คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #116 : Wednesday : เข้าใกล้ความจริง
REALITY SEASON 7
ตอน : ปริศนาราชวงศ์ปักษาธร
“WEEK 8 (Final Week)”
“พวกนายว่าทำไมทางรายการต้องสร้างผนังขึ้นมาใหม่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพวกเราก็รู้อยู่แล้วว่าหลังผนังนี้มันมีอะไร” อลิซพูดในขณะที่มือก็ยังคงคลำทางไปตามความมืด นัยน์ตาของเธอเริ่มปรับชินให้เข้ากับความมืดจึงทำให้เห็นทางได้เลือนราง
“ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน” มาริสซ่าเสริม
“คงจะไม่อยากให้เราเข้ามาเผล้นพล่านในเขตหวงห้ามนี่ก็ได้” เจ้านายกล่าวก่อนที่จะเริ่มผิวปากเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศมันช่างวังแวงเสียจริง
“ฉันว่าไม่ใช่หรอก มันอาจจะเพราะ ....” มาริสซ่านิ่งเงียบก่อนที่จะหันไปหาชายหนุ่มที่เดินตามหลังมา
“.....” ทั้งอลิซและเจ้านายเองก็หยุดฟังคำตอบที่กำลังจะเล็ดลอดออกมา
“เพราะไม่อยากให้เรารู้ความลับของที่นี่ไปมากกว่านี้ไงล่ะ!” มาริสซ่ากระแทกเสียงของก่อนที่จะมองหน้าของทั้งคู่ผ่านความมืด
แม้นไม่รู้ว่าสีหน้าของทั้งสองคนที่เหลือเป็นเช่นไร หากแต่บรรยากาศรอบ ๆ มันชักจะเริ่มชอบมาพากลเข้าให้แล้ว ยิ่งเดินเข้ามายิ่งให้ความรู้สึกที่น่ากลัว บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเริ่มกดดันมากยิ่งขึ้นจนเธอรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ไหนจะเสียงที่เคยได้ยินผ่านลมมาอีก มันยิ่งทำให้เธอจินตนาการภาพไปต่าง ๆ นา ๆ
เพียงไม่นานนักทั้งสามคนก็คลำทางมาจนถึงบันใดที่พังอยู่ตรงหน้า อลิซอาสากระโดดลงไปเป็นคนแรก ตามมาด้วยชายหนุ่มอย่างเจ้านายและมาริสซ่า สาวเปรี้ยวเป็นคนปิดท้าย ด้านล่างนั้นเริ่มอับชื้นและส่งกลิ่นออกมามากกว่าเดิมที่พวกเขาเคยเข้ามาตั้งแต่แรก จากเส้นทางนี้มีเพียงอลิซเท่านั้นที่เป็นผู้รู้ทางที่จะไปต่อ เพราะครั้งที่แล้วนั้นเจ้านายและมาริสซ่าอยู่ด้านบนไม่สามารถลงมาได้ อลิซจึงกลายมาเป็นผู้นำทางไปโดยปริยาย
บรรยากาศที่แสนจะกดดันบวกกับความชื้นที่เริ่มมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ ทำให้พวกเขาถึงกับอยากจะอาเจียนออกมา ทางเดินที่เริ่มจะเละเป็นโคลนนั่นคืออุปสรรคการเดินทางครั้งสำคัญของพวกเขาทั้งสามคน พวกเขาลุยมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งปรากฏห้องเล็ก ๆ อยู่ตรงหน้า
พวกเขาหันมามองหน้ากันอีกครั้งก่อนที่อลิซจะค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่เธอจ้องมองนั้นคือหน้าต่างที่เคยปรากฏร่างของรัมภาหัวเราะชอบใจอยู่บนนั้น หากแต่ตอนนี้กลับมีเพียงจากแสงของธรรมชาติด้านนอกที่ส่องเข้ามาเป็นแสงสว่างให้พวกเขาได้ในตอนนี้ มาริสซ่าและเจ้านายเองได้แต่มองไปรอบ ๆ ในฐานะผู้มาใหม่ กลิ่นคาวจากเลือดของชนาธิปยังคงคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณจนมาริสซ่าเองถึงกับต้องปิดจมูกอย่างทนไม่ได้
“Wow ... The Ward น่ากลัวชะมัด!” มาริสซ่ามองไปยังบนเตียงที่มีขาหยั่งขึ้นสนิม ไม่เพียงแต่บนเตียงเท่านั้นที่มีคราบเลือดกังอยู่ ที่พื้นเองก็มีรอยเลือดแห้ง ๆ ติดอยู่ตามพื้น
ดู ๆ ไปแล้วห้องนี้คงจะผ่านการทำคลอดมาแล้วหลายต่อหลายครั้งสำหรับพวกทาสที่ไม่พร้อมจะมีบุตรเพราะในสมัยก่อนนั้นยังไม่มีการคุมกำเนิดหรือการป้องกันอย่างถูกต้องทำให้เป็นที่มาของห้องทำคลอดที่ถูกสร้างขึ้นมาไว้ในห้องใต้ดิน และในตำนานยังบอกอีกว่าคนที่ทำคลอดไม่ใช่หมอที่ไหน หากแต่ว่าเป็นตัวของพ่อเด็กเอง ตามความเชื่อของคนในปักษาธรเชื่อว่าผู้เป็นพ่อสามารถปลดปล่อยลูกให้ไปสู่สุขคติได้ และด้วยความที่ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญจึงเกิดการลองผิดลองถูกและนั่นก็ทำให้ปราสาทแห่งนี้เสียทาสที่เป็นผู้หญิงไปมากอยู่พอสมควร
พวกเขาทั้งสามคนช่วยกันสำรวจห้องทำคลอดอย่างละเอียด เวลาผ่านไปได้ไม่นานนัก พวกเขากลับไม่พบเจออะไรที่น่าสงสัยเลยแม้แต่น้อย เพราะภายในห้องนั้นเป็นแค่ห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดา ๆ ตรงกลางนั้นก็มีเตียงสำหรับให้ทาสขึ้นมาทำคลอดตามแบบของห้องผ่าตัด ส่วนตามหน้าต่างก็มีบรรดาซากดอกไม้แห้งมากมายที่ปลิวเกลื่อนอยู่คาดว่าน่าจะเป็นดอกไม้ส่งวิญญาณให้แก่ผู้ล่วงลับในห้องนี้ นอกจากนั้นที่หน้าต่างยังมีเชิงเทียนหลายเล่มตั้งอยู่ บ้างก็ตั้งอยู่บ้างก็ล้มระเนระนาดอย่างไม่เป็นระเบียบ ด้านบนนั้นก็มีเพียงเศษหยากไย่แสดงถึงความขลังของห้องนี้เพียงเท่านั้น และมุมห้องก็ถูกตกแต่งด้วยรูปปั้นของหญิงสาวนางหนึ่งที่มีเพียงครึ่งตัวตั้งอยู่มุมห้อง
สิ่งที่อลิซสนใจนั้นกลับเป็นรูปปั้นตัวนั้น เธอตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจตามฐานของรูปปั้นเพื่อดุว่ามีกลไกอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า
“ได้เรื่องไหม?” เจ้านายเอ่ยถาม อลิซส่ายหน้าเบา ๆ เป็นเชิงว่าไม่มีคำตอบหลุดออกมาจากปาก
เจ้านายและมาริสซ่าเดินเข้ามายังรูปปั้นนั้นก่อนที่จะเพ่งมองใบหน้าที่ขาวเนียนจากปูนปลาสเตอร์ที่ใช้ทำรูปปั้นตัวนี้ ยิ่งมาริสซ่ามองไปเท่าไร มันยิ่งให้ความรู้สึกที่ว่าเธอเคยเห็นใบหน้านี้จากที่ไหนมาก่อน สายตาจากรูปปั้นราวกับว่าจ้องมองเธอยังไงยังงั้น
สายตาที่จ้องมองมาแบบนี้
สายตาแบบนี้ .....
“นภางค์สินะ ...” จู่ ๆ มาริสซ่าก็หลุดคำพูดออกมาเล่นเอาทั้งสองคนมองหน้าอย่างตกใจ
“ไหน ... นภางค์ออกมาเหรอ!” เจ้านายมองซ้ายมองขวาอย่างหวาด ๆ ชีวิตนี้เขาไม่เคยเห็นวิญญาณในระยะประชิดและในแบบตัวต่อตัวมาก่อนเลยตั้งแต่เกิดมา
“ฉันจำได้ ดวงตาแบบนี้ ปากแบบนี้ การจ้องมองอย่างอาฆาตแบบนี้ มีเธอคนเดียวเท่านั้นที่ฉันมองเข้าไปในตาแล้วให้ความรู้สึกที่น่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ฉันว่ารูปปั้นนี้มีต้องสื่ออะไรบางอย่างแน่ ๆ ....” มาริสซ่าพยายามหาข้อสรุปของเรื่องนี้ และในตอนนั้นเองเรื่องบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวของเธออย่างฉับพลัน
“ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกนายจำได้ไหม เครื่องประดับที่อัคราเคยบอกว่าจะต้องเอามาใช้น่ะ .... จะเป็นไปได้ไหม ....”
“ถ้าจะใส่ลงในหุ่นตัวนี้ใช่ไหม?” อลิซเองก็มีความคิดเห็นแบบเดียวกับที่มาริสซ่าพยายามจะอธิบาย
“Bingo!!” เธอยิ้มกว้าง
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ลงล็อคพอดี ฉันคิดไว้แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมามันจะต้องได้ใช้แน่ ๆ ” เจ้านายพูดก่อนที่จะหยิบเครื่องประดับออกมาจากกระเป๋าของเขาจนหมด ที่จริงแล้วเขาจะนำมันไปขายด้วยซ้ำ แต่ถ้ามาริสซ่าไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทุกคนคงจะลืมไปแล้ว
น่าเสียดายจริง ๆ ... เจ้านายคิด
พวกเขาทั้งสามพยายามแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับหุ่นตัวนี้ ทั้งใส่ต่างหู สร้อยคอ และกำไร เมื่อความสวยงามของเครื่องประดับล้ำค่าถูกแต่งเติมลงไปบนหุ่น ประกายเพชรช่างเจิดจ้าทำให้หุ่นนั้นดูเหมือนจะมีชีวิตยังไงยังงั้น เจ้านายมองความสวยงามนั้นก่อนที่จะหยิบปิ่นปักผมออกมาซึ่งเป็นเครื่องประดับสุดท้ายของการแต่งเติมในครั้งนี้ เขาเสียบมันลงบนหัวของหุ่นนภางค์
พลันเริ่มเกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้นภายในห้อง จู่ ๆ พื้นดินเกิดสั่นไหวออกมาจนพวกเขาทั้งสามต้องพยายามหาที่ยึดอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดล้มไปตามพื้นที่ที่สั่นไหวราวกับแผ่นดินไหวแบบนี้ พื้นที่เตียงนั้นเริ่มสั่นอย่างแรงขึ้น ๆ จนเตียงนั้นสั่นตาม
แรงสั่นสะเทือนของมันทำให้พื้นที่ใต้เตียงนั้นเริ่มเปิดกว้างออก เตียงทำคลอดในส่วนของปลายเตียงนั้นทิ่มลงไปยังพื้นที่ที่ถูกเปิดขึ้น ไม่นานนักมันจึงสงบลง พวกเขาทั้งสามวิ่งมายังพื้นที่ใหม่ และช่วยกันยกเตียงขึ้น ที่พื้นนั้นปรากฏบันใดปูนแข็งแรงอยู่ใต้พื้น ที่นี่มีห้องใต้ดินซ้อนกันอยู่
“เริ่มสนุกแล้วสิ!” อลิซเลียริมฝีปากก่อนที่จะเดินลงไปด้วยความกระหายในคำตอบที่กำลังจะใกล้เข้ามาทุกที ๆ
พวกเขาทั้งสามเดินลงมาตามทางที่ไม่มืดเพราะด้านข้างนั้นมีตะเกียงที่เปิดไฟอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลวนอยู่ปราสาท พวกเขาก้าวมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งสิ้นสุดการเดินทาง ตรงหน้านั้นเป็นเหมือนลานกว้างโล่ง ๆ ด้านข้างนั้นมีลำธารที่ไหลอยู่อย่างสวยงาม ด้านหน้านั้นมีประตูเหล็กที่ถูกคล้องด้วยกุญแจอยู่สุดทางเดินที่เชื่อมกับสะพานไม้นี้ และด้านข้างของประตูนั้น
มีหุ่นเหล็กสองตัวยืนแน่นิ่งอยู่ราวกับเป็นผู้เฝ้าประตูแห่งนี้!!
ความคิดเห็น