ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Reality 7 .:: ปริศนาราชวงศ์ปักษาธร ::. *Start*

    ลำดับตอนที่ #51 : Monday : เปิดตำนานปักษาธร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 411
      2
      8 ส.ค. 54

    REALITY SEASON 7

    ตอน : ปริศนาราชวงศ์ปักษาธร

    WEEK 1

    พระอาทิตย์ของเช้าวันจันทร์ที่แสนสดใสเริ่มออกมาส่องแสงสว่างให้แก่ธรรมชาติที่อาศัยอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายนี้ การทำหน้าที่ของพระอาทิตย์นั้นบกพร่องไป แสงแดดสาดส่องมาไม่ถึงใจกลางเนินเขาลูกหนึ่งที่เต็มไปด้วยธรรมชาติของพฤกษานานาพรรณที่ขึ้นเขียวชอุ่ม ทำให้นึกถึงสวนพฤกษาชาติที่เคยไปเที่ยวกัน สัตว์น้อยใหญ่ต่างส่งเสียงร้องกันตามต้นไม้ใบหญ้า หรือแม้กระทั่งในโพรงใหม่ บนเนินเขาแห่งความอุดมสมบูรณ์นี้ยังมีสิ่งก่อสร้างที่ดูทรุดโทรมและเก่าคร่ำครึอยู่ที่หนึ่ง มันเป็นเนื้อที่กว้างขวางเท่าภูเขาลูกหนึ่งเลยก็ว่าได้ ภายในสิ่งก่อสร้างใหญ่นี้กลับมีอาคารบ้านเรือนเล็กๆหลบซ่อนอยู่ในนั้น สถานที่ซึ่งคนได้ลืมเลือนและหายไปพร้อมกับกาลเวลา พวกเราเรียกสถานที่นี้ว่า

     

    ปราสาทแห่งปักษาธร ....

     

    รถทัวร์สีขาวแถวเขียวคันหนึ่งมุ่งหน้าออกมาจากกรุงเทพมหานครเพื่อตรงมายังเนินเขาที่ไม่ค่อยมีใครย่างกรายเข้าไปเท่าใดนัก ภายในรถบรรจุคนไว้หลายชีวิตและที่สำคัญ ... 8 คนสุดท้ายของเรียลลิตี้อยู่บนนี้อย่างแน่นอน เพราะพวกเขาทั้งหมดต้องเดินทางไปยังปราสาทแห่งปักษาธรเพื่อเล่นเกมกับทางรายการซึ่งในซีซั่นนี้ผู้ที่ชนะจะได้เงินที่มีมุลค่าสูงถึง 20 ล้านบาท เป็นครั้งแรกที่เรียลลิตี้ไม่เคยให้มากมายขนาดนี้ คนที่ชนะในเกมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้เงินก้อนโตนี้ไป ส่วนผู้ที่ชนะรองลงมาก็ทำได้เพียงแค่รอดชีวิตออกไปจากสถานที่แห่งความตายนี้ ....

     

    “รู้ไหมว่าที่นี่น่ะมีอาถรรพ์ ....” ชายแก่วัยเจ็ดสิบเศษพูดขึ้นลอยๆสายตาเลื่อนมายังกระจกหน้าเพื่อสังเกตุพฤติกรรมของผู้เข้าแข่งขัน

     

    “อาถรรพ์ .... อาถรรพ์อะไรกันลุง” ภัทรถามด้วยความอยากรู้ เขาอยากจะเก็บรวบรวมข้อมูลของสถานที่ที่จะต้องไปกินอยู่เกือบสองเดือนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

     

    “เรื่อง Joke หรือว่า Serious กันคะ ถ้าเป็นอย่างหลัง มาริสซ่าจะได้ขอฟังด้วยคน” เธอกระดี๊กระด๊าก่อนที่จะถอดหูฟังออกหลังจากที่ฟังเพลงในเครื่องวนไปถึงสามรอบแล้ว

     

    “เรื่องมันมีอยู่ว่า .....”

     

    ราชวงศ์ปักษาธรนี้ เป็นราชวงศ์ที่ถูกลืมเลือนไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ไม่มีตำราเล่มใดที่บันทึกถึงราชวงศ์นี้เลยสักเล่ม เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะลูกสาวของราชวงศ์ผู้สูงศักดิ์นามว่า นภางค์เธอได้แอบมีใจให้กับ โจเซฟ ฝรั่งที่เข้ามาทำการค้าขายสินค้าให้กับเมือง ของพ่อหากแต่ว่าเมื่อทางครอบครัวได้รู้ความจริงจึงกรีดกันทั้งสองไม่ให้พบเจอกัน ราชวงศ์ของนภางค์ได้เลิกทำการค้าขายกับฝรั่งคนนั้น นางจึงตัดสินใจหนีตามชายหนุ่มไป แต่ถึงกระนั้น ผู้เป็นแม่ได้สังเกตุพฤติกรรมและเห็นว่าทั้งสองได้หนีตามกัน นางจึงส่งคนไปตามคุ้มกันลูกสาวก่อนที่จะให้เงินแก่นภางค์ไปก้อนหนึ่ง นางจึงนำเงินทั้งหมดของผู้เป็นแม่สร้างปราสาทและสิ่งก่อสร้างอีกมากมายร่วมกับเงินของโจเซฟ วันที่สร้างเสร็จนั้น เป็นวันที่พระจันทร์ส่องแสงสีงามตา ทั้งคู่จึงตั้งชื่อของปราสาทนี้ว่า ปักษาธรที่แปลว่าพระจันทร์

     

    หลายปีต่อมา ทั้งคู่ได้มีลูกสาวน่าตาน่ารักคนหนึ่ง ชื่อของเธอคือ รัมภาจากนั้นจึงเริ่มก่อร่างสร้างตัวได้จากการค้าขายของผู้เป็นสามีและหัตถกรรมผ้าไหมของนภางค์จึงทำให้มีพ่อค้าแม่ขายต่างสนใจสินค้าของทั้งสอง ราชวงศ์แห่งนี้จึงเจริญรุ่งเรืองและเต็มไปด้วยข้าทาสบริวารมากมายที่ต่างมาสวามิภักดิ์รับใช้คู่สามีภรรยาไปจนวันตาย ทุกอย่างดูเจริญงอกงามไปเรื่อย ๆจนกระทั่งคืนแห่งความโกลาหลได้บังเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อน

     

    ในคืนนั้นเป็นคืนที่พระจันทร์เป็นสีดำสนิท ราวกับเป็นลางร้าย นภางค์พยายามห้ามโจเซฟไม่ให้ออกไปยังท่าเรือบรรทุกสินค้าเพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น หากแต่ว่าโจเซฟยังคงยืนยันที่จะไปและบอกกับนภางค์ว่าคิดมากเกินไป

     

    “แค่ก ๆ ๆ ” ชายชราสำลักน้ำลายตัวเองหลังจากที่เล่ามานาน

     

    “เกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น ....” แอมป์อยากจะรู้ตอนต่อไปของตำนานแห่งปักษาธรเต็มที

     

    “ถ้าให้ฉันเดานะ ละครเรื่องนี้ นายโจเซฟต้องโดนโจรดักฆ่าระหว่างทาง ...” วัชรพูดลอย ๆ ก่อนที่จะจับหุ่นกระบอกคู่ใจมาไว้บนตัก

     

    “ถ้าเรื่องนี้มันจบลงง่าย ๆ ก็ดีสิ ...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความสงสาร จากนั้นเขาจึงเริ่มเปิดฉากต่อไปอีกครั้ง

     

    เมื่อห้ามผู้เป็นสามีไม่ได้ นภางค์จึงได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองสามีให้รอดปลอดภัยกลับมา เมื่อโจเซฟเดินทางไปยังท่าเรือด้วยรถม้าแล้ว นางและรัมภาได้แต่จ้องมองพระจันทร์สีดำจากทางหน้าต่าง ในหัวสมองของนภางค์นั้นมีแต่ลางสังหรณ์แปลก ๆ เต็มไปหมด เมื่อเวลาล่วงเลยมาดึกมากแล้ว รัมภาในวัย 16 ปีจึงขอตัวผู้เป็นแม่ไปนอน นางมีตุ๊กตาตัวโปรดอยู่ในมือคือกระต่ายไม้ที่พ่อได้แกะสลักเอาไว้ให้และเป็นของขวัญชิ้นแรกของนาง ระหว่างทางเดินกลับห้องนั้น ลางร้ายที่นภางค์คิดจึงกลายเป็นความจริง ลางร้ายที่คิดว่าจะเกิดกับสามีนั้นเป็นเรื่องที่นางคิดผิด ลางร้ายที่ว่านั้นมาเกิดกับนางและลูกต่างหาก

     

    ชายฉกรรจ์นับสิบคนซึ่งเป็นบริวารภายในปราสาทได้จับตัวนภางค์เอาไว้ด้วยกันมัดด้วยเชือกมัดสินค้าของโจเซฟ พวกมันใช้โอกาสในช่วงที่เขาไม่อยู่ลากตัวของนางมายังห้องนอนของลูกสาวที่แสนน่ารัก รัมภาเองก็ก็ถูกมัดไว้บนเตียงด้วยเชือกชนิดเดียวกับนภางค์

     

    ในคืนที่แสนโหดร้ายสำหรับสองแม่ลูกนั้น พวกมันได้กระทำชำเราร่างของรัมภาอย่างสนุกสนานในขณะที่ผู้เป็นแม่ได้แต่นั่งมองดูลูกถูกพวกเดนมนุษย์ขืนใจ ใจของนางแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เสียงร้องไห้ด้วยความทรมานของรัมภาดังก้องอยู่ในหัว ความเจ็บปวดที่บีบคั้นหัวใจให้หลุดออกมาจากอก ซ้ำยังไม่พอ มันยังวนกลับมาจัดการกับรัมภาอีกเป็นหนที่สอง เมื่อได้ลูกแล้วจากนั้นก็เป็นแม่ นภางค์เองจึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิตที่ต้องตายทั้งเป็น หลังจากที่พวกมันเสร็จกามกิจแล้ว จึงใช้มีดอีโต้ฟันร่างของนภางค์และรัมภาเพื่อปิดปากและปล่อยร่างที่โชกเลือดไว้ในห้องนั้น

     

    รุ่งเช้าโจเซฟกลับมากับเงินก้อนโตที่เขาหามาได้และตั้งใจจะพาลูกเมียไปพักผ่อนที่เมืองนอก ทันทีที่เขากลับมา บรรดาทาสบริวารมากมายได้แต่รุมล้อมห้องของรัมภาเอาไว้ บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็ไม่อาจมองภาพที่อยู่ตรงหน้า เขารู้แล้วว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ ๆ จึงตัดสินใจฝ่าวงล้อมของบรรดาทาสเข้าไปในห้อง

     

    สิ่งที่เขาเห็นเกือบทำให้เขาแทบล้มทั้งยืน ร่างของนภางค์และรัมภาต่างนองไปด้วยเลือด แขนข้างหนึ่งของศรีภรรยาขาดวิ่นออกมาจนเห็นกระดูกที่แตกละเอียดอยู่ในลำแขนที่เคยสวยงามนั้น ร่างกายของนางถูกฟันด้วยของมีคมจนจำเค้าโครงหน้าไม่ได้ว่าเป็นใคร รัมภาเองก็เช่นกัน ท้องของนางนั้นมีรอบแผลเปิดกว้างขนาดใหญ่จนลำไส้เกือบจะกองออกมาจากหน้าท้องที่เต็มไปด้วยเลือด มือและขายังถูกมัดอยู่เตียง สิ่งที่เหมือนกันของสองแม่ลูกนี้คือ

     

    พวกนางอยู่สภาพเปลือยเปล่าไร้เครื่องแต่งกายใด ๆ .....

     

    ตำรวจหลายนายได้เข้ามาทำการสอบปากคำของทาสบริวารทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถเอาผิดกับใครได้ เพราะในสมัยก่อนนั้น วิวัฒนาการหรือเครื่องมือทางการสืบสวนยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าสมัยปัจจุบัน จึงไม่สามารถเอาผิดกับใครได้เลยสักคน

     

    หลังจากการจากไปของเมียและลูกอันเป็นที่รักของโจเซฟ ทำให้เขาเปลี่ยนเป็นคนละคน เขาไม่ออกไปขายสินค้าอย่างที่เคย เก็บตัวเงียบอยู่ในแต่ห้องนอนของเขา ทาสหลายคนเริ่มออกปากนินทากันถึงเรื่องต่าง ๆ นานา บ้างก็บอกว่ามีวิญญาณของนภางค์และรัมภาออกมาเดินเตร่อยู่ในปราสาทบ้างล่ะ บ้างก็เห็นนภางค์ทำครัวอยู่ในโรงครัวในสภาพที่ร่ากายโชกเลือดบ้างล่ะ เรื่องนินทาปากต่อปากนั้นได้เข้าหูของโจเซฟเข้า เรื่องราวเรื่องที่สองจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งในวันที่พระจันทร์กลายเป็นสีดำสนิทในอีกสองอาทิตย์ต่อมา

     

    ในคืนแห่งความตายรอบที่สอง พระจันทร์แปรเปลี่ยนเป็นสีดำ โจเซฟได้แต่นั่งมองพระจันทร์อยู่ริมหน้าต่าง ความทรงจำต่าง ๆ เริ่มเข้ามาในหัว เรื่องที่นภางค์เคยเตือนเขาไม่ให้ออกไปจากปราสาทเพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย ถ้าเขาเชื่อภรรยาสักนิด เรื่องเลวร้ายก็จะไม่เกิดขึ้น เป็นเพราะเขาที่ทำตามใจตัวเอง

     

    และเป็นเพราะพวกขี้ข้าที่ไม่รู้จักดูแลเจ้านายให้ดี ....

     

    ในคืนนั้นเองจึงเกิดเรื่องขึ้น คนทั้งปราสาทรวมถึงโจเซฟได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตำรวจตรวจค้นก็ไม่เจออะไรที่น่าสงสัยกับการหายตัวไปของคนนับร้อย ปราสาทที่เคยซิวิไลท์ ดินแดนแห่งเงินทองจึงอันตธานหายไป เหลือเพียงแต่ซากของปราสาทและสิ่งปลูกสร้างเอาไว้เหลือดูต่างหน้าเท่านั้น 

     

    ถึงกระนั้นเหตุการณ์แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นเป็นระยะจนชาวบ้านแถวนี้ไม่สามารถอยู่ได้อย่างสงบสุข บางคืนก็ได้ยินเสียงเครื่องทอผ้าไหมดังขึ้นในโรงถักผ้า บางคืนก็ได้เด็กสาวในชุดนอนออกมาวิ่งเล่นนอกปราสาท หรือบางทีก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากข้างใน ทำให้ชาวบ้านต่างย้ายข้าวของหนี และปล่อยให้สถานที่บริเวณนี้ร้างไปในที่สุด ตั้งแต่วันนั้น ไม่เคยมีใครเข้ามาย่างกรายในสถานที่อาถรรพ์แห่งนี้อีกเลย

     

    จนกระทั่งพวกเราได้เข้ามาถ่ายทำเรียลลิตี้ที่นี่ ....

     

    เอี๊ยดดดด!

     

    “เรื่องราวก็มีเท่านี้แหละ” เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่เพราะรู้สึกว่าคอเริ่มจะแห้งแล้ว เรื่องราวจบลงพร้อมกับรถที่เพิ่งจอดสนิทเมื่อครู่ พวกเขามองไปทางขวาก่อนที่จะเห็นตัวปราสาทที่ใหญ่โตอยู่ตรงหน้า

     

    My God!!” มาริสซ่าถึงกับอุทานในความใหญ่โตและความงามของปราสาทแห่งนี้ ถึงแม้ว่ามันจะดูทรุดโทรมไป แต่มันยังคงสวยงามและน่าค้นหาอยู่

     

    “ขนของลงไปที่หน้าปราสาท จะมีอีกกลุ่มรอพวกเธออยู่ที่นั่น” ชายชราพูดแค่นั้น พวกเขาได้แต่มองหน้ากันก่อนที่จะเดินลงไป โดยที่มิ้วนั้นลงไปเป็นคนสุดท้าย

     

    “คิดว่าเอาเรื่องที่พวกคุณทำเอาไว้มาเล่าให้พวกเราฟังแล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้น ....” เธอมองหน้าของโชเฟอร์วัยเจ็ดสิบคนนั้น เหงื่อกาฬของเขาไหลย้อยอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

     

    มีคนรู้ความจริง ....

     

    “คนที่สามารถเล่าเหตุการณ์ได้ละเอียดขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นอย่างแน่นอน ฉันมั่นใจ ... คุณและพวกสวะของคุณเป็นคนฆ่านภางค์และรัมภา!” มิ้วมองหน้าของชายแก่อย่างเหลืออด เธอไม่อยากให้ใครมามีสภาพเหมือนกับเธอตอนที่โดนลุงกระทำชำเราร่างที่ไร้ทางสู้ของเธอ เธอเกลียดคนแบบนี้ที่สุด

     

    “รู้มากเกินไปแล้ว!” เขาโมโหก่อนที่จะลุกขึ้นและตรงมาบีบคอเด็กสาวตรงหน้า

     

    “กรี๊ดดดดดดดด!!” เธอหวีดร้องออกไปสุดเสียง ทำให้บรรดาคนที่ลงไปจากรถถึงกับหันมา

     

    “เฮ้! คุณเสียสติไปแล้วเหรอ” ภัทรพยายามจับร่างของชายแก่คนนั้นเอาไว้ ส่วนยะหยาได้ดึงมิ้วออกมาก่อนที่จะรีบพาลงมาจากรถ

     

    “เกิดอะไรขึ้น ...” อลิซถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

     

    “จู่ๆ ... คุณลุงเขาเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาซะเฉย ๆ แล้วเข้ามาบีบคอมิ้ว ... ม ... มิ้ว ....” น้ำตาเริ่มไหลออกมา ยะหยามองหน้าของอลิซก่อนที่จะขอตัวพาเธอออกมาให้พ้นจากตรงนั้น ทันทีที่ผ่านกระจกหน้ารถนั้น มิ้วได้แต่มองหางตาไปยังโชเฟอร์ก่อนที่ยิ้มมุมปากเป้นนัยน์ๆว่า

     

    เกมนี้ฉันชนะ ...

     

    เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลายลง โชเฟอร์จึงรีบขับรถออกไปจากเนินเขาแห่งนี้ด้วยความรวดเร็ว เหตุการณ์เมื่อครู่สร้างความงุนงงให้กับคนที่พบเห็น

     

    “สงสัยจะเมายา ....” อายะมองรถที่แล่นออกไปจนลับตา

     

    “อย่าเสียเวลากับเรื่องไร้สาระเลย ฉันว่าเรารีบเข้าไปในนั้นเหอะ” มาริสซ่าออกตัวเพราะเริ่มจะเบื่อกับเหตุการณ์ตรงนี้แล้ว

     

    ทุกคนต่างยกสัมภาระขึ้นมาไว้ในมือ อายะและภัทรเป็นคนเปิดประตูใหญ่หน้าปราสาทออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นสถานที่ที่หลบซ่อนอยู่หลังกำแพงสูงนี้

     

    “ฉันพอจะดูออกนะ ว่าเธอเป็นยังไง ... มิ้ว ...” อลิซพูดในลำคอก่อนที่จะหัวเราะร่วน เก็บกระเป๋าและเดินเพื่อน ๆ ที่เหลือเข้าไปอย่างเงียบ ๆ

     

     NEYNE: BLOMMA

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×