ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้นแปลของนาย Manus

    ลำดับตอนที่ #3 : กาลครั้งหนึ่ง...กระจกกับสัตว์(A Fable) โดย Mark Twain

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.55K
      2
      30 พ.ค. 48

    กาลครั้งหนึ่ง...กระจกกับสัตว์

    จากเรื่อง A Fable ของ มาร์ค ทเวน(Mark Twain)

    แปลโดย Manus







    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
      จิตกรผู้วาดภาพสีเล็กๆอันสวยงามมากภาพหนึ่งได้วางมันลงเพื่อที่เขาจะเห็นจากในกระจกได้  ชายผู้นั้นกล่าวว่า  “นี่ทำให้ระยะทางของมันเพิ่มเป็นสองเท่า  และทำให้รูปดูนุ่มนวลลง  มันถึงได้ดูงดงามกว่าเดิมเป็นสองเท่าด้วย”



    บรรดาสัตว์น้อยใหญ่ในป่ารู้เรื่องนี้ผ่านแมวบ้านผู้ได้รับความเลื่อมใสสรรเสริญเป็นจำนวนมากเนื่องจากมันนั้นช่างคงแก่เรียน  ช่างเป็นผู้ดีและมีอารยธรรม  และช่างสุภาพพร้อมชาติตระกูลสูงส่ง  และยังบอกพวกมันมากมายนักในเรื่องที่พวกมันไม่รู้มาก่อน  และไม่แน่ใจในกาลต่อมา  พวกมันตื่นเต้นกับข่าวซุบซิบชิ้นใหม่นี้มาก  และถามคำถามมากมายให้เข้าใจได้อย่างเต็มที่  พวกมันถามว่ามันเป็นรูปอะไร  และแมวก็อธิบาย



    “มันเป็นสิ่งแบนราบ”  มันเล่า  “แบนอย่างน่ามหัศจรรย์  แบนอย่างน่าพิศวง  แบนอย่างเปี่ยมเสน่ห์  แล้วยังสละสลวยอีกด้วย  และ...โอ้...ช่างงดงามนัก!”



    คำกล่าวนั้นปลุกเร้าพวกมันเกือบสิ้นสติ  และพวกมันยังบอกว่าจะยอมทำทุกอย่างให้ได้เห็นมันทีเดียว  จากนั้นหมีจึงถามว่า



    “อะไรทำให้มันช่างงดงามนักหรือ”



    “สิ่งนั้นคือลักษณะของมัน”  เจ้าแมวว่า



    นี่ทำให้พวกเขาเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาชื่นชมและไม่แน่ใจมากขึ้น  และยังตื่นเต้นกว่าเดิมอีกด้วย  แล้ววัวถึงถาม



    “อะไรคือกระจกหรือ”



    “มันคือรูบนกำแพง”  เจ้าแมวตอบ  “พวกท่านมองเข้าไป  และนั่นคือรูปภาพ  และมันช่างประณีตและจับใจและแบบบางและดลใจในความงดงามอันจินตนาการมิได้จนศีรษะของพวกท่านจะหมุนไปหมุนมา  และพวกท่านก็เกือบสลบไปด้วยความปลาบปลื้มปีตินยินดี”



    ที่ผ่านมาเจ้าลายังไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร  หากตอนนี้มันเริ่มตั้งข้อสงสัยบ้างแล้ว  มันบอกว่าไม่เคยมีอะไรสวยงามขนาดนี้มาก่อน  และคงจะไม่มีตอนนี้ด้วย  มันกล่าวว่าหากมีอะไรต้องใช้คำคุณศัพท์ยาวเป็นหางว่าวเต็มตะกร้าแบบนี้มาสรรเสริญเยินยอสิ่งที่สวยงามแล้วละก็  มันถึงเวลาจะสงสัยได้แล้ว



    เห็นได้ง่ายว่าข้อสงสัยนี้มีผลกระทบกับบรรดาสัตว์น้อยใหญ่มากนัก  ดังนั้นเจ้าแมวจึงเดินออกไปอย่างขุ่นเคือง  หัวข้อนี้ไม่ได้เป็นที่พูดถึงกันอีกประมาณสองวัน  หากในระหว่างนั้น  ความสงสัยใคร่รู้เริ่มเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว  และความสนอกสนใจที่เห็นได้ชัดก็รื้อฟื้นกลับมาอีกคราว  ครั้นแล้วบรรดาสัตว์ก็กล่าวโทษเจ้าลาที่ทำลายสิ่งซึ่งอาจเป็นความยินดีให้แก่พวกมันได้โดยเพียงแค่สงสัยเล็กน้อยว่ารูปภาพนั้นไร้ซึ่งความสวยงาม  ทั้งๆที่ยังไม่มีหลักฐานใดๆว่าจะเป็นเช่นนั้นเลย  เจ้าลาไม่รู้สึกเดือดร้อนเท่าไรนัก  มันสงบเสงี่ยมตามเคยและบอกว่ามีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะรู้ได้ว่าใครถูกกันแน่ระหว่างมันหรือแมว  คือมันจะไปดูที่รูนั้นเสียหน่อย  แล้วกลับมาบอกว่าพบอะไรที่นั่น  พวกสัตว์ต่างรู้สึกโล่งใจและขอบคุณ  แล้วขอให้มันไปดูเดี๋ยวนั้นเลย  --  ซึ่งเจ้าลาก็ไป



    หากมันไม่รู้ว่าควรจะยืนอยู่ตำแหน่งไหน  ดังนั้นด้วยความผิดพลาด  มันจึงไปยืนอยู่ระหว่างรูปภาพกับกระจกแทน  ผลที่ตามมาคือรูปภาพนั้นไม่ได้มีโอกาสจะปรากฏขึ้นมาเลย  เขากลับบ้านแล้วเล่าว่า



    “แมวโกหก  ไม่มีอะไรในรูนั้นเลยนอกจากลาตัวหนึ่ง  ไม่มีอะไรแม้แต่นิดเดียวที่บ่งบอกถึงอะไรแบนๆในสายตา  จริงอยู่ว่ามันเป็นลารูปหล่อ  แล้วยังเป็นมิตรด้วย  หากมันก็เป็นแค่ลาตัวหนึ่งเท่านั้น  ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้”



    ช้างถามว่า



    “เจ้าเห็นมันชัดเจนตรงดีหรือไม่  เจ้าอยู่ใกล้มันมากไหม”



    “กระหม่อมเห็นมันตรงดีและชัดเจนพะย่ะค่ะ  โอ ฮาธิ  ราชันย์แห่งสัตว์ทั้งมวล  กระหม่อมอยู่ใกล้มันมากจนได้แตะจมูกกับมันด้วย”



    “ช่างประหลาดมาก”  ช้างรำพึง  “เจ้าแมวซื่อตรงมาเสมอ  --  เท่าที่พวกเราบอกได้น่ะนะ  ลองให้พยานอีกคนหนึ่งไปดูหน่อยซิ  ไปเลย  บาลู  มองเข้าไปในรูแล้วกลับมารายงานด้วย”



    ดังนั้นเจ้าหมีจึงไป  พอมันกลับมาก็ตอบว่า



    “ทั้งแมวกับเจ้าลาโกหกพะย่ะค่ะ  ไม่มีอะไรในรูนั้นเลยนอกจากหมีตัวหนึ่งเท่านั้น”



    บรรดาสัตว์ต่างพากันประหลาดใจและสับสนงงงวยเป็นอันมาก  บัดนี้แต่ละตัวร้อนใจจะลองดูเองและหาความจริงแท้มาให้ได้  ช้างส่งพวกมันไปทีละตัว



    ตัวแรกคือวัว  มันไม่พบอะไรในรูนอกจากวัว



    เสือไม่พบอะไรนอกจากเสือ



    สิงโตไม่พบอะไรนอกจากสิงโต



    เสือดาวไม่พบอะไรนอกจากเสือดาว



    อูฐพบเพียงอูฐ  และไม่มีอะไรอื่น



    ราชาฮาธิกริ้วนัก  และกล่าวว่ามันจะรู้ความจริงได้หากไปรับรู้ด้วยตนเอง  เมื่อมันกลับมา  มันว่าคำผรุสวาทด่าข้าทาสบริวารทุกตัวฐานโกหกพกลม  และอยู่ในความโกรธเกรี้ยวอย่างหามิได้กับความมืดบอดทั้งทางจิตกับจริยธรรมของแมว  มันบอกว่าใครๆ...นอกจากเจ้าโง่ตามืดมัวเท่านั้น...ควรจะเห็นได้ว่าไม่มีสิ่งใดในรูเลยนอกจากช้างตัวหนึ่งเพียงนั้น









    คติธรรมจากเจ้าแมว



    ในเนื้องานต่างๆ  ท่านจะหาอะไรก็ตามที่ยกขึ้นมาอ้างได้  หากเพียงท่านจะยืนอยู่ระหว่างมันกับกระจกแห่งจินตนาการของท่าน  ท่านอาจไม่เห็นหูของตนเสมอไป  หากพวกมันจะอยู่ตรงนั้นเสมอ











    (Moral, by the cat



    You can find in a text whatever you bring, if you will stand between it and the mirror of ypur imagination. You may not see your ears, but they will be there)


















    ประวัติผู้เขียน



    มาร์ค ทเวน(Mark Twain)หรือชื่อจริงคือ ซามูเอล คลีเมนส์(Samuel Clemens) เกิดปี ค.ศ. 1835 ในฟลอริดา มิซซัวรี  หลังจากต้องหยุดเรียนเนื่องจากบิดาเสียชีวิตและหางานทำ  เขาจึงท่องเที่ยวไปตามแม่น้ำมิซซิซซิพพี้ใน ค.ศ. 1853  เมื่อต้องหยุดเพราะสงครามก็ผันตนเองมาเป็นนักเขียนคอลัมน์ให้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น  ที่นามปากกามาร์ค ทเวนเกิดเป็นครั้งแรก นามปากกานี้มีความหมายในทางท่องเรือแม่น้ำว่า \"ลึกสองระยะแขน\"  จากนั้นเขาก็ผลิตผลงานที่ประสบผลสำเร็จในทันทีคือ \'The Celebrated Jumping Frog of Calaveras County\' ไม่นานหลังจากแต่งงานกับโอลิเวีย แลงดอนในปี ค.ศ. 1870  ทเวนก็ให้กำเนิดสองเรื่องที่โด่งดังที่สุดของเขาคือ \"การผจญภัยของทอม ซอว์เยอร์\" และ \"การผจญภัยของฮัคเคิ้ลเบอร์รี่ ฟินน์\"  เขาเสียชีวิตในปี 1910



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×