ผมเป็นเหาครับ - ผมเป็นเหาครับ นิยาย ผมเป็นเหาครับ : Dek-D.com - Writer

    ผมเป็นเหาครับ

    มันรั่วนะขอรับ

    ผู้เข้าชมรวม

    580

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    580

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 พ.ย. 55 / 18:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     

     มีน้องชักชวนให้เขียนเรื่องโดยมีคำที่กำหนดให้ 20 คำอยู่ในเรื่อง ได้แก่

     
    เหา เค้ก ตะไคร่ ห้องมืด พรมสีแดง นิยายแปล เอ็ดเวิร์ด วันไดเร็คชั่น 3D ป่าดงดิบ เฟสบุ๊ค น้ำเปล่า กระดาษ เทียนไข ห้องสมุด โลชั่น เลดี้กาก้า ปวดหัว ฝรั่งเศส ยาหม่องตราถ้วยทอง
     
    เพราะฉะนั้น เรื่องนี้จึงรั่วมาก หาสาระมิได้ และไม่มีประเด็นอะไรทั้งสิ้น แค่จะเขียนจับแพะชนแกะให้มันครบทุกคำแค่นั้นเอง ฮ่าๆๆๆ 


     
    จบ สวัสดี







     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       

      สวัสดีครับ ผมเป็นเหา เอ่อ.. ผมหมายถึงผมเป็นเหา ไม่ใช่ผมมีเหานะครับ แต่ผมเป็นสัตว์ (หรือแมลง?) ที่อาศัยอยู่บนหัวมนุษย์ คอยกินเลือดบนหัวให้พวกคุณเกายิกๆๆ นั่นแหละครับ.. เหา...

                ผมชื่อซันนี่ อาศัยอยู่บนศีรษะของผู้หญิงคนหนึ่งมาตั้งแต่เธออยู่อนุบาล จนตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ไปไหน แอบหลบๆ ซ่อน ๆ อยู่ตามเส้นผมยาวดกดำของเธอ เธอไม่รู้ตัวหรอกว่ามีผมอยู่ ตอนยังเล็ก เธอเคยใช้ยาฆ่าเหาจนผมซึ่งตอนนั้นอยู่ในไข่เกือบเดี้ยง แต่ผมก็รอดมาได้ราวปาฏิหาริย์ ส่วนพวกพ้องคนอื่น ๆ ของผมนั้น .. แดดิ้นครับ

              ผมเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าบ้าน เพราะว่าเธอคือบ้านของผม วันนี้บ้านไม่ได้ออกไปไหน บ้านอยู่ที่บ้าน ผมเห็นเธอเปิดคอมพิวเตอร์ นั่งหัวเราะคิกคักอะไรอยู่คนเดียวที่หน้าจอ สักพักโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น บ้านมองดูหน้าจอมือถือพลางยิ้มก่อนจะรับสาย

                “ไง .. อาฮะ เล่นคอมอยู่ เออ.. เจอกันในเฟสบุ๊คนะ” เธอว่าก่อนจะวางสายแล้วไปหัวเราะคิกคักกับหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง

                “มาตา ได้เวลาของว่างแล้วจ้ะ” แม่ของเธอเคาะประตูห้องก่อนจะแง้มออกแล้วพูดขึ้น บ้านของผมยังคงนั่งนิ่งอยู่หน้าจอพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมนึกสงสัยมาตลอดว่าไอ้เฟสบุ๊คอะไรนี่มันมีอะไรตลก บ้านถึงได้ชอบมานั่งหัวเราะอยู่เรื่อย

                “ค่ะ”

                “มาตา..” น้ำเสียงของแม่ของเธอห้วนขึ้น บ้านหันขวับจนผมลื่นไถลไปตามหนังศีรษะ โชคดีที่คว้ากลุ่มผมยาวแข็งแรงของเธอไว้ได้ทัน ผมคิดมาตลอดว่าบ้านน่าจะไปเป็นนางแบบโฆษณาแชมพู

                “คะ”

                “แม่ทำเค้กไว้ให้ รีบลงมาทานเร็วลูก เล่นแต่คอมอยู่ได้” แม่ของเธอว่าอีก หญิงสาวพยักหน้ารับจนตัวผมเซไปมาก่อนที่เธอจะยืนขึ้นแล้วออกเดินตามแม่ไปแต่โดยดี

       

                ผมคิดว่าผมหลงรักบ้าน ตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็จำไม่ได้ ผมชอบหน้าตาน่ารักของเธอ ชอบที่เธอใช้แชมพูสูตรอ่อนโยน ทำให้ตัวผมไม่ระคายเคือง ผิวของผมจะนุ่มราวกับได้ทาโลชั่น หนังศีรษะเธอสะอาด เส้นผมเป็นเงางาม แถมตัวผมยังหอมอีกด้วย แต่ช่วงไหนที่เธอทำกิจกรรมมาก ๆ ผมเธอจะเหนียวเหนอะและเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ผมไม่ชอบเลย รู้สึกเหมือนอาศัยอยู่ในป่าดงดิบยังไงอย่างงั้น

                ขณะที่บ้านนั่งทานเค้กของว่างและดูทีวีไปด้วยนั้น เป็นช่วงโปรดประจำวันของผมเลยทีเดียว บ้านจะเปิดทีวีดูเจ้าพวกนักร้องหนุ่มหน้าใสบ้าบอที่เธอมักจะกรี๊ดด้วยเสียงแปดหลอดใส่ว่า “อ๊ายยยยยยยย!!! วันไดเร็คชั่น!!!” หรือบางทีก็ “อ๊ายยย อปป้ากังนัมสไตล์!!” แต่ผมเกลียดไอ้คนหลังกว่าเยอะ หรือหนัก ๆ เข้า เธอจะเริ่มโยกตัวไปมาแรง ๆ จนผมต้องคว้าเส้นผมของเธอไว้แน่นตอนที่เธอเต้นตามป้าประหลาด ๆ คนหนึ่งที่เธอเรียกว่า เลดี้กาก้า มันเป็นช่วงบันเทิงเริงใจของผมที่จะได้ดูมนุษย์ประหลาดผ่านกล่องสี่เหลี่ยมแบนๆ นี่

                ผมหย่อนตัวนั่งลงบนพื้นหนังศีรษะของเธอในขณะที่บ้านกำลังดูทีวีอยู่ ผมสร้างจินตนาการเรื่อยเปื่อยตามประสาเหาหนุ่มที่อยู่คนเดียวมาหลายปี ผมคิดว่าถ้าผมมีเงิน ผมจะถางผมเธอออกสักหน่อย สร้างห้องสมุด ห้องนั่งเล่น ห้องโฮมเธียเตอร์ไว้ดูหนัง 3D (ผมไม่รู้จักหรอกว่ามันเป็นยังไงแต่เห็นบ้านอยากไปดูเหลือเกินเลยคิดว่ามันต้องสนุกแน่) ผมจะปูพรมสีแดงไว้ในห้องนั่งเล่น วางแท่นเทียนไขไว้ในห้องนอนเพื่อไม่ให้ห้องมืดแทนการใช้ไฟฟ้า ดูคลาสสิคกว่ากันเยอะ ผมคิดเรื่อยเปื่อย พื้นห้องน้ำจะเป็นยังไงดีนะ ผมไม่ชอบทำความสะอาดเหมือนที่บ้านบ่นเสมอทุกครั้งที่แม่ของเธอขอให้เธอล้างห้องน้ำ ผมเห็นบ้านทำหน้าตาขยะแขยงใส่คราบเขียว ๆ บนพื้นพลางร้อง “ยี้ ขี้ตะไคร่”

              ผมโซเซจนแทบหลุดออกมาจากศีรษะของบ้าน โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว บ้านยกแก้วขึ้นดื่มน้ำเปล่าในขณะที่ผมจินตนาการถึงการสร้างที่อยู่ในฝัน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกที่พบว่าตัวเองยังอยู่บนศีรษะของบ้านเช่นเดิม

                “อิ่มแล้วค่ะแม่”

                “ดีจ้ะ แล้วจะทำอะไรต่อ” แม่เธอถาม

                “จะไปเล่นเฟซบุ๊คค่ะ”

                “เลิกได้แล้วมาตา เล่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว ถ้าอยากขึ้นห้องก็ขึ้นได้ แต่แม่ไม่อนุญาตให้ใช้คอมพิวเตอร์แล้ว”

                “โธ่.. แล้วหนูจะทำอะไรล่ะคะแม่” บ้านร้องครวญ

                “อ่านหนังสือสิจ๊ะ ในห้องสมุดเรามีหนังสือเยอะแยะ” แม่เธอบอก ผมรู้สึกได้เลยว่าบ้านหงุดหงิด เธอไม่ได้อยากอ่านหนังสือนักหรอก

                บ้านคงรู้ตัวดีว่าขัดแม่ไม่ได้ พบรู้สึกถึงแรงกระแทกทุกครั้งที่บ้านก้าวเดิน หญิงสาวปิดประตูห้องสมุด ผมได้กลิ่นกระดาษและน้ำหมึกก่อนจะมองดูรอบ ๆ ผมชอบห้องนี้ แต่ผมชอบอยู่บนหัวบ้านมากกว่า

                “หนังสืองี่เง่า” บ้านบ่นอุบอิบก่อนจะมองดูรอบ ๆ อย่างขัดใจ สักพักเดียวบ้านก็เกร็งตัว

                “อ๊ะ!” หญิงสาวพุ่งตัวไปที่มุมหนึ่งของตู้หนังสือ เธอหยิบหนังสือหนาออกมาเล่มหนึ่งพลางยิ้มอย่างเป็นสุข

                “เอ็ดเวิร์ด..” บ้านครางเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมมองดูหนังสือในมือบ้าน หลังจากพยายามสะกด ในที่สุดผมก็อ่านออก.. ทไวไลท์..

                ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมบ้านต้องตื่นเต้นขนาดนั้น แต่พอขึ้นไปถึงห้อง เธอรีบคว้ามือถือมากดแล้วกรอกเสียงลงไปคุยกับเพื่อน

                “ใช่ ทไวไลท์ เอ็ดเวิร์ดนั่นแหละ ฉันไม่ยักรู้ว่าแม่อ่านหนังสือแบบนี้ด้วย.. อืม ฉันรู้ว่ามันก็เป็นนิยายแปลปกตินั่นแหละ แต่มันก็น่าแปลกที่แม่อ่านน่ะ” เธอว่า ผมกำลังคิดสงสัยคำว่านิยายแปล แปลอะไร แปลยังไง แปลเพื่ออะไร แปลจากภาษาคนไปเป็นภาษาเหาเหรอ? ว่าแต่ภาษาเหามันพูดยังไงผมก็ไม่รู้แฮะ เกิดมาไม่เคยคุยกับเหาสักตัว เกิดมาก็ได้ยินแต่เสียงคุยของมนุษย์ เลยเข้าใจภาษามนุษย์

                “อ่านแล้วอยากไปฝรั่งเศส” ผมได้ยินเสียงบ้านพูดกับเพื่อนแบบนั้น เธอหัวเราะคิกคักเมื่อเพื่อนตอบอะไรบางอย่างกลับมาก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า

                “ไม่ใช่หรอก เรื่องไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฝรั่งเศสเลยสักนิด แต่ฉันคิดว่าฉันต้องพูดคำนี้น่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม.. ถ้าไม่พูดมันจะไม่ครบยี่สิบคำ” เธอว่า ผมไม่เข้าใจสักนิดว่าเธอพูดเรื่องอะไร และคิดว่าเพื่อนเธอก็เหมือนกัน เพราะอีกสักพักเธอก็รีบพูดว่า

                “ช่างเถอะ ๆ ฉันไปอ่านหนังสือต่อละนะ”

                หลังจากนั้น บ้านเอาแต่อ่านหนังสือทไวไลท์อะไรนั่น ทั้งวันทั้งคืน ไม่ไปไหนทั้งสิ้น ผมเองก็เริ่มเบื่อจนเผลอหลับไป

                ผมตื่นขึ้นมาหลังจากนั้น ไม่แน่ใจว่าเป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว แต่ได้ยินเสียงบ้านบ่นเบา ๆ ว่า ปวดหัว เธอเดินโซเซจนร่างผมที่เพิ่งตื่นและยังงัวเงียโซเซตามไปด้วย บ้านคว้าอะไรบางอย่างบนโต๊ะเขียนหนังสือขึ้นมา เธอหมุนฝามันออก กลิ่นฉุนกึกทำให้ผมมึนจนต้องสะบัดหน้าหนี มันเป็นกลิ่นของศัตรูตัวฉกาจของผม .. ไอ้ยาหม่องตราถ้วยทอง .. 

                “เฮ้อ ค่อยยังชั่ว..” เธอว่า ผมที่ยังคงมึน ๆ จากไอ้กลิ่นฉุนกึกนั่นนึกโมโห ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยคิดจะกินเลือดของบ้านเลยแม้แต่น้อยเพราะผมรักเธอ เลยอาศัยกินน้ำมันจากหนังศีรษะที่ติดอยู่ตามเส้นผมแทน แต่ด้วยอาการมึนยาหรืออะไรสักอย่าง ทำให้ผมฝังฟันแหลมคมลงไปบนศีรษะของเธออย่างแรงจนบ้านสะดุ้งโหยง

                “อ๊ะ!” เธอร้องก่อนจะยกมือขึ้นเกาแรง ๆ ตรงจุดที่ผมกัด ผมหายใจหอบถี่ รสชาติเลือดซาบซ่านในปาก หึ.. ชอบใช่มั้ย ผมจะเปลี่ยนชื่อจากซันนี่เป็นเอ็ดเวิร์ด!

                นิ้วมือเรียวยาวของบ้านเกาแกรก ๆ บนหนังศีรษะ มันปัดมาโดนผมหน่อยหนึ่ง ผมกระเถิบหนี บ้านหยุดกึก ก่อนจะใช้นิ้วควานหาอะไรบางอย่าง ผมวิ่งหนี.. ไม่นะ บ้านกำลังไล่ล่าผม ร่างกายของผมส่วนที่โดนสัมผัสร้อนรุ่ม กลิ่นฉุนกึกที่ติดนิ้วมือนั้นมาทำให้ผมแสบร้อนและมึนงงอย่างบอกไม่ถูก ผมทรุดตัวลง หมดสิ้นทางหนี ได้แต่มองดูนิ้วมือของบ้านคว้าเอาตัวผมออกไปจากเส้นผมและหนังศีรษะของเธอ...

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!!” เสียงกรีดร้องดังลั่นปลุกผมให้ตื่นขึ้น ผมมองเห็นหน้าบ้านชัด ๆ ดวงตาคู่สวยมองผมอย่างงุนงงและตกใจกลัว ผมส่งยิ้มไปให้ แต่เธอคงไม่เห็นมัน เธอวางผมลงบนโต๊ะหนังสือก่อนจะทิ้งนิ้วมือเรียวยาวของเธอลงมา ส่วนที่เป็นเล็บของเธอกดร่างของผมลงกับโต๊ะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมได้ยินเสียงดังสั้น ๆ

                แปะ..!

                และทุกอย่างก็ดับวูบลง

       

       

       

      จบ.. อย่างโหดอ้ะ..

      สวัสดี 


       


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×