...ฝนตก...
ปาร์คจีมินมองหยดน้ำที่ค่อยๆไหลลงมาตามรอยต่อของกระจกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย เสียงพายุที่สาดซัดกระทบกับหลังคาด้านบนสุดของตัวตึกไม่ได้ส่งเสียงน่ารำคาญของมันให้เล็ดรอดถึงห้องซ้อมเต้นด้านในแต่อย่างใด
ชายหนุ่มยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นไปสักพัก แม้จะมีหยาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาจากไรผมซึ่งเกิดจากการซักซ้อมอย่างหนักหน่วงเมื่อสักครู่ไหลลงมาสู่พื้นผิวบริเวณใบหน้าตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่เขากลับไม่คิดจะยกหลังมือของตัวเองขึ้นมาเช็ดสิ่งนั้นออกไป
ดวงตาเรียวเล็กแต่เมื่อปรุงแต่งด้วยเมคอัพแล้วกลับดูคมสวยยังคงไม่สะท้อนสิ่งที่กำลังนึกคิดออกมาเหมือนเดิม
"จีมินฮยอง ผมกลับหอก่อนนะ" จอนจองกุกน้องเล็กของวงที่พึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จบอกคนเป็นพี่คร่าวๆ ก่อนจะผละออกไปเงียบๆเมื่อคนตัวเล็กกว่าแค่พยักหน้าขึ้นลงอย่างเรียบเฉย ผิดวิสัยร่าเริงของเจ้าตัวอย่างเห็นได้ชัด
...และเขารู้ดีว่าเพราะอะไร
เมื่อทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันทีที่บานประตูถูกปิดลงจากด้านนอกจนแนบสนิท ปาร์คจีมินจึงลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินไปที่สวิชท์เปิดปิดหลอดไฟซึ่งเป็นจุดกำเนิดแสงสว่างทั้งห้องซ้อมพร้อมกับใช้เรียวนิ้วของตัวเองกดแนบลงไปที่ปุ่มเทิร์นอ็อฟอย่างแผ่วเบา
ความมืดคือสิ่งที่กล้ำกลายเข้ามาทักทายชายหนุ่มเป็นอันดับแรก
แสงริบหรี่ของไฟรถยนต์จากถนนด้านล่างและแสงจากป้ายโฆษนาบนจอเลทแถวตึกสูงที่ทอดผ่านเข้าด้านในตัวอาคารเป็นระยะๆจึงทำให้เขายังคงพอมองเห็นทางเดินได้บ้าง
เพราะฉะนั้นเขาจึงก้าวไปนั่งลงตรงจุดเดิมได้โดยที่ไม่สะดุดอะไรล้ม
จากสิบห้านาที ผ่านไปสามสิบนาที
จากสามสิบนาที ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
เขาก็ยังคงอยู่ตรงจุดนั้น ไม่ได้หายไปไหน
แต่กลับมีใครบางคน หลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอยู่ตลอดเวลา
หลังมุมตึกมืดๆที่ห่างออกไปจากจุดสายตาของตัวเองในระยะห้าสิบเมตร ปรากฎร่างๆนึงค่อยๆก้าวเดินออกมาด้านนอกด้วยท่าทีระมัดระวังอย่างเห็นได้ชัด ทว่าข้อมือขาวที่โผล่พ้นเสื้อสเวทเตอร์สีเข้มบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของคนผู้นั้นได้เป็นอย่างดี แม้จะมีสลิปเปอร์สีดำสนิทพร้อมกับแว่นกันแดดที่สวมอำพรางไว้ หนึ่งในความโดดเด่นที่เก็บซ่อนไม่มิดก็ยังคงเฉลยตัวตนที่แท้จริงของเราให้โลกรับรู้อยู่เสมอ
ปาร์คจีมินกระเถิบตัวเข้าไปด้านหลังเล็กน้อย เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นแล้วมองตรงมาที่ชั้นบนตรงจุดเก่าที่เขาเคยนั่งอยู่
ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้เขาจะมองไม่เห็นการขยับตัวของบุคคลปริศนาจากข้างล่างแล้ว
แต่ชายหนุ่มมั่นใจว่าลำดับต่อไปของการเคลื่อนไหว
ประตูที่เคยปิดสนิทไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วจะต้องถูกเปิดออกมาอย่างแน่นอน
*******************************************************************************************
...มือของเขากำลังสั่น...
มินยุนกิไม่แน่ใจ ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ มันเกิดจากสายฝนที่สาดซัดเนื้อตัวเขาจนชุ่มโชก
หรือเกิดจากความรู้สึกแปลกแยกที่กำลังกัดกินก้อนเนื้อด้านในอกซ้ายให้ขาดแหว่ง
ชายหนุ่มลังเลที่จะบิดล็อคประตูให้คลายออก เรียวนิ้วที่เย็นเฉียบยังคงแน่นิ่งอยู่แบบนั้นไปอีกหลายนาที
ความขลาดเขลากำลังยื้อยุดฉุดกระชากจิตใต้สำนึกส่วนลึกของเขาให้ปั่นป่วน
และสร้างความหวาดกลัวที่ร้ายยิ่งกว่าซาตานตัวไหนๆในขุมนรก
...ทว่า...
หลังจากที่เขาดันบานประตูซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าให้เปิดออก
มินยุนกิจึงสำนึก
สำหรับปาฏิหาริย์จากพระเจ้านั้น
มันไม่เคยมีจริง
ความคิดเห็น