FAN-FIC [YAOI] THE LAST WORD OF HEART [DONGMIN]
...เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชอบผู้ชาย...จนมาพบกับเด็กผู้ชายซุ่มซ่ามและอ่อนแอคนหนึ่ง...คนที่เปลี่ยนความคิด...และทำให้หัวใจหลอมละลาย
ผู้เข้าชมรวม
2,281
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
FAN-FIC [YAOI] SJ: DONGMIN
TITLE: THE LAST WORD OF HEART
WRITER: ZALAPAOW [NUNGNING]
RATE: NO NC
WARN: THIS STORY IS FAKE. NOT REAL.
โรงเรียนมัธยมปลายชออิน...แหล่งรวมนักเรียนฐานะดีจากทั่วสารทิศด้วยค่าเทอมที่สูงลิ่วแต่หลักสูตรกลับไม่ต่างจากโรงเรียนอื่นแม้แต่น้อย
ทงเฮ เป็นหนึ่งในนักเรียนปี 3 ของชออิน เป็นที่หมายปองของสาวและเคะทั่วโรงเรียนมีคนมาให้ควงไม่เคยซ้ำหน้า ด้วยรูปร่างหน้าตาดี และดีกรีความรวยที่เกินหน้าเกินตาใครในโรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นเพลย์บอยคนหนึ่งเลยทีเดียว
“เฮ้ยทงเฮ แกทิ้งน้องแอนนานั่นแล้วเหรอวะ” คังอินถามพลางพาดแขนอวบมาโอบคอเพื่อนรักไว้ เป็นคำถามที่เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อทงเฮเปลี่ยนคู่ควง
“เออดิ ยัยนั่นน่ะง่ายจะตาย เจอกันแค่ครั้งเดียวก็ยอมแล้ว” ทงเฮไหวไหล่ตอบเพื่อนอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“แกอะมันหล่อเลือกได้” ฮันคยองหันมาพูด
“อย่างกับแกไม่ ตั้งแต่ฉันอยู่มาจนวันนี้นะ เจอใครก็ง่ายหมด เฮอะ น่าขยะแขยง!” ฮันคยองหัวเราะกับคำพูดของเพื่อน นี่ถ้าสาว ๆ มาได้ยินจะทำหน้ายังไงกันนะ
“แกก็มีหาแบบพี่ทึกกี้ของฉันสิ แล้วแกจะพบกับความสุขที่แท้จริง” คังอินพูดแล้วหัวเราะลั่น ทงเฮส่ายหน้าไม่พูดอะไรออกมา แอบเหล่ไปทางคิบอมที่นั่งกอดแฟนมันอยู่ข้างหลัง
...ผู้ชาย กับผู้ชาย...หวานกันแล้วจะอ้วก...
ยามเย็น...นักเรียนส่วนใหญ่ออกจากโรงเรียน ไปเที่ยวกันบ้าง ซื้อของกันบ้างเป็นเรื่องที่เห็นกันได้อย่างปกติ ภาพหายากคือใครสักคนที่นั่งอ่านหนังสือ ทำงาน หรือเล่นกีฬาอยู่ที่โรงเรียน ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญและดูแปลกแยกที่สุด
“ซองมิน นายจะไปซื้อของกับเรามั้ย” คยูฮยอนถามเพื่อนรัก เรียวคิ้วหมวดมุ่นเมื่อเห็นเพื่อนส่วยหน้าแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม้น
“คิดจะทำงานนี่ให้เสร็จเลยรึไง” ฮยอกแจถาม ซองมินไม่ตอบกลับพยักหน้าแล้วทำงานต่อ
“นี่ เอาไว้ทำที่บ้านก็ได้” คยูบอก
“ไม่ล่ะ ยังไงฉันก็ต้องรอพี่โบอาอยู่แล้ว” ซองมินยิ้มให้เพื่อน ทั้งสองจึงได้แต่ถอนหายใจกับความรั้นของเพื่อนแสนขยัน
ซองมินก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป มือบางเปิดหนังสืออย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญแต่คิ้วกลับขมวดมุ่นด้วยความวุ่นวายเพราะไม่เข้าใจข้อความเหล่านั้นเลยสักนิด
...ลี ซองมิน...
...เด็กที่ขยันที่สุดในชออิน ทว่ากลับเรียนไม่รู้เรื่องเลยสักนิด...
สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ซองมินถึงได้ลุกขึ้นพร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก หนังสือเล่มหนากองโตถูกอุ้มขึ้นอย่างทุลักทุเลเพื่อนำไปจัดเรียนคืนตู้หนังสือ
“คังอินนะคังอิน ถ้าไม่ใช่เพราะแกฉันคงไม่ต้องเข้ามาที่นี่แน่...โอ๊ย” ทงเฮโวยวายลั่นเมื่อชนเข้ากับใครบางคนพร้อมกับหนังสือที่หล่นตุ๊บลงมา
ชายหนุ่มกัดฟันกรอดอย่างโมโห ก่อนหน้านี้คังอินทำเสียงโวยวายลั่นหน้าห้องสมุดแล้วทิ้งให้เขาต้องมารับเคราะห์กรรมโดนทำโทษให้หาหนังสือไปให้อาจารย์ห้องสมุด แล้วตอนนี้เขาถูกชน แถมยังโดนหนังสือหล่นใส่เท้าอีก
“นายเดินไม่มองทางรึไง” ร่างสูงกดซองมินชิดกับตู้หนังสือ
“เอ่อ...ผมขอโทษครับ” ซองมินตัวสั่นเพราะตกใจกับท่าทีของรุ่นพี่ น้ำตาเล็ดออกมาด้วยความกลัวเมื่อทงเฮไม่ได้มีท่าทีอ่อนลงแม้แต่น้อย
“ขอโทษแล้วมันหายเหรอ ที่ฉันเข้ามานี่ก็ซวยอยู่แล้วยังจะมาเจอนายอีก” ทงเฮตะโกนทำให้ร่างที่เขาจับกุมไว้สั่นมากกว่าเดิม
“ผมขอโทษครับ...คุณจะให้ผมทำอะไรก็ได้” ซองมินพูด ทงเฮชะงักไปแล้วก็คิดอะไรได้
“ท่าทางนายจะเข้าห้องสมุดนี่บ่อยสินะ” เขาถาม
“ครับ” ซองมินพยักหน้า
“ดี...งั้นช่วยหาหนังสือโลกและดาราศาสตร์ปี 3 ให้ฉันด้วย” ทงเฮปล่อยมือซองมินออกมา ร่างบางรีบเก็บหนังสือเข้าล็อกแล้วพาทงเฮไปล็อคหนังสือที่เขาต้องการทันที
“อยู่บนนั้นครับ” ซองมินชี้ไปยังหนังสือล็อกบนที่เขาเอื้อมไม่ถึง
“เอาลงมาสิ” ทงเฮกอดอกสั่ง
“แต่ว่าผม...”
“ไปเอาลงมา!” ซองมินสะดุ้งเมื่อทงเฮตะคอก วิ่งไปเอาบันไดมาอย่างรวดเร็ว ร่างบางค่อย ๆ ปีนขึ้นบันไดทั้งที่ขานั่นสั่น หลับตาปี๋
/อย่ามองไปข้างล่างนะซองมิน/ เขาคิดในใจ ในที่สุดก็คว้าหนังสือเล่มที่ต้องการไว้ได้
“ได้แล้วก็ลงมาเร็วสิ” ทงเฮสั่ง ด้วยความตกใจซองมินเลยหันไปมองทงเฮ ฉับพลับโลกก็หมุนติ้ว บันไดที่พาดไว้โอนเอนตามแรงโน้มถ่วง
“มัวเล่นบ้าอะไรอยู่น่ะ” ทงเฮตะโกนเล่น อยากจะออกจาที่นี่เต็มแก่ ทว่าคนที่โดนเร่งนั้นกลับไม่ได้ยินเสียงเขาซะแล้ว
ตุ๊บ
ร่างบางค่อย ๆ ปรับสายตาให้ชินกับแสง ผ้าม่านสีฟ้าที่คุ้นตาของห้องพยาบาล รอยยิ้มหวานของครูสาวถูกส่งให้อย่างเป็นมิตร
“เอาอีกแล้วนะจ๊ะซองมิน” เธอว่า
“ครับ” ซองมินขมวดคิ้วอย่างงุนงง ค่อย ๆ ปรับจูนข้อมูลในสมอง
“ก็รุ่นพี่ที่มาส่งเธอบอกว่าเธอน่ะปีนขึ้นไปเอาหนังสือแล้วก็วูบเป็นลมน่ะสิ ตัวเองกลัวความสูงแล้วยังจะปีนขึ้นไปทำไม” หญิงสาวดุ
“แล้วเค้าไปไหนครับ”
“เห็นว่าต้องไปธุระ เอาเถอะครูแจ้งพี่สาวเธอแล้ว เดี๋ยวก็คงจะมา” ครูสาวยิ้ม
“ขอบคุณครับคุณครู”
“ซองมิน เป็นยังไงบ้าง ฟกช้ำตรงไหนรำเปล่า ไหนดูซิชนอะไรมั้ย คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ” โบอา พี่สาวของซองมินวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน ยกแขนยกขาน้องชายเพื่อตรวจตราว่าบุบสลายตรงไหนบ้างก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่พบสิ่งที่เธอไม่พึงปรารถนา
“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากนะครับ” ซองมินว่า
สองวันต่อมา
สายฝนโปรยปรายลงมาในช่วงบ่าย นำความชุ่มชื่นสู่ต้นไม้ใบหญ้าให้มันเขียวขจีแสดงความสดใจแต่ไม่ใช่กับซองมิน ร่างบางภายใต้เสื้อโค้ตหอบเอาหนังสือจากห้องสมุดวิ่งข้ามไปยังอาคารวิทยาศาสตร์
ตุ๊บ
เป็นอีกครั้งที่ซองมินบังเอิญชนกับใครบางคนเข้า มือบางรีบคว้าหนังสืออีกเล่มก่อนที่มันจะหล่นไปโดนเท้าใครเหมือนคราวที่แล้ว แต่กลับมีใครบางคนคว้าไว้ได้ก่อน พร้อมทั้งหยิบหนังสืออีกเล่มที่ตกไปส่งให้เขาด้วย
“นายอีกแล้ว” ซองมินเงยหน้ามองตามเสียงก่อนจะสะดุ้งเมื่อพบว่าคนที่เขาชนคือทงเฮ
“ระ...รุ่น...พี่” ซองมินละล่ำละลัก
“ทำไมต้องกลัวขนาดนั้นด้วย แล้วนี่วิ่งตากฝนมารึไงเสื้อนายเปียกหมดแล้วนะ” ทงเฮพูดด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์
“อะ...เอ่อ...”
“ฉันไม่ทำอะไรนายหรอกน่า มานี่สิ” ทงเฮไม่ได้รอคำตอบรับกลับพาซองมินเดินเข้าห้องที่ว่างอยู่ใกล้กับบริเวณนั้น
ความเงียบเข้าครอบคลุมอยู่ช่วงหนึ่งเมื่อซองมินไม่พูดอะไรออกมา เอาแต่ก้มหน้าจนทงเฮเริ่มจะทนไม่ไว้ด้วยนิสัยใจร้อน
“ก้มหน้าทำไม เงยมาซิ” เสียงออกคำสั่งทำให้ซองมินรีบเงยหน้าด้วยท่าทีตกใจอย่างเห็นได้ชัดจนทงเฮต้องถอนหายใจยกใหญ่
“ถอดเสื้อนอกออก” เขาสั่งอีกครั้ง
“คะ...ครับ?” ซองมินเลิกคิ้วถามเสียงสั่น คนใจร้อนส่งสายตาเย็นเฉียบกลับมาให้แทนคำตอบทำให้เขาต้องรีบถอดเสื้อโค้ดของตัวเองออกมา
พรึบ
เสื้อตัวหนาและแห้งอีกตัวถูกโยนมาคลุมหัวซองมินอย่างพอดิบพอดี เขาเงยหน้าขึ้นมามองทงเฮอย่างงุนงง
“ใส่เข้าใปซะ” ไม่ต้องรอให้สั่งรอบสองซองมินก็ปฏิบัติตามทันที
“แล้วรุ่นพี่...”
“ฉันไม่หนาว นายชื่ออะไร” ทงเฮถามออกมาเสียงเรียบ
“ซองมินครับ” ซองมินตอบ เริ่มไว้ใจผู้ชายตรงหน้ามากขึ้น
“ฉันอยู่ห้องเอ พรุ่งนี้เอาเสื้อไปคืนที่นั่น” ทงเฮเดินออกจากห้องทิ้งให้ซองมินยืนงงอยู่คนเดียวโดยไม่ได้ขอบคุณสักคำ
ทงเฮเดินอย่างรวดเร็วมุ่งสู่ห้องเรียนชีวะในใจก็อดสงสัยตัวเองไม่ได้ที่ไปทำดีกับรุ่นน้องคนนั้น อาจเป็นเพราะอาการกลัวความสูงที่น่าเป็นห่วงเมื่อสองวันก่อน และอาการสั่นจนน่ากลัวเพราะเสื้อผ้าที่ปียกชื้นนั่น เห็นแล้วแทบจะอยากดุออกไปถ้าไม่นึกว่าตัวเองเพิ่งได้เจอกับน้องเค้าแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
เป็นอีกครั้งที่ซองมินโดนดุโทษฐานไม่ดูแลตัวเอง โบอาถามย้ำแล้วย้ำอีกถึงรุ่นพี่ที่ช่วยดูแลไว้ถึงสองครา กำชับนักหนาว่ายังไงก็ต้องเอาคุกกี้ไปของคุณให้ได้ แถมยังเอาเสื้อไปซักให้ซะหอมฟุ้ง ไม่มีข้ออ้างใดที่จะปฏิเสธการเดินตามหาห้อง 3A ในช่วงพักกลางวันวันต่อมา
“มาหาใครครับน้อง” เสียงสอบถามดังขึ้นในแง่ที่ไม่น่าไว้ใจนัก
“เอ่อ...” ซองมินนึก ให้ตายเถอะ เขาไม่รู้จักชื่อคนที่เขาต้องเอาเสื้อมาคืนด้วยซ้ำ
“ว่าไงครับ ถ้านึกไม่ออกก็มานั่งเล่นกับพี่ก่อนก็ได้นะ” ท่าทางม่ออย่างเห็นได้ชัด ซองมินอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อย่างตัดสินใจไม่ถูก ทางคนรอชักทนไม่ไหวเข้ามากระชากมือไปจนต้องขัดขืน
“ปล่อยนะครับ” ซองมินพูด
“เอาน่า...มากับพี่หน่อยเป็นไรไป” ชายหนุ่มยังคงพยายามต่อไป
“ไม่นะ...”
“ซองมิน!” เสียงเรียกที่ดังและนิ่งสนิท อาการคนพูดคล้ายโมโหจนชายหนุ่มต้องรีบจรลีกลับเข้าห้องตัวเอง ซองมินยังช็อคไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทงเฮทนไม่ไหวต้องลากรุ่นน้องออกมา
“พี่...” เป็นเสียงแรกที่ซองมินเปล่งออกมาหลังจากได้นั่งอยู่พักหนึ่ง
“นายมาทำไม” ทงเฮถามขึ้น
“พี่บอกว่าให้เอาเสื้อมาคืน” ซองมินยื่นเสื้อไปให้ทงเฮ เขารับมันมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“แล้วทำไมไม่บอกเค้าไปว่ามาหาฉัน” เขาดุ ซองมินสะดุ้ง
“คือผม...ไม่รู้จักชื่อพี่ครับ” ซองมินสารภาพออกมาพลันใบหน้านวลก็ระเรื่อขึ้น
“คราวหลัง บอกว่ามาหาพี่ทงเฮนะ” ทงเฮบอกออกไปด้วยอาการโมโหที่เริ่มสงบลง
“ครับ” ส่วนซองมินก็ตอบรับทั้งที่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงจะมีคราวหลังอีก ทั้งสอบเงียบกันไปพักใหญ่
“เอ่อ...พี่ทงเฮครับ” ซองมินเรียกออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“อะไร”
“ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยผมไว้ตั้งสองครั้ง...คือ...นี่เป็น...เอ่อ...” ร่างบางพยายามหาคำอธิบาย
“ฉันจะรับมันไว้ นายไปเรียนได้แล้ว” ทงเฮพูดตัดบทออกไปทั้งที่ไม่เข้าใจตัวเอง ร่างสูงลุกขึ้นและจากไปเร็วพอ ๆ กับคำพูด
...สงสัยว่าซองมินจะเปลี่ยนความคิดของรุ่นพี่คนนี้ไปซะแล้ว...
“เฮ้ย ทงเฮ นายจะรีบไปไหน” คังอินถามเพื่อนอย่างงุนงงเมื่อเห็นอาจารย์ปล่อย เจ้าเพื่อนรักตัวดีก็แทบจะพุ่งออกนอกห้องทันที
“ห้องสมุด” คำตอบเล่นเอาเพื่อนผองทั้งหลายค้างกันเป็นแถว
“O_O!” คิบอม
“พระเจ้า” ฮันคยองคราง
“นรกแตก” ซีวอนอ้าปากค้างไปอีกคน
ทงเฮงุนงงกับอาการของเพื่อนฝูงก่อนจะเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองมีพิรุษอะไรบางอย่างซะแล้ว ไม่ทันจะได้นึกข้อแก้ตัวก็ถูกคำถามส่งมา
“นายไปทำอะไรห้องสมุด” คังอินจับผิด
“ฉัน...ไปนอนเล่นเผื่อความรู้มันจะออตโมซิสเข้าสมองน่ะ” ตอบโดยไม่รอให้เพื่อนเข้าใจ วิ่งหนีหายออกจากห้องไปทันที
“มีอะไรแล้วล่ะว่ะ” ซีวอนว่า
“ช่างเถอะ ทงเฮมันฟอร์มจัด” ฮันคยองไหวไหล่หากสายตายังคงมองตามร่างของเพื่อนที่ลงไปอยู่ชั้งล่างเรียบร้อยแล้ว ดูท่าทีก็รู้ว่าโล่งอกแค่ไหน คงจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่
ภาพของร่างเล็กที่หายไปหลังหนังสือกองโตเมื่อก้มหน้าทำให้ทงเฮแย้มรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยทั้งที่ยังไม่เข้าใจตัวเอง ขายาวสาวด้วยความรวดเร็วและนั่งลงโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของโต๊ะทว่าซองมินกลับไม่รู้สึกตัวก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างตั้งใจ
ทงเฮยิ้มเอ็นดูมองหน้าเด็กหนุ่มที่ชะงักกับโจทย์ของตนเอง มือบางข้างหนึ่งเสยผมอีกข้างเปิดหนังสือพลิกไปมา ทงเฮแอบมองโจทย์...
“หาค่าเซต้าก่อนสิ” เขาว่า
“อ่อ...ครับ อ๊ะ...พี่ทงเฮ” ซองมินสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพบคนที่ช่วยเหลือ
“อืม” ทงเฮตอบรับ
“พี่ทงเฮมีอะไรรึเปล่าครับ” เด็กหนุ่มเอียงคอถาม
“นายจะทำงานอีกนานมั้ย” ทงเฮไม่ตอบกลับถามขึ้นมาแทน
“ก็...อีกสองข้อครับ”
“งั้นก็ทำไปสิ” ซองมินขมวดคิ้วแต่ก็ก้มหน้าทำงานต่อ ทงเฮเฝ้าดูสักพักก็ทนไม่ไหวกับอาการเมาโจทย์ปัญหาของซองมินจนต้องเข้าไปสอน
“อ่า...ขอบคุณครับ” ซองมินกล่าวพลางเก็บข้าวของลงกระเป๋า ทงเฮไหวไหล่จับมือซองมินออกจากห้องสมุด
“เราจะไปไหนกันครับ” ซองมินถามแต่ก็ได้ความเงียบเป็นคำตอบจึงก้มหน้าเดินตามโดยไม่ปริปากออกมาอีก
“ร้านไอติม” ทงเฮเปรยออกมาเพราะร่างเล็กที่เงียบลงไปจนผิดปกติ
“ครับ” ร่างเล็กยิ้มออกมา ทงเฮแอบยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นแบบนั้น
...น่ารักแฮะ...
ทงเฮรู้สึกได้เลยว่าทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่เจอซองมิน น่าแปลกที่เขาไม่ได้ตกใจหรือตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น กลับรับมันได้อย่างง่ายดายเสมือนเป็นเรื่องปกติ และแน่นอนเพื่อน ๆ ของเขายังไม่รู้เรื่องนี้
“อุ๊บ~” ทงเฮสะดุ้งเมื่อร่างเล็กของใครบางคนชนเขาระหว่างที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
“ซองมิน” ร่างสูงขมวดคิ้ว
“อ่า...ขอโทษครับ” ซองมินโค้งขอโทษอย่างรวดเร็วและส่งยิ้มแหยให้
...ให้ตายสิ...
...เราซุ่มซ่ามกับพี่ทงเฮอีกแล้ว...
“ไม่เป็นไร เดินระวังด้วยล่ะ” ทงเฮตอบกลับ เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำกันถึงสามครั้งในสองสัปดาห์นี่ พลันมองร่างที่เดินผ่านไปก็ต้องขมวดคิ้วกับท่าเดินแปลก ๆ
“ซองมิน” ชายหนุ่มเรียก
“ครับ ?”
“ขาเป็นอะไรน่ะ” ซองมินหันกลับมามองทงเฮช้า ๆ
“เอ่อ...ผมล้มในคาบพละน่ะครับ” พูดจบใบหน้าหวานก็ขึ้นสีระเรื่อน่ามองจนทงเฮยิ้มขำ
“ไปห้องพยาบาลดีกว่านะ เกิดเดินมากเข้ามันจะบวมเอาได้”
“ไม่เป็น....” ยังไม่ทันจะได้ปฏิเสธอะไรเต็มที่นักร่างเล็กก็ตัวลอยเพราะแรงอุ้มจากรุ่นพี่ไปเสียแล้ว
“อย่าดื้อ” ทงเฮสั่งเสียงเรียบทำให้ซองมินปิดปากลงทันที
ซองมินนั่งเงียบ ๆ ให้ทงเฮนวดข้อเท้าให้ ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกอบอุ่นกับสัมผัสจากผู้ชายที่ดูเย็นชา แถมยังดุอย่างทงเฮไปได้ พอมองเสี้ยวหน้าหล่อนั่นก็ใจเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ
...พี่ทำอะไรกับผม?...
ไม่นานซองมินก็ถูกสั่งให้นั่งอยู่เฉย ๆ หมายถึงเขาจะขาดคาบบ่ายไปโดยปริยาย ความเงียบเริ่มปกคลุมห้องพยาบาลที่ไม่มีคน ทงเฮยังนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหนเพียงแต่หันหน้าออกไปมองข้างนอก ส่วนซองมินยังคงจับจ้องเสี้ยวหน้านั้น หาคำตอบให้กับตัวเองต่อไป
“ทงเฮ” ฮันคยองเรียกขึ้นมาทำให้ซองมินสะดุ้งและต้องก้มหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“อะไร” ทงเฮถามกลับไปเสียงเรียบ
“อาจารย์ยุนโฮเรียก” ทงเฮไหวไหล่หันมาสบตาซองมิน
“รอฉัน...ตอนเย็นฉันจะมารับนาย” ยังไม่ทันจะได้โต้แย้งทงเฮก็เดินออกไปแล้ว
...เผด็จการที่สุด...
แม้จะคิดอย่างนั้นแต่ซองมินก็ยังอมยิ้มขึ้นมา ถ้าใครมาเห็นคงคิดว่าเขาบ้าไปแล้วแน่
“เปลี่ยนใจแล้วรึไงนายน่ะ”
“อะไร”
“นายเคยชอบผู้ชายซะที่ไหน”
“...”
เสียงลูกบาสกระทบพื้นดังต่อเนื่องควบคู่ไปกับเสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้น เท่านี้ก็บ่งบอกได้แล้วว่าทงเฮกำลังอยู่ที่โรงยิม ฮันคยองเหลือบมองเพื่อนบนสแตนเป็นระยะจนเพื่อนคนอื่นก็สังเกตได้
“เฮ้ยฮัน ทงเฮเป็นอะไรอะ” ในที่สุดซีวอนก็เป็นคนแรกที่ถาม การเล่นบนสนามชะงักอย่างสังเกตได้ แต่ทงเฮไม่รับรู้ถึงจุดนั้น สายตาของเขาเลื่อนลอยออกไปจนไม่รู้ว่าอยู่ตรงจุดไหนเสียแล้ว
“กำลังคิดอะไรอยู่ไง...ปล่อยไปเถอะ” ถึงแม้ฮันคยองจะถอนหายใจกับเรื่องนี้หลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจก้าวก่ายอะไรได้
“ไม่ช่วยมันคิดรึไง คนมันกำลังเครียดน่ะ” คังอินถามขึ้นมาอีกคน
“เอาน่า เดี๋ยวพวกนายก็รู้คำตอยเอง รอดูไปเถอะ” ลูกบาสถูกฮันคยองโยนลงห่วงจากระยะไกลเป็นการเปลี่ยนเรื่องได้อย่างดี
“เล่นทีเผลอนี่หว่า”
...คิดให้ออกแล้วกันนะเพื่อน...
ทงเฮละสายตาออกจาสนาม ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนคุยเรื่องอะไร แต่นี่แหละสาเหตุที่เขาเป็นเพื่อนกับพวกนี้มาได้ ความไม่ก้าวก่ายจนมากเกินไป คอยเตือนและเป็นกำลังใจอยู่ห่าง ๆ ร่างสูงถอนหายใจซ้ำอีกนึกถึงเรื่องเมื่อกลางวันหลังจากที่ฮันคยองเรียกเขาออกมา
“เปลี่ยนใจแล้วรึไงนายน่ะ” อยู่ดี ๆ ฮันคยองก็ถามขึ้น
“อะไร” ทงเฮถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ
“นายเคยชอบผู้ชายซะที่ไหน” ทงเฮชะงักไปกับคำพูดของเพื่อน เขายังหาคำตอบตรงจุดนี้ไม่ชัดเจน ตกลงแล้วเขากำลังทำอะไรอยู่
“คิดให้ดีนะ ถ้านายไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะ นายจะทำให้น้องเค้าเสียใจมากเลยนะ”
มีไม่กี่เรื่องที่เด็กอัจฉริยะอย่างทงเฮคิดไม่ออก แต่ทำไมต้องเป็นเรื่องนี้ เรียวนี้วยาวลากเล่นไปตามสันหนังสือในอ้อมแขนพลันเหลือบไปมองนาฬิกาที่เข็มชี้ให้รู้ว่าเย็นแต่ไหนแล้ว
“ซองมิน!” เหมือนทงเฮจะตื่นจาภวังค์ นึกได้ว่านักซองมินไว้รีบวิ่งออกจากโรงยิมแต่ก็ชะงักลงกะทันหัน
...เรากำลังทำให้ซองมินเสียใจรึเปล่า...
ซองมินเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มทีแต่ใครบางคนก็ยังไม่มา มือบางขยุ้มผ้าห่มจนยับแต่ไม่ได้ขยับไปไหน
แอ๊ด...
ประตูห้องพยาบาลถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ แต่คนที่เข้ามากลับเป็นเด็กหนุ่มสองคนที่ดูท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ
“ไม่มีใครอยู่แน่นะ”
“เย็นขนาดนี้ใครจะบ้ามาเล่า” เสียงพูดดังลั่นเกือบทำให้ซองมินร้องออกมา แต่เขายังคงครองสติไว้ได้ กลิ่นควันบุหรี่เริ่มโชยมาจนรู้สึกอยากไอแต่ก็ต้องข่มไว้
“แค่ก แค่ก...” สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานได้ เด็กหนุ่มสองคนหันมาอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย...นี่คนอยู่นี่หว่า” พวกนั้นส่งเสียงร้อง
“อยู่หลังม่านแบบนั้นไม่เห็นหน้าเราหรอก เผ่นเถอะ” เด็กหนุ่มพากันดยนบุหรี่ทิ้งไว้โดยไม่ดับ ซองมินที่แพ้ควันบุหรี่เริ่มไอหนักขึ้น จะลุกขึ้นไปดับก็ไม่ไหว ซ้ำยังเจ็บข้องเท้าขึ้นมาอีก
...พี่ทงเฮ...
“ซองมิน! เกิดอะไรขึ้น” ทงเฮวิ่งเข้ามาด้วยท่าทางตื่นตระหนก ขยับขาไปดับบุหรี่อย่างรวดเร็ว ร่างสูงอุ้มซองมินออกจาห้องพยาบาล เมื่อวางที่เก้าอีใต้ต้นไม้ก็พัดให้อย่างใจเย็น
“ทำไมไม่กลับบ้าน” ทงเฮถามเสียงดุ
“พี่ทงเฮบอกว่าจะมารับ” ซองมินตอบถลับเสียงแผ่ว ทงเฮชะงักไป
“เย็นขนาดนี้แล้ว ถ้าพี่ไม่มาจะทำยังไง”
“พี่ต้องมาสิ พี่บอกว่าจะมา” ซองมินเถียงออกไปทันที
“ผมเชื่อว่าพี่จะรักษาสัญญา...” มือหนาเอื้อมไปลูบศีรษะร่างเล็กอย่างอ่อนโยน
“งั้นเรากลับบ้านกันนะ”
ลมพัดแผ่วเบาตามทางเดิน ซองมินนิ่งเงียบบนหลังของทงเฮ ร่างสูงได้แต่นึกครุ่นครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เวลาที่ผ่านมาไม่นาน เขาเพียงแค่นึกสงสัยว่าซองมินกลับบ้านเรียบร้อยหรือยังจึงได้กลับไปดู
“ขอบคุณครับ” ซองมินเอ่ยเมื่อถูกวางลงบนโซฟา
“ซองมิน...”
“ครับ ?” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อถูกเรียก
“พี่ชอบซองมิน” ทงเฮพูดออกไปเสียงเรียบ แต่ซองมินกลับชะงักไป
...ขนาดซองมินยังเชื่อใจพี่...
“ไม่ต้องตอบก็ได้ว่าชอบพี่มั้ย แต่ขอโอกาส...เป็นแฟนกับพี่นะ”
....แล้วทำไมพี่จะไม่เชื่อใจตัวเองล่ะ...
“ครับ”
...ขอให้พี่...ได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองนะ...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผลงานอื่นๆ ของ -+เจ้ากิ่งไผ่+- ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ -+เจ้ากิ่งไผ่+-
ความคิดเห็น