ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อ่านเรื่องผี

    ลำดับตอนที่ #8 : ผีใต้กุฎิ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      9
      30 พ.ค. 51


    บวรเล่าว่าหลังจากบวชเรียนมาหลายพรรษา ในหน้าหนาวของปีหนึ่ง เขามีธุระที่ต้องเข้ามาหาญาติโยมในตัวเมือง จ.มหาสารคาม เนื่องจากไม่ได้พบหน้ากันมานานเลยคุยกันจนเพลิน มารู้ตัวอีกทีก็ใกล้มืดแล้ว เพราะหน้าหนาวช่วงเวลามืดจะเร็วกว่าปกติ ทางญาติโยมก็คะยั้นคะยอให้พักค้างคืนเสียที่บ้า น เพราะถ้าจะเดินทางกลับก็คงลำบาก แต่บวรเห็นว่าการค้างที่บ้านญาติคงจะไม่เหมาะสมเพราะ บ้านหลังเล็ก อีกทั้งยังมีเด็กเล็กและโยมผู้หญิง ทำให้ต้องมาวุ่นวายหาที่นอนใหม่ จะลำบากญาติโยม พอดีคิดขึ้นได้ว่ามีเพื่อนอยู่วัดบริเวณใกล้ๆ แถวนี้คงจะดีกว่าถ้าไปค้างด้วย จึงบอกลาญาติโยมเพื่อจะมาพักที่วัดกับเพื่อน


    เมื่อมาถึงวัด ทราบจากพระลูกวัดว่าเพื่อนไปธุระต่างอำเภอ ไม่แน่ว่าจะกลับมาหรือเปล่า ดังนั้นบวรจึงตัดสินใจไปพบเจ้าอาวาสเพื่อขออนุญาตจำว ัดสักคืน ซึ่งท่านก็เมตตาให้พระลูกวัดพาไปค้างที่กุฏิที่อยู่ด ้านหลังวัด พร้อมกับจัดมุ้ง หมอน เสื่อ ผ้าห่ม และของใช้บางอย่างให้


    บวรเดินตามพระลูกวัดจนมาถึงท้ายวัด ภาพที่บวรเห็นเป็นกุฏิที่ใต้ถุนสูงทะมึน ด้านล่างเป็นที่เก็บของ มีของวางระเกะระกะ มองดูไม่ออกว่าเป็นอะไรบ้าง จากนั้นพระลูกวัดจึงพาขึ้นไปบนกฏิ ไขกุญแจและเปิดไฟ สภาพภายในกุฏินั้นว่างเปล่า ไม่มีสมบัติอะไรเลย ดู ๆ แล้วคงจะไม่มีพระเข้ามาจำพรรษาเป็นเวลานาน จึงไม่มีคนมาทำความสะอาด เพราะที่พื้นมีฝุ่นค่อนข้างมาก


    หลังจากคุยกันเล็กน้อย ก่อนจะกลับพระลูกวัดได้บอกทางไปห้องน้ำให้ทราบและขอต ัวกลับกุฏิไป จากนั้น บวรก็เริ่มปัดกวาดทำความสะอาดห้อง ปูเสื่อ กางมุ้ง แล้วจึงค่อยลงไปสรงน้ำทำธุระส่วนตัว แล้วจึงกลับขึ้นกุฏิ


    การมาจำวัดที่อื่นและเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย บวรจึงเปิดไฟที่มีเพียงดวงเดียวของกุฏิไว้ ไฟหลอดเล็ก 10 แรงเทียนให้เห็นแสงสลัวไม่ชัดเจนมากนัก


    ก่อนจะเข้าจำวัดบวรได้สวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ ากรรมนายเวร และบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วจึงล้มตัวลงนอนโดยไม ่ลืมที่จะลงกลอนประตูไว้


    บวรเล่าให้ฟังต่อไปว่า เขาหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกที ก็เมื่อรู้สึกว่ามีใครอยู่ในกุฏิด้วยอีกคน บวรจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นดู ด้วยความที่นอนตะแคงกับพื้นจึงเห็นได้ชัดเจนว่า คนคนนั้นค่อยๆ ลอยเข้ามาหา โดยที่เท้าของเขาไม่ได้สัมผัสพื้นกุฏิเลย บวรหลับตาอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็นเมื่อสักคร ู่ แล้วตัดสินใจลืมตาขึ้นมองไปยังจุดนั้นดูอีกที ภาพที่เห็นนั้นยังคงปรากฏอยู่ คนผู้นั้นลอยมายังเขาแล้วค่อยๆ นั่งลงโดยห่างจากมุ้งที่บวรนอนอยู่ไม่มากนัก


    ผีหลอก!!

    บวรคิดได้เท่านั้นก็เริ่มสวดมนต์ทุกบทที่นึกได้ แต่จู่ๆ ความจำที่มีมันเลือนหายไปหมด และไม่ว่าจะลืมตาขึ้นมาทีไร ก็เห็นเขานั่งอมยิ้มอยู่ที่เดิม


    เมื่อคนเรากลัวจนถึงที่สุดแล้ว เข็มไมล์แห่งความกลัวจึงเริ่มตีกลับ บวรค่อยๆ เพ่งพินิจดูผู้มาเยือนยามดึก ดูๆ แล้วเขาก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ไม่น่ากลัวแต่อย่างใด เป็นชายชาวจีนวัยกลางคน ใส่เสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีดำ บวรค่อยๆ แข็งใจถาม แต่คำพูดมันไม่สู้ออกจากปาก เลยค่อยๆรวบรวมความกล้าซึ่งแทบไม่เหลืออยู่เลย ถามไปอีกครั้ง


    “โยมเป็นใครหรือ”


    เสียงที่บวรได้ยินชายผู้นั้นตอบมานั้นค่อนข้างชัดเจน ไม่ยาวยานเหมือนอย่างที่คิด


    “อั๊วเป็นคนขายฝรั่งดอง อั๊วถูกรถยนต์ชนตาย แล้วตำรวจก็เลยเอารถเข็นฝรั่งดองของอั๊วมาเก็บไว้ใต้ ถุนกุฏินี้ เห็นหลวงพี่มาค้างคืน อั๊วเหงา เลยมาคุยด้วย”


    เมื่อบวรรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คิด และความกล้าเริ่มกลับมามากขึ้น เขาจึงถามชายคนนั้นต่อไปอีก


    “โยมต้องการอะไร”

    ผีตนนั้นเริ่มแจ้งเจตนาของตน


    “เมื่ออั๊วตาย ไม่ค่อยมีญาติพี่น้องมาทำบุญให้ อยากให้หลวงพี่ทำบุญให้อั๊วด้วย อั๊วจะได้ไปเกิดเสียที”


    เมื่อทราบความประสงค์ของเขาแล้ว บวรก็รับปากกับชายผู้นั้นว่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปใ ห้เขา ไม่ต้องห่วงอะไรอีก


    รุ่งเช้าก่อนที่บวรจะเดินทางกลับ เขาลงมาสำรวจด้านล่างกุฏิ ก็เห็นภาพของรถขายฝรั่งดองที่พังยับเยินอยู่บริเวณใต ้ถุนกุฏิ บ่งบอกได้ถึงวินาทีมรณะอันน่ากลัว บวรได้แต่ปลงและตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องทำบุญอุท ิศส่วนกุศลให้กับชายผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น ให้เขาได้ไปผุดไปเกิด จะได้หมดห่วง หมดกังวลเสียที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×