คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #72 : Thursday : พวกแหกกฎ
REALITY SEASON 7
ตอน : ปริศนาราชวงศ์ปักษาธร
“WEEK 3”
“ฝีมือของพวกคุณสินะ ...”
ภาพของนภางค์ โจเซฟ และรัมภา รูปครอบครัวที่แสนจะอบอุ่นแต่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับความเจ็บปวดก่อนที่หมดลมหายใจ เธอประสานสายตาเข้ากับรัมภาที่อยู่ในกรอบรูปเลี่ยมทองนั้น
ราวกับว่ารัมภากำลังจ้องมองเธอกลับมาด้วยแววตาที่แสนจะน่ากลัว
“จะได้เวลาแล้วนะ ...” เด็กหนุ่มพูดขึ้นจนทำให้มิ้วต้องละสายตาออกมาจากภาพนั้น อิซะจ้องมองเธอพร้อมกับถือไฟฉายที่อยู่ในมือ เขาเตรียมพร้อมที่จะพิสูจน์เรื่องราวลึกลับเหนือธรรมชาติแล้ว
เด็กสาวที่ยืนอยู่ลอบยิ้มบาง ๆ ไม่ได้พูดอะไร เธอเดินเข้าไปหาอิซะก่อนที่จะรับไฟฉายกระบอกเล็กมาไว้ในมือ เธอทดลองเปิดไฟฉายไปรอบ ๆ แสงวงกลมสีทองส่องสว่างไปตามทางเดิน หากแต่ว่าพ้นแสงวงกลมนั้น จะมีเพียงความมืดสลัวเท่านั้นที่โอบล้อมแสงสว่างเพียงน้อยนิดเอาไว้
เต๊ง!!
นาฬิกาเรือนยาวข้างผนังส่งเสียงร้องก้องกังวานออกมา บอกเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว ทั้งสองหันมามองหน้ากันก่อนที่จะส่งยิ้มเบาบาง ถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องออกเดินทางตามหาความจริงที่ลึกลับนี้แล้ว
ไฟฉายสองกระบอกส่องแสงอยู่ท่ามกลางความมืดมิดที่โอบกอดทั้งสองเอาไว้ ความรู้สึกของทั้งอิซะและมิ้ว พวกเขาไม่ได้หวาดกลัวต่อความมืดที่เป็นอุปสรรคนี้เลย ในใจนั้นมีแต่ความอยากรู้อยากเห็นว่าอะไรกันแน่คือต้นตอของกฎที่แสนพิศวงนี้
“เธอไม่กลัวเหรอ?” อิซะถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เขาพยายามสนทนาให้เงียบมากที่สุดเพื่อไม่ให้คนที่นอนอยู่นั้นรู้ว่าพวกเขากำลังฝ่าฝืนกฎที่ไม่สมควรเข้าให้
ตึก!
ยังไม่ทันที่มิ้วจะได้ตอบคำถามของอิซะ มีเสียงบางอย่างดังขึ้นด้านหลังของเขาจนพวกเขาทั้งสองต้องหันไปมองแทบจะพร้อมกัน แสงจากไฟฉายนั้นสาดไปยังต้นตอของเสียงที่น่าสะพรึงกลัวนั้น
นภางค์กับรัมภาออกมาแล้ว.....
เพียงไม่กี่วินาที คำตอบที่อยู่ในใจนั้นก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตาของคนทั้งสอง มีบางสิ่งบางอย่างกลิ้งขลุกขลักออกมาจากมุมมืดของห้องนอนชายนั้น ไฟฉายทั้งสองนั้นจับการเคลื่อนไหวของมันเอาไว้
กระบอกไฟฉายที่ไร้ที่มากลิ้งออกมาจากความมืดมิดนั้นพร้อมกับหุ่นกระบอกที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้แสงไฟของทั้งสอง บางอย่างนั้นเริ่มปรากฏขึ้นจนมิ้วและอิซะถึงกับอมยิ้ม
“มาพิสูจน์เรื่องนี้เหมือนกันเหรอ?” เสียงนั้นดังมาจากความมืด เธอจำได้ดีว่าเจ้าของเสียงที่ดูลึกลับนี้เป็นใคร
อลิซและวัชรเดินออกมาจากมุมของทางเดินชั้นสอง หุ่นกระบอกนั้นถูกชักใยเดินมาเก็บกระบอกไฟฉายที่ตกอยู่อย่างสนุกสนาน วัชรรู้สึกจะสนุกกับการเล่นหุ่นกระบอกมากกว่าที่จะมาพิสูจน์เรื่องเหนือธรรมชาตินี้
“นี่มันวันรวมญาติหรือยังไงเนี่ย!” เสียงของใครอีกคนดังขึ้นอยู่ด้านล่างของชั้นแรก วัชรและอิซะส่องแสงลงไปพบกับอายะ เจ้านาย และมาริสซ่าที่เพิ่งไปสำรวจห้องครัวมา พวกเขาไม่ได้เจออะไรนอกจากความเงียบและหนูที่วิ่งขวักไขว่อยู่ในห้องครัว พวกเขาสามคนก็ติดใจในเรื่องราวนี้ไม่แพ้กับคนอื่น
“เรื่องบังเอิญเกินไปแล้ว สุดยอดจริงว่ะ ว่าไหมน้องแหม่ม ....” เจ้านายสะกิดไหล่ของเด็กสาวหน้าลูกครึ่ง มาริสซ่าปัดมือออกอย่างไม่แยแส
“ปัญญาอ่อน!” มาริสซ่าพึมพำเบา ๆ เพื่อไม่ให้บรรยากาศที่น่าขนลุกนี้จืดจางไป
“งั้นเราจะเริ่มหาจากตรงไหนดี ... ทางนู้น หรือว่าทางนี้ ...” เจ้านายเริ่มเปิดฉากการตามล่าหาความจริง ราวกับว่าเขากำลังเล่นซ่อนหากับสิ่งที่เขาเองก็มองไม่เห็น
มิ้วจึงเริ่มเล่าเรื่องราวที่เธอได้ฟังมาจากอัคราให้กับทุกคนที่อยู่ที่นี่ฟังทั้งหมดอย่างละเอียดราวกับว่าอัคราออกมาเล่ารอบที่สอง เธอสามารถแกะทุกคำพูดและเรื่องราวออกมาจนหมดเปลือก ทุกคนได้ยินเรื่องทั้งหมดจากปากของหัวหน้าราชวงศ์ มาริสซ่าที่กลัวผีถึงกับหน้าเจื่อนเล็กน้อย
“งั้นเราเริ่มหาจากจุดที่นายงี่เง่านั้นหายตัวไปดีกว่า ....” อายะเปรยก่อนที่จะส่องไฟฉายไปยังมุมกำแพงที่น่ากลัวนั้น
เธอมองกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ไม่เห็นจะมีอะไรที่แปลกไปจากธรรมชาติของมัน มีเพียงกำแพงเก่า ๆ สีขาวและภาพของนภางค์ที่กำลังเด็ดดอกไม้อยู่ ในภาพนั้นช่างดูมีความสุขมากเหลือเกิน เธอเดินเข้าไปเพื่อมองหาที่มาที่ไปของเรื่องราวสุดสะพรึงนี้
“มีอะไรที่ผิดปกติไป ...” อิซะเปรยขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน
“อะไรที่แปลกไปงั้นเหรอ ... ” มาริสซ่ามองไปรอบ ๆ ก็ยังเห็นว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม อิซะมองหน้าของมาริสซ่าก็ที่จะเลื่อนสายตาไปยังพื้นด้านล่าง มาริสซ่าค่อย ๆ ไล่มองตามสายตาของเขาไป
ที่พื้นนั้นปรากฏรอยบางอย่าง มีฝุ่นและขอบของสิ่งสกปรกมากมายวางแนวเป็นทางโค้งอยู่เหนือกำแพงนี้ มาริสซ่าถึงกับอุทานออกมาอย่างตกใจ เธอและคนอื่นอยู่ที่นี่มาเกือบตลอดสามอาทิตย์ หากแต่ว่าเธอกลับไม่เคยสังเกตเห็นบางอย่างที่ว่านี้เลย
กำแพงมันเลื่อนได้!
อิซะและวัชรช่วยกันดันกำแพงนั้นอย่างง่ายดาย มีช่องทางเดินปรากฏอยู่หลังกำแพงสีขาวนี้ หากมองจากจุดตรงที่พวกเขายืนอยู่ จะพบว่าตรงนั้นคือจุดบอดที่ไม่สามารถส่องกล้องเข้าไปได้ และมีความมืดมาปกคลุมมากกว่าที่อื่น
“จะเข้าไปไหม?” มาริสซ่าถามคนอื่น ๆ หากแต่ไม่มีใครพูดอะไรนอกจากก้าวเท้าเข้าอย่างเงียบ ๆ เธอเบ้ปากก่อนที่จะมองไปรอบ ๆ ที่มีเพียงความมืด
“มองๆไปที่นี่มันก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ....” เธอมองรูปภาพของนภางค์ที่ดูท่าจะมีความสุขมาก
ในช่วงชีวิตที่เหลือของเธอดูน่าเสียดาย เธอดูสวยงามและแลดูมีความสุขมาก เสียดายที่เธอต้องมาจบชีวิตเพราะเศษสวะที่ทำลายชีวิตของผู้หญิง ...
มันทำให้เธอหวนย้อนไปในตอนที่เธอกำลังจะได้เป็นดาราดัง แต่แล้วก็ต้องมาจบอาชีพที่กำลังจะรุ่งเพราะพวกผู้กำกับหน้ามืดที่รุมทำร้ายพรหมจรรย์ของเธอ เธอต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพราะเกิดยิงพวกคนที่ทำไม่ดีกับเธอไว้
ไม่มีอะไรที่ต่างกันเลย จะต่างกันก็ตรงที่ ... เธอไม่ต้องมานั่งดูใครทรมานก่อนตายเหมือนที่นภางค์ต้องทนทรมานดุลูกสาวของตัวเองถูกพวกมันข่มขืนโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากมองดูทั้งน้ำตาที่แสนจะเจ็บปวดของคนที่เป็นแม่
ตึก!
เสียงบางอย่างทำให้เธอนั้นละจากความคิดที่กำลังจะเข้ามาถาโถมเธออยู่ สายตานั้นจ้องมองที่มาของเสียงนั้นอย่างไม่ลดละ
“จะตามมาไหม?” อลิซที่เดินไล่หลังเป็นคนสุดท้ายหันมาถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา หากแต่ว่ามาริสซ่ากลับได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน
“เดี๋ยวฉันจะตามไป ...” เธอพูดก่อนที่จะหันกลับมามองที่มาของเสียงนั้นอีกครั้ง มันดังมาจากห้องนอนของพวกเธอที่ตอนนี้เหลือเพียงยะหยาคนเดียวเท่านั้นที่นอนอยู่ เธอกำกระบอกไฟฉายเอาไว้แน่นก่อนที่จะค่อย ๆ ลอบมองจากทางด้านนอก สายตาของเธอนั้น
เห็นแต่เพียงยะหยาที่นั่งอยู่หน้ากระจก จ้องมองตัวเองอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาจากปากที่อมชมพูของเธอเลย .....
ความคิดเห็น