คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 8.เสียงเพลงผิดคีย์
นับจากวันนั้น
ยามเย็นย่ำตะวันลับฟ้า เวลาหลังเลิกงานทุกวัน คู่รักทั้งสองชวนกันมานั่งอยู่โคนต้นลั่นทมตรงริมฝั่งโขง เสียงแคนและเสียงเพลงหวนคืนดังเดิม แต่มีสิ่งหนึ่งที่แปรเปลี่ยน
พนมเฝ้าครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา จะทำอย่างไรดี พ่อแม่ของนรีจึงจะยอมรับเขาได้ ความคิดกระทบเสียงแคนเพี้ยนตั้งแต่แรกเริ่มเป่า เสียงไม่ไพเราะเหมือนวันวานที่ผ่านมา
“ เป็นอีหยังล่ะอ้าย ”
นรีสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้อย่างชัดเจน ปกติพนมไม่เคยมีอาการเศร้าซึมขนาดนี้ ทั้งสีหน้าและท่าทางเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
พนมหยุดเป่าหันมาตอบ นรีถือโอกาสจ้องมองเข้าถึงในดวงตา ราวกับจะอ่านความรู้สึกลึก ๆ ออกมาเป็นคำพูด .
“ บ่เป็นหยังดอกน้อง ”
พ่อกับแม่ยอมรับพนมแล้ว แต่นรีกลับไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิดเลย แค่ฟังเสียงแคนเพี้ยนเมื่อครู่ก็รู้ว่าคนเป่าอารมณ์ไม่เป็นปกติเช่นเดิม
“ ฮ้องเพลงดีกั่วอีนาง ”
สีหน้าท่าทางของเขาเหมือนจะกลับมาสดชื่นเป็นปกติ แต่ถึงกระนั้นนรีก็ดูออกว่า ความเศร้าซึมของเขายังคงซ่อนลึกอยู่ภายใน
“ แคนลำโขงบ่ อ้ายเว้าแคนแหน่ น้องสิฮ้องนำ ”
นรีฝืนใจพูด ทั้งที่ใจไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น นอกเสียจากนั่งนิ่ง ๆ ดูธรรมชาติริมฝั่งโขงยามเย็นกับคนรักเพียงสองคนเท่านั้น รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่าง ใครกำลังจะจากไป
เสียงแคนขึ้นนำเพลง จากนั้นเสียงร้องหวานใสของนรีจึงเริ่มต้น ..
พนมสูดลมหายใจลึก ๆ เป่าแคนตามจังหวะเพลง เสียงท่วงทำนองแคนไพเราะที่สุดเท่าที่เคยเป่ามา เขาตั้งใจเป่าด้วยรู้สึกเหมือนจะไม่มีโอกาสได้เป่าแคนอีกต่อไป
นรีเปล่งเสียงร้องอันหวานใส คลอเสียงแคน ราวกับจะไม่มีโอกาสได้ร้องเพลงนี้อีกแล้วกระมัง วันนี้นรีจึงตั้งใจร้องให้เสียงออกมาดีที่สุด
ช่วงท่อนกลาง จู่ ๆ พนมก็หยุดจังหวะแคนลงเสีย ท่ามกลางความแปลกใจของนรีเป็นอันมาก
“ ยังฮ้องบ่จบเลยอ้าย เป็นจังใดถึงหยุดล่ะ ”
พนมวางแคนลงแทนคำตอบ ทอดตามองลำน้ำโขงไหลรินเรื่อย ๆ
“ อ้ายบ่อยากฮ้อง วันนั้นน้องสิคือกัน ”
ฟังคำตอบของชายคนรักจบ นรีหวนนึกไปถึงวันนั้น วันที่เธอปฏิเสธที่จะร้องให้จบเพลง แต่วันนี้นรีไม่คิดอะไรมาก แต่คำพูดต่อมาทำให้นรีต้องชะงักอย่างแรง
“ อ้ายลาออกจากงานแล้ว อ้ายจะเข้ากรุง สิไปหางานทำใหม่ ลำพังเงินเดือนอ้ายมันบ่พอดูแลผู้ใดได้ดอก ”
นรีเบิกตาโพลงทั้งที่นัยน์ตาเรียวเล็ก แทบไม่เชื่อกับหูตัวเอง พนมจะจากเธอไปแล้วรึ ..
“ อ้ายหยังเว้าจังซั่น ” นรีสวนขึ้นเสียงหลง “ ไหนอ้ายสิบอกว่า จะบ่ไปไสแล้ว น้องเคยบอกอ้าย ความฮักบ่ได้อยู่ที่ฐานะ เงินทอง มันอยู่ที่เฮาฮักกัน ถ้าเฮาฮักกันแล้ว อีหยังก็บ่เป็นอุปสรรค ”
“ แม่นแล้วน้องเอ๋ย ” พนมรำพึงเบา ๆ หวนนึกถึงเนื้อเพลงเพลงหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง “ แต่คนบ่มีตังค์เฮ็ดหยังก็บ่ได้ดี น้องทนได้หรือ มีแฟนเป็นคนจน จังสิไผก็ดูถูกเฮา ต่อให้ฮักกันเท่าไร ถ้าบ่มีตังค์ฮักก็บ่ยาวนานดอก ”
นรีพยายามสะกดความรู้สึกของตนไว้
“ อ้าย อย่าไปไสเลย ”
คู่รักสองคนหันหน้าเข้าหากัน พนมค่อย ๆ เอื้อมมือมาจับมือของนรีไว้ ยกขึ้นเกาะกุมอยู่กลางอก ดวงตาสองคู่สบประสานกัน
“ ถ้าอ้ายมีเงินหลาย อ้ายจะมาสู่ขอน้อง ”
นรีมองมือที่ถูกเกาะกุมสลับกับใบหน้าคนรัก พลันก็รู้ได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดพนมจึงทำเช่นนี้
“ อีพ่ออีแม่เป็นคนเว้ากับอ้ายแม่นบ่ ”
พนมเงียบไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น ค่อย ๆ ปล่อยมือที่เกาะกุมอยู่ เปลี่ยนเป็นสวมกอดไว้ในวงแขนอย่างอ่อนโยนแทนคำตอบ เขาดึงร่างอีกฝ่ายให้กระชับแน่น มือลูบไล้เรือนผมอย่างแผ่วเบา จากนี้จะไม่ได้เจอกันอีกนาน
นรียกมือขึ้นกอดตอบ ก้มลงกระซิบเบา ๆ “ ก็ได้ น้องฮู้ว่าอีพ่ออีแม่ต้องการจังซั่น เอาเถอะน้องเข้าใจ คนฮักกันจะแต่งงานกันได้ก็ต้องมีตังค์ อย่าลืมโทรหาน้องเด้อ แล้วน้องจะโทรหาอ้ายคือกัน ”
“ ฝากแคนอ้ายด้วย เผื่อคึดฮอดอ้ายก็แล้วกัน ” พนมวางแคนไว้ข้างกายนรี
สองคนกอดกันอยู่ริมฝั่งโขงเนิ่นนาน ราวกับจะไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย ..
¶ ¶ ¶ ¶
ความคิดเห็น