ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสียงเพลงริมฝั่งโขง

    ลำดับตอนที่ #10 : 8.เสียงเพลงผิดคีย์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 97
      0
      14 พ.ค. 49

    นับจากวันนั้น……

    ยามเย็นย่ำตะวันลับฟ้า เวลาหลังเลิกงานทุกวัน คู่รักทั้งสองชวนกันมานั่งอยู่โคนต้นลั่นทมตรงริมฝั่งโขง เสียงแคนและเสียงเพลงหวนคืนดังเดิม แต่มีสิ่งหนึ่งที่แปรเปลี่ยน………

    พนมเฝ้าครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา จะทำอย่างไรดี พ่อแม่ของนรีจึงจะยอมรับเขาได้ ความคิดกระทบเสียงแคนเพี้ยนตั้งแต่แรกเริ่มเป่า เสียงไม่ไพเราะเหมือนวันวานที่ผ่านมา

    “ เป็นอีหยังล่ะอ้าย ”

    นรีสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้อย่างชัดเจน ปกติพนมไม่เคยมีอาการเศร้าซึมขนาดนี้ ทั้งสีหน้าและท่าทางเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

    พนมหยุดเป่าหันมาตอบ นรีถือโอกาสจ้องมองเข้าถึงในดวงตา ราวกับจะอ่านความรู้สึกลึก ๆ ออกมาเป็นคำพูด….

    “ บ่เป็นหยังดอกน้อง ”

    พ่อกับแม่ยอมรับพนมแล้ว แต่นรีกลับไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิดเลย แค่ฟังเสียงแคนเพี้ยนเมื่อครู่ก็รู้ว่าคนเป่าอารมณ์ไม่เป็นปกติเช่นเดิม

    “ ฮ้องเพลงดีกั่วอีนาง ”

    สีหน้าท่าทางของเขาเหมือนจะกลับมาสดชื่นเป็นปกติ แต่ถึงกระนั้นนรีก็ดูออกว่า ความเศร้าซึมของเขายังคงซ่อนลึกอยู่ภายใน

    “ แคนลำโขงบ่ อ้ายเว้าแคนแหน่ น้องสิฮ้องนำ ”

    นรีฝืนใจพูด ทั้งที่ใจไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น นอกเสียจากนั่งนิ่ง ๆ ดูธรรมชาติริมฝั่งโขงยามเย็นกับคนรักเพียงสองคนเท่านั้น รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่าง ใครกำลังจะจากไป

    เสียงแคนขึ้นนำเพลง จากนั้นเสียงร้องหวานใสของนรีจึงเริ่มต้น…..

    พนมสูดลมหายใจลึก ๆ เป่าแคนตามจังหวะเพลง เสียงท่วงทำนองแคนไพเราะที่สุดเท่าที่เคยเป่ามา เขาตั้งใจเป่าด้วยรู้สึกเหมือนจะไม่มีโอกาสได้เป่าแคนอีกต่อไป

    นรีเปล่งเสียงร้องอันหวานใส คลอเสียงแคน ราวกับจะไม่มีโอกาสได้ร้องเพลงนี้อีกแล้วกระมัง วันนี้นรีจึงตั้งใจร้องให้เสียงออกมาดีที่สุด

    ช่วงท่อนกลาง จู่ ๆ พนมก็หยุดจังหวะแคนลงเสีย ท่ามกลางความแปลกใจของนรีเป็นอันมาก

    “ ยังฮ้องบ่จบเลยอ้าย เป็นจังใดถึงหยุดล่ะ ”

    พนมวางแคนลงแทนคำตอบ ทอดตามองลำน้ำโขงไหลรินเรื่อย ๆ

    “ อ้ายบ่อยากฮ้อง วันนั้นน้องสิคือกัน ”

    ฟังคำตอบของชายคนรักจบ นรีหวนนึกไปถึงวันนั้น วันที่เธอปฏิเสธที่จะร้องให้จบเพลง แต่วันนี้นรีไม่คิดอะไรมาก แต่คำพูดต่อมาทำให้นรีต้องชะงักอย่างแรง

    “ อ้ายลาออกจากงานแล้ว อ้ายจะเข้ากรุง สิไปหางานทำใหม่ ลำพังเงินเดือนอ้ายมันบ่พอดูแลผู้ใดได้ดอก ”

    นรีเบิกตาโพลงทั้งที่นัยน์ตาเรียวเล็ก แทบไม่เชื่อกับหูตัวเอง พนมจะจากเธอไปแล้วรึ……..

    “ อ้ายหยังเว้าจังซั่น ” นรีสวนขึ้นเสียงหลง “ ไหนอ้ายสิบอกว่า จะบ่ไปไสแล้ว น้องเคยบอกอ้าย ความฮักบ่ได้อยู่ที่ฐานะ เงินทอง มันอยู่ที่เฮาฮักกัน ถ้าเฮาฮักกันแล้ว อีหยังก็บ่เป็นอุปสรรค ”

    “ แม่นแล้วน้องเอ๋ย ” พนมรำพึงเบา ๆ หวนนึกถึงเนื้อเพลงเพลงหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง “ แต่คนบ่มีตังค์เฮ็ดหยังก็บ่ได้ดี น้องทนได้หรือ มีแฟนเป็นคนจน จังสิไผก็ดูถูกเฮา ต่อให้ฮักกันเท่าไร ถ้าบ่มีตังค์ฮักก็บ่ยาวนานดอก ”

    นรีพยายามสะกดความรู้สึกของตนไว้

    “ อ้าย อย่าไปไสเลย ”

    คู่รักสองคนหันหน้าเข้าหากัน พนมค่อย ๆ เอื้อมมือมาจับมือของนรีไว้ ยกขึ้นเกาะกุมอยู่กลางอก ดวงตาสองคู่สบประสานกัน

    “ ถ้าอ้ายมีเงินหลาย อ้ายจะมาสู่ขอน้อง ”

    นรีมองมือที่ถูกเกาะกุมสลับกับใบหน้าคนรัก พลันก็รู้ได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดพนมจึงทำเช่นนี้

    “ อีพ่ออีแม่เป็นคนเว้ากับอ้ายแม่นบ่ ”

    พนมเงียบไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น ค่อย ๆ ปล่อยมือที่เกาะกุมอยู่ เปลี่ยนเป็นสวมกอดไว้ในวงแขนอย่างอ่อนโยนแทนคำตอบ เขาดึงร่างอีกฝ่ายให้กระชับแน่น มือลูบไล้เรือนผมอย่างแผ่วเบา จากนี้จะไม่ได้เจอกันอีกนาน

    นรียกมือขึ้นกอดตอบ ก้มลงกระซิบเบา ๆ “ ก็ได้ น้องฮู้ว่าอีพ่ออีแม่ต้องการจังซั่น เอาเถอะน้องเข้าใจ คนฮักกันจะแต่งงานกันได้ก็ต้องมีตังค์ อย่าลืมโทรหาน้องเด้อ แล้วน้องจะโทรหาอ้ายคือกัน ”

    “ ฝากแคนอ้ายด้วย เผื่อคึดฮอดอ้ายก็แล้วกัน ” พนมวางแคนไว้ข้างกายนรี

    สองคนกอดกันอยู่ริมฝั่งโขงเนิ่นนาน ราวกับจะไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย……..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×