คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5
ตอนที่
5
“ชาซียา...โทรศัพท์!!!”
พนักงานชายคนหนึ่งเอ่ยบอกหญิงสาวที่กำลังถ่ายเอกสารอยู่อีกห้อง
เธอไม่รอช้าที่จะไปรับสายและเมื่อรู้ว่าเป็นมนตร์ทรายก็อดดีใจไม่ได้
หากแต่ข่าวร้ายซึ่งเกิดกับร้านอาหารคุณตาคุณยายก็ทำให้แทบเสียสติ
“คุณตาคุณยายแล้วก็เธอไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ย?”
“ไม่เป็นอะไร...พอดีพวกเราออกไปจ่ายตลาด
แต่พอกลับมา...มันก็...”
พูดถึงตรงนี้มนตร์ทรายก็อดไม่ได้ที่จะสะอื้นเบาๆอย่างเสียใจ เธอรู้สึกแย่มากและรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้คนหวังดีรอบตัวต้องลำบาก
“มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก
ยัยบ้าเอ้ย...เธอควรปลอบใจฉันนะ ไม่ใช่ฉันปลอบใจเธอ”
เพื่อนสาวชาวมุสลิมทักท้วงพลางปาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลอาบแก้มออกไป
ใจหายอย่างบอกไม่ถูกในเมื่ออาคารหลังนั้นเป็นทั้งบ้านและร้านอาหารที่เธออยู่มาตั้งแต่จำความได้
ยังโชคดีที่คุณตาคุณยายและเพื่อนสาวไม่ได้รับอันตรายใดๆ
“เอ่อ...จริงสิ...ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอเรื่องหนึ่ง”
มนตร์ทรายเกือบลืมเจตนาในการโทรนอกเหนือจากรายงานข่าว
“อะไรเหรอ?”
“ขอที่อยู่ชีคคาฟาห์!”
กลิ่นหอมฉุยของขนมปังปิ้งราดเชสด้าชีสร้อนๆซึ่งวางอยู่บนจานกระเบื้องเคลือบบนโต๊ะตัวใหญ่ทำจากหินแกรนิตสีเทาขัดมันสลักลวดลายวิจิตรงดงามรับกับห้องอาหารกว้างที่ประดับประดาไปด้วยแจกันคริสตัลและ
เครื่องเคลือบดินเผา เหนือขึ้นไปนั้นมีโคมไฟแชนเดอเลียร์ห้อยระยะสาดแสงลงมาตรงที่ชีคคาฟาห์กำลังนั่งพอดิบพอดี
“กาวาค่ะ...ท่าน”
“ขอบใจคามีล่า...วางไว้ตรงนั้นล่ะ”
ใบหน้าคมเยี่ยงสาวอาหรับยิ้มเจื่อนๆอย่างผิดหวังเมื่อชีคคาฟาห์ไม่สนใจแก้วกาแฟบนถาดทองคำที่ถืออยู่เลยแม้แต่น้อย
จวบจนเธอวางมันลงบนโต๊ะเท่านั้นมือหนาก็คว้าขึ้นมาดื่ม
กลิ่นหอมของกาแฟสดทำให้ความคิดฟุ้งซ่านต่างๆในหัวผ่อนคลายลง
เป็นประจำที่เขามักดื่มกาแฟสไตล์อาหรับกับอาหารเช้าสไตล์ยุโรปซึ่งลงตัวเข้ากันดี ในตอนนั้นสายตาก็เหลือบพบหญิงรับใช้ยังคงนั่งอยู่ไม่ห่าง
“มีอะไร?”
“เอ่อ...เผื่อท่านขาดเหลืออะไรค่ะ” น้ำเสียงหวานกล่าวตอบเมื่อพร้อมยินดีรับใช้ผู้เป็นนาย
หากแต่ผู้สูงศักดิ์กลับโบกมือไล่อย่างรำคาญใจ
“ไปทำงานอื่นๆของเจ้าเถอะ
ประเดี๋ยวอัมเม็ตคงมา”
“ค่ะ”
แม้ร่างกายถอยห่างจาก ณ ตรงนั้น
หากแต่จิตใจของคามีล่าก็พะว้าพะวงหลงใหลใกล้ชิดชีคคาฟาห์ไม่ห่าง นัยน์ตาคมสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองท่านผู้นำรัฐจากเบื้องหลัง
ถึงตำแหน่งเป็นเพียงสาวใช้แต่หัวใจไม่ได้ปิดกั้นความรู้สึกรักอย่างสตรีพึงจะมีในตัวบุรุษเลยแม้แต่น้อย
เมื่อได้อยู่เพียงลำพังอีกครั้งนัยน์ตาสีเทาก็ทอดมองออกไปไกลนอกประตูโค้งซึ่งเปิดกว้างรับลมทะเล
ใกล้เข้ามาเป็นสระน้ำสีฟ้าสะอาดสะอ้านชวนให้รู้สึกลงไปว่ายเล่น
หากไม่ติดว่ามีงานราชการมากมายยังต้องสะสางคงไม่รอช้าที่จะตรงเข้าไปหาความสำราญเป็นแน่
แก้วกาแฟถูกยกขึ้นดื่มอีกครั้ง
พลันต้องชะงักเมื่อรอยแดงบนฝ่ามือยังปรากฏหลงเหลือจางๆทำให้รู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมา
หล่อนยังเจ็บอยู่หรือไม่?
เมื่อวานเขาทำรุนแรงไปจริงๆ นั่นเพราะไม่อาจควบคุมอารมณ์ไว้ได้
ไม่เคยมีใครกล้าต่อว่าหรือด่าทอมาก่อน ไม่เคยมีใครกล้าดูถูกมาก่อน
แต่เธอคนนั้นก็ยังกระทำพฤติกรรมแย่ๆแม้รู้ว่าเขาคือใคร...
“ท่านครับ!”
ชีคคาฟาห์หยุดคิดเรื่องราวต่างๆแล้วหันไปหาอัมเม็ตซึ่งปรี่เข้ามาคุกเข่าอยู่ข้างกาย
“ถึงเวลาทำงานแล้วสินะ?”
“ไม่ใช่ครับ
คือ...ตอนนี้มิสมนตร์ทรายกำลังโวยวายอาละวาดตรงหน้าประตูคฤหาสน์ครับ” คำรายงานจากผู้รับใช้ส่งผลให้คิ้วโก่งเข้มขมวดมุ่นอย่างสงสัยก่อนลุกเดินออกไปทันที
เสียงเอะอะโวยวายตรงหน้าประตูรั้วนั้นดึงความสนใจให้ใครหลายคนในคฤหาสน์หยุดงานของตนเพื่อหันมองดูหญิงสาวชาวเอเชียที่กำลังด่าทอต่อว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งเฝ้าอารักขาทางเข้าออกไว้ถึงห้าคน
“ถอยไป...ฉันต้องการพบชีคคาฟาห์!!!” มนตร์ทรายโวยวายอย่างไม่อายสายตาใคร ในตอนนี้ไม่มีอะไรมาหยุดเธอได้เพราะฝ่ายตรงข้ามต่างหากต้องละอายกับสิ่งเลวร้ายที่ทำ
“บอกว่าเข้าไปไม่ได้!!!”
พนักงานชายคนหนึ่งพยายามทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถโดยกันหญิงสาวซึ่งพยายามฝ่าเข้าไปให้ได้
“ถ้าเข้าไปไม่ได้
พวกคุณก็เรียกชีคคาฟาห์ให้ออกมาพบฉันสิ!!!” เธอร้องบอก
“ชีคคาฟาห์ท่านไม่ออกมาพบผู้หญิงอย่างคุณหรอก
กลับไปเถอะ...ถ้าไม่เชื่อฟังพวกผมจะเรียกตำรวจนะ!!!”
“ก็เรียกมาเลยสิ...จะได้จับชีคของพวกคุณเข้าคุกไปซะ!!!”
“จะจับผมด้วยข้อหาอะไรมิทราบ...มิสมนตร์ทราย” น้ำเสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้ใครหลายคนรีบหลบไปทำงานทำการของตนอย่างว่องไว
ชายสูงศักดิ์ในชุดกันดูเราะห์สีขาวเดินเข้ามาพร้อมอัมเม็ตผู้รับใช้คนสนิท
สีหน้าขึงตึงนั้นบ่งบอกความไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นหญิงสาวมาโวยวายอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์โดยไร้ความเกรงใจแบบนี้
“คุณยังกล้าถามอีกเหรอ ว่า...จับข้อหาอะไร!!!” มนตร์ทรายร้องถามอย่างโกรธจัด เกลียดสีหน้าเฉยเมยไร้ซึ่งความรู้สึกของเขาที่ดูราวกับไม่มีจิตใจ
“ถ้าคุณคิดแจ้งความเรื่องเมื่อวานนี้ก็ย่อมได้
เพราะผมจะฟ้องกลับไป ว่า...คุณก็บุกรุก หมิ่นประมาท และ ทำร้ายร่างกายผมเหมือนกัน”
“อย่ามาเฉไฉ ว่า...คุณไม่รู้จริงๆว่าฉันมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร
ใครกันไปเผาร้านอาหารที่ฉันอยู่...ห๊ะ!!!”
น้ำตาใสๆไหลอาบคลอใบหน้าหวานอย่างอัดอั้นตันใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าคนเดียว เขาทำทุกอย่างเพื่อสนองความต้องการของตนเองอย่างป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรม
โดยใส่หน้ากากสุภาพบุรุษหลอกลวงประชาชนให้เคารพสรรเสริญซึ่งความจริงเป็นเพียงคนเลวเท่านั้น
“แล้วมีใครเป็นอะไรหรือไม่?”
ใบหน้าคมคายดูตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำบอกเล่า
แต่ในสายตาของหญิงสาวเป็นเพียงแค่สีหน้าเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น
“ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง เพราะทุกคนปลอดภัยดี!!!” คำประชดประชันนั้นทำให้ชีคคาฟาห์หงุดหงิดใจไม่น้อย
“ทำไมผมต้องผิดหวัง...คุณนี่คิดอะไรฟุ้งซ่านบ้าบอไปกันใหญ่แล้ว!”
“ใช่สิ...คุณมีอำนาจและร่ำรวยล้นฟ้า
คิดอยากทำอะไรก็ทำ คิดอยากได้อะไรก็ได้ดั่งใจ ในขณะที่ร้านอาหารนั้นเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยในสายตาคุณ
แต่กว่าที่คุณตาคุณยายจะเก็บเงินสร้างขึ้นมามันไม่ได้ทำง่ายๆ!!!”
“ผมฟังคุณพร่ำเพ้อไร้สาระมามากพอแล้ว
ก่อนจะห่วงคนอื่นทำไมคุณไม่ห่วงตัวเองก่อน ลืมเรื่องหนี้สินว่ามันใกล้ครบกำหนดไปแล้วสินะ
ว่าไง...เมื่อไรจะคืน?” เขาตัดบทเปลี่ยนเรื่องอย่างไม่ไยดีเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกล่าวหามากเกินไปซ้ำยังมีสายตาหลายคู่จับจ้องมองมา
การปล่อยให้เธอต่อว่าไม่จบจะทำให้ผู้คนนำไปครหาได้
“คุณจะให้ทำอย่างไร ในเมื่อฉันพยายามหางานหาเงินทุกวิถีทางแต่ก็โดนคุณขัดขวางแบบนี้!!!”
“ง่ายๆ...ขอโทษผมในสิ่งที่คุณดูถูกหรือกล่าวหาทั้งหมด
ทุกอย่างก็จะจบ!” ชีคคาฟาห์เอ่ยบอกข้อแลกเปลี่ยนอย่างเด็ดขาดว่าเป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้นในการแก้ไขปัญหานี้
ปีศาจ...มารร้ายมาเกิด
มนตร์ทรายสบถด่าในใจ ไม่คิดเลยว่าผู้ชายตรงหน้าจะเหี้ยมโหดกับความรู้สึกของคนอื่นอย่างนี้
เขาเหยียบย่ำคนได้ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่นิดเดียว
“ไม่มีวันที่คนอย่างฉันจะก้มหัวให้คุณ!!!” เธอพูดพลางผละออกไปจากตรงนั้น
เช่นเดียวกับชีคคาฟาห์ซึ่งไม่สนใจกับการปฏิเสธของหญิงสาวพลางหมุนตัวกลับเข้าคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกตกใจของข้ารับใช้หลายคนที่เห็นเหตุการณ์
ไม่มีผู้ใดคิดว่าชีคคาฟาห์ผู้เคร่งขรึมจะร้ายกาจกับสาวเอเชียตัวเล็กๆ
เช่นเดียวกับที่ไม่มีผู้ใดคาดฝันว่าผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจะกล้าด่าทอต่อว่าท้าทายผู้มีอำนาจที่สุดของรัฐถึงขนาดนี้...
ร้านอาหารถูกไหม้ไปสองในสามส่วนของทั้งหมด
ข้าวของส่วนใหญ่เสียหายจนยากจะใช้การได้อีกครั้ง ต้องรอเจ้าหน้าที่มาพิสูจน์หลักฐานสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้
แต่มนตร์ทรายคิดว่าไม่จำเป็นเพราะมั่นใจเต็มร้อยว่าต้นเหตุ คือ ชีคคาฟาห์!
และเพราะเขาคนเดียวทำให้ตอนนี้คุณตาคุณยายและตัวเธอต้องอาศัยโรงเก็บของซึ่งอยู่ไม่ห่างจากอาคารหลังนั้นไปชั่วคราว
“ขอโทษจริงๆนะคะ...เป็นเพราะหนูแท้ๆถึงทำให้ทุกคนต้องพลอยลำบากลำบนกันไปหมดแบบนี้”
สีหน้าเคร่งเครียดของมนตร์ทรายซึ่งตอนนี้อาบด้วยคราบน้ำตาสะท้อนความจริงใจจนชายแก่กับหญิงชราไม่ได้ถือสาหาความ
“มันไม่ใช่ความผิดของหนูแซนด์หรอก
อย่าโทษตัวเองไปเลย”
คุณยายลูบศีรษะหญิงสาวตรงหน้าอย่างมีเมตตา
หาได้โกรธเคืองเพราะคิดว่าไม่ใช่ความผิดของหล่อนเลยแม้แต่น้อย
“แต่ถ้าหนูไม่ไปมีเรื่องกับชีคคาฟาห์
ทุกอย่างก็คงไม่เลวร้ายแบบนี้!” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นอย่างไม่อาจโยนความผิดไปให้คนอื่นได้จริงๆ
“อย่าคิดมาก...ถ้ายายโดนกระทำแบบนั้นก็คงควบคุมอารมณ์ไม่ได้เช่นกัน”
“อีกอย่าง...พวกเราจะใจร้ายทนเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆลำบากต่อหน้าต่อตาได้ยังไง
ร้านอาหารมันก็แค่ของนอกกายเสียหายไปก็สร้างใหม่ได้
มนุษย์ต่างหากที่เสียหายแล้วยากจะกลับคืนมาเหมือนเดิม”
ชายชรากล่าว
“ตากับยายมีเงินเก็บอีกเยอะเพื่อสร้างร้านใหม่ได้อย่างไม่มีปัญหา
แถมยังมีเงินจากชาซียาที่ส่งมาให้ทุกเดือนอีก”
มือเหี่ยวย่นของหญิงชราปาดน้ำตาออกจากใบหน้าหวานเพื่อปลอบใจ
แม้มนตร์ทรายซาบซึ้งกับความมีเมตตาหากแต่ลึกๆก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าเธอนั้นเป็นสาเหตุของเรื่องวุ่นวาย
“คืนนี้ดึกแล้ว...รีบเข้านอนเถอะ
พรุ่งนี้จะได้จัดการอะไรต่อมิอะไรให้เรียบร้อยกว่านี้”
ชายแก่ตัดบทเมื่อเห็นแสงไฟจากบ้านเรือนข้างเคียงเริ่มเลือนหายจึงได้ดับตะเกียงเช่นกัน
กองหญ้าแห้งช่วยทำให้แผ่นไม้ที่ใช้รองนอนไม่แย่จนเกินไปนัก
แม้ความมืดครอบคลุมจนทั่วแต่เพียงไม่นานสายตาก็เริ่มชินพลางมองโถงกว้างซึ่งแออัดยัดเยียดด้วยข้าวของเครื่องใช้บางส่วนซึ่งไม่ไหม้ไปกับไฟ
คุณตาคุณยายนอนถัดจากมนตร์ทรายออกไปเล็กน้อยโดยเบียดเสียดกันในพื้นที่แคบๆอย่างน่าเวทนา
แสงจันทร์สีนวลสาดลอดรอยแตกโหว่ของหลังคาสังกะสีซึ่งผุพังเพราะความเก่าลงมายังบริเวณที่มนตร์ทรายกำลังนอน
นัยน์ตากลมโตมองออกไปยังดวงดาวซึ่งพร่างพราวระยิบระยับอย่างหดหู่ในความโชคร้ายของตนเองซึ่งทำให้คนรอบกายพลอยเดือดร้อนตามๆกัน
การนอนในโรงเก็บของยังดีกว่าการนอนในรถถึงสามวันที่เคยสัมผัส ทว่า...คุณตาคุณยายไม่ควรต้องมาเผชิญเหตุการณ์แบบเดียวกับเธอ
เสียงพูดคุยของชาวบ้านและแสงไฟที่เริ่มปรากฏในบ้านเรือนต่างๆก่อนใกล้รุ่งทำให้สองตายายรับรู้ถึงการเริ่มต้นวันใหม่ซึ่งได้เวียนมาบรรจบอีกครั้ง
ร่างสูงวัยลุกจากแผ่นไม้พลางหันไปหมายปลุกหญิงสาวหากแต่เธอไม่ได้อยู่ ณ ที่นั้น
“หนูแซนด์หายไปไหน?” คุณยายเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ขณะที่คุณตาเหลือบพบจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งวางอยู่ไม่ห่างพลางหยิบมันขึ้นมาก่อนมองหน้าหญิงชราอย่างหวาดหวั่นใจ
เมื่ออาทิตย์โผล่พ้นบนเส้นขอบฟ้าห้วงนิทรารมย์ของใครหลายคนก็สิ้นสุดลง
นัยน์ตาสีเหล็กเปิดขึ้นมองเพดานซึ่งสลักเสลาลวดลายวิจิตรตระการตาประดับประดาทาบทับด้วยแผ่นทองคำเปลว
ร่างกายกำยำลุกจากเตียงนอนขนาดใหญ่
สองเท้าค่อยๆก้าวออกไปยังระเบียงเพื่อสัมผัสอากาศสดชื่นยามเช้า กลิ่นหอมของมะลิยังลอยโชยตามลมมาเบาบางแม้ทำให้ผ่อนคลายแต่สำหรับชีคคาฟาห์นั้นกลับสร้างความกลัดกลุ้มพลางถอนหายใจเพื่อหยุดยั้งเรื่องฟุ้งซ่านในอดีตซึ่งเริ่มหวนคืนอีกครั้ง
“ท่านคะ...น้ำพร้อมอาบแล้วค่ะ” เสียงร้องบอกจากหน้าประตูห้องนอนลบล้างความสุขเบาๆที่กำลังสัมผัสให้มลายหายไป
เมื่อเวลางานใกล้เริ่มในอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้
“ขอบใจคามีล่า!”
ห้องอาบน้ำนั้นแยกจากห้องนอนเป็นสัดส่วนเพราะขนาดค่อนข้างกว้างราวกับสระ
แต่เป็นอ่างหินแกรนิตขัดมันขนาดใหญ่มีขั้นบันไดลงไปเหมือนที่อาบน้ำในอดีต
โดยรอบมีไม้ประดับตกแต่งอย่างพวกปาล์มต้นเล็กๆรวมถึงเฟิร์นซึ่งห้อยระย้าอยู่ในกระถางริมหน้าต่างบานกว้างเปิดรับแสง
“อัมเม็ตหายไปไหน?” เขาถามเมื่อเห็นคามีล่ามาคอยรับใช้ในเช้าวันนี้
“อัมเม็ตกำลังเตรียมรถและสำรวจความเรียบร้อยก่อนท่านออกเดินทางไปยังที่ทำการรัฐวันนี้ค่ะ” สาวใช้เอ่ยบอกพลางทำท่าจะรับชุดกันดูเราะห์จากชีคคาฟาห์ซึ่งกำลังจะถอด
หากแต่เจ้าตัวกลับชักสีหน้าบึ้งตึงพลางโบกมือไล่ให้ออกไป
“ไปทำงานของเจ้าเถอะ”
หญิงสาวพิงประตูห้องอาบน้ำซึ่งปิดสนิทหลังเดินออกมาอย่างหงุดหงิดใจ
ทำอย่างไรก็หาได้ใกล้ชิดกับบุรุษสูงศักดิ์สักที หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่ยากเย็นถึงเพียงนี้...ในสมัยที่ท่านผู้นำรัฐยังไม่ปิดกั้นสตรีแม้มีคู่หมั้นก็ตาม
การแช่น้ำแม้เพียงช่วงสั้นๆแต่ก็สามารถชะล้างความตึงเครียดให้หลุดออกไปได้บ้าง
มือหนาคว้าผ้าขนหนูซับหยดน้ำบนเนื้อตัวที่เปียกปอนก่อนหยิบชุดกันดูเราะห์ซึ่งถูกแขวนเอาไว้อย่างเป็นระเบียบมาสวมใส่พร้อมออกไปทำงาน
“ท่านจะไม่รับมื้อเช้าหรือคะ?” คามีล่าร้องถามเมื่อเห็นบุรุษสูงศักดิ์ตรงดิ่งไปยังรถซึ่งจอดรออยู่หน้าคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
“ไม่ล่ะคามีล่า...อัมเม็ตเจ้าพร้อมออกเดินทางแล้วหรือไม่?” ชีคคาฟาห์ปฏิเสธพลางหันไปถามผู้รับใช้คนสนิทที่กำลังเช็ดกระจกหน้ารถอย่างขะมักเขม้น
“พร้อมแล้วครับ”
รถยุโรปคันหรูค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากหน้าคฤหาสน์อย่างช้าๆ
นัยน์ตาคมมองดูสนามหญ้าซึ่งรายล้อมรอบด้วยสวนหย่อมไม้ประดับโดยพยายามทำใจให้สบายเพื่อการทำงานในเช้าวันนี้
ข้ารับใช้มากมายที่กำลังทำงานอย่างกวาดพื้นหรือเก็บเศษไม้ใบซึ่งตกหล่นตามจุดต่างๆก้มศีรษะน้อยๆแด่ผู้สูงศักดิ์ขณะรถแล่นผ่านไปจวบจนถึงหน้าประตูรั้ว
เอี้ยดดดดดดด!!!
ถ้าเขาช้ากว่านี้นิดเดียวมีหวังต้องล้มลงไปเป็นแน่
โชคดีเมื่อมือนั้นคว้าที่ยึดจับข้างรถได้ทันท่วงที
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เอ่อ...มิสมนตร์ทราย...” คำรายงานของผู้รับใช้ทำให้ชีคคาฟาห์เหลียวมองหญิงสาวซึ่งยืนขวางหน้ารถด้วยสีหน้าเฉยเมย
ไม่มีแม้แต่ความกลัวทั้งที่ระยะห่างนั้นไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ
“นี่คุณ...ทำอะไรน่ะ!” เขาร้องถามหลังเปิดประตูรถออกไป
ถ้าหล่อนมาที่นี่เพื่อด่าเขาอีกในวันนี้
จะจับโยนลงกลางทะเลทรายเสียเลยเพราะไม่มีเวลาฟังเรื่องพร่ำเพ้อไร้สาระอีกต่อไป
“ฉันมาขอโทษ” คำพูดที่หลุดจากริมฝีปากเรียวบางสร้างความฉงนแก่ผู้ฟังเป็นอย่างมาก
“คุณพูดว่าอะไรนะ?”
ไม่อยากเชื่อ....แม่เสือสาวชาวเอเชียที่ดื้อดึงมาตั้งนานจะยอมศิโรราปในวันนี้
“ฉันมาขอโทษในสิ่งที่เคยพูดและเคยกระทำกับคุณอย่างไม่เหมาะสม” มนตร์ทรายกล่าวย้ำอีกครั้ง
“คุณสำนึกผิดแล้วสินะ”
“อืมมมม”
แม้ในใจไม่ได้คิดอย่างที่พูดหากแต่ต้องจำยอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อปรารถนาให้เรื่องวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวงจบลงเสียทีเพราะคนรอบตัวเธอเดือดร้อนมามากพอแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นฉันไปได้แล้วใช่มั้ย?”
“ยัง...จนกว่าคุณจะก้มหัวขอโทษผม” คำพูดของชีคคาฟาห์ทำให้มนตร์ทรายถึงกับชะงัก
“เอ๊ะ?”
“เมื่อวานคุณประกาศเสียงดัง
ว่า...จะไม่มีวันก้มหัวให้ผม แต่มาขอโทษง่ายๆแบบนี้ไม่รู้สึกน่าละอายบ้างเหรอ ว่าอย่างไร...แค่ก้มหัวและกลืนน้ำลายตัวเองมันไม่ทำให้ตายหรอกนะ”
ความกดดันถาโถมโรมรันมนตร์ทรายจนไม่อาจตั้งตัวติด
สายตาของคนรอบข้างเริ่มมองอย่างใคร่รู้ รวมถึงนัยน์ตาสีเหล็กกล้าตรงหน้ายังบีบคั้นเธอจนไม่อาจสบสู้ได้
ในที่สุดก็ต้องทรุดตัวลงคุกเข่าแทบพื้นแล้วก้มศีรษะลงไป
“ขอโทษ”
น้ำตาไหลออกมาโดยไม่อาจห้ามเมื่อความเจ็บใจอัดแน่นในอก
เธอรีบปาดมันทิ้งแล้วลุกขึ้นมองชีคคาฟาห์ซึ่งทำสีหน้าพึงพอใจ
“ดี...แต่ข้อแม้ คือ...คุณจะต้องมาทำงานที่นี่เพื่อชดใช้หนี้ด้วย”
“เอ๊ะ...นี่มันไม่ได้ระบุในข้อตกลงนี่!!!” มนตร์ทรายแย้งอย่างตกใจ
“ผมเพิ่มขึ้นมาเพื่อชดเชยกับการที่คุณมาต่อว่าด่าทอเมื่อวานทำให้ผมเสียหาย
และเมื่อทำงานชดใช้หนี้สองหมื่นดอลล่าห์เสร็จสิ้นก็หายกัน เอาล่ะ...พวกเจ้าพาผู้หญิงคนนี้เข้าไปมอบให้ฮูริยะห์
ห้ามให้ออกมาจากบริเวณคฤหาสน์เด็ดขาด!” สิ้นคำสั่งประกาศิตพนักงานรักษาความปลอดภัยก็กรูเข้าล้อมจับตัวมนตร์ทรายเอาไว้โดยไม่ทันให้เธอได้หนีหรือโต้แย้ง
หญิงสาวถึงกับทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองรถยุโรปคันงามซึ่งแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว!
ความคิดเห็น