเพราะนึกได้ว่าเขาลืมนาฬิกาของซองมินไว้ แต่พี่ชายตัวแสบที่แอบหนีมาเที่ยวจนพ่อเขาให้มาตามด่วนนี่แหละ...ปัญหา

     

    ...ป่านนี้ซองมินคงหาวุ่นแล้วแน่เลย...

     

    ร่างสูงสอดส่ายสายตามองหาคนที่ต้องการ พอเจอร่างคุ้นตาโยกตัวไปมาอยู่กลางฟลอร์ก็ไม่ช้าที่จะแทรกตัวเข้าไป

     

    “พี่” คนถูกเรียกหันมามองท่าทางงุนงง

     

    “ว่าไงชางมิน” เขาถาม

     

    “พ่อให้มาตาม” ชายหนุ่มมองหน้าน้องชายแล้วส่ายหน้าทันที

     

    “โธ่พี่ ผมมีธุระ ไม่มีเวลามากหรอกนะ” ชางมินเริ่มหัวเสีย

     

    “ตอนห้าทุ่มเนี่ยนายจะมีธุระอะไรอีก” เขาส่งสายตาเย็นเฉียบใส่พี่ชายเพื่อแสดงว่าหากไม่ทำตามที่บอกตอนนี้ไม่มีรับประกันความปลอดภัยแน่

     

    “ก็ได้ เฮ้ยซีวอน ทงเฮ ฉันกลับก่อนนะเว้ย” ชางมินหันตามพี่ชายทันทีที่ได้ยินพี่ชายเรียกชื่อทงเฮ พลันความโกรธก็พุ่งมาเป็นริ้วเมื่อเห็นร่างสูงนั่งกอดโคโยตี้อยู่ข้างกาย เขาเดินดุ่มเข้าไปทันที

     

    “อ้าวชางมิน นายจะไปไหน”

     

    ผลัวะ

     

    “นายมันเลวเกินไปแล้ว” ทงเฮสะบัดหน้ามาดูคนชกตัวเอง กัดฟันกรอดเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

     

    “นายเองเหรอ จะมาเยาะเย้ยฉันรึไง เอาเลยสิ เอาให้พอ...”

     

    ผลัวะ

     

    “เฮอะ นายมันบ้า รู้มั้ยว่าซองมินเค้ารอนายอยู่ นายเคยรับฟังเค้าบ้างมั้ย เคยเชื่อใจเค้าบ้างมั้ย เฮอะ ซองมินไม่น่าเชื่อใจคนอย่างนายได้ขนาดนี้เลย” ทงเฮนิ่งเมื่อได้ยิน

     

    “หมายความว่าไง” ชางมินแสยะยิ้ม ยื่นถุงนาฬิกาให้ทงเฮ

     

    “ฉันรู้จักซองมินตอนที่เค้าไปซื้อไอ่นี่ให้นาย เค้าบอกว่ามาซื้อให้แฟน เมื่อกลางวันเค้าวิ่งขึ้นไปหานาย หอบจนต้องหยุดพัก ผมก็แค่เข้าไปคุยกับเขาแค่นั้น แม้แต่ตอนที่นายบอกเลิกเขาเขาก็ยังยืนยันว่าจะพบนาย เชื่อว่านายจะต้องไปหาเขา แล้วนี่เหรอสิ่งที่นายทำ” ชางมินกระแทกเสียง ทงเฮนิ่งอึ้งอยู่พักหนึ่งก็ได้สติวิ่งออกจากร้านทันที

     

     

     

    11.40 PM

     

    ...ขอร้อง ขอให้นายอยู่ที่บ้านด้วยเถอะ...

     

    “ซองมิน พี่ยังไม่เห็นเลย มือถือก็ติดต่อไม่ได้” ดบอาพูดด้วยสีหน้าเครียด

     

    ...พี่ทงเฮครับ...ผมขอร้อง...ขอเจอพี่อีกแค่ครั้งเดียวนะครับ...

     

    ...ผมจะเจอพี่ที่จุดนัดพบของเรา...

     

    หิมะแรกเริ่มโปรยลงมา หากร่างสูงยังคงวิ่งอย่างรวดเร็วสู่จุดหมายปลายทาง ในใจก็ภาวานาให้เจอคนที่ต้องการ

     

    “แค่ก แค่ก” เสียงไอจากต้นไม้ใหญ่ที่เขาจำดีทำให้ร่างสูงออกแรงส่งตัวเองไปทันที

     

    “ซองมิน!” ไม่มีอะไรที่น่าตกใจไปกว่าผิวสีซีด

     

    “พะ..พี่ แค่ก...ทงเฮ” มือหนากอดร่างบางอย่างรวดเร็ว ข้างหนึ่งก็เช็ดคราบน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

     

    “ดีจังที่พี่มา” ซองมินพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

     

    “ซองมิน ฉันขอโทษ”

     

    “ผมซื้อของมาให้พี่...แต่มันหายไปแล้ว อึก”

     

    “ไม่ ไม่เป็นไรซองมิน แค่ฉันเจอนายก็ดีแล้ว รู้มั้ยว่าฉันห่วงนายมากแค่ไหน” ซองมินยิ้มจาง

     

    “พี่ห่วงผมด้วย...”

     

    “ก็ต้องห่วงสิ ฉันรักนายนะ”

     

    “ผะ...ผม แค่ก แค่ก”

     

    “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” ทงเฮรีบแบกร่างบางใส่หลัง ถึงกระนั้นซองมินก็ไม่หยุดไอ หิมะที่เริ่มหนาขึ้นทำให้ร่างสูงเร่งความเร็วมากขึ้นไปอีก

     

    “พะ...พี่...”

     

    “ไม่ต้องพูดอะไรนะซองมิน นายไม่ไหวแล้ว”

     

    “...หยุด...เถอะ...”

     

    “บอกว่าอย่าพูดไง ได้ยินมั้ย” ทงเฮตะโกน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอาการซองมินน่ากลัวขนาดไหน น้ำตาที่ไม่เคยมีใครได้เห็นเริ่มไหลลงมา

     

    ทั้งสองถึงบ้านซองมินหลังจากนั้นไม่นาน โบอาตกใจแทบไม่ได้สติ วิ่งไปเร่งไฟเตาผิงและหายเข้าไปหาน้ำอุ่น ผ้าห่มมากมายที่ถูกนำมาคลุมตัวซองมินไว้ไม่ได้ทำให้ร่างบางนั้นหยุดสั่นแม้แต่น้อย

     

    “ซองมิน” ทงเฮกุมมือบางไว้

     

    “ผมดีใจที่...พะ...พี่...ยังรัก...”

     

    “นายอย่าพูดนะซองมิน อย่าหลับด้วยเข้าใจมั้ย” ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มจาง

     

    “ขอบคุณที่มาหาผม” น้ำตาที่เคยแห้งไปของทงเฮไหลออกมาอีกครั้งแม้ซองมินจะยิ้มให้เขา

     

    “ขอร้องล่ะ ซองมิน” ตาคู่สวยเริ่มปรือหากแต่รอยยิ้มยังคงหวานเหมือนทุกครั้งที่ทงเฮได้เห็น

     

    00.00 AM: 25 ธันวาคม

     

    “ผม..รัก...พี่...” มือบางตกลงพร้อมทั้งตาที่ปืดสนิท ทงเฮดึงร่างบางมากอดไว้

     

    “ไม่นะซองมิน นายฟื้นมาสิ ฟื้นมา นายบอกว่ารักฉันแล้วจะทิ้งฉันไปได้ยังไง ฟื้นสิซองมิน...ฟื้นสิ...ฟื้น...” น้ำตาเอ่อไหลอย่างกลั้นไม่อยู่ ร่างสูงพร่ำเพ้อให้คนรักกลับคนมาด้วยเสียงอันแผ่วเบาและแหบพร่าเหมือนคนใจสลาย ทว่า...คำอ้อนวอนของเขาก็ไม่ได้เกิดผล...

     

     

     

    1 ปีผ่านไป

     

    ท่ามกลางอากาศที่เริ่มหนาวเย็น ใบเมเปิ้ลร่วงหล่นตามทางที่ไร้ผู้คน สายลมพัดปลิวให้พวกมันลอยว่อนไปทั่ว สระน้ำใสที่เคยนิ่งสนิทเกิดวงน้อยน้อยเมื่อยามใบสีน้ำตาลไหม้สัมผัสผิวของมัน หมอกจางตอนสายไม่ได้หนาจนทำให้มองอะไรไม่เห็น ท่ามกลางเสียงของธรรมชาติไร้สิ่งใดรบกวน จะมีก็แต่ร่างหนึ่งที่พิงต้นไม้ใหญ่ ริมฝีปากแย้มร้อยยิ้มจางหากนัยน์ตากลับมองเศร้าจนน่าสงสาร มือข้างหนึ่งลูบนาฬิกาเรือนสวยอย่าเหม่อลอย

     

    ...ฉันเชื่อใจนายนะ...

     

    ...เราจะได้พบกันอีกใช่มั้ย...

     

    ...ไม่ว่านานแค่ไหน...ฉันก็จะรอนาย...

     

    ...ฉันจะยิ้มให้นายแบบนี้ตลอดไป...

     

    ...ซองมิน...

     

    -----------------------------------------------------------------------------------

     

     

     

    “แล้วสรุปเลยนะซองมิน นายรักพี่ทงเฮป่ะ”

     

    “อื้ม รักสิ รักมากด้วย”

     

    “อ้าว...ทำไมนายไม่บอกพี่เค้าล่ะ”

     

    “เป็นของขวัญวันคริสต์มาสไง”

     

     

     

    --------------------------------------END--------------------------------------

     


    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×