วรรณคดีไทยมีความน่าทึ่งอย่างหนึ่ง คือ สามารถ “หักมุม” ได้อย่างไม่รู้จบ กวีมีความสามารถที่จะบีบคั้นอารมณ์ของผู้ฟังให้ไปในทางใดทางหนึ่งตามต้องการได้ เมื่อต้องการให้ผู้ฟังเศร้า กวีสามารถเลือกสรรถ้อยคำมาบีบคั้นอารมณ์ได้ถึงขนาด เมื่อผู้ฟังเศร้าถึงจุดแล้วกวีจึงกระตุกต่อมฮาของผู้ฟังได้ลืมความเศร้าที่ถูกบีบคั้นได้อย่างไม่ยากเย็น ดังตัวอย่างในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนประหารนางวันทอง ในภาพที่กวีได้แสดงออกในขณะนั้น อารมณ์ความเศร้าของตัวละครอื่น ๆ ที่ต้องพลัดพรากจากนางวันทอง ได้ท่วมท้นฟูมฟายอย่างน่าสมเพชเวทนา อารมณ์ของผู้อ่านผู้ฟังเมื่อมาถึงตอนนี้ก็จะขมวดรัด หลอมรวมเข้ากับความเศร้าที่ปรากฏในเรื่องได้อย่างน่าประหลาด ดังว่า
        “หาดอกไม้ให้แม่ออไวยเอ๋ย        อย่าละเลยคุณพระจะดีกว่า
ออแผนร้องไห้ทำไมนา            ไปหาเชี่ยนขันมาให้กรวดน้ำ
ศรีมาลาไปหาข้าวสุกข้าวสาร        ทำกระบาลเสียผีเถิดจวนค่ำ       
แล้วจะได้ทำบุญสุนธรรม            ทองประศรีบ่นพร่ำอยู่ร่ำไร
ชุมพลหลานคลานเข้าหาย่า        แกยกหลานใส่บ่าน้ำตาไหล
นึกถึงนางวันทองร้องไห้ไป            อุ้มชุมพลเข้าไว้ให้ดูดนม”
ขุนช้างในฐานะที่ตนรักนางวันทองเป็นอย่างมาก เมื่อต้องเสียเมียรักไปทั้งที จึงโศกเศร้าเสียใจไปกับการตายของนางวันทองครั้งนี้ด้วย ถึงกับเกลือกกลิ้งพร่ำพรรณนาถึงนางวันทองว่า
    “แม่มาตายกลางดินเขานินทา     แม่ยอดฟ้าฝาบาตรกระจาดใหญ่
จะหาไหนเหมือนแม่แต่นี้ไป        แม้ไม่ได้เช่นนี้ไม่มีเมีย
เรือนเหย้าเข้าของถวายพระ        จะสละโกนหนวดไปบวชเสีย
ถึงลูกคุณหลานหม่อมจะยอมเมีย        มีเมียไปทำไมไม่เหมือนกัน
จะภาวนาให้หนักชักประคำ        แต่หัวค่ำร่ำไปจนไก่ขัน
ร้อยวสาพันวสาไม่ราวัน            ฉันแต่นางทั้งห้ากว่าจะตาย”
นางทองประศรีได้ฟังขุนช้างพร่ำพรรณนาอย่างนี้ จึงลุแก่โทสะ ด่าตวาดขุนช้างอย่างรุนแรง โทษฐานเศร้าไม่เป็นเรื่อง ดังว่า
        “ทองประศรีได้ฟังคลั่งน้ำใจ        นั่นร้องไห้เยียใดอ้ายฉิบหาย
อ้ายชาติชั่วหัวล้านกระบาลลาย                                        คนจะตายแล้วยังซนบ่นนินทา
ไม่เป็นอันที่ฉันจะร้องไห้                                            ฝาบาตรกระจาดใหญ่ก็ร่ำว่า
พระหมื่นไวยขัดใจลุกออกมา                            อ้ายชาติข้าหัวล้านประจานกู”
เมื่ออ่านแล้วอาจสงสัยว่าทำไมนางทองประศรีต้องโกรธขุนช้างด้วย เมียขุนช้างตายทั้งทีจะไม่ให้ขุนช้างเสียใจได้อย่างไร แต่มันก็น่าอยู่หรอก ในเมื่อขุนช้างพูดออกมาแต่ละอย่างล้วนหมายถึงเรื่องเพศทั้งสิ้น เช่น “ฝาบาตรกระจาดใหญ่” สำนวนนี้เมื่อโบราณท่านใช้หมายถึง “อวัยวะเพศหญิง”
หากเราลองถอดความเป็นร้อยแก้ว ขุนช้างคร่ำครวญว่า “โธ่เอ๋ย.. แม่วันทอง น้องต้องมาตายจากพี่ไปเสียแล้ว “ของ” ของน้องก็มหึมาเหลือเกินจะหาใครมหึมาเท่าน้องไม่มีแล้ว ถ้าหาใครอื่นไม่ได้เหมือนของน้องพี่จะไม่ยอมมีเมีย พี่จะออกบวช ฮือ ๆ ๆ พี่จะโกนหนวดออกบวช เพราะผมพี่ไม่ต้องโกนให้เสียเวลาแล้ว ฮือ ๆ ๆ พี่จะพร่ำบ่นถือประคำตั้งแต่หัวค่ำจนไก่ขัน จะไม่ยอมหยุดเลย พี่จะยอมอาศัย ‘นางทั้งห้า’ ของพี่นี่แหละ ฮือ ๆ ๆ”
ถ้าใครสงสัยว่า “นางทั้งห้า” เป็นใครบ้าง ขอบอกใบ้ให้เล็กน้อยว่าหากคุณเป็นหญิงให้ไปถามเพื่อนผู้ชาย แต่หากคุณเป็นชายแล้วยังมีหน้ามาถาม
คุณก็ไปบวชเหอะ อย่าอยู่เลย
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น