ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : รายวิชาที่ต้องใช้
สวัสดีค่ะ ขอโทษน้องๆด้วยที่พี่เข้ามาเขียนช้า เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยว่างจริงๆ แต่จะพยายามเข้ามาเชคเสมอ ถ้าน้องมีคำถามหรือมีปัญหาในเรื่องการอ่านหนังสือหรือการจัดเวลาก้อสามารถที่จะเขียนทิ้งไว้ได้ค่ะ พี่จะรีบตอบโดยเร็วที่สุด
ส่วนน้องๆที่เพิ่งเข้ามาอ่าน ก่อนอ่านกรุณาอ่าน\"คำอธิบายเรื่อง\"ก่อนนะคะ ไม่เช่นนั้นจะเกิดการเข้าใจผิดกันเกิดขึ้นได้อีกค่ะ ในคำอธิบายเรื่องจะเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้วเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของเรื่องนี้ จึงขอร้องให้น้องๆช่วยอ่านคำอธิบายเรื่องทุกครั้งก่อนที่จะเข้ามาอ่านแล้วกันนะคะ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการผิดพลาดในการแปลความหมายค่ะ
เข้าเรื่องกันเลยแล้วกันนะคะ มีน้องๆหลายคนมากที่ส่งอีเมล์ไปหาพี่ให้รีบเขียนเกี่ยวกับการอ่านรายวิชาค่ะ วันนี้จะขอเขียน วิชาที่จำเป็นต้องใช้ตอนนี้ก่อนเลยนะคะ คือ เลข-อังกฤษ(สำหรับน้องๆสายศิลป์) เคมี-ฟิสิกส์(สำหรับน้องๆสายวิทย์ค่ะ)
*เลข
วิชานี้ หลายคนยอมรับเลยว่าเป็นวิชาที่ยากมากๆๆ ค่าเฉลี่ยของคะแนนแต่ละปีลงไปกองที่10-25เสมอ และที่สำคัญตัวเลขของจำนวนคนที่สามารถทำคะแนนได้อยู่ในระดับเกิน70นั้น น้อยมากถ้าเทียบกับทุกวิชา ซึ่งผู้ที่ได้เข้าสอบรวมถึงผู้ที่เคยผ่านการทำข้อสอบเอนทรานซ์นั้นส่วนมากมักจะทำข้อสอบไม่ได้ค่ะ พี่ก้อเช่นกันค่ะ พี่ยอมรับเลยว่าพี่เองโยนวิชานี้ทิ้งไปเลยในการสอบทั้งสองครั้ง เพราะฉะนั้นการอ่านในวิชานี้ น้องๆจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญมากๆสำหรับน้องๆที่จะสอบในคณะที่เป็นสายศิลป์ เพราะว่าคนส่วนมากนั้นเก็บไม่ได้ค่ะ อย่างที่พี่เคยพูดไปว่าเลขนั้นคือจุดอ่อนที่สำคัญทีเดียว
หลักในการอ่านนั้นก็ไม่ยากค่ะ น้องไม่จำเป็นต้องทำข้อสอบให้ได้หมดทุกบทค่ะ บางบทที่สามารถเก็บคะแนนได้เยอะให้น้องทุ่มกับบทนั้นให้มาก เช่น แคลคูลัส 3-4 ข้อ สถิติ 5 ข้อ ลำดับและอนุกรม 2 ข้อ ความน่าจะเป็นและวิธีเรียงสับหมู่ 3-4 ข้อ ตรรกศาสตร์(ที่มีบทนี้ด้วยเพราะว่าข้อสอบง่ายค่ะ ปีนึงออก2ข้อ5คะแนน) ฟังก์ชัน 2-3ข้อ ถ้าน้องๆลองมาคิดคะแนนดูเฉพาะไม่กี่บทที่พี่ได้เขียนไปแล้วจะเห็นได้ว่า ถ้าเราสามารถทำข้อสอบแค่บทเหล่านี้เราจะสามารถเก็บคะแนนเลขของเราได้ถึง50คะแนนทีเดียว ซึ่งบทที่เหลือนั้นให้น้องเลือกทำบทที่ชอบได้เลยเช่น เซต(ง่ายมาก) เลขดัชนี เอกซ์โปและลอกการิทึม ส่วนบทที่น้องไม่ควรอ่าน(ถ้าจะอ่านก็ไม่ว่ากันนะคะ)คือ ตรีโกณมิติ บทนี้มีสูตรเป็นล้านสูตร ข้อสอบเลขออกแค่ข้อเดียวและ2สูตร ถ้าน้องๆคิดว่า เราคงไม่สามารถที่จะทำเต็ม100ได้ พี่แนะนำให้ทิ้งบทนี้ไปเลยค่ะ เก็บแค่97.5แล้วเอาคะแนนดีๆจะดีกว่านะคะ
*อังกฤษ
มีน้องหลายคนในตอนนี้ที่ขยันท่องศัพท์กันทีเดียว พี่ไม่ได้บอกว่าให้เราไม่ท่อง เพียงแต่จะบอกว่า ถ้าการท่องศัพท์นั้นมันเหนือบ่ากว่าแรงจริงๆเนี่ย ทิ้งไปเถอะค่ะ เพราะสถิติการออกข้อสอบของวิชาภาษาอังกฤษ จะมีข้อสอบที่ถามคำศัพท์น้องๆอยู่ประมาณ2-3ข้อ คิดเป็น2-3คะแนนค่ะ แล้วเราก้อไม่รู้ว่าในแต่ละปีจะออกคำไหนและไม่ออกคำไหน ถ้ามันไม่ไหวจริงพี่ก้อแนะนำให้ทิ้งไปเถอะค่ะ เอาเวลาไปทำแบบฝึกหัดพวก PASSAGE ดีกว่าค่ะ เพราะว่าแพสเสจนี้มีจำนวนข้อถึง50ข้อ 50คะแนนค่ะ ช่วงนี้ให้น้องหัดทำพวกแพสเสจให้เยอะๆไว้รับรองว่าคะแนนไม่ไปไหนหรอกค่ะ ส่วนอีก47คะแนนที่เหลือจะแบ่งเป็นสองส่วนคือ
1. บทสนทนา อันนี้พี่คิดว่ามันเป็นความรู้ที่มีมาแต่เด็กค่ะ ขึ้นกับว่าเรานั้นมีพื้นฐานเกี่ยวกับการ พูด-ถาม-ตอบ ในภาษาอังกฤษแค่ไหนค่ะ
2. ความรู้รอบตัว ข้อสอบประเภทนี้จะยากที่สุด จะมีประมาน10-15ข้อค่ะ การออกข้อสอบจะเป็นพวกการใช้ประโยคที่ต่างกัน แต่ให้ความหมายได้คล้ายคลึงกันมากที่สุด จำพวกนี้ค่ะ
*เคมี
วิชานี้เป็นวิชาที่เราต้องเน้นทำข้อสอบให้มากๆเพราะข้อสอบมีการพลิกแพลงตลอดเวลา ถ้าน้องไม่จับจุดข้อสอบให้สอบให้ได้ ก็จะทำคะแนนได้ไม่ดีค่ะ อย่างพี่เคยแนะนำคือไปซื้อหนังสือข้อสอบมาทำเลยค่ะ ที่เป็นบทๆจะดีกว่าเป็นปีๆนะคะ เพราะว่ามันจะทำให้น้องเข้าถึงเนื้อหาและเฆ้นแนวข้อสอบได้เยอะขึ้นค่ะ ส่วนบทที่ต้องเน้นเป็นพิเศษคือ ปริมานสารสัมพันธ์1-2,กรด-เบส1-2,พันธะเคมี,สารประกอบคาร์บอน,ปฏิกริยาไฟฟ้าเคมี1-2,สมดุลเคมี เพราะจะออกเยอะเป็นพิเศษค่ะ
*ฟิสิกส์
วิชานี้เป็นวิชาที่ข้อสอบง่ายที่สุดแล้วค่ะ เพราะว่าเป็นข้อสอบที่ไม่มีการพลิกแพลงเลยค่ะ เพียงแค่เรารู้หลัก และสูตรก้อจะสามารถทำคะแนนได้ดีเชียวล่ะ ข้อสอบจะมี3แบบค่ะ
1.ง่าย-ข้อสอบแบบนี้จะมีประมาณ60% แนวข้อสอบคือ แทนสูตรเพียงหนึ่งสูตร ก้อจะได้คำตอบเลย หรือ เพียงแค่เราใช้ความน่าจะเป็นคำตอบก้อออกเหมือนกัน เช่น ความหนาแน่นของไม้ที่จมในน้ำคือ12% จงหาความหนาแน่นของน้ำที่เหลือจากการถูกแทนที่
                                      ตอบ 880 (เพราะว่าน้ำที่ไม่ได้ถูกแทนที่คือ88% นั่นคือ880นั่นเอง)
2.ปานกลาง-ข้อสอบแบบนี้มีประมาณ35% แนวข้อสอบคือ แทนสูตรเพียง2สูตร หรือเป็นการเอาสองเรื่องมาไว้ในข้อเดียว หรือมีการพลิกแพลงบ้าง แต่ไม่ยาก
3.ยาก-ข้อสอบแบบนี้ประมาน5% เท่านั้นเป็นโจทย์ปราบเซียนค่ะ จะได้100เต็มรึเปล่าก้ออยู่ที่พวกนี้แหละค่ะ ส่วนมากเป็นข้อสอบที่พลิกแพลงมาก และต้องรู้ลึกเท่านั้นจึงทำได้(รวมถึงไม่จำกับทในการออกด้วย บทที่คิดว่าเราทำได้อาจจะมีในข้อสอบจำพวกนี้ก้อได้)
ดังนั้นพี่คิดว่า น้องควรที่จะเน้นฟิสิกส์ให้มากๆ เพราะว่า ดูจากรูปแบบข้อสอบแล้ว ไม่ยากเกินไปหรอกค่ะ ถ้าเอาไปเทียบกับเคมีหรือชีวะถึงแม้ว่าค่าเฉลี่ยของวิชานี้จะแค่25-30คะแนน แต่จำนวนคนที่สามารถทำคะแนนได้เกิน70นั้นมีมากค่ะ มากกว่าทุกวิชาเลยถ้าไม่นับภาษาอังกฤษนะคะ
**เมื่อวานนี้พี่ไปแจมในงานรับน้องของเกษตรมาค่ะ น้องๆที่อยากจะเข้าวิศวะ สัตวะ เกษตร รับรองว่าสนุกแน่ๆ พวกพี่เป็นกันเองมากๆๆๆ ใครที่อยากจะเข้าตั้งใจอ่านหนังสือนะคะ แว่วๆมาว่า2คณะนี้มีแนวโน้มที่จะคะแนนสูงขึ้นเรื่อยๆนะ
ยังไงตั้งใจอ่านหนังสือกันนะคะ
ฝากคำถามไว้ได้เหมือนเดิมค่ะ
ตอนหน้าจะมาต่อในวิชา ไทย-สังคม-ชีวะ-พื้นฐานวิดวะค่ะ
ส่วนน้องๆที่เพิ่งเข้ามาอ่าน ก่อนอ่านกรุณาอ่าน\"คำอธิบายเรื่อง\"ก่อนนะคะ ไม่เช่นนั้นจะเกิดการเข้าใจผิดกันเกิดขึ้นได้อีกค่ะ ในคำอธิบายเรื่องจะเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้วเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของเรื่องนี้ จึงขอร้องให้น้องๆช่วยอ่านคำอธิบายเรื่องทุกครั้งก่อนที่จะเข้ามาอ่านแล้วกันนะคะ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการผิดพลาดในการแปลความหมายค่ะ
เข้าเรื่องกันเลยแล้วกันนะคะ มีน้องๆหลายคนมากที่ส่งอีเมล์ไปหาพี่ให้รีบเขียนเกี่ยวกับการอ่านรายวิชาค่ะ วันนี้จะขอเขียน วิชาที่จำเป็นต้องใช้ตอนนี้ก่อนเลยนะคะ คือ เลข-อังกฤษ(สำหรับน้องๆสายศิลป์) เคมี-ฟิสิกส์(สำหรับน้องๆสายวิทย์ค่ะ)
*เลข
วิชานี้ หลายคนยอมรับเลยว่าเป็นวิชาที่ยากมากๆๆ ค่าเฉลี่ยของคะแนนแต่ละปีลงไปกองที่10-25เสมอ และที่สำคัญตัวเลขของจำนวนคนที่สามารถทำคะแนนได้อยู่ในระดับเกิน70นั้น น้อยมากถ้าเทียบกับทุกวิชา ซึ่งผู้ที่ได้เข้าสอบรวมถึงผู้ที่เคยผ่านการทำข้อสอบเอนทรานซ์นั้นส่วนมากมักจะทำข้อสอบไม่ได้ค่ะ พี่ก้อเช่นกันค่ะ พี่ยอมรับเลยว่าพี่เองโยนวิชานี้ทิ้งไปเลยในการสอบทั้งสองครั้ง เพราะฉะนั้นการอ่านในวิชานี้ น้องๆจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญมากๆสำหรับน้องๆที่จะสอบในคณะที่เป็นสายศิลป์ เพราะว่าคนส่วนมากนั้นเก็บไม่ได้ค่ะ อย่างที่พี่เคยพูดไปว่าเลขนั้นคือจุดอ่อนที่สำคัญทีเดียว
หลักในการอ่านนั้นก็ไม่ยากค่ะ น้องไม่จำเป็นต้องทำข้อสอบให้ได้หมดทุกบทค่ะ บางบทที่สามารถเก็บคะแนนได้เยอะให้น้องทุ่มกับบทนั้นให้มาก เช่น แคลคูลัส 3-4 ข้อ สถิติ 5 ข้อ ลำดับและอนุกรม 2 ข้อ ความน่าจะเป็นและวิธีเรียงสับหมู่ 3-4 ข้อ ตรรกศาสตร์(ที่มีบทนี้ด้วยเพราะว่าข้อสอบง่ายค่ะ ปีนึงออก2ข้อ5คะแนน) ฟังก์ชัน 2-3ข้อ ถ้าน้องๆลองมาคิดคะแนนดูเฉพาะไม่กี่บทที่พี่ได้เขียนไปแล้วจะเห็นได้ว่า ถ้าเราสามารถทำข้อสอบแค่บทเหล่านี้เราจะสามารถเก็บคะแนนเลขของเราได้ถึง50คะแนนทีเดียว ซึ่งบทที่เหลือนั้นให้น้องเลือกทำบทที่ชอบได้เลยเช่น เซต(ง่ายมาก) เลขดัชนี เอกซ์โปและลอกการิทึม ส่วนบทที่น้องไม่ควรอ่าน(ถ้าจะอ่านก็ไม่ว่ากันนะคะ)คือ ตรีโกณมิติ บทนี้มีสูตรเป็นล้านสูตร ข้อสอบเลขออกแค่ข้อเดียวและ2สูตร ถ้าน้องๆคิดว่า เราคงไม่สามารถที่จะทำเต็ม100ได้ พี่แนะนำให้ทิ้งบทนี้ไปเลยค่ะ เก็บแค่97.5แล้วเอาคะแนนดีๆจะดีกว่านะคะ
*อังกฤษ
มีน้องหลายคนในตอนนี้ที่ขยันท่องศัพท์กันทีเดียว พี่ไม่ได้บอกว่าให้เราไม่ท่อง เพียงแต่จะบอกว่า ถ้าการท่องศัพท์นั้นมันเหนือบ่ากว่าแรงจริงๆเนี่ย ทิ้งไปเถอะค่ะ เพราะสถิติการออกข้อสอบของวิชาภาษาอังกฤษ จะมีข้อสอบที่ถามคำศัพท์น้องๆอยู่ประมาณ2-3ข้อ คิดเป็น2-3คะแนนค่ะ แล้วเราก้อไม่รู้ว่าในแต่ละปีจะออกคำไหนและไม่ออกคำไหน ถ้ามันไม่ไหวจริงพี่ก้อแนะนำให้ทิ้งไปเถอะค่ะ เอาเวลาไปทำแบบฝึกหัดพวก PASSAGE ดีกว่าค่ะ เพราะว่าแพสเสจนี้มีจำนวนข้อถึง50ข้อ 50คะแนนค่ะ ช่วงนี้ให้น้องหัดทำพวกแพสเสจให้เยอะๆไว้รับรองว่าคะแนนไม่ไปไหนหรอกค่ะ ส่วนอีก47คะแนนที่เหลือจะแบ่งเป็นสองส่วนคือ
1. บทสนทนา อันนี้พี่คิดว่ามันเป็นความรู้ที่มีมาแต่เด็กค่ะ ขึ้นกับว่าเรานั้นมีพื้นฐานเกี่ยวกับการ พูด-ถาม-ตอบ ในภาษาอังกฤษแค่ไหนค่ะ
2. ความรู้รอบตัว ข้อสอบประเภทนี้จะยากที่สุด จะมีประมาน10-15ข้อค่ะ การออกข้อสอบจะเป็นพวกการใช้ประโยคที่ต่างกัน แต่ให้ความหมายได้คล้ายคลึงกันมากที่สุด จำพวกนี้ค่ะ
*เคมี
วิชานี้เป็นวิชาที่เราต้องเน้นทำข้อสอบให้มากๆเพราะข้อสอบมีการพลิกแพลงตลอดเวลา ถ้าน้องไม่จับจุดข้อสอบให้สอบให้ได้ ก็จะทำคะแนนได้ไม่ดีค่ะ อย่างพี่เคยแนะนำคือไปซื้อหนังสือข้อสอบมาทำเลยค่ะ ที่เป็นบทๆจะดีกว่าเป็นปีๆนะคะ เพราะว่ามันจะทำให้น้องเข้าถึงเนื้อหาและเฆ้นแนวข้อสอบได้เยอะขึ้นค่ะ ส่วนบทที่ต้องเน้นเป็นพิเศษคือ ปริมานสารสัมพันธ์1-2,กรด-เบส1-2,พันธะเคมี,สารประกอบคาร์บอน,ปฏิกริยาไฟฟ้าเคมี1-2,สมดุลเคมี เพราะจะออกเยอะเป็นพิเศษค่ะ
*ฟิสิกส์
วิชานี้เป็นวิชาที่ข้อสอบง่ายที่สุดแล้วค่ะ เพราะว่าเป็นข้อสอบที่ไม่มีการพลิกแพลงเลยค่ะ เพียงแค่เรารู้หลัก และสูตรก้อจะสามารถทำคะแนนได้ดีเชียวล่ะ ข้อสอบจะมี3แบบค่ะ
1.ง่าย-ข้อสอบแบบนี้จะมีประมาณ60% แนวข้อสอบคือ แทนสูตรเพียงหนึ่งสูตร ก้อจะได้คำตอบเลย หรือ เพียงแค่เราใช้ความน่าจะเป็นคำตอบก้อออกเหมือนกัน เช่น ความหนาแน่นของไม้ที่จมในน้ำคือ12% จงหาความหนาแน่นของน้ำที่เหลือจากการถูกแทนที่
                                      ตอบ 880 (เพราะว่าน้ำที่ไม่ได้ถูกแทนที่คือ88% นั่นคือ880นั่นเอง)
2.ปานกลาง-ข้อสอบแบบนี้มีประมาณ35% แนวข้อสอบคือ แทนสูตรเพียง2สูตร หรือเป็นการเอาสองเรื่องมาไว้ในข้อเดียว หรือมีการพลิกแพลงบ้าง แต่ไม่ยาก
3.ยาก-ข้อสอบแบบนี้ประมาน5% เท่านั้นเป็นโจทย์ปราบเซียนค่ะ จะได้100เต็มรึเปล่าก้ออยู่ที่พวกนี้แหละค่ะ ส่วนมากเป็นข้อสอบที่พลิกแพลงมาก และต้องรู้ลึกเท่านั้นจึงทำได้(รวมถึงไม่จำกับทในการออกด้วย บทที่คิดว่าเราทำได้อาจจะมีในข้อสอบจำพวกนี้ก้อได้)
ดังนั้นพี่คิดว่า น้องควรที่จะเน้นฟิสิกส์ให้มากๆ เพราะว่า ดูจากรูปแบบข้อสอบแล้ว ไม่ยากเกินไปหรอกค่ะ ถ้าเอาไปเทียบกับเคมีหรือชีวะถึงแม้ว่าค่าเฉลี่ยของวิชานี้จะแค่25-30คะแนน แต่จำนวนคนที่สามารถทำคะแนนได้เกิน70นั้นมีมากค่ะ มากกว่าทุกวิชาเลยถ้าไม่นับภาษาอังกฤษนะคะ
**เมื่อวานนี้พี่ไปแจมในงานรับน้องของเกษตรมาค่ะ น้องๆที่อยากจะเข้าวิศวะ สัตวะ เกษตร รับรองว่าสนุกแน่ๆ พวกพี่เป็นกันเองมากๆๆๆ ใครที่อยากจะเข้าตั้งใจอ่านหนังสือนะคะ แว่วๆมาว่า2คณะนี้มีแนวโน้มที่จะคะแนนสูงขึ้นเรื่อยๆนะ
ยังไงตั้งใจอ่านหนังสือกันนะคะ
ฝากคำถามไว้ได้เหมือนเดิมค่ะ
ตอนหน้าจะมาต่อในวิชา ไทย-สังคม-ชีวะ-พื้นฐานวิดวะค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น