ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนตราอาหรับ

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.83K
      62
      6 พ.ย. 61

    ตอนที่ 5

     

                    “ชาซียา...โทรศัพท์!!!” พนักงานชายคนหนึ่งเอ่ยบอกหญิงสาวที่กำลังถ่ายเอกสารอยู่อีกห้อง เธอไม่รอช้าที่จะไปรับสายและเมื่อรู้ว่าเป็นมนตร์ทรายก็อดดีใจไม่ได้ หากแต่ข่าวร้ายซึ่งเกิดกับร้านอาหารคุณตาคุณยายก็ทำให้แทบเสียสติ

    คุณตาคุณยายแล้วก็เธอไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ย?

    ไม่เป็นอะไร...พอดีพวกเราออกไปจ่ายตลาด แต่พอกลับมา...มันก็... พูดถึงตรงนี้มนตร์ทรายก็อดไม่ได้ที่จะสะอื้นเบาๆอย่างเสียใจ เธอรู้สึกแย่มากและรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้คนหวังดีรอบตัวต้องลำบาก

    มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก ยัยบ้าเอ้ย...เธอควรปลอบใจฉันนะ ไม่ใช่ฉันปลอบใจเธอ เพื่อนสาวชาวมุสลิมทักท้วงพลางปาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลอาบแก้มออกไป ใจหายอย่างบอกไม่ถูกในเมื่ออาคารหลังนั้นเป็นทั้งบ้านและร้านอาหารที่เธออยู่มาตั้งแต่จำความได้ ยังโชคดีที่คุณตาคุณยายและเพื่อนสาวไม่ได้รับอันตรายใดๆ

    เอ่อ...จริงสิ...ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอเรื่องหนึ่ง

    มนตร์ทรายเกือบลืมเจตนาในการโทรนอกเหนือจากรายงานข่าว

    อะไรเหรอ?

    ขอที่อยู่ชีคคาฟาห์!”

    กลิ่นหอมฉุยของขนมปังปิ้งราดเชสด้าชีสร้อนๆซึ่งวางอยู่บนจานกระเบื้องเคลือบบนโต๊ะตัวใหญ่ทำจากหินแกรนิตสีเทาขัดมันสลักลวดลายวิจิตรงดงามรับกับห้องอาหารกว้างที่ประดับประดาไปด้วยแจกันคริสตัลและ เครื่องเคลือบดินเผา เหนือขึ้นไปนั้นมีโคมไฟแชนเดอเลียร์ห้อยระยะสาดแสงลงมาตรงที่ชีคคาฟาห์กำลังนั่งพอดิบพอดี

    กาวาค่ะ...ท่าน

    ขอบใจคามีล่า...วางไว้ตรงนั้นล่ะ

    ใบหน้าคมเยี่ยงสาวอาหรับยิ้มเจื่อนๆอย่างผิดหวังเมื่อชีคคาฟาห์ไม่สนใจแก้วกาแฟบนถาดทองคำที่ถืออยู่เลยแม้แต่น้อย จวบจนเธอวางมันลงบนโต๊ะเท่านั้นมือหนาก็คว้าขึ้นมาดื่ม

    กลิ่นหอมของกาแฟสดทำให้ความคิดฟุ้งซ่านต่างๆในหัวผ่อนคลายลง เป็นประจำที่เขามักดื่มกาแฟสไตล์อาหรับกับอาหารเช้าสไตล์ยุโรปซึ่งลงตัวเข้ากันดี ในตอนนั้นสายตาก็เหลือบพบหญิงรับใช้ยังคงนั่งอยู่ไม่ห่าง

    มีอะไร?

    เอ่อ...เผื่อท่านขาดเหลืออะไรค่ะ น้ำเสียงหวานกล่าวตอบเมื่อพร้อมยินดีรับใช้ผู้เป็นนาย หากแต่ผู้สูงศักดิ์กลับโบกมือไล่อย่างรำคาญใจ

    ไปทำงานอื่นๆของเจ้าเถอะ ประเดี๋ยวอัมเม็ตคงมา

    ค่ะ

    แม้ร่างกายถอยห่างจาก ณ ตรงนั้น หากแต่จิตใจของคามีล่าก็พะว้าพะวงหลงใหลใกล้ชิดชีคคาฟาห์ไม่ห่าง นัยน์ตาคมสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองท่านผู้นำรัฐจากเบื้องหลัง ถึงตำแหน่งเป็นเพียงสาวใช้แต่หัวใจไม่ได้ปิดกั้นความรู้สึกรักอย่างสตรีพึงจะมีในตัวบุรุษเลยแม้แต่น้อย

    เมื่อได้อยู่เพียงลำพังอีกครั้งนัยน์ตาสีเทาก็ทอดมองออกไปไกลนอกประตูโค้งซึ่งเปิดกว้างรับลมทะเล ใกล้เข้ามาเป็นสระน้ำสีฟ้าสะอาดสะอ้านชวนให้รู้สึกลงไปว่ายเล่น หากไม่ติดว่ามีงานราชการมากมายยังต้องสะสางคงไม่รอช้าที่จะตรงเข้าไปหาความสำราญเป็นแน่

    แก้วกาแฟถูกยกขึ้นดื่มอีกครั้ง พลันต้องชะงักเมื่อรอยแดงบนฝ่ามือยังปรากฏหลงเหลือจางๆทำให้รู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมา

    หล่อนยังเจ็บอยู่หรือไม่?

    เมื่อวานเขาทำรุนแรงไปจริงๆ นั่นเพราะไม่อาจควบคุมอารมณ์ไว้ได้ ไม่เคยมีใครกล้าต่อว่าหรือด่าทอมาก่อน ไม่เคยมีใครกล้าดูถูกมาก่อน แต่เธอคนนั้นก็ยังกระทำพฤติกรรมแย่ๆแม้รู้ว่าเขาคือใคร...

    ท่านครับ!”

    ชีคคาฟาห์หยุดคิดเรื่องราวต่างๆแล้วหันไปหาอัมเม็ตซึ่งปรี่เข้ามาคุกเข่าอยู่ข้างกาย

    ถึงเวลาทำงานแล้วสินะ?

    ไม่ใช่ครับ คือ...ตอนนี้มิสมนตร์ทรายกำลังโวยวายอาละวาดตรงหน้าประตูคฤหาสน์ครับ คำรายงานจากผู้รับใช้ส่งผลให้คิ้วโก่งเข้มขมวดมุ่นอย่างสงสัยก่อนลุกเดินออกไปทันที

    เสียงเอะอะโวยวายตรงหน้าประตูรั้วนั้นดึงความสนใจให้ใครหลายคนในคฤหาสน์หยุดงานของตนเพื่อหันมองดูหญิงสาวชาวเอเชียที่กำลังด่าทอต่อว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งเฝ้าอารักขาทางเข้าออกไว้ถึงห้าคน

    ถอยไป...ฉันต้องการพบชีคคาฟาห์!!!” มนตร์ทรายโวยวายอย่างไม่อายสายตาใคร ในตอนนี้ไม่มีอะไรมาหยุดเธอได้เพราะฝ่ายตรงข้ามต่างหากต้องละอายกับสิ่งเลวร้ายที่ทำ

    บอกว่าเข้าไปไม่ได้!!!”

    พนักงานชายคนหนึ่งพยายามทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถโดยกันหญิงสาวซึ่งพยายามฝ่าเข้าไปให้ได้

    ถ้าเข้าไปไม่ได้ พวกคุณก็เรียกชีคคาฟาห์ให้ออกมาพบฉันสิ!!!” เธอร้องบอก

    ชีคคาฟาห์ท่านไม่ออกมาพบผู้หญิงอย่างคุณหรอก กลับไปเถอะ...ถ้าไม่เชื่อฟังพวกผมจะเรียกตำรวจนะ!!!”

    ก็เรียกมาเลยสิ...จะได้จับชีคของพวกคุณเข้าคุกไปซะ!!!”

    จะจับผมด้วยข้อหาอะไรมิทราบ...มิสมนตร์ทราย น้ำเสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้ใครหลายคนรีบหลบไปทำงานทำการของตนอย่างว่องไว ชายสูงศักดิ์ในชุดกันดูเราะห์สีขาวเดินเข้ามาพร้อมอัมเม็ตผู้รับใช้คนสนิท สีหน้าขึงตึงนั้นบ่งบอกความไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นหญิงสาวมาโวยวายอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์โดยไร้ความเกรงใจแบบนี้

    คุณยังกล้าถามอีกเหรอ ว่า...จับข้อหาอะไร!!!” มนตร์ทรายร้องถามอย่างโกรธจัด เกลียดสีหน้าเฉยเมยไร้ซึ่งความรู้สึกของเขาที่ดูราวกับไม่มีจิตใจ

    ถ้าคุณคิดแจ้งความเรื่องเมื่อวานนี้ก็ย่อมได้ เพราะผมจะฟ้องกลับไป ว่า...คุณก็บุกรุก หมิ่นประมาท และ ทำร้ายร่างกายผมเหมือนกัน

    อย่ามาเฉไฉ ว่า...คุณไม่รู้จริงๆว่าฉันมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร ใครกันไปเผาร้านอาหารที่ฉันอยู่...ห๊ะ!!!”

    น้ำตาใสๆไหลอาบคลอใบหน้าหวานอย่างอัดอั้นตันใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าคนเดียว เขาทำทุกอย่างเพื่อสนองความต้องการของตนเองอย่างป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรม โดยใส่หน้ากากสุภาพบุรุษหลอกลวงประชาชนให้เคารพสรรเสริญซึ่งความจริงเป็นเพียงคนเลวเท่านั้น

    แล้วมีใครเป็นอะไรหรือไม่?

    ใบหน้าคมคายดูตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำบอกเล่า แต่ในสายตาของหญิงสาวเป็นเพียงแค่สีหน้าเสแสร้งแกล้งทำเท่านั้น

    ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง เพราะทุกคนปลอดภัยดี!!!” คำประชดประชันนั้นทำให้ชีคคาฟาห์หงุดหงิดใจไม่น้อย

    ทำไมผมต้องผิดหวัง...คุณนี่คิดอะไรฟุ้งซ่านบ้าบอไปกันใหญ่แล้ว!”

    ใช่สิ...คุณมีอำนาจและร่ำรวยล้นฟ้า คิดอยากทำอะไรก็ทำ คิดอยากได้อะไรก็ได้ดั่งใจ ในขณะที่ร้านอาหารนั้นเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยในสายตาคุณ แต่กว่าที่คุณตาคุณยายจะเก็บเงินสร้างขึ้นมามันไม่ได้ทำง่ายๆ!!!”

    ผมฟังคุณพร่ำเพ้อไร้สาระมามากพอแล้ว ก่อนจะห่วงคนอื่นทำไมคุณไม่ห่วงตัวเองก่อน ลืมเรื่องหนี้สินว่ามันใกล้ครบกำหนดไปแล้วสินะ ว่าไง...เมื่อไรจะคืน? เขาตัดบทเปลี่ยนเรื่องอย่างไม่ไยดีเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกล่าวหามากเกินไปซ้ำยังมีสายตาหลายคู่จับจ้องมองมา การปล่อยให้เธอต่อว่าไม่จบจะทำให้ผู้คนนำไปครหาได้

    คุณจะให้ทำอย่างไร ในเมื่อฉันพยายามหางานหาเงินทุกวิถีทางแต่ก็โดนคุณขัดขวางแบบนี้!!!”

    ง่ายๆ...ขอโทษผมในสิ่งที่คุณดูถูกหรือกล่าวหาทั้งหมด ทุกอย่างก็จะจบ!” ชีคคาฟาห์เอ่ยบอกข้อแลกเปลี่ยนอย่างเด็ดขาดว่าเป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้นในการแก้ไขปัญหานี้

    ปีศาจ...มารร้ายมาเกิด มนตร์ทรายสบถด่าในใจ ไม่คิดเลยว่าผู้ชายตรงหน้าจะเหี้ยมโหดกับความรู้สึกของคนอื่นอย่างนี้ เขาเหยียบย่ำคนได้ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่นิดเดียว

    ไม่มีวันที่คนอย่างฉันจะก้มหัวให้คุณ!!!” เธอพูดพลางผละออกไปจากตรงนั้น เช่นเดียวกับชีคคาฟาห์ซึ่งไม่สนใจกับการปฏิเสธของหญิงสาวพลางหมุนตัวกลับเข้าคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกตกใจของข้ารับใช้หลายคนที่เห็นเหตุการณ์

    ไม่มีผู้ใดคิดว่าชีคคาฟาห์ผู้เคร่งขรึมจะร้ายกาจกับสาวเอเชียตัวเล็กๆ เช่นเดียวกับที่ไม่มีผู้ใดคาดฝันว่าผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจะกล้าด่าทอต่อว่าท้าทายผู้มีอำนาจที่สุดของรัฐถึงขนาดนี้...

     

    ร้านอาหารถูกไหม้ไปสองในสามส่วนของทั้งหมด ข้าวของส่วนใหญ่เสียหายจนยากจะใช้การได้อีกครั้ง ต้องรอเจ้าหน้าที่มาพิสูจน์หลักฐานสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ แต่มนตร์ทรายคิดว่าไม่จำเป็นเพราะมั่นใจเต็มร้อยว่าต้นเหตุ คือ ชีคคาฟาห์! และเพราะเขาคนเดียวทำให้ตอนนี้คุณตาคุณยายและตัวเธอต้องอาศัยโรงเก็บของซึ่งอยู่ไม่ห่างจากอาคารหลังนั้นไปชั่วคราว

    ขอโทษจริงๆนะคะ...เป็นเพราะหนูแท้ๆถึงทำให้ทุกคนต้องพลอยลำบากลำบนกันไปหมดแบบนี้

    สีหน้าเคร่งเครียดของมนตร์ทรายซึ่งตอนนี้อาบด้วยคราบน้ำตาสะท้อนความจริงใจจนชายแก่กับหญิงชราไม่ได้ถือสาหาความ

    มันไม่ใช่ความผิดของหนูแซนด์หรอก อย่าโทษตัวเองไปเลย

    คุณยายลูบศีรษะหญิงสาวตรงหน้าอย่างมีเมตตา หาได้โกรธเคืองเพราะคิดว่าไม่ใช่ความผิดของหล่อนเลยแม้แต่น้อย

    แต่ถ้าหนูไม่ไปมีเรื่องกับชีคคาฟาห์ ทุกอย่างก็คงไม่เลวร้ายแบบนี้!” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นอย่างไม่อาจโยนความผิดไปให้คนอื่นได้จริงๆ

    อย่าคิดมาก...ถ้ายายโดนกระทำแบบนั้นก็คงควบคุมอารมณ์ไม่ได้เช่นกัน

    อีกอย่าง...พวกเราจะใจร้ายทนเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆลำบากต่อหน้าต่อตาได้ยังไง ร้านอาหารมันก็แค่ของนอกกายเสียหายไปก็สร้างใหม่ได้ มนุษย์ต่างหากที่เสียหายแล้วยากจะกลับคืนมาเหมือนเดิม ชายชรากล่าว

    ตากับยายมีเงินเก็บอีกเยอะเพื่อสร้างร้านใหม่ได้อย่างไม่มีปัญหา แถมยังมีเงินจากชาซียาที่ส่งมาให้ทุกเดือนอีก

    มือเหี่ยวย่นของหญิงชราปาดน้ำตาออกจากใบหน้าหวานเพื่อปลอบใจ แม้มนตร์ทรายซาบซึ้งกับความมีเมตตาหากแต่ลึกๆก็อดคิดไม่ได้อยู่ดีว่าเธอนั้นเป็นสาเหตุของเรื่องวุ่นวาย

    คืนนี้ดึกแล้ว...รีบเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้จะได้จัดการอะไรต่อมิอะไรให้เรียบร้อยกว่านี้ ชายแก่ตัดบทเมื่อเห็นแสงไฟจากบ้านเรือนข้างเคียงเริ่มเลือนหายจึงได้ดับตะเกียงเช่นกัน

    กองหญ้าแห้งช่วยทำให้แผ่นไม้ที่ใช้รองนอนไม่แย่จนเกินไปนัก แม้ความมืดครอบคลุมจนทั่วแต่เพียงไม่นานสายตาก็เริ่มชินพลางมองโถงกว้างซึ่งแออัดยัดเยียดด้วยข้าวของเครื่องใช้บางส่วนซึ่งไม่ไหม้ไปกับไฟ คุณตาคุณยายนอนถัดจากมนตร์ทรายออกไปเล็กน้อยโดยเบียดเสียดกันในพื้นที่แคบๆอย่างน่าเวทนา

    แสงจันทร์สีนวลสาดลอดรอยแตกโหว่ของหลังคาสังกะสีซึ่งผุพังเพราะความเก่าลงมายังบริเวณที่มนตร์ทรายกำลังนอน นัยน์ตากลมโตมองออกไปยังดวงดาวซึ่งพร่างพราวระยิบระยับอย่างหดหู่ในความโชคร้ายของตนเองซึ่งทำให้คนรอบกายพลอยเดือดร้อนตามๆกัน การนอนในโรงเก็บของยังดีกว่าการนอนในรถถึงสามวันที่เคยสัมผัส ทว่า...คุณตาคุณยายไม่ควรต้องมาเผชิญเหตุการณ์แบบเดียวกับเธอ

    เสียงพูดคุยของชาวบ้านและแสงไฟที่เริ่มปรากฏในบ้านเรือนต่างๆก่อนใกล้รุ่งทำให้สองตายายรับรู้ถึงการเริ่มต้นวันใหม่ซึ่งได้เวียนมาบรรจบอีกครั้ง ร่างสูงวัยลุกจากแผ่นไม้พลางหันไปหมายปลุกหญิงสาวหากแต่เธอไม่ได้อยู่ ณ ที่นั้น

    หนูแซนด์หายไปไหน? คุณยายเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ขณะที่คุณตาเหลือบพบจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งวางอยู่ไม่ห่างพลางหยิบมันขึ้นมาก่อนมองหน้าหญิงชราอย่างหวาดหวั่นใจ

    เมื่ออาทิตย์โผล่พ้นบนเส้นขอบฟ้าห้วงนิทรารมย์ของใครหลายคนก็สิ้นสุดลง นัยน์ตาสีเหล็กเปิดขึ้นมองเพดานซึ่งสลักเสลาลวดลายวิจิตรตระการตาประดับประดาทาบทับด้วยแผ่นทองคำเปลว

    ร่างกายกำยำลุกจากเตียงนอนขนาดใหญ่ สองเท้าค่อยๆก้าวออกไปยังระเบียงเพื่อสัมผัสอากาศสดชื่นยามเช้า กลิ่นหอมของมะลิยังลอยโชยตามลมมาเบาบางแม้ทำให้ผ่อนคลายแต่สำหรับชีคคาฟาห์นั้นกลับสร้างความกลัดกลุ้มพลางถอนหายใจเพื่อหยุดยั้งเรื่องฟุ้งซ่านในอดีตซึ่งเริ่มหวนคืนอีกครั้ง

    ท่านคะ...น้ำพร้อมอาบแล้วค่ะ เสียงร้องบอกจากหน้าประตูห้องนอนลบล้างความสุขเบาๆที่กำลังสัมผัสให้มลายหายไป เมื่อเวลางานใกล้เริ่มในอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนี้

    ขอบใจคามีล่า!”

    ห้องอาบน้ำนั้นแยกจากห้องนอนเป็นสัดส่วนเพราะขนาดค่อนข้างกว้างราวกับสระ แต่เป็นอ่างหินแกรนิตขัดมันขนาดใหญ่มีขั้นบันไดลงไปเหมือนที่อาบน้ำในอดีต โดยรอบมีไม้ประดับตกแต่งอย่างพวกปาล์มต้นเล็กๆรวมถึงเฟิร์นซึ่งห้อยระย้าอยู่ในกระถางริมหน้าต่างบานกว้างเปิดรับแสง

    อัมเม็ตหายไปไหน? เขาถามเมื่อเห็นคามีล่ามาคอยรับใช้ในเช้าวันนี้

    อัมเม็ตกำลังเตรียมรถและสำรวจความเรียบร้อยก่อนท่านออกเดินทางไปยังที่ทำการรัฐวันนี้ค่ะ สาวใช้เอ่ยบอกพลางทำท่าจะรับชุดกันดูเราะห์จากชีคคาฟาห์ซึ่งกำลังจะถอด หากแต่เจ้าตัวกลับชักสีหน้าบึ้งตึงพลางโบกมือไล่ให้ออกไป

    ไปทำงานของเจ้าเถอะ

    หญิงสาวพิงประตูห้องอาบน้ำซึ่งปิดสนิทหลังเดินออกมาอย่างหงุดหงิดใจ ทำอย่างไรก็หาได้ใกล้ชิดกับบุรุษสูงศักดิ์สักที หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่ยากเย็นถึงเพียงนี้...ในสมัยที่ท่านผู้นำรัฐยังไม่ปิดกั้นสตรีแม้มีคู่หมั้นก็ตาม

    การแช่น้ำแม้เพียงช่วงสั้นๆแต่ก็สามารถชะล้างความตึงเครียดให้หลุดออกไปได้บ้าง มือหนาคว้าผ้าขนหนูซับหยดน้ำบนเนื้อตัวที่เปียกปอนก่อนหยิบชุดกันดูเราะห์ซึ่งถูกแขวนเอาไว้อย่างเป็นระเบียบมาสวมใส่พร้อมออกไปทำงาน

    ท่านจะไม่รับมื้อเช้าหรือคะ? คามีล่าร้องถามเมื่อเห็นบุรุษสูงศักดิ์ตรงดิ่งไปยังรถซึ่งจอดรออยู่หน้าคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว 

    ไม่ล่ะคามีล่า...อัมเม็ตเจ้าพร้อมออกเดินทางแล้วหรือไม่? ชีคคาฟาห์ปฏิเสธพลางหันไปถามผู้รับใช้คนสนิทที่กำลังเช็ดกระจกหน้ารถอย่างขะมักเขม้น

    พร้อมแล้วครับ

    รถยุโรปคันหรูค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากหน้าคฤหาสน์อย่างช้าๆ นัยน์ตาคมมองดูสนามหญ้าซึ่งรายล้อมรอบด้วยสวนหย่อมไม้ประดับโดยพยายามทำใจให้สบายเพื่อการทำงานในเช้าวันนี้ ข้ารับใช้มากมายที่กำลังทำงานอย่างกวาดพื้นหรือเก็บเศษไม้ใบซึ่งตกหล่นตามจุดต่างๆก้มศีรษะน้อยๆแด่ผู้สูงศักดิ์ขณะรถแล่นผ่านไปจวบจนถึงหน้าประตูรั้ว

    เอี้ยดดดดดดด!!!

    ถ้าเขาช้ากว่านี้นิดเดียวมีหวังต้องล้มลงไปเป็นแน่ โชคดีเมื่อมือนั้นคว้าที่ยึดจับข้างรถได้ทันท่วงที

    เกิดอะไรขึ้น?

    เอ่อ...มิสมนตร์ทราย... คำรายงานของผู้รับใช้ทำให้ชีคคาฟาห์เหลียวมองหญิงสาวซึ่งยืนขวางหน้ารถด้วยสีหน้าเฉยเมย ไม่มีแม้แต่ความกลัวทั้งที่ระยะห่างนั้นไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ

    นี่คุณ...ทำอะไรน่ะ!” เขาร้องถามหลังเปิดประตูรถออกไป

    ถ้าหล่อนมาที่นี่เพื่อด่าเขาอีกในวันนี้ จะจับโยนลงกลางทะเลทรายเสียเลยเพราะไม่มีเวลาฟังเรื่องพร่ำเพ้อไร้สาระอีกต่อไป

    ฉันมาขอโทษ คำพูดที่หลุดจากริมฝีปากเรียวบางสร้างความฉงนแก่ผู้ฟังเป็นอย่างมาก

    คุณพูดว่าอะไรนะ?

    ไม่อยากเชื่อ....แม่เสือสาวชาวเอเชียที่ดื้อดึงมาตั้งนานจะยอมศิโรราปในวันนี้

    ฉันมาขอโทษในสิ่งที่เคยพูดและเคยกระทำกับคุณอย่างไม่เหมาะสม มนตร์ทรายกล่าวย้ำอีกครั้ง

    คุณสำนึกผิดแล้วสินะ

    อืมมมม

    แม้ในใจไม่ได้คิดอย่างที่พูดหากแต่ต้องจำยอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อปรารถนาให้เรื่องวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวงจบลงเสียทีเพราะคนรอบตัวเธอเดือดร้อนมามากพอแล้ว

    ถ้าเช่นนั้นฉันไปได้แล้วใช่มั้ย?

    ยัง...จนกว่าคุณจะก้มหัวขอโทษผม คำพูดของชีคคาฟาห์ทำให้มนตร์ทรายถึงกับชะงัก

    เอ๊ะ?

    เมื่อวานคุณประกาศเสียงดัง ว่า...จะไม่มีวันก้มหัวให้ผม แต่มาขอโทษง่ายๆแบบนี้ไม่รู้สึกน่าละอายบ้างเหรอ ว่าอย่างไร...แค่ก้มหัวและกลืนน้ำลายตัวเองมันไม่ทำให้ตายหรอกนะ

    ความกดดันถาโถมโรมรันมนตร์ทรายจนไม่อาจตั้งตัวติด สายตาของคนรอบข้างเริ่มมองอย่างใคร่รู้ รวมถึงนัยน์ตาสีเหล็กกล้าตรงหน้ายังบีบคั้นเธอจนไม่อาจสบสู้ได้ ในที่สุดก็ต้องทรุดตัวลงคุกเข่าแทบพื้นแล้วก้มศีรษะลงไป

    ขอโทษ

    น้ำตาไหลออกมาโดยไม่อาจห้ามเมื่อความเจ็บใจอัดแน่นในอก เธอรีบปาดมันทิ้งแล้วลุกขึ้นมองชีคคาฟาห์ซึ่งทำสีหน้าพึงพอใจ

    ดี...แต่ข้อแม้ คือ...คุณจะต้องมาทำงานที่นี่เพื่อชดใช้หนี้ด้วย

    เอ๊ะ...นี่มันไม่ได้ระบุในข้อตกลงนี่!!!” มนตร์ทรายแย้งอย่างตกใจ

    ผมเพิ่มขึ้นมาเพื่อชดเชยกับการที่คุณมาต่อว่าด่าทอเมื่อวานทำให้ผมเสียหาย และเมื่อทำงานชดใช้หนี้สองหมื่นดอลล่าห์เสร็จสิ้นก็หายกัน เอาล่ะ...พวกเจ้าพาผู้หญิงคนนี้เข้าไปมอบให้ฮูริยะห์ ห้ามให้ออกมาจากบริเวณคฤหาสน์เด็ดขาด!” สิ้นคำสั่งประกาศิตพนักงานรักษาความปลอดภัยก็กรูเข้าล้อมจับตัวมนตร์ทรายเอาไว้โดยไม่ทันให้เธอได้หนีหรือโต้แย้ง หญิงสาวถึงกับทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองรถยุโรปคันงามซึ่งแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×