ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สหายกล้า...นาวิกโยธิน

    ลำดับตอนที่ #7 : การฝึกภาคสนาม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 73
      0
      15 ม.ค. 48

                     เช้าวันจันทร์ ทหารฝึกเตรียมพร้อมถึงขีดสุด ในการฝึกภาคปฏิบัติเป็นระยะเวลา 7 สัปดาห์ หรืออาจช้ากว่านั้น กำลังใจทุกนายเต็มเปี่ยม ทหารทุกนาย รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ หลังจากรอคอยมานานนับ ครึ่งปี ทุกนายถูกกำชับว่า “นี่คือการฝึกที่ต้องการให้เหมือนจริงที่สุด”



                    ตลอดช่วงเช้า มีการขนยุทโธปกรณ์นับไม่ถ้วนจากส่วนกลางและจากหน่วยทหารอื่น เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของทหารฝึก ทุกนายไม่เคยเห็นการขนยุทโธปกรณ์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เรือรบที่ใช้ในการฝึกกว่า ร้อยลำ เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินทุกชนิดกว่า 200 ลำ ปืนชายฝั่งอีกนับร้อยกระบอก ปืนต่อต้านอากาศยานกว่านับสิบชนิด และรวมจำนวนพลที่จะเข้ารับการฝึกกว่า 8,000 นาย เป็นหน่วยนาวิกโยธิน 653 นาย พลสื่อสาร 112 นาย หน่วยกองบินนาวิกโยธิน 82 นาย และที่เหลือเป็นกำลังพลจากกองทัพบก ที่มีหน้าที่คือ “ยกพลขึ้นบก”



                     หากจะถามความแตกต่างของการยกพลขึ้นบกของทหารราบกับนาวิกโยธินต่างกันอย่างไร คำตอบคือ นาวิกโยธิน จะยกพลขึ้นบกเป็นกลุ่มแรก จะมีกำลังพลประมาณ 1 ใน 10 ของกำลังพลที่จะยกพลขึ้นบกของเรือแต่ละลำ (เช่นหากมี 1000 นายที่จะยกพลขึ้นบก จะเป็นนาวิกโยธิน 100 นาย) หน้าที่ของนาวิกโยธินคือการประจันหน้ากับพลชายฝั่ง นาวิกโยธิน จะมีอาวุธหนักทุกชนิดที่สามารถพกติดตัวได้ “เราจะฆ่ามันได้มากกว่า แต่ปัญหาคือเรามีน้อยกว่ามัน” คำกล่าวของ “เจฟ โฮแกน” ปืน ค. คืออาวุธสำคัญของนาวิกโยธิน มีอำนาจการทำลายล้างสูงสุด รองลงมาคือ ปืนกลยิงเร็ว (สำหรับสองนาย) นอกจากนั้นก็มี อาร์พีจี  และ ปืนกลประจำตัว ปืนพก และ ดาบปลายปืน



                  นาวิกโยธิน ที่ดีจะต้องหาจุดอ่อนของแนวรับบนชายฝั่งให้เร็วที่สุด เพราะหากพบแล้ว จะมีการระดมเข้าโจมตีเฉพาะจุดนั้นเพียงจุดเดียว มันคล้ายกับการพังกำแพงเมือง ไม่จำเป็นต้องทำลายทั้งแถบ เพียงแค่มันพังเพียงจุดเดียวเราก็เข้าเมืองได้



                  ช่วงเช้าในวันนั้นมีเพียงการกล่าวเปิดการฝึกของ “พลโท วิลเลี่ยม พี ค็อก” เป็นสุนทรพจน์ที่น่าเบื่อมาก คือ เหมือนท่องตามแบบแผน ตามพิธีการ แถมยืดเยื้ออีกต่างหาก



                   การฝึกที่แท้จริงเริ่มขึ้นในช่วงบ่าย “หน่วยที่ 8 ” ถูกสั่งให้รวมกันเป็นกองเดียว ไม่มีการแบ่งเป็นหมวด ด้วยเหตุผลว่า มีจำนวนพลน้อยเกินไป ทั้งยังถูกสั่งให้ไปรวมกับพวกหน่วยที่ 6 ซึ่งเป็นหน่วยที่หน่วยที่ 8 มีเรื่องในร้านสวัสดิการด้วยประจำและมากครั้งที่สุด แต่ความเกลียดขี้หน้ามีเฉพาะในหมู่พลทหาร ไม่ได้รวมไปถึง นายทหารด้วย นายสิบประจำหน่วยทั้งสอง จึงมีหน้าที่คั่นกลางทหารทั้งสองฝ่าย



                    การฝึกแรกเป็นการฝึกเดินทางไกลเลาะป่า “คลอฟ มิกเนียร์” จากหน่วยที่ 6 มีความเชี่ยวชาญในการใช้เข็มทิศมาก เป็นที่เลื่องลือแม้แต่ในหมู่ของนายทหาร ได้รับตำแหน่งเป็นพลนำทาง ในการเดินทางไกล 20 ไมล์ โดยนายทหารจะไม่มีสิทธิ์เข้าไปช่วยเหลือเกินหน้าเกินตา มีแต่จะให้คำปรึกษาได้ ส่วน นายสิบ มีหน้าที่ควบคุมการฝึกเท่านั้น เป็นการฝึกกองทหารฝึกใหม่จริงๆ



                     โจทย์ในการเดินทางมีอยู่อย่างเดียว คือ “เดินตามทางเดินที่มีคนเดินผ่านครั้งสุดท้าย และ จุดหมายคือลำธารที่หนึ่ง” ซึ่งให้มาพร้อมกับแผนที่ซึ่งไม่มีทางเดินอยู่ในนั้น



                    จากเวลาเริ่มเดินทาง 15.00 น. ทุกนายรู้ดีว่าจะต้องเดินจนดึกแน่ๆ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการนำทางของ มิกเนียร์ ซึ่งออกท่าทีว่าจะเกิดปัญหาในตอน สองทุ่ม เพราะเขารู้ทิศทางแต่ไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหน !! ตำแหน่งของจุดที่ยืนอยู่ มิกเนียร์ก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ



                    “มิกเนียร์” ในตอนนั้นตัวสั่นเทา เหงื่อนองเต็มหน้าทั้งๆ ที่อุณหภูมิเพียง 10 องศา เขาสามารถบอกได้ว่าทิศไหนคือทิศไหน แต่เขาไม่มีเซนต์ ในการดูลักษณะทางเดินที่ถูกต้อง ทหารบางนายของหน่วยที่ 8 ตะโกนด่า มิกเนียร์อย่างรุนแรง ทำให้ไม่เป็นที่พอใจของทหารอีกหน่วย เกือบจะมีเรื่องชกต่อย นอกสังเวียนประจำ หากเหล่านายสิบไม่เข้ามาห้าม



                     “ฮาวี่  เดนสัน” เดินเข้าไปจะให้คำปรึกษา แต่ก่อนฮาวี่ จะถึงตัว มิกเนียร์ “แอนโธนี่ ดาร์ตัน” แทรกตัวตัดหน้า “ฮาวี่” ไปหา มิกเนียร์ เพื่อขออาสา ทำหน้าที่พลนำทางแทน



                      มิกเนียร์ ยอมแต่โดยดี ทหารหน่วยที่ 8 ตะโกนโห่ฮาใส่หน่วยที่ 6 ประหนึ่ง ถูกตัดสินให้ชนะคดีความในศาล “ดาร์ตัน” ใช้เข็มทิศเป็นแต่ไม่เก่งเท่า มิกเนียร์ แต่จุดสำคัญที่เป็นจุดเด่นของเขา คือ “เขาคือลูกนายพรานล่าสัตว์ป่า” เชี่ยวชาญในการเดินป่าเป็นอย่างดี ทั้งภาคกลางวันและกลางคืน โจทย์ที่ให้มาในการเดินทางคือ “ทางเดินที่เคยมีคนผ่านครั้งสุดท้าย และ ลำธารที่ 1 (ซึ่งเป็นจุดพักในคืนนั้น)



                     “เราไม่ทราบว่า “ดาร์ตัน” มันเก่งมากจากไหน ทำไมมันเก่งอะไรกันนักกันหนา เจ้าหมอนี่ลูบๆ คลำๆ เปลือกไม้ก็รู้แล้วว่าเราอยู่ที่ไหน จากจุดนั้น ดารตัน ใช้เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมงเดินทางมาถึงยังลำธารที่หนึ่ง” คำให้การของ แอรอน แม็คคารีดส์



                      หลังจากหน่วยทั้งสองเดินทางมาถึงเป้าหมายแล้ว ทั้งหมดจัดแถวเพื่อฟังสรุปผลงาน ทุกนายโดนตัดคะแนนเรื่องความประพฤติ เพราะไปทะเลาะกันอยู่กลางป่า แต่คะแนนความสามารถเราได้เต็ม……!!



                    “โรบิน เอ็ดเวิดส์” กล่าวว่า “หากเราไปทะเลาะกันอยู่กลางป่าในสถานการณ์จริง เราคงจะตายกันทั้งกองแน่ๆ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ก่อนจะได้ทานอาหารมื้อดึกในคืนนั้น “แฟร้งค์” จะสั่งลงโทษทั้งสองหน่วยอย่างหนัก พร้อมทั้งแหกปากด่าแบบไม่ยั้ง”



                     เช้าวันต่อมา ทั้งสองหน่วยถูกปลุกแต่เช้า ทั้งๆ ที่เราเพิ่งนอนเอาตอนตีสอง คำสั่งให้เราเตรียมพร้อมในชุดพร้อมรบ เพื่อลงจากลำธารไปสมทบกับกองกำลังที่หาดที่ 12 เพื่อจะขึ้นเรือขนส่งเพื่อจะฝึกระเบียบการขึ้นเรือในช่วงบ่าย ทหารฝึกใช้เวลาไม่ถึง 2 นาทีในการแต่งตัวและเก็บเครื่องนอน และเรียงคิวเพื่อรับอาหาร คือ ขนมปังทาเนยกับนมขวด 250 cc.  ทหารฝึกไม่มีแม้แต่เวลานั่งทาน จะต้องเดินไปทานไป ทหารบางนายยังไม่รู้ตัวว่าตนเองตื่นเมื่อไหร่ พอได้ยินเสียงนกหวีดก็เหมือนเป็นสวิตซ์อัตโนมัติ ให้ลุกจากที่นอน แล้วแต่งตัวโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป………!!



                       คำสั่งคือ “วิ่งตามทางที่ทำสัญลักษณ์”



                      ไม่มีการบอกระยะทางแต่เราก็วิ่งไปอย่างมุ่งมั่น ไม่มีความเหนื่อยใดในตอนนั้นมีแต่เพียงความล้าจากเมื่อคืนที่ยังตกค้างอยู่ในทุกนาย เราวิ่งจนมาถึงหาดที่ 12 ตามคำสั่ง และตามเวลาที่กำหนด เมื่อเข้ารายงานต่อหัวหน้าหน่วยฝึกประจำหาดเสร็จเรียบร้อย หน่วยที่ 8 เราก็ได้พบกับ “ผู้การ เชอร์ตัน ฟอร์ด”  หัวหน้าบังคับการฝึกของพวกเรา “ฟอร์ด” ยังกล่าวทักพวกเราอย่างเป็นกันเองว่า “เอ้า !! ชุดฝึกนาวิกโยธินเปื้อนแล้ว ไม่ถอดไปซักหน่อยเหรอ” ก่อนที่พวกเราจะก้มดูชุดสุดที่รักของตนและเพื่อนที่เคยหวงถึงกับกอดนอนทุกคืน ซึ่งตอนนี้มันอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้เลย เพราะตอนที่วิ่งลงมา บางครั้งก็ต้องยอมลื่นไถลลง ด้วยทางที่มีโคลนผสมปนเป อยู่กับดิน สร้างอารมณ์ขันให้กับพวกเราได้พอสมควร



                      ฟอร์ด บอกพวกเราว่า ขอให้พวกเราพวกพ้นจากการฝึกการใช้ชีวิตบนเรือก่อน แล้วเราจะได้เข้าสู่หัวใจของการฝึกที่แท้จริงหลังจากยกพลขึ้นบกที่ชายฝั่งอีกแห่งหนึ่ง โดยผู้บังคับการของเราสองคนคือ “เจฟ” กับ “แฟร้งค์” จะไปรอพวกเราที่ชายฝั่งอีกแห่งซึ่งในตอนนั้นยังปิดเป็นความลับ ไม่มีทหารฝึกนายใดรู้ โดย “หมวด ฮาวี่”  จะอยู่กับเราบนเรือ พร้อมกับนายทหารควบคุมการฝึกที่จะทำหน้าที่แทนบนเรือ





                                                                                                                                      โปรดติดตามตอนต่อไป

                      

              

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×