ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Badass Baker เสิร์ฟรักล้นใจให้ยัยตัวแสบ

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 01

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.07K
      23
      29 ก.ย. 56

     

    1

     

    “รูมเมต?” ผมทวนคำและมองหน้าป้ามาร์ธาที่เป็นเจ้าของหอพักนักศึกษา "แต่ที่ตกลงกันไว้ผมได้ห้องเดี่ยวไม่ใช่เหรอครับ"

    “นี่เหลือห้องสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่เอาห้องนี้ป้าก็ไม่มีห้องให้แล้วล่ะ"

    ผมเงียบและก้มมองกุญแจห้องในมือ ผมทะเลาะกับพ่อเลยออกมาอยู่คนเดียว จากตอนแรกที่อยู่บ้านตัวเองก็ต้องย้ายมาอยู่หอพักใกล้กับมหา'ลัย ด้วยความที่มันฉุกละหุกมาก หอพักแห่งนี้จึงเป็นตัวเลือกเดียวเพราะมันยังมีห้องว่างเหลืออยู่

    “แต่ผมไม่ชอบอยู่กับคนอื่นเท่าไหร่...”

    “ถ้าเกิดเอาห้องนี้ ป้าจะลดราคาให้อีก ตกลงมั้ยล่ะ"

    “ลดอีก?” ผมเลิกคิ้ว นั่นเป็นข้อเสนอที่ดีสุดๆ เลย หลังจากตัดขาดกับที่บ้าน เงินเก็บที่มีผมก็ต้องเอาบางส่วนมาใช้เป็นค่ามัดจำห้อง เงินเก็บที่เหลือก็ไม่ได้มีเยอะ ถ้าได้ลดราคาค่าห้องมันก็คงจะช่วยอะไรได้มาก "รูมเมตของผม...เขาเป็นคนยังไงเหรอครับ"

    “รายนั้นไม่ค่อยยุ่งกับใครหรอก พวกโลกส่วนตัวสูง วันๆ ไม่ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันด้วยซ้ำมั้ง" แบบนั้นฟังดูเยี่ยมไปเลยแฮะ เพราะผมเองก็ชอบความเป็นส่วนตัวเหมือนกัน

    “แล้วที่ว่าลดราคาให้นี่ ลดให้เท่าไหร่เหรอครับ" ผมถามและแถมยิ้มไปด้วย ป้ามาร์ธามองหน้าผมก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผู้หญิงเป็นแบบนี้เสมอๆ น่ะล่ะ

    “ก็...ถ้าเธอตกลงเอาห้องนี้ใช่มั้ย ป้าจะลดให้เหลือ...” ป้าบอกตัวเลขที่ทำให้ผมยิ้มออกมา

    “ตกลง" ผมพยักหน้าและโยนกุญแจห้องขึ้นในอากาศก่อนจะคว้ามันไว้ "ผมเอาห้องนี้เนี่ยล่ะ"

    เรื่องรูมเมตอะไรนี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมอยู่แล้ว :)

     

    ยี่สิบนาทีต่อมา...

    ผมยืนอยู่หน้าห้องพักหมายเลข 506 ที่อยู่บนชั้นห้า ห้องใหญ่สุดและมีพื้นที่ใช้สอยเยอะมากพอตามที่ผมต้องการ หอพักอื่นๆ ราคาถูกกว่านี้ แต่ไม่มีห้องครัว ไม่มีเครื่องครัวที่ดีพอ คนที่ชอบทำอาหารมากๆ แบบผมขาดสองอย่างนั่นไม่ได้หรอก ที่สำคัญคือมันเต็มหมดแล้ว ผมวางกระเป๋าเดินทางลงกับพื้นตอนที่หยิบกุญแจออกมาไขประตูห้อง

    ผมไม่ได้ถามป้ามาร์ธาต่อเกี่ยวกับเรื่องรูมเมต และคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร ผมเองก็เป็นคนสบายๆ เข้ากับคนได้ง่าย ตราบใดที่รูมเมตผมไม่ใช่ตัวประหลาดหรือโรคจิตที่คอยตามติดชีวิตคนอื่น ผมก็โอเคล่ะ ผมผลักประตูห้องเข้าไปและก็ต้องผงะกับกลิ่นอับที่ตีเข้าหน้ามา...

    นี่มัน...อะไรกันเนี่ย...

    ผมอ้าปากค้างยืนมองภาพตรงหน้าและคิดหาคำมาบรรยายไม่ออก สิ่งแรกที่ผ่านเข้ามาในหัวคือ...

    ผมรังเกียจที่นี่...

    และมัน...สกปรกมาก...

    มันไม่เหมือนภาพตัวอย่างที่ผมเห็นทางอีเมลเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกตารางเมตรของห้องขนาดกว้างเต็มไปด้วยข้าวของมากมาย ของที่เห็นแล้วผมต้องเบ้ปากอยากจะอ้วกออกมา นั่นมัน...ถ้วยโยเกิร์ตที่กองสูงเท่าเอวผมจริงๆ ใช่มั้ย หรือว่าผมแค่ตาฝาดไป =_=;; และนั่น...นั่นมันซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ยัดใส่ถุงดำขนาดใหญ่จนพองไปหมด ผมก้าวขาเข้ามาในห้องและเอื้อมมือไปกดเปิดสวิตช์ไฟ ยิ่งสว่างมากขึ้นเท่าไหร่ผมยิ่งรู้สึกขยะแขยงมากขึ้นเท่านั้น หนังสือราวๆ สามร้อยเล่มวางกระจัดกระจายเป็นกองๆ อยู่ทุกมุมห้อง ชั้นหนังสือก็มี แต่ไม่ใช้เก็บ มันกลับกลายเป็นที่วางถุงขนมที่มองคร่าวๆ แล้วน่าจะอยู่ตรงนั้นมาไม่ต่ำกว่าสามเดือน

    ผมก้าวถอยหลังแล้วหันไปมองหมายเลขห้องตรงประตูอีกครั้ง

     

    '506'

     

    ก็ไม่ผิดนี่...

    ผมก้าวขาเข้าไปข้างในอีกรอบ และตัดสินใจว่าจะไม่มีทางอยู่ที่ห้องนี้เด็ดขาด ผมกลอกตาอย่างหงุดหงิดและกำลังจะหันหลังเดินหนี แต่ก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบๆ ซะก่อน ผมหันไปมองตามหาเสียงนั้น ดูเหมือนว่ามันจะดังมาจากกองถุงพลาสติกที่อยู่ตรงกลางห้องนะ หรือว่ามันจะมีหนู...

    “กรี๊ดดด!!” เสียงแหลมปรี๊ดดังขึ้นมาทำเอาผมสะดุ้งโหยงและเอามือปิดหูอย่างรวดเร็ว ผู้หญิงคนหนึ่งทะลึ่งตัวขึ้นมาจากกองถุงพลาสติกทำเอาข้าวของลอยกระเด็นขึ้นบนอากาศ เธอเป็นผู้หญิงจริงๆ ใส่เสื้อยืดย้วยๆ สีเขียวอื๋อ แว่นกรอบสี่เหลี่ยมหนาปั่ก และ...ผมสีแดง...แดงแบบ...เอเรียลนางเงือกน้อย...มันมีคนทำผมสีนี้ด้วยเหรอนอกจากพวกดารานักร้องน่ะ -O-;

    ผมอ้าปากค้างและมองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ผู้หญิงคนนั้นใช้มือปัดอะไรออกไปจากแขนก่อนจะรีบลุกขึ้นมายืน

    “โธ่เอ๊ย แมลงสาบนี่เอง นึกว่าอะไร -_-”

    “...”

    แมลงสาบนี่เอง...?

    แมลงสาบไต่แขนแล้วยังจะทำหน้าแบบนี้ได้อีกน่ะเหรอ =O=;

    “นายเป็นใคร" คำถามนั้นดังขึ้นตอนที่เธอเงยหน้ามาเห็นผมพอดี

    “เอ่อ...ฉัน...” ผมอึกอักและมองหน้าเธอ "เธอคือเจ้าห้องของนี้รึเปล่า"

    “ใช่น่ะสิ"

    “งั้นฉันก็คงเป็น...รูมเมตเธอมั้ง"

    “หา?"

    “ป้ามาร์ธาไม่ได้บอกไว้เหรอ"

    “บอก...มั้ง" เธอเกาศีรษะแกรกๆ "ฉันจำไม่ได้เหมือนกัน แต่เหมือนจะไม่ได้บอกนะ"

    “แต่ไม่เป็นไร ผมคง...ไม่อยู่ที่นี่หรอก" ผมแสดงออกทางสีหน้าชัดเจนว่าเพราะอะไร ความสกปรกของห้องนี้มันเหนือคำบรรยายจริงๆ

    “ห้องฉันรกนิดหน่อยน่ะ ช่วงใกล้เดดไลน์ก็อย่างนี้แหละ" เธอพึมพำอะไรคนเดียวและเตะสิ่งของออกไปรอบๆ ด้าน "จริงๆ ป้ามาร์ธาบอกฉันไว้แล้วล่ะเรื่องที่จะหารูมเมตมาให้น่ะ พอดีช่วงหลังๆ ฉันช็อตๆ น่ะ เลยไปขอลดค่าเช่าห้อง ไม่กี่วันถัดมาป้ามาร์ธาก็เสกนายขึ้นมาเลย ไวจริงๆ"

    “แต่ฉันคงไม่อยู่...”

    “เพราะห้องฉันรกน่ะเหรอ O_O”

    “-_-;;”

    “นายอย่าจุกจิกไปหน่อยเลยน่า เป็นผู้ชายซะเปล่า"

    “เธอเป็นผู้หญิง คงไม่อยากได้ฉันเป็นรูมเมตหรอก"

    “โอ๊ย สบายมาก ฉันมีพี่ชายสามคนนะ เลยชินกับการใช้ชีวิตกับผู้ชายสุดๆ สบายใจได้" แต่ฉันมีปัญหากับความสกปรกของเธอ -_- ผมไม่ได้พูดคำนั้นออกไปและคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ควรจะทำอะไรต่อดี แต่อีกฝ่ายก็ถามแทรกก่อน

    “นี่กี่โมงแล้วงั้นเหรอ"

    ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะเอ่ยตอบ "บ่ายสองครึ่ง"

    “บะ...บ่ายสองครึ่ง!!” อีกฝ่ายตะโกนดังลั่น "ฉันมีนัดตอนบ่ายสาม เฮ้ย!!” แล้วหล่อนก็วิ่งหนีเข้าไปในห้องที่ดูเหมือนว่าจะเป็นห้องนอน

    “เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อนสิ ฉันว่าเราต้องคุยกันนะ"

    “ฉันไม่มีเวลาหรอก" อีกฝ่ายตะโกนออกมาจากในห้องนอน

    “เฮ้ย ไม่ได้นะ ถ้าไม่คุยกันให้รู้เรื่องแล้วฉันจะทำยังไงต่อล่ะ เธออยากได้รูมเมต...”

    “จริงๆ ฉันไม่อยากได้รูมเมตหรอก ฉันก็แค่อยากได้ห้องราคาถูกเท่านั้นเอง"

    “ฉันก็อยากได้ห้องราคาถูกเหมือนกัน แต่สภาพห้องแบบนี้ฉันอยู่ไม่ได้หรอก"

    “มันแค่รกนิดหน่อยเองนะ"

    “มันสกปรกมาก"

    “นายนี่เป็นผู้ชายปากร้ายจังเลยนะ"

    “-_-”

    “ตกลงว่านายจะไม่อยู่ที่นี่จริงๆ งั้นเหรอ"

    “ไม่ จนกว่าเธอจะทำความสะอาดห้อง"

    “ฉันไม่มีเวลาหรอก"

    บทสนทนาทุกอย่างเกิดขึ้นในระหว่างที่ผมกำลังเดินผ่านกองขยะไปทางห้องนอนเธอ ส่วนเจ้าของห้องผมแดงก็ยังอยู่ข้างในนั้น ผมเดินไปถึงหน้าห้องนอน แล้วก็ต้องยืนนิ่งค้างเมื่อพบว่าอีกฝ่ายกำลังถอดเสื้อออก หน้าท้องแบนราบที่โผล่พ้นขอบเสื้อมาทำให้ผมเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ หุ่นไม่เลวนี่...

    “อุ๊ย โทษที ลืมปิดประตู" อีกฝ่ายหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาดันประตูห้องนอนปิด

    เป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงตะโกนด่าผมไปแล้ว แต่ยัยนั่นกลับหัวเราะแห้งๆ และปิดประตูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมไม่มีท่าทีจะเขินอายด้วยเนี่ยนะ =_=

    “ฉันก็ไม่ได้อยากหาห้องใหม่หรอกนะ แต่ถ้าสภาพห้องยังเป็นแบบนี้ฉันอยู่ไม่ได้จริงๆ ทำไมเธอไม่ตอบตกลงว่าจะทำความสะอาดห้องนี้สักทีล่ะ ถ้าเราแชร์ห้องกันได้ เธอจะได้ประหยัดค่าเช่าห้องไง ไหนๆ เธอก็ไม่มีปัญหากับการมีรูมเมตผู้ชายนี่ งั้นก็เยี่ยมไปเลย แต่ขอห้องแบบ-สะ-อาด-สะ-อาดเท่านั้นแหละ" ผมเน้นคำอย่างประชดประชัน

    “นายไปหาห้องใหม่เถอะ ฉันไม่มีเวลามานั่งเก็บกวาดจริงๆ " อีกฝ่ายตะโกนตอบ คำตอบของยัยนั่นทำให้ผมกำหมัดแน่นอย่างเริ่มอารมณ์ขึ้น ไปหาห้องใหม่เถอะ? แค่ทำความสะอาดแล้วจะได้มีคนมาช่วยออกค่าเช่าห้องให้ทุกเดือนเนี่ยนะ ยัยนี่เกลียดการทำความสะอาดขนาดนั้นเลยเหรอไง

    “เธอไม่ลองคิดดูอีกทีล่ะ ชั่งน้ำหนักหน่อยว่าระหว่างการ...”

    ประตูห้องถูกกระชากเปิดออกมา และ...หือออออ

    “เธอเป็นใคร -_-”

    “ฉันไม่มีเวลาจริงๆ" ผู้หญิงปริศนาตอบ ประโยคนั้นทำให้ผมขมวดคิ้วและเลิกคิ้วภายในไม่กี่วินาที ผมตั้งสติได้หลังจากนั้นไม่นานก่อนจะตระหนักได้ว่า...ผู้หญิงที่เพิ่งเดินออกมาคนนี้คือคนเดียวกับยัยเพิ้งที่เดินเข้าห้องไปในตอนแรกนี่นา! พอเธอถอดแว่นออกแล้วผมก็สามารถเห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจัดของเธอได้ชัดขึ้น ผมสีแดงเพลิงแสกกลางยาวถึงเอวยุ่งเล็กน้อยจากการขยี้ของเจ้าตัวเอง เธอสวมเสื้อกล้ามเอวลอยกับกระโปรงยีนเอวสูง และทับด้วยเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ

    สวยนี่...

    “นายยิ้มอะไร -_-”

    “เปล่า" ผมรีบหุบยิ้ม ไอ้นิสัยชอบผู้หญิงสวยนี่แก้ไม่หายจริงๆ

    “ตกลงคือนายจะหาห้องใหม่ใช่มั้ย"

    “เธอไม่คิดจะพิจารณาให้ฉันเป็นรูมเมตของเธอหน่อยเหรอ ฉันมีประโยชน์นะ ฉันเรียนสาขา Culinary Arts นั่นแปลว่าฉันทำอาหารเก่งมาก แล้วก็เป็นคนรักความสะอาดด้วย ไม่ทำห้องรกแน่นอน นอกจากนั้นฉันยังไม่ชอบปาร์ตี้ ไม่ชอบพาเพื่อนมาบ้าน ไม่เปิดแอร์ทิ้งไว้เพราะจริงๆ ฉันเป็นคนขี้หนาว อยู่กับฉันมีแต่ได้กับได้นะ"

    “ทำไมนายต้องทำเสียงแบบนั้น"

    “เสียงแบบนั้น?”

    “เหมือนตอนที่เจมส์ บอนด์พยายามกล่อมสาวบอนด์ให้นอนกับเขา -_-”

    “ฉันไม่ได้...” ผมทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ หรือผมจะไม่รู้ตัว บอกแล้วไงว่านิสัยชอบผู้หญิงสวยอย่างออกนอกหน้ามันแก้ไม่หายจริงๆ ผู้ชายที่ไหนก็ชอบผู้หญิงสวยทั้งนั้นล่ะ มันห้ามกันได้ที่ไหน

    “ช่างเถอะ ฉันไม่มีเวลาจริงๆ " เธอยกมือห้ามก่อนที่ผมจะพูดอะไร จากนั้นเธอก็เดินลุยดงขยะไปพลางก้มหน้ามองหานั่นนี่ ผมมองตามเธออย่างลืมตัว ผู้หญิงคนนี้...สวยจริงๆ ว่ะ สวยมากจนผมต้องยื่นหน้าเข้าไปมองในห้องนอนเธอใหม่เพื่อหาว่าจริงๆ แล้วมีอีกคนอยู่ในนั้นมั้ย ยัยเพิ้งคนที่ลุกออกมาจากกองขยะต้องไม่ใช่ผู้หญิงสวยคนนี้แน่...

    “อ๊ะ เจอแล้ว" เธอหยิบรองเท้าผ้าใบสีขาวที่อยู่ท่ามกลางกองขยะขึ้นมา "อุ๊ย เข้าไปอยู่ในนั้นได้ไงเนี่ย" เธอพึมพำแล้วคว่ำรองเท้าก่อนจะเคาะๆ จน...แมลงสาบที่อยู่ในนั้นร่วงลงมา จากนั้นเจ้าหล่อนก็ใส่รองเท้าต่อได้หน้าตาเฉย

    “...”

    “นายออกไปแล้วอย่าลืมล็อกห้องให้ด้วยนะ" เธอหันมาบอกผม ก่อนจะเดินฝ่าดงขยะออกไปตรงประตูห้อง โดยไมลืมหันมาปิดประตูไล่หลังดังปัง ผมยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิม สมองประมวลภาพที่เห็นได้ไม่ทัน ต่อให้สวยขนาดไหน แต่ถ้าพักอยู่ในห้องที่สกปรกขนาดนี้ก็ไม่ไหวมั้ง =_=; ผมกำลังจะก้าวออกจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ แต่ประตูห้องก็ถูกผลักเปิด ก่อนที่ยัยผมแดงจอมซกมกจะชะโงกหน้าเข้ามา

    "นายชื่ออะไร"

    “ดะ...แดช"

    “ฉันเรเน่" เธอบอกพร้อมกับฉีกยิ้มยิงฟันเหมือนเด็กๆ รอยยิ้มนั้นทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาและพยักหน้า

    “ยินดีที่ได้รู้จักเรเน่"

    “ยังไงนายช่วยปิดประตูห้องนอนฉันให้ด้วยนะ ฉันไม่อยากให้เจเล่กับจีจี้เข้าไปในห้องนั้น"

    “เจเล่กับจีจี้?”

    “หนูในห้องน่ะ (' ')”

    “-O-”

    “แต่ไม่ห้องห่วง มันไม่ทำอันตรายหรอก ฉันแค่ไม่ชอบเสียงจี๊ดๆ น่ะ มันทำให้ฉันนอนไม่หลับ"

    นะ...หนู...

    “แค่นั้นล่ะ ไปแล้วนะดั๊ก!”

    “ฉันชื่อ...”

    ปัง!

    ยัยนั่นปิดประตูเสียงดังอีกครั้ง ผมยังไม่ทันมีโอกาสได้แก้เลยว่าผมชื่อแดช ไม่ใช่ดั๊กอะไรนั่น แต่ช่างเถอะ ผมถอนหายใจและหันไปมองรอบๆ ตัว นอกจากหนูกับแมลงสาบแล้วในห้องนี้ยังมีอะไรอีกมั้ยเนี่ย...

    ไม่ไหว...สวยแค่ไหนก็ไม่ไหวจริงๆ -_-

    ลูกชุบ : ฟ้อนมันอ่านได้มั้ยอ่ะ ไม่ได้เม้นบอกด้วยนะ ถ้าเล็กไปก็บอกได้ >> เล่มนี้ออกงานหนังสือนี้นะคะ ฝากติดตามด้วยค่า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×