ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Special Ones

    ลำดับตอนที่ #13 : - ฝัน...ถึงการฝึกวิชาในป่า - "ไปวิ่งอีกรอบหนึ่ง...นะ"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.9K
      3
      19 ต.ค. 53

    - ฝัน...ถึงการฝึกวิชาในป่า -

    ไปวิ่งอีกรอบหนึ่ง...นะ

     

                อาจารย์ วันนี้ข้าเจอเด็กคนหนึ่งในป่า เขาชวนข้าให้ไปฝึกด้วยกันในวันพรุ่งนี้ ข้าตอบตกลงไป ท่านไม่ว่าอะไรใช่ไหม

                ยินเสียงถามกลับมาว่า ...เด็กนั่นเป็นใคร

                เขาแนะนำตัวว่าชื่อ วิลเลียม เป็นคนที่โดนเวทสายฟ้าของข้าแล้วยังยิ้มอยู่ได้ เขาบอกว่ากำลังฝึกเป็นนักดาบอยู่ ข้าคิดว่าเขาแปลกดี

                วิลเลียม... คนเป็นอาจารย์พึมพำ แล้วถามต่อ ...แล้วเจ้าบอกอะไรเขาไปบ้าง

                ข้าบอกว่า ข้าเองก็กำลังฝึกเป็นแม่มดดำอยู่ ข้าใช้เวทสายอื่นได้คล่องแล้ว แต่สายความมืดยังไม่ดีนัก

                คราวหลัง...อย่าได้บอกออกไป... อีกฝ่ายเตือน ...อย่าได้เปิดเผยจุดอ่อนของเจ้าให้ใครรู้...สิ่งที่เจ้ายังไม่เก่งหรือยังไม่เชี่ยวชาญอย่าได้บอกไป...จงเปลี่ยนสิ่งนั้นเป็นจุดแข็ง...สร้างกลลวงขึ้นมา...ให้ทุกคนกลัวเจ้า

                ...ค่ะ อาจารย์ ข้าจะจำไว้ แล้วจะไม่ทำผิดเช่นนี้อีกแล้ว

                ดีมาก...แคสซานดรา...เจ้าเป็นเด็กดี...

                แล้วข้าจะไปฝึกร่วมกับวิลเลียมได้ไหม

                ไปได้สิ... เสียงนั้นตอบ ...แต่ต้องเป็นในป่านั้นเท่านั้นนะ...แล้วก็ต้องให้เขารับปากด้วยว่า...จะไม่เอาเรื่องของเจ้าไปบอกใคร...

                ข้าทราบแล้ว ข้าจะบอกให้เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ

                อีกอย่าง... อาจารย์เสริม ...ต่อไป...เจ้าต้องมารายงานเรื่องที่ฝึกวิชากับเด็กนั่นมาให้ข้าฟังทุกวัน...รายงานโดยละเอียด

                ข้าจะเอาเรื่องเขามาเล่าให้ท่านฟังทุกวันเลย ท่านจะได้ไม่เหงาอย่างไร

                เด็กเอ๋ย...มีเจ้าอยู่ด้วยทั้งคนแล้ว...ข้าก็ไม่เหงาหรอก

     

                ยามเย็น

                เด็กชายเดินเข้ามาในป่าด้านทิศตะวันออกของเมืองและก็พบเด็กหญิงที่นัดหมายเอาไว้แทบจะในทันทีที่เข้าสู่เขตป่า ดูเหมือนเด็กหญิงจะมารอเขาอยู่ก่อนแล้ว

                นั่นเจ้าไปทำอะไรมา แทนที่จะกล่าวคำทักทายตามปรกติ เด็กหญิงกลับถามคำถามนั้นโดยพลันที่เห็นสภาพของเด็กชาย ทว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ตั้งแต่เช้ามาเขาก็เจอคนทักด้วยประโยคทำนองเดียวกันนี้หลายคนแล้ว

                เนื้อตัวของวิลเลียมมีบาดแผลถลอกเต็มไปหมด ใครเห็นก็คงประหลาดใจที่เขายังคงขยับเขยื้อนหรือเดินได้อย่างไม่กลัวเจ็บ แถมเจ้าตัวยังยิ้มหน้าระรื่นราวกับว่า แผลเหล่านั้นเป็นตราเกียรติยศอันน่าภาคภูมิใจ และเวลามีใครถามถึงสาเหตุที่มา เด็กชายก็จะเล่าเรื่องวีรกรรมน่าอัศจรรย์ที่คนฟังอยากจะเชื่อถือกลับไป...เช่นว่า

                พอดีเมื่อวานขากลับออกจากป่า ข้าไปเจอกับมังกรเข้า กว่าจะหนีมันออกมาได้ก็กลิ้งตกเขาจนมีสภาพเช่นนี้แหละ

                วิลเลียมบอกด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังเล่าถึงการไปเดินเล่นในสวนหลังบ้าน

                เจ้าโกหก แคสซานดราว่า ป่านี้ไม่มีมังกร

                เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไม่มี

                ก็เพราะว่า... เด็กหญิงขึ้นต้นแล้วอ้ำอึ้งไป เสมือนคนเปลี่ยนความคิดที่จะกระทำโดยกะทันหัน

                เพราะว่าอะไร เด็กชายกระตุ้นถาม

                ...เพราะว่า ข้าไม่เคยเห็นมันน่ะสิ นางบอก ...อีกอย่างมังกรต้องอยู่ในถ้ำ หรือไม่ก็แถบภูเขา ที่นี่ไม่มีสองสิ่งนั้น

                ก็ฟังดูมีเหตุผล

                วิลเลียมกล่าวพลางพิจารณาคำพูดของอีกฝ่าย เด็กหญิงคงฉลาดมากทีเดียว เพราะถ้าเขาเอาเรื่องมังกรนี้ไปอ้างกับใคร คนอื่นมักจะหาว่าเขาโม้โดยไม่พยายามหาเหตุผลมาประกอบเลย

                แต่เจ้ายังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าป่าแห่งนี้ไม่มีมังกรจริงๆ อยู่ดี วิลเลียมว่าต่อ

                แล้วเจ้ามีหลักฐานว่ามีมังกรในป่าจริงๆ อย่างนั้นหรืออย่างไร แคสซานดราย้อน

                ก็แผลข้านี่ไง เด็กชายบอก ยกแขนขึ้นอวดแผลที่ข้อศอกให้ดู

                แผลอย่างนี้เกิดจากอะไรก็ได้ ถ้าเป็นแผลไหม้ไฟก็ว่าไปอย่าง... นางเถียง ...แล้วเจ้าก็บอกเองว่าเจ้ากลิ้งตกเขาเองด้วย

                ...พลาดไปแล้วสิเรา...

                วิลเลียมคิดแล้วยิ้มแหย...

                ถ้าเจ้าไม่ยอมบอกความจริงนะ ข้าจะไม่ช่วยรักษาแผลให้เจ้า เด็กหญิงตั้งเงื่อนไข

                ก็ได้... ข้ายอมแล้วก็ได้

                เด็กชายพูดเสียงดัง เขาขี้เกียจฝืนยิ้มหรือต้องมาเถียงเรื่องไร้สาระนี่แล้ว ถ้าแค่ยอมบอกความจริงนางไป แล้วหายเจ็บได้ ถึงจะเสียมาดไปหน่อย เขาก็ยอมละ

                เมื่อวานข้าหลงป่า แล้วหาทางออกไม่เจอ เลยกลิ้งตกเขา แล้วไปเจอกำแพงเมืองพอดี ข้าไม่ได้เจอมังกร แล้วป่านี้ก็คงไม่มีมังกรอย่างที่เจ้าว่านั่นแหละ พอใจหรือยัง

                แคสซานดราไม่ตอบ รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏบนใบหน้างดงามของนาง พร้อมกับมือเล็กที่ยื่นมาแตะตัวเขา แล้วถ่ายทอดพลังรักษาให้

                เพียงไม่นานนัก...วิลเลียมก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้เกิดใหม่อีกครั้ง ร่างกายเขาสมบูรณ์พร้อมสรรพอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

                ขอบใจเจ้ามาก เขายิ้มกว้าง ไม่รู้สึกโกรธอีกต่อไป

                ข้าไปขออาจารย์มาแล้ว อาจารย์อนุญาตให้ข้าฝึกวิชาร่วมกับเจ้าได้ แคสซานดรากล่าวเข้าเรื่อง แต่เจ้าต้องรับปากก่อนว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าเจ้าพบข้าในป่านี้

                ได้สิ วิลเลียมคิดว่าเป็นแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน แอบฝึกวิชาอย่างลับๆ เพิ่มพูนฝีมือขึ้นมาโดยไม่ให้ใครรู้ แล้วค่อยให้พวกที่โรงเรียนตกใจเล่นที่เห็นเขาเก่งขึ้นในภายหลัง จึงรับปากไปโดยไม่คิดอะไร

                รับปากแล้วห้ามผิดสัญญา ไม่อย่างนั้นจะโดนสาปแช่ง เด็กหญิงขู่ แต่ฟังดูแล้วเหมือนคำพูดที่พวกเด็กๆ ชอบใช้สร้างความขลังกันมากกว่าจะเป็นคำขู่จริงๆ

                ไว้ใจได้เลย ข้าไม่บอกใครอยู่แล้ว เด็กชายตั้งใจจะทำให้ได้เช่นนั้น

                หลังจากนั้น พวกเขาก็ฝึกวิชาด้วยกัน ซึ่งตอนแรกต่างคนก็ต่างไม่เคยสู้ร่วมกับใครมาก่อนเลยตัดสินใจแยกกันฝึกวิชาของตนไป โดยยังอยู่ไม่ไกลกันนัก...อยู่ในรัศมีที่พอมองเห็นหรือตะโกนเรียกกันได้ แต่พอนานเข้า วิลเลียมก็เห็นแล้วว่าทักษะและพลังการใช้เวทของแคสซานดรา เหนือกว่าทักษะดาบและพลังกำลังของเขามากมาย ดังนั้นฝึกอย่างนี้ต่อไปคงมีแต่นางที่พัฒนา ส่วนเขาคงได้แต่ดูนางอยู่อย่างนี้ เด็กชายจึงเสนอความคิดขึ้นว่า

                เจ้าพอจะมีเวทเสริมพลังหรือเพิ่มความเร็วที่พอจะใช้กับข้าได้บ้างไหม เดี๋ยวข้าจะให้ไปหลอกล่อพวกสัตว์อสูรมาให้เยอะๆ แล้วให้เจ้าลงเวทใหญ่ทีเดียว

                แคสซานดราตอบว่า นางไม่เคยเรียนเวทเสริมพลังมาก่อน แต่ความคิดของวิลเลียมก็น่าสนใจ ดังนั้นจึงลองเอาด้วยสักครั้ง

                เด็กชายวิ่งวุ่น เรียกพวกสัตว์อสูรตัวน้อยทั้งหลายเข้ามาติดตามตนด้วยการแทงอาวุธแหย่มัน บางชนิดเป็นจำพวกที่รักพวกพ้องอยู่กันเป็นฝูงก็เข้ามาช่วยไล่กัดเด็กชายด้วยโดยไม่ต้องออกแรง ท้ายที่สุดพอฝูงสัตว์นั้นใหญ่เกินจะรับมือไหว เด็กหญิงก็จะลงเวทที่ต้องร่ายคาถาเสียยืดยาวกว่าจะเรียกมาได้ปิดท้าย...

                ลมพายุฝนซัด เกล็ดหิมะโปรยปลิว ฟ้าผ่าติดต่อกันนับสิบครา ลูกไฟพลิ้วว่อนลงพื้น...

                นี่เจ้าใช้เวทอะไรของเจ้ากันแน่นี่ วิลเลียมที่จากฤทธิ์เวทมนตร์สุดแสนอลังการเหล่านั้นได้อย่างปาฏิหาริย์ถามขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ เมื่อเห็นเหล่าสัตว์อสูรที่เคยวิ่งล่าเขาอยู่เมื่อครู่นี้ล้มตายไปเพราะเวทของแคสซานดรา

                แล้วลองใช้หลายๆ อย่างรวมกันดู เด็กหญิงบอก ขอโทษด้วยที่ใช้เวลาร่ายเวทนานไปนิด ครั้งหน้าข้าจะพยายามให้เร็วขึ้น

                ปัญหามันไม่ใช่เรื่องนั้น... วิลเลียมว่าขึ้น ทั้งที่ยังยืนเหนื่อยหอบจากการวิ่ง แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย เขาจำเป็นต้องพูด

                ถ้าอย่างนั้นเจ้ามีปัญหาอะไร แคสซานดราถาม นางชอบวิธีที่วิลเลียมเสนอมานี้ เพราะทำให้นางสามารถฝึกใช้เวทชั้นสูงและเห็นอานุภาพของมันโดยไม่ต้องเสี่ยงเป็นเหยื่อล่อเอง จึงไม่เห็นว่าวิธีนี้จะไม่ดีตรงไหน

                ปัญหาคือเจ้าจะรับประกันความปลอดภัยของข้าได้อย่างไร เด็กชายชี้แจง ถ้าเกิดข้าโดนลูกหลงของเวทเจ้าขึ้นมา จะไม่กลายเป็นอย่างสัตว์อสูรพวกนั้นหรือ

                ก็ข้าก็ร่ายเกราะป้องกันเวทให้เจ้ากับข้าแล้ว เด็กหญิงบอก พลางชี้ให้เขาดูรัศมีสีรุ้งจางๆ ที่ปรากฏตัวบนตัวนาง

                วิลเลียมยกมือตัวเองขึ้นมาดูแล้วก็พบว่ามีเกราะสีรุ้งนั้นอยู่รอบตัวเขาเหมือนกัน

                ...แล้วทำไมเจ้าไม่บอกก่อนเล่า วิลเลียมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอยู่บ้าง อย่างไรอีกฝ่ายก็ช่วยป้องกันให้เขาแล้ว ข้าไม่รู้หรอกนะว่า พวกนักเวทมีเวทอะไรอยู่บ้าง

                ข้าเป็นแม่มดดำต่างหากล่ะ แคสซานดราเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ

                ก็ได้... ท่านแม่มดดำ ถ้ามีเวทอะไรดีๆ ที่คิดจะใช้ก็บอกข้าหน่อยได้ไหม เผื่อข้าจะได้คิดแผนเด็ดๆ ให้เจ้าได้อีก

                เด็กหญิงพยักหน้ารับทีหนึ่ง เป็นการบอกว่า นางเข้าใจ อย่างไรนางก็ต้องยอมรับว่าเด็กชายมีหัวคิดดี การฝึกวิชาร่วมกันนี่ดุสนุกกว่าที่คิดไว้เสียอีก

                ตอนนี้ยังไม่มีอะไรหรอก นางกล่าว แต่ข้าอยากให้เจ้าวิ่งแบบเมื่อกี้อีกรอบ ข้าจะได้ลองร่ายเวทให้เร็วขึ้นดู

                โถ่เอ๊ย! แค่นี้ข้าก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ขอข้าพักหน่อยก่อนละกัน ว่าจบแล้ววิลเลียมก็ทรุดลงนั่งกับพื้นทันที

                ทีเมื่อครู่เจ้ายังยืนเถียงกับข้าได้อยู่ตั้งนานเลย จะมาเหนื่อยอะไร เด็กหญิงว่า เดินเข้ามาใกล้เขามากขึ้น

                ก็ข้าเหนื่อยจนขาแข็งหมดแรงจะขยับนี่นา เด็กชายอ้าง

                ฉับพลันมือนุ่มนิ่มของแคสซานดราก็มาแตะบ่าเขาโดยไม่ทันตั้งตัว คลื่นพลังอบอุ่นแผ่เข้ามาในร่างกายอีกระลอก วิลเลียมรู้สึกตัวเบาหวิว ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าที่สะสมอยู่ในกล้ามเนื้อหายไปเป็นปลิดทิ้ง

                ทีนี้เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าของเวทถาม

                วิลเลียมกระโดดลุกขึ้นยืน

                หายเหนื่อยแล้ว ขอบใจเจ้ามากนะ เขาตอบพลางฉีกยิ้มกว้าง กระปรี้กระเปร่ากว่าเดิมหลายเท่า

                ดี ถ้าอย่างนั้นก็ไปวิ่งอีกรอบหนึ่ง เสียงทีแรกฟังดูเป็นเชิงสั่ง แต่พอเด็กหญิงเห็นหน้าอีกฝ่ายเหมือนไม่ค่อยอยากทำตามนักก็เสริมคำว่า ...นะ ลงท้ายไป

                ใบหน้าของเด็กหญิงช่างดูน่ารักจนเขายากที่จะปฏิเสธคำขอของนางได้

                วิลเลียมคิดว่า เห็นแก่ที่แคสซานดราช่วยใช้พลังรักษา และอุตส่าห์ขอร้องเขา จะยอมเอาตัวเป็นเหยื่อล่อให้นางได้ใช้เวทสมใจอยากอีกทีก็ได้

                ทว่าเมื่อยอมใจอ่อนเช่นนี้เสียแต่หนแรก ก็ย่อมมีอีกหนและอีกหลายๆ หนตามมาเสมอ... กว่าวิลเลียมจะรู้ตัวว่าตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการฝึกวิชารูปแบบนี้ แคสซานดราก็ฝึกเวทชั้นสูงก้าวหน้าไปไกลแล้ว

                การฝึกวิชาร่วมกันของเด็กทั้งสองในช่วงต้นก็ดำเนินไปในลักษณะนี้เอง

                วิลเลียมจึงได้ทักษะการวิ่งหนี หลบหลีก เอาตัวรอด และความสามารถในการฟื้นฟูพลังที่รวดเร็วขึ้นกลับมาแทนที่จะเป็นทักษะการฟันดาบหรือต่อสู้ที่ตั้งใจจะมาฝึกแต่แรก

                อย่างไรก็ตาม เด็กชายก็คิดว่าทักษะที่ได้มาก็ใช่จะไร้ประโยชน์ และการที่ได้พบหน้า พูดคุย และโต้เถียงกับแคสซานดราทุกวันเช่นนี้ก็สนุกดี อยู่กับเด็กหญิงในป่าแห่งนี้แล้วสนุกกว่าที่โรงเรียนหรืออยู่ในวังเป็นไหนๆ เขาจึงไม่คิดปฏิเสธช่วงเวลานี้

                ที่สำคัญ แคสซานดรายังช่วยมาส่งเขาถึงชายป่าด้านที่ติดกับเมืองหลังจากเลิกฝึกแล้วอีกด้วย...

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×