ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประวัติความเป็นมาของเทพเจ้า

    ลำดับตอนที่ #11 : เทพโอดิน (Odin)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.7K
      16
      27 ต.ค. 50

           เทพโอดิน (Odin)


    นามของโอดีน

    โอดีน เป็นมหาเทพที่เป็นหัวหน้าอยู่เหนือทวยเทพทั้งหลายในตำนานทางยุโรปเหนือ  ชื่อโอดีนมีความหมายแปลว่า “ตื่นเต้น” “โกรธา” และ “กวีนิพนธ์”   โอดีนมีบทบาทเกี่ยวพันละเป็นองค์อุปถัมภ์ของหลากหลายกิจการ ตั้งแต่ การสงคราม ปัญญา สงคราม และ ความตาย  นอกจากนี้ยังถือว่าโอดีนเป็นเทพเจ้าแห่งอาคมมนตรา การพยากรณ์ ชัยชนะ และการล่าสัตว์ด้วย

    โอดีนมีสมญานาม นามเรียกขานที่แตกต่างออกไปมากมาย ซึ่งนั่นก็มาจากรูปแบบทางกวีนิพนธ์ของทางยุโรปเหนือนั่นเอง เพื่อใช้คำที่อ้างสื่อถึงบุคคลเดียวกันแต่ใช้ชื่อเรียกขานแตกต่างกัน เป็นทั้งความงามสละสลวยทางภาษา และเป็นรูปแบบปริศนาสำหรับสอดแทรกในงานกวีนิพนธ์ด้วย  นามเรียกขานโอดีนอื่น ๆ ที่เด่นชัดก็มี อัลฟอร์ (บิดาแห่งทั้งมวล สื่อถึงโอดีนที่เป็นมหาเทพ บิดาแห่งทุกสรรพสิ่งนั่นเอง) อิก, โบลเวิร์ค, กริมเนียร์ เป็นต้น

    ลักษณะทั่วไปของโอดีน

       โอดีนมีลักษณะปรากฏอย่างหลากหลาย ทั้งในแง่จอมปราชญ์อาวุโสผู้ดูคงแก่เรียน หรือนักรบที่ทรงหลังม้าอย่างกล้าหาญ โอดีนมีดวงตาเพียงข้างเดียวเท่านั้น เพราะเขาได้สละดวงตาข้างซ้ายใส่ลงไปในน้ำพุแห่งมิเมอร์ เพื่อที่จะได้มาซึ่งภูมิปัญญา องค์ความรู้แห่งยุคสมัย นอกจากนี้โอดีนยังเกี่ยวข้องกับการล่าสัตว์ด้วย

       เมื่อนักรบผู้กล้าได้สูญเสียชีวิตตายลง วาลคิรี่จะนำพาดวงวิญญาณของนักรบผู้กล้านั้นมายังห้องโถงแห่งวัลฮาร่า สถานที่ซึ่งโอดีนจะให้การต้อนรับนักรบผู้กล้านั้นด้วยการให้เกียรติอย่างดี บรรดาวิญญาณของวิญญูชนเหล่านี้ จะถูกเรียกว่า เอนเฮอร์จาร์ จะได้รับความสุขสม ความชื่นชมยินดีเปี่ยมสุขอย่างเต็มที่ในงานเลี้ยงอันมิวันเลิกราที่จัดโดยโอดีน ร่วมฉลอง ร่วมชื่นชมยินดี ซ้อมรบ ซ้อมต่อสู้กันไปเรื่อย ๆ เป็นการเตรียมพร้อมก่อนจะถึงสงครามศึกใหญ่ครั้งสุดท้ายที่พวกเค้าจะเข้าร่วมด้วย ซึ่งนั่นก็คือสงครามของบรรดาทวยเทพในวันแร็คน่าร็อคนั่นเอง

       โอดีนในฐานะเทพแห่งสงครามถือว่าเป็นผู้นำพามาซึ่งชัยชนะในสนามรบ ในบางตำนานทีกล่าวถึงบทบาทโอดีนในสนามรบไว้ว่าเป็นผู้เริ่มเปิดฉากการรบด้วยการขว้างหอก กุนกุเนียร์ หอกประจำตัวของตนออกไป เป็นการเปิดฉากสงครามการต่อสู้ในครั้งนั้น ก่อนจะส่งวาลคิรี่ทั้งหลายออกไปช่วยชักนำพาสงครามให้เป็นไปอย่างที่เขาต้องการ

       โอดีนในฐานะ นักแปลงร่าง เชื่อว่าโอดีนมีความสามารถเปลี่ยนรูปร่างภายนอกของตนเองได้ดังใจปรารถนาด้วย ซึ่งหลายต่อหลายครั้งโอดีนก็ได้แปลงรูปร่างของตนเองออกมาเป็น ชายชราผู้มีตาข้างเดียว ถือไม้เท้าใช้ในการเดินทาง และมีเคราสีเทา แต่งตัวเหมือนชายชรานักเดินทางธรรมดาทั่วไป และใช้รูปลักษณ์นี้ในการออกผจญภัยไปยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกด้วย

       โอดีนในฐานะผู้รักษา จอมอาคมมนตรา และจอมพยากรณ์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดแนวคิดทางชาแมนด้วย

    วงศ์วาน
     
       โอดีนเป็นบุตรของเทพ เบสท์ลา กับ บอร์ มีน้องชายอีก 2 คนชื่อ วี กับ วิลี  ด้วยการร่วมแรงกันกับน้องชายทั้ง 2 ก็ยังผลให้โอดีนสามารถสยบยักษ์น้ำแข็ง ยเมียร์ ลงได้ และได้สร้างโลก มิดการ์ด ขึ้นมาจากร่างกายของยเมียร์
    โอดีนมีภริยามากมายตามอย่างแนวคิดของเทพสมัยโบราณ และแน่นอนทำให้โอดีนมีบุตร ธิดา ผู้เปี่ยยมด้วยพลังและปัญญาออกมามากมาย  ซึ่งที่เด่น ๆ  ก็มีดังนี้

    -ฟริกก์ ภริยาแรกสุดของโอดีนเป็นผู้ได้ให้กำเนิด บัลเดอร์ ตัวแทนแห่งความสุขสม ความดีงาม ปัญญา และ ความงาม
    เรื่องความรักที่ฟริกก์มีต่อบัลเดอร์บุตรของนางนั้นเป็นที่เลื่องลือมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินท่องไปยังโลกของนางเพื่อปกป้องบุตรของนางจากชะตากรรมแห่งความตาย

    -ยอร์ธ ยักษณีผู้นี้ ด้ให้กำเนิดเทพสายฟ้า ธอร์ ผู้มีชื่อเสียงออกมานั่นเอง

    -ไกรเดอร์ ยักษณีเช่นเดียวกันและได้ให้กำเนิด วิดาร์

    -รินดา ได้ให้กำเนิด วาลี

    และอื่น ๆ ที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึง ณ ที่นี่

    ผู้ให้กำเนิดอักษร รูน

       เชื่อว่าโอดีนเป็นผู้คิดค้นให้กำเนิดอักษร รูน (Rune) ที่ทางยุโรปเหนือใช้ขึ้นมา โดยเชื่อว่าอักษรรูนเป็นผลขององค์ความรู้ที่โอดีนได้รับมาจากการแขวนตัวเองไว้กับต้นไม้โลกอิคดราซิล

    สถานที่พำนัก

       โอดีนมีที่พำนักอยู่ในดินแดนแห่งทวยเทพ แอสการ์ด  

    สถานที่แรกคือ กลัดเชม ห้องโถงขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับดำเนินการประชุมร่วมกับผู้คุ้มกฎทั้ง 12 และเป็นสถานที่สำหรับจัดการเรื่องราวทั่วไปที่เกิดขึ้นในแอสการ์ด

    วาลาสคิอัลฟ์ อาคารสีเงินที่ยกสูงอยู่ในอากาศ

    ฮิลด์สคิอัลฟ์ สถานที่อันเป็นที่ตั้งของบัลลังก์ของโอดีน สถานที่ซึ่งโอดีนสามารถนั่งสอดส่องเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนโลกได้

    สุดท้ายคือวัลฮาลา สถานที่เลี้ยงต้อนรับวิญญาณของบรรดานักรบผู้จบชีวิตลงอย่างกล้าหาญในสนามรบนั่นเอง
    วัลฮาลาประกอบด้วยประตู 540 บาน ห้องโถงใหญ่ประดับประดาด้วยทองคำ และมีโล่ หอก และ เกราะทั้งหมดทำมาจากทองคำถูกทองห้อยประดับตกแต่งอยู่รอบ ๆ





    ของวิเศษที่โอดีนครอบครอง

       มีของวิเศษและทรัพย์สมบัติเลอค่ามากมายที่โอดีนได้เก็บสะสมเอาไว้ บ้างก็ได้มาจากพวกดวาร์ฟ บ้างก็ได้รับมาจากเทพองค์อื่น ๆ ซึ่งของวิเศษที่เด่น ๆ ก็มีดังนี้

    -กุนกุเนียร์ หอกประจำกายโอดีน เป็นหอกที่โอดีนจะปาออกไปเป็นอันดับแรกในสนามรบเพื่อเป็นสัญญาณของการเปิดศึก เป็นหอกวิเศษที่ขว้างออกไปคราใดจะไม่มีวันพลาดเป้า

    -สเลปเนียร์ เป็นม้าประจำตัวของโอดีน มีขา 8 ขา โอดีนได้รับม้าตัวนี้มาจากโลคิ เป็นม้าวิเศษที่วิ่งได้อย่างรวดเร็ว มิรู้จักเหน็ดเหนื่อย สามารถวิ่งเหิรไปยังอากาศและวิ่งข้ามผ่านไปยังแต่ละโลกได้

    -แหวนทองคำวิเศษ ดราอุปเนียร์ มีความพิเศษอยู่ที่ว่า ทุก ๆ ค่ำคืนที่ 9 แหวนวงใหม่ 8 วงจะเพิ่มขึ้นมา

    -อีกาคู่ ฮูจิน กับ มูนิน (ความคิด และ ความทรงจำ) อีกาวิเศษคู่ที่จะบินวนรอบโลกในแต่ละวัน และคอยรายงานเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนโลกต่อโอดีนในวัลฮาลาในยามค่ำคืน

    -หมาป่าคู่ เกริ และ เฟรคิ ผู้ดำรงชีพด้วยการดื่มแต่สุรา และ ไวน์





    จุดจบของโอดีน
       
       ในสงครามแห่งทวยเทพ แร็คน่าร็อค นั้น โอดีนได้เข้าร่วมทำสงคราม และถูกเฟนเรียหมาป่าน้ำแข็งผู้เป็นบุตรของยักษ์โลคิ กัด และทำร้ายจนเสียชีวิตลงในที่สุด เป็นฉากสุดท้ายของมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่




    โอดีน กับ พระเยซู


       มีงานกวีนิพนธ์ของช่วงศตวรรษที่ 13 เปรียบเทียบความดสอดคล้องกันระหว่างโอดีน กับ พระเยซูหลายต่อหลายอย่าง ตัวอย่างเช่นการเสียสละตนเอง ผูกตัวเองไว้กับอิคดราซิลก็อาจสื่อได้กับการมอบตัวเองเป็นยัญบูชาของพระเยซูบนไม้กางเขน โอดีนห้อยตนด้วยเชือก ส่วนพระเยซูถูกตึงด้วยตะปู  มีแนวคิดจากบางแหล่งตั้งข้อสมมุติฐานขึ้นมาว่าเรื่องของโอดีนอาจจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระเยซูอีกทีก็เป็นได้

       ความสอดคล้องอีกอย่างที่นักวิชาการหยิบยกขึ้นมาคือ บัลเดอร์ บุตรของโอดีนผู้เป็นตัวแทนแห่งแสงสว่าง ซึ่งอาจเปรียบเทียบได้กับพระเยซู บุตรแห่งพระเจ้าและเป็นองค์แห่งความสว่าง เพราะในเมื่อมีชื่อของโอดีนว่าอัลฟอร์ที่หมายถึงบิดาทั้งมวลแล้ว ก็อาจทำให้เราเทียบได้กับพระบิดาในคริสตศาสนาที่เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง และมีบุตรเป็นองค์แห่งความสว่างเช่นเดียวกัน เมื่อมองผ่านจุดนี้แล้วทำให้เราเห็นความสอดคล้องของบัลเดอร์ กับ พระเยซูได้เด่นชัดยิ่งขึ้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×