ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อิเหนา : ศึกกะหมังกุหนิง

    ลำดับตอนที่ #7 : รูปภาพประกอบเรื่องอิเหนา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.21K
      3
      29 ก.ค. 53

     

    อิเหนา หรือ ระเด่นมนตรี  มีชื่อเต็มว่า " หยังหยังหนึ่งหรัดอินดรากันสาหรีปาตี  อิเหนาเองหยังตาหลา  เมาะตาริยะกัดดังสุรศรี  ดาหยังอริราชไพรี เองกะนะหรีกุเรปัน เป็นโอรสของท้าวกุเรปันและประไหมสุหรีนิหลาอระตา แห่งกรุงกุเรปัน  อิเหนาเป็นชายรูปงาม  มีเสน่ห์  เจรจาอ่อนหวาน  นิสัยเจ้าชู้  มีความเชี่ยวชาญในการใช้กริช  และกระบี่เป็นอาวุธ

    ท้าวกุเรปันได้สู่ขอบุษบาหนึ่งหรัดธิดาของท้าวดาหาให้เป็นคู่ตุนาหงันของอิเหนา  ตั้งแต่เด็ก  ครั้นอิเหนาโตเป็นหนุ่มได้พบจินตะหราวาตี  และหลงใหลนางมาก  จึงปฏิเสธไม่ยอมแต่งงานกับบุษบา  แต่พอได้พบบุษบาในเวลาต่อมาก็กลับหลงรักนาง  จนกระทั้งลักพาตัวนางไปขณะที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับระตูจรกา  ทำให้องค์ปะตาระกาหลาโกรธอิเหนา  จึงบันดาลให้ลมหอบบุษบาไปเสีย  อิเหนาก็ปลอมตัวเป็นโจรป่าชื่อมิสารปันหยีออกติดตามหานางจนทั่วแผ่นดินชวาก็ไม่พบ  จึงตัดสินใจบวชเป็นฤาษี  ใช้ชื่อว่ากัศมาหราได้รับความทุกข์ทรมานใจแสนสาหัสกว่าจะได้พบบุษบาอีกครั้ง  ภายหลังอิเหนาได้เป็นกษัตริย์ครองกรุงกุเรปันและมีมเหสีถึง 10  องค์  ได้แก่

    จินตะหราวาตี                เป็น    ประไหมสุหรีฝ่ายขวา

    บุษบากันจะหนา             เป็น    มะโตฝ่ายซ้าย

    บุษบาหนึ่งหรัด               เป็น    ประไหมสุหรีฝ่ายซ้าย

    ระหนาระกะติกา             เป็น    ลิกูฝ่ายขวา

    สะการะวาตี                   เป็น    มะเดหวีฝ่ายขวา

    อรสา                             เป็น    ลิกูฝ่ายซ้าย

    มาหยารัศมี                    เป็น    มะเดหวีฝ่ายซ้าย

    สุหรันกันจาส่าหรี            เป็น    เหมาหลาหงีฝ่ายขวา

    บุษบาวิลิศ                     เป็น    มะโตฝ่ายขวา

    หงยาหยา                      เป็น    เหมาหลาหงีฝ่ายซ้าย

     

     

     ชื่อระเด่นบุษบาหนึ่งหรัด        ลออเอี่ยมเทียมทัดนางสวรรค์

     ทั้งในธรณีไม่มีทัน               ผิวพรรณผุดผ่องดังทองทา"

    บุษบาหนึ่งหรัดหรือมักเรียกสั้นๆว่า "บุษบา" เป็นธิดาของท้าวดาหาและประไหมสุหรีดาหราวาตี แห่งกรุงดาหาเมื่อตอนประสูติมีเหตุอัศจรรย์คือ มีกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งวัง ดนตรี แตรสังข์ก็ดังขึ้นเองโดยไม่มีผู้บรรเลง ประสูติได้ไม่นาน ท้าวกุเรปันก็ขอตุนาหงันให้กับอิเหนา

    บุษบาเป็นหญิงที่งามล้ำเลิศกว่านางใด ในแผ่นดินชวากิริยามารยาทเรียบร้อย คารมคมคาย เฉลียวฉลาดทันคนใจกว้างและมีเหตุผล จึงผูกใจให้อิเหนารักใคร่ใหลหลงนางยิ่งกว่าหญิงอื่น นอกจากนั้นบุษบายังเป็นลูกที่ดีอยู่ในโอวาทของพระบิดา พระมารดา ยอมแต่งงานกับระตูจรกา แม้ว่าจะไม่พอใจในความขี้ริ้วขี้เหร่ของระตูจรกาก็ตาม

    นางถูกเทวดาบรรพบุรุษ ของวงศ์อสัญแดหวาคือ องค์ปะตาระกาหลาบันดาลให้ลมพายุหอบไป ทำให้นางต้องพลัดพรากจากอิเหนา และพระบิดาพระมารดาเป็นเวลาหลายปี กว่าจะได้พบอิเหนาและวิวาห์กัน โดยนางได้ตำแหน่งเป็นประไหมสุหรีฝ่ายซ้าย

     

     

    ท้าวกะหมังกุหนิง ผู้ครองเมืองกะหมังกุหนิง  มีน้องชาย 2 คนคือ ระตูปาหยังกับระตูประหมัน  และมีโอรสชื่อวิหยาสะกำ ซึ่งพระองค์และมเหสีรักราวกับแก้วตา

    เมื่อท้าวกะหมังกุหนิงทราบว่าวิหยาสะกำคลั่งไคล้ใหลหลงบุษบา  ธิดาของท้าวดาหา ซึ่งเพียงแต่เห็นรูปวาดเท่านั้น  พระองค์ก็แต่งทูตไปสู่ขอนางทันที  ครั้นถูกปฏิเสธเพราะท้าวดาหายกบุษบาให้เป็นคู่หมั้นของระตูจรกาไปแล้ว  ท้าวกะหมังกุหนิงก็โกรธมาก  ยกทัพไปตีกรุงดาหาเพื่อแย่งบุษบามาให้วิหยาสะกำ  แม้ว่าน้องทั้งสองจะพยายามพูดทัดทานไว้  ท้าวกะหมังกุหนิงก็ไม่ยอมเปลี่ยนความคิด  โดยประกาศว่าจะยอมตายเพื่อลูกและเมื่อยกทัพไปถึงกรุงดาหา  วิหยาสะกำถูกสังคามาระตาฆ่าตาย  ทำให้ท้าวกะหมังกุหนิงแค้นมาก  ขับม้าแกว่งหอกเข้ารุกไล่สังคามาระตาทันที  แต่อิเหนาเข้าขวางไว้และต่อสู้กันเป็นเวลานาน  ในที่สุดท้าวกะหมังกุหนิงก็ถูกอิเหนาแทงด้วยกริช ถึงแก่ความตาย

     

    ท้าวดาหา  กษัตริย์ผู้ครองกรุงดาหา  มีมเหสีครบตามตำแหน่ง  5  องค์  ตำแหน่งประไหมสุหรีซึ่งเป็นมเหสีเอกชื่อดาหราวาตี  เป็นน้องสาวของประไหมสุหรีแห่งกรุงกุเรปัน

    ท้าวดาหามีโอรสและธิดากับประไหมสุหรี  2  องค์คือ  บุษบาหนึ่งหรัดกับสียะตรา  ทรงยินยอมยกบุษบาให้เป็นคู่ตุนาหงันของอิเหนา  เมื่อท้าวกุเรปันพี่ชายของพระองค์มาสู่ขอ  ท้าวดาหาเป็นผู้มีใจยุติธรรม  โดยทรงยินยอมให้จินตราดำรงตำแหน่งประไหมสุหรีฝ่ายขวาของอิเหนา  ซึ่งเป็นใหญ่กว่าบุษบาที่เป็นประไหมสุหรีฝ่ายซ้าย

     

    ท้าวกุเรปัน กษัตริย์ผู้ครองกรุงกุเรปัน มีมเหสี 5 องค์ตามประเพณีของงกษัตริย์วงศ์อสัญแดหวา ประไหมสุหรีซึ่งเป็นตำแหน่งมเหสีเอกชื่อนิหลาอะระตา คือธิดาของระตูหมันหยาองค์เก่า ท้าวกุเรปันมีโอรสองค์แรกกับลิกู มเหสีองค์ที่ 4 คือ กะหรัดตะปาตี และมีโอรสธิดากับประไหมสุหรีในเวลาต่อมาคือ อิเหนากับวิยะดา

    ท้าวกุเรปันมีน้องชายร่วมพระบิดามารดาเดียวกันอีก 3 องค์ ซึ่งได้เป็นกษัตริย์ครองเมืองต่างๆ คือ ท้าวดาหา , ท้าวกาหลัง และท้าวสิงหัดส่าหรี สำหรับท้าวกุเรปันนั้นทรงหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของวงศ์อสัญแดหวาจึงจัดการหาคู่ตุนาหงัน (คู่หมั้น) ที่เป็นเชื้อสายของวงศ์อสัญแดหวาด้วยกัน ให้โอรสและธิดาของพระองค์ตั้งแต่เด็กๆ ดังนั้นจึงไม่พอพระทัยเมื่ออิเหนาไปมีสัมพันธ์รักกับจินตะหราธิดาของระตูหมันหยาองค์ใหม่

     

    ระตูหมันหยา  เป็นโอรสของท้าวมังกันแห่งเมืองมังกัน  พระบิดาได้ขอตุนาหงัน  ระเด่นจินดาส่าหรี  ธิดาองค์สุดท้องของระตูหมันหยาซึ่งสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เมื่อแต่งงานกับประไหมสุหรีผู้มารดาของระเด่นจินดาส่าหรีก็อภิเษกให้ครองเมืองหมันหยา  เป็นระตูหมันหยาองค์ต่อมา  โดยให้ระเด่นจินดาส่าหรีเป็นประไหมสุหรี ระตูหมันหยาและประไหมสุหรีจินดาส่าหรีมีธิดาด้วยกันเพียงองค์เดียวคือ จินตะหราวาตี

    พระองค์มีจิตใจอ่อนแอ  ไม่มีความเป็นนักสู้  เมื่อทราบข่าวว่าโจรป่ามีสารปันหยียกทัพเข้าเขตเมืองหมันหยา  ก็นึกหวาดกลัวถึงกับยอมแพ้ยกเมือง และธิดาให้โดยไม่คิดจะต่อสู้  จนอิเหนานึกดูหมิ่นว่าระตูหมันยาไม่รักศักดิ์ศรีของตนเอง  และเมื่อท้าวกุเรปันส่งสาสน์ไปบอกให้พาจินตะหราวาตีไปเข้าพิธีวิวาห์กับอิเหนา  พระองค์ก็ไม่กล้าขัดขืนเพราะเกรงว่าท้าวกุเรปันจะโกรธแล้วได้รับความเดือดร้อน


    "พระทนต์แดงดังแสงทับทิม           เพริศพริ้งเพราพักตร์คมขำ

    ผิวพรรณผุดผ่องเพียงทองคำ        วิไลลักษณ์เลิศล้ำอำไพ

    วิหยาสะกำ เป็นโอรสของท้าวกะหมังกุหนิง ซึ่งเกิดจากประไหมสุหรี เป็นหนุ่มรูปงาม ผิวพรรณผุดผ่อง มีฝีมือในการใช้ทวนเป็นอาวุธ จึงเป็นที่สุดสวาทของพระบิดา พระมารดายิ่งนัก แต่วิหยาสะกำมีจิตใจอ่อนไหวมาก

    วันหนึ่งได้ออกไปเที่ยวป่า องค์ปะตาระกาหลาก็แปลงเป็นกวางทองมาล่อไปจนพบรูปวาดของบุษบา ทำให้วิหยาสะกำคลั่งไคล้ใหลหลงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญถึงนางในรูปราวกับคนเสียสติ ท้าวกะหมังกุหนิงสงสารพระโอรส จึงแต่งทูตไปสู่ขอจากท้าวดาหา ครั้นถูกปฏิเสธ ท้าวกะหมังกุหนิงจึงยกทัพไปประชิดกรุงดาหา วิหยาสะกำได้ต่อสู้กับสังคามาระตาน้องบุญธรรมของอิเหนา ซึ่งยกทัพมาช่วยท้าวดาหาทำศึก วิหยาสะกำเพลี่ยงพล้ำเสียทีถูกทวนของสังคามาระตาถึงแก่ความตาย

     

     

    ท้าวกาหลัง เป็นกษัตริย์ผู้ครองกรุงกาหลัง เป็นน้องของท้าวกุเรปันและท้าวดาหา มีมเหสี 5 องค์ ครบตำแหน่งตามประเพณีของอสัญแดหวา พระองค์มีธิดาที่เกิดจากประไหมสุหรี 1 องค์ คือระเด่นสะการะหนึ่งหรัด และมีธิดากับลิกูอีกหนึ่งองค์คือ บุษบารากา

    ท้าวกาหลังทรงมีจิตใจเมตตากรุณากับทุกคน เช่น ทรงยอมรับคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะพบกันเป็นครั้งแรกคือปันหยี



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×