ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reality 7 .:: ปริศนาราชวงศ์ปักษาธร ::. *Start*

    ลำดับตอนที่ #69 : Monday : กติกาพิศวง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 302
      0
      22 ส.ค. 54

    REALITY SEASON 7

    ตอน : ปริศนาราชวงศ์ปักษาธร

    WEEK 3

    วันนี้เป็นวันแรกของการเข้าสู่สัปดาห์ที่สามของการแข่งขันเกมสุดโหด สายลมเอื่อย ๆ พัดเข้ามายังบานหน้าต่างที่เปิดอ้าไว้ทั้งคืน แสงแดดอ่อน ๆ เริ่มแยงตาของคนที่อยู่ใกล้หน้าต่างมากที่สุด เขาอดคิดในใจไม่ได้ว่าเขานั้นเลือกทำเลที่นอนได้ผิดที่ผิดทาง เปลือกตาเริ่มปรือขึ้นก่อนที่จะมองเพื่อน ๆ ที่ยังนอนสลบเหมือดกันอย่างสบาย มีแต่เขาคนเดียวที่ต้องตื่นขึ้นมาเพราะแสงแดดยามเช้าที่ว่า

     

    สองเท้าของเขาค่อย ๆ ก้าวไปที่โต๊ะกระจกก่อนที่จะจัดทรงผมให้เข้าที่เข้าทาง มือหนึ่งคว้าแปรงสีฟันออกไปด้านนอกเพื่อออกไปยังห้องน้ำของตัวปราสาทชั้นสอง ทันทีที่มาถึงห้องรับแขกนั้น สองตาของเขาเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนนึงที่นั่งอยู่บนขอบระเบียงรับสายลมที่พัดมาอย่างเย็นสบาย

     

    “หวัดดี ....” เขาตัดสินใจทักเพื่อนแปลกหน้าคนนั้น

     

    หล่อนหันกลับมาด้วยสายตาที่เย็นชา ไม่มีรอยยิ้มใด ๆ ตอบกลับ แววตาเต็มไปด้วยความเรียบเฉย มันทำให้เกิดความรู้สึกที่แสนจะกดดัน ในเมื่อไม่ได้รับการตอบรับ เขาจึงเลี่ยงเข้าห้องน้ำไปเพื่อล้างหน้า ในห้องน้ำนั้นเขาก็เจอกับเด็กสาวอีกคนที่ยืนหวีผมอยู่หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ

     

    “อย่าไปถือสาอายะเลย ... เธอเป็นคนที่ค่อนข้างลึกลับและน่ากลัวไปหน่อย ” ยะหยาเปรยขึ้น เธอยังคงหวีผมอยู่หน้ากระจกเงาอยู่แบบนั้น

     

    “อืม ..”

     

    “ฉันชื่อยะหยา .... ไม่ต้องแนะนำตัวของนายนะ ฉันรู้จักนายแล้วเมื่อวันก่อน ... เจ้านาย” เธอหันมามองเด็กหนุ่มที่ตีสีหน้าไม่ถูก

     

    เจ้านายยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะรีบจัดการล้างหน้าล้างตาเสร็จและเดินออกมาด้านนอก เสียงทีวีนั้นดังอยู่ด้านล่าง เขาคิดว่าจะต้องทำความรู้จักกับคนที่อยู่ที่นี่ให้หมดทุกคน รวมไปถึงอิซะที่เพิ่งเข้ามาใหม่ด้วย

     

    หลังจากที่เขาเดินออกไปจากห้องน้ำ ยะหยาได้แต่มองตามหลังไปก่อนที่จะหันกลับมาหวีผมที่หน้าแระจกต่อ รอยยิ้มเริ่มเปิดขึ้นจากสีหน้าเรียบเฉยนั้น

     

    “ดู ๆ ไปแล้ว ... ฉันก็สวยเหมือนกันนะ พี่ยาหยีว่าไหม?”

     

    เจ้านายเดินออกมาจากห้องน้ำก่อนที่จะเดินตรงลงไปชั้นล่างยังห้องโถง เสียงทีวีนั้นดังกระหึ่ม สามารถรู้ได้ทันทีว่าคนที่ดูทีวีจะต้องเป็นคนที่ชอบเรื่องของแฟชั่นการแต่งตัวแน่ ๆ เพราะเสียงทีวีนั้นเขาสามารถจับประโยคได้เลยว่ากำลังเสนอเรื่องเครื่องสำอางอยู่

     

    “ฟังข่าวไม่ได้หรือไงมาริสซ่า ผมเบื่อกับเรื่องเครื่องสำอางหนา ๆ แล้วนะ” วัชรที่นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างพูดขึ้นก่อนที่จะหันมาเล่นกับหุ่นกระบอกของเขา

     

    “ฉันก็ว่าจะหาช่องที่มันประดิษฐ์ตุ๊กตาให้นายนะ ... แต่มันไม่มี ฉันเลือกขอดูพวก Cosmetics ชิค ๆ หน่อยละกันนะ” มาริสซ่าบ่นอุบจนวัชรส่ายหน้าเบา ๆ เขาลงมาจากขอบหน้าต่างก่อนที่จะลากหุ่นกระบอกออกไปด้านนอก เพื่อไปยังลานประหาร เจ้านายสงสัยในพฤติกรรมของเขาจึงเดินตามไปเงียบ ๆ ส่วนมาริสซ่านั้น เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาจะไปที่นั่นทำไม

     

    มันเป็นเรื่องปกติของเขาที่จะต้องไปหาซากที่เหลือจากศพ ....

     

    ข้างนอกนี้ให้ความรู้สึกที่ไม่กดดันเหมือนด้านในเลย ความสดชื่นและเย็นสบายแผ่ไปทั่วทั้งผืนหญ้าที่กว้างใหญ่ เด็กหนุ่มทั้งสองเดินมายังลานประหาร วัชรที่มาถึงก่อนได้แต่มองรอยเลือดของแอมป์และภัทรที่แห้งติดพื้น มีเพียงซากตะปูเท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ในลานแห่งนี้

     

    “นายมาทำอะไรที่นี่เหรอ?” เจ้านายเปรยถามเด็กหนุ่มเบา ๆ

     

    มีแต่เสียงหัวเราะที่ลอยมาตามลมของวัชร เขาแหงนหน้ามามองเด็กหนุ่มที่เดินตามมาก่อนที่จะเริ่มพูดออกมา

     

    “ผมมาหาของสะสม Collection ของผมน่ะ ...”

     

    Collection?” เจ้านายเอียงคอด้วยความสงสัย นี่เขาต้องพยายามสร้างความคุ้นเคยกับคนที่มาอยู่ก่อนนี่ให้เข้าใจแจ่มแจ้งซะหน่อยแล้ว

     

    “แล้วไว้ผมจะเล่าให้นายฟังแล้วกันนะ .... ถ้านายยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้น” วัชรยิ้มมุมปากก่อนที่จะเดินตามหาซากที่เหลือจากการสังหารเมื่อวันเสาร์

     

    เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง มิ้ว หัวหน้าราชวงศ์ในสัปดาห์นี้ได้เรียกพวกเขาทั้งหมดไปทานอาหารที่ห้องอาหาร ซึ่งมื้อเช้าในวันนี้จะเป็นข้าวต้มไก่ โดยวัตถุดิบในวันนี้เป็นส่วนผสมที่เป็นของจริง ไม่ได้ใช้สิ่งใดมาแทนที่เหมือนการทดสอบครั้งที่แล้ว

     

    อิซะที่มาถึงเป็นคนสุดท้ายค่อย ๆ นั่งลงก่อนที่จะเริ่มตักเข้าต้มเข้าปาก

     

    “ถ้าผมกินไป คงจะไม่เป็นอะไรเมื่อวันก่อนนะครับ” วัชรถามมิ้วที่เป็นแม่ครัวในวันนี้ อิซะที่ได้ยินถึงกับค่อย ๆ วางช้อนลง

     

    ต้องระวังอะไรมากกว่านี้ซะแล้ว .... เขาคิด

     

    “วันนี้กินได้สบายมาก เพราะวัตถุดิบทุกอย่างเป้นของจริง ไม่มีการใส่เนื้อกระต่ายหรือลูกแมวมาแทนที่แน่นอนจ่ะ” มิ้วพูด

     

    “เฮ้ย! นี่เคยกินเนื้อกระต่ายกับเนื้อแมวด้วยเหรอ พวกนายจะบ้าหรือเปล่า!!” เจ้านายตกใจจนผงะออกจากถ้วยนั้น

     

    “นายจะเสียงดังทำไม .... ในเมื่อนายก็ไม่ได้กินมัน .... น่ารำคาญชะมัด!” อลิซมองหน้าของเด็กหนุ่มที่ดูจะเริ่มโวยวายออกมา เขามองหน้าของเด็กสาวก่อนที่จะเริ่มเก็บอารมณ์ที่พุ่งพล่านให้เย็นลง

     

    มื้ออาหารเพิ่งจะเริ่มขึ้นได้ไม่นาน จู่ ๆ อายะที่นั่งเงียบได้พูดขึ้น

     

    “นี่พวกนายสองคน ....” เธอเรียก อิซะและเจ้านายเงยหน้าขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน

     

    “มีอะไร?” อิซะเริ่มพูดขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน

     

    “ฉันบอกตรง ๆ นะ .... ฉันไม่อยากต้องรับพวกนายเลยรู้ไหม .... หลายคนเอาชีวิตไปทิ้งไว้ใน Lost Survivors ตั้งมากมาย แต่พวกนายสองคนกลับมาชุบมือเปิบเข้ามาในเกมง่าย ๆ นายว่ามันแฟร์หรือเปล่า?” อายะยิ้มมุมปาก เธอไม่สามารถยอมรับได้ที่สองคนนี้เข้ามาในเกมเป้นตัวจริงได้โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง

     

    “ฉันไม่รู้ .. รู้แต่ว่าตอนนี้พวกเราก็เข้ามาแล้ว ....” เจ้านายพูดจายียวนกวนประสาท เขาไม่ค่อยชอบหล่อนเท่าไรนัก เมื่อเช้าเขาพยายามจะสร้างมิตร หากแต่ถูกตอบกลับมาด้วยความเฉยชาที่เหมือนน้ำแข็ง

     

    “เขาไม่ใช่ตัวจริงหรอกค่ะ อายะ ...” มิ้วหันมามองหน้าของทุกคนสลับกันก่อนที่จะยืนขึ้น

     

    “หมายความว่าไง?” อิซะมีแต่คำถามมากมาย เขาไม่สามารถคาดเดานิสัยของแต่ละคนที่นั่งอยู่ในห้องอาหารนี้ได้เลยสักคน

     

    “ไม่ใช่ตัวจริง ... แต่เป็นแค่ตัวแทน ... ของแอมป์และภัทรเท่านั้นเอง!” มิ้วพูดไปตามความรู้สึก เขาสองคนเป็นได้แค่หมากอีกสองตัวที่ตกบันใดพลอยโจรเข้ามาเล่นเกมแทนอีกสองคนที่ตายไปเพื่อให้จำนวนเท่ากันเท่านั้นเอง

     

    “ตัวแทน ... ที่ได้มาเล่นเกมโหดแบบนี้ ฉันว่ามันคุ้มดีนะ ... ว่าไหมล่ะ?” เจ้านายพยายามสรรหาคำพูด เขาไม่คิดว่าการเข้ามาครั้งนี้ จะเจอการโจมตีจากผู้เล่นคนเก่าได้มากมายขนาดนี้

     

    เหมือนแกะที่อยู่ดงของหมาป่า ..... ทุกคนดูน่ากลัวและอันตรายมาก

     

    “อ้อ ... ฉันลืมไปเสียสนิทเลย ...” มิ้วเหมือนจะนึกขึ้นได้ เธอหยิบซองจดหมายสีน้ำตาลคล้ายกระดาษทรายออกมาจากกระเป๋าเสื้อ อายะเคยเห็นมันมาแล้วครั้งหนึ่งตอนที่เธอเคยได้รับตำแหน่งของหัวหน้าราชวงศ์ แต่กลับถูกมิ้วแย่งมันไป

     

    What’s that!” มาริสซ่าอุทานเป็นภาษาอังกฤษจนยะหยาหลุดขำออกมา

     

    “มันคือซองจดหมายที่อัคราทิ้งไว้ให้ฉันเพื่อมาแจ้งข่าวให้ทุกคนทราบ .... แต่ต้องขอโทษด้วยที่หัวหน้าราชวงศ์อย่างฉันเปิดอ่านมันเสียก่อน” มิ้วเน้นเสียงหนักก่อนที่จะหันมาไปอายะที่ลอบมองเธออย่างโกรธเคือง

     

    เธอพร้อมจะระเบิดศึกกับศัตรูที่ใสซื่อแต่ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้อย่างมิ้วได้ทุกเมื่อ

     

    “อัครา ... มันคือภารกิจใช่ไหมเนี่ย?” ยะหยาเปรยก่อนที่จะกุมขมับ เธอยังนึกถึงเรื่องของบททดสอบนั้นได้ดี ต้องหาวัตถุดิบและฆ่ากระรอกน้อยที่น่าสงสาร ... แต่มันก็ได้อารมณ์ซาดิสต์ไปอีกแบบ

     

    “มันไม่เชิงเป็นภารกิจหรอกนะคะ เพียงแต่ว่าทุกคน รวมไปถึงพวกหน้าใหม่ต้องทำความรู้จักเอาไว้ด้วย ....” มิ้วยิ้ม

     

    “ในจดหมายว่ายังไง เธอรีบแจงมาเถอะ เสียเวลา ...” อลิซกระแทกช้อนลงบนถ้วยก่อนที่จะมองหน้าของเด็กสาว

     

    “อัคราแค่บอกว่า ... ในสัปดาห์นี้ ไม่มีภารกิจ แต่จะมีเพียงกฎการอยู่ร่วมกันที่เพิ่มเข้ามาและทุกคนต้องทำตาม ข้อแรก .....” มิ้วมองหน้าของทุกคนก่อนที่จะเริ่มพูด

     

    “หลังนาฬิกาชี้ไปที่เวลาสี่ทุ่ม .... อย่าออกมาเผล้นพล่านบนทางเดินและรอบตัวปราสาท ..... เพราะมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่สามารถบอกพวกเราได้ ...” นั่นคือกฎข้อแรกที่เปิดเผยออกมาบนหน้ากระดาษ พวกเขาได้แต่มองหน้ากัน หากแต่อลิซและอิซะกลับคิดเป็นสิ่งเดียวกันในทันที

     

    ต้องมีอะไรที่มันอันตรายและหาคำอธิบายไม่ได้อยู่ในราสาทแห่งนี้เป็นแน่!

     


    NEYNE: BLOMMA

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×