ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กล้วยหอมจอมสับ (รับวิจารณ์นิยาย)

    ลำดับตอนที่ #18 : (นอกรอบ)บทวิจารณ์ทีนอสและนักสะสมฟัน --->วิจารณ์โดย B2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 350
      0
      28 ก.ค. 53

    จุดร่วมที่เป็นทั้งจุดแข็งและด้อยในจุดเดียวกันของ ทีนอสและนักสะสมฟัน

     

                ก่อนอื่นทำความเข้าใจก่อนนะครับ  ไม่อยากให้คิดว่าเป็นการลัดคิวแต่อย่างไร  อันนี้เป็นการอ่านส่วนตัวและวิจารณ์ตามที่นักเขียนได้ร้องขอ  จึงนำมาแปะไว้ในบทความนี้เองครับ  ดังนั้นผมจะไม่แบ่งเกณฑ์  รวมถึงไม่ให้คะแนนด้วยนะครับเพราะถือว่าเป็นนิยายที่ตีพิมพ์แล้ว

                ตามที่ท่านแจกันสีฟ้าได้ขอไว้ครับ  ผมไม่รู้ว่าท่านอ่านแล้วจะหงุดหงิดหรือเปล่า  หรืออ่านจะอยากลบกระทู้นี้ทิ้งเลยก็ได้(ผมไม่ว่าหรอก  ขอให้บอกแล้วกันครับ)  นี่เป็นเพียงแค่มุมมองของนักอ่านธรรมดาๆคนหนึ่งที่จะเสนอในอีกหนึ่งมุมมองให้ท่านพิจารณา  ว่าท่านเห็นชอบหรือไม่  ถ้าท่านชอบสิ่งที่ท่านเป็นอยู่แล้ว  ไม่ต้องทำตามครับ  ถ้าท่านเห็นว่ามีประโยชน์  ผมก็ยินดีอย่างยิ่งที่ได้วิจารณ์นิยายของท่านทั้งสองเรื่อง

                ข้อดีผมไม่ขอพูดนะครับ  เพราะน่าจะได้ไปเยอะแล้ว  ทั้งสองเรื่องนี้มีข้อดีเยอะ  อย่าคิดว่าไอ้ที่ผมวิจารณ์ไปจะหมายความว่านิยายเรื่องนี้แย่  ถ้าแย่ผมคงไม่อ่านตั้งแต่แรกแล้วครับ

              ทีนอส  เริ่มอ่านเพราะเพื่อนแนะนำและตอนนั้นก็ออกมาเป็นรูปเล่มแล้วเสียด้วย  ได้อ่านคอมเมนท์วิจารณ์มากมาย  ส่วนอื่นที่ดีๆผมไม่ขอพูดนะครับ  เพราะถือว่าคงมีบอกท่านไปเยอะแล้ว  ส่วนที่ผมจะพูดเอาสั้นๆเฉพาะจุดที่ผมรู้สึกว่ามันเป็นข้อด้อยเลย แบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือ

     

    1.       ความน่าสนใจของไอเดียการนำเสนอ  สวนทางกับการดำเนินเรื่อง

    เปิดเรื่องมาได้น่าสนใจครับ  และผมก็รู้สึกว่ามันน่าสนุกในช่วงบทแรกๆ  แต่พออ่านได้สักพัก 

    ความสนุกของเนื้อเรื่องก็ดำดิ่งลงตามจำนวนตอนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  อย่างเรื่องการสร้างตัวละคร  พ่อของทีเคจะมีมาทำไมครับ  อธิบายซะยืดยาวแต่ดันไม่มีอะไรสำคัญเลย มันไม่ใช่ตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องนะครับและไม่ได้แสดงผลอะไรกับเนื้อเรื่องเลย เปิดมาฉากเดียวหายต๋อม เหมือนท่านพยายามจะเอามาใช้แต่ดันลืมไปซะอย่างนั้น  หรือแก่นสำคัญของเรื่องอย่างทีนอสที่ค่อยๆลดบทบาทลงมาจนแทบไม่เหลือส่วนสำคัญ  โดยเฉพาะเมื่อเหยียบย่างเข้าอาคิเดนแล้ว  ทุกอย่างดูจะเดินไปอย่างเชื่องช้า  ไม่น่าติดตาม  และทีนอสดูอ่อนค่าลงอย่างประหลาด  ด้วยเพราะช่วงหลังมักจะไปเน้นเรื่องเกี่ยวกับผู้ที่ถูกเลือก  เรื่องภายในอาคิเดน  ช่วงสงครามทีนอสก็กลายมาเป็นมหากาพย์ลอร์ตออฟเดอะริงค์ตีกับสัตว์ประหลาดไปซะอย่างนั้น  ความผิดพลาดในเรื่องนี้ที่ผมเห็นคือการที่ท่านพยายามทำให้ทีนอสมีตัวตนมากจนเกินไป  เกินกว่าที่จะเน้นไปในการสู้รบของจิตใจอย่างที่ท่านต้องการนำเสนอ ทำให้เรื่องเดินไปคนละทิศคนละทาง  จากเรื่องของการต่อสู้ภายในจิตใจ  กลายเป็นสงครามซึ่งภายนอกเป็นหลักแทน  ผมอ่านมาได้เรื่อยๆจนเข้าภาคของอาคิเดนก็หยุดชะงักการอ่าน  และค่อนข้างต้องพยายามเล็กน้อยกว่าจะอ่านจนจบเรื่องได้

     

    2.       ความพยายามในการหักมุมเรื่อง

    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหักมุมในส่วนของคำพยากรณ์  หรือแม้กระทั่งตอนจบ มันคือ 

    ความพยายามในการหักมุมแบบยัดเยียดมากเกินไปของนักเขียน  ผมมองไม่เห็นความจำเป็นของทีนอสเลยว่าจำเป็นต้องจบแบบนั้น  ด้วยอะไร  ทีนอสบุกเข้าโลกรึ ?  ไม่ใช่  ความสมเหตุสมผลมันไม่มากพอที่จะทำให้ผมเชื่อได้อย่างนั้น  ผมรู้สึกเพียงแค่ว่าท่านต้องการที่จะให้มันจบแบบหดหู่จึงได้กระทำการหักมุมแบบนั้นเพื่อไม่ให้มันจบได้อย่างสวยงาม  มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากตอนที่อ่านมาถึงช่วงสุดท้าย  ช่วงที่ผมรู้สึกว่าสนุกคือช่วงก่อนที่จะเข้าอาคิเดน  ส่วนเรื่องของคำพยากรณ์  ผมยิ่งเห็นเลยว่ามันคือการยัดเยียดการหักมุมขั้นรุนแรงเข้ามาด้วยการหลอกคนอ่านอย่างการนำเสนอความคิดของชัยแต่เพียงฝ่ายเดียว พยายามชี้นำให้รู้สึกว่าชัยเป็นคนในคำพยากรณ์  โดยเฉพาะคำว่า ละเสพย์กาม... อะไรสักอย่างไรในคำพยากรณ์นี้ละครับ  มันจะตรงกับทีเคได้อย่างไงในเมื่อคนที่ห้ามทีเคไม่ใช่ตัวเองแต่เป็นชัยที่เข้ามาห้าม ไม่เหมือนชัยที่ท่านพยายามจะเอาเรื่องราวต่างๆในอดีตมาคิดเทียบ  เปรียบเทียบ พยายามหลอกลวงให้คนอ่านเชื่อเพื่อท่านจะได้ดัดหลังคนอ่านด้วยการบอกว่าคนในคำพยากรณ์คือทีเค  ซึ่งผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เลยล่ะ  บางอย่างถ้าท่านไม่หักมุมมันก็ยังดีเสียกว่า  ชัยเป็นคนดำเนินเรื่องมาตลอด  ทุกอย่างหลายๆครั้งผ่านพ้นมาเพราะชัยไม่ใช่ทีเค  โดยเฉพาะตอนจบมันไม่จำเป็นเลยที่ต้องทำทุกอย่างให้มันเลวร้ายขนาดนั้น  ผมรับตอนจบแบบโหดร้ายได้  นิยาย  การ์ตูน  หนังเลือดสาดก็อ่านก็ดูมาเยอะ ตอนจบเป็นเรื่องส่วนบุคคลของนักเขียนซึ่งไม่ควรก้าวก่าย แต่ทุกอย่างควรจะมีเหตุและผลในตัวมันเอง  เช่นเรื่อง อนิเมชั่น School day  จริงอยู่มันเป็นการจบแบบแทบร้องตะโกนใส่ว่า  นี่มันอะไรว่ะเนี่ย ! เพราะพี่แกก็ไม่มีเกริ่นบอกเลยเช่นกัน  แต่พอมองลงให้ลึกผมก็เข้าในเหตุผลของตัวละครเอกสองตัวนั้นว่าทำไมถึงได้ทำอะไรแบบนั้นลงไป

     

                นักสะสมฟัน  อ่านเพราะทีนอสและเพื่อนผู้เดิมแนะนำ  ยิ่งตอนนั้นผมกำลังอ่านนิยายเรื่อง it ของป๋าคิงอยู่ด้วย  พอมันเล่าๆมาผมก็เริ่ม  เออ  อารมณ์คล้ายๆ it เลย(ตัวประหลาดเหมือนกัน 555)  และยิ่งได้ยินว่าท่านเป็นสาวกคิง  ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านนิยายและดูหนังของสตีเฟนคิง  จึงรู้สึกสนใจไอเดียและแนวคิดที่ท่านนำเสนอออกมาจนต้องหยิบคว้ามาอ่านทั้งที่แอบรู้สึกผิดหวังกับทีนอสไปหนึ่งรอบ แต่ก็คิดว่า  เฮ้ย  เรื่องนี้มันต้องดีกว่าเรื่องที่ผ่านมา  แล้วก็เช่นเดิมเลยครับ  จุดร่วมที่แข็งเหมือนกันกับทีนอสกลายเป็นจุดด้อยที่น่าเสียดายสำหรับผมไปเช่นกัน

     

    1.      ความน่าสนใจของไอเดียการนำเสนอ  สวนทางกับการดำเนินเรื่อง

    คำเดิมเลยครับที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันเอาอีกแล้วรึเนี่ย  ความน่าสนใจของไอเดียดำดิ่งลงตาม

    จำนวนตอนที่เพิ่มมากขึ้น  ทั้งที่ผมรู้สึกประทับใจในบทเปิดของท่านอย่างรุนแรงและสำนวนภาษาที่จัดได้ว่าสวยงามมีเสน่ห์ยอมรับเลยตรงๆว่าชอบ  โดยเฉพาะความน่าสนใจในการนำเสนอช่วงสอง-สามบทแรก  วิธีของการได้ปากกา บรรยากาศของเมืองไทยโดยเฉพาะร้านขายของเก่าที่ผมรู้สึกว่าได้ว่า อืม  เจ๋งเลยละ  ผมอ่านไปด้วยใจระทึกว่ามันต้องเจ๋งแน่ๆ  แต่สุดท้ายมันเริ่มกลายเป็นหนังสยองขวัญเกรดบีอย่างไม่ทันรู้ตัว ด้วยรูปแบบการบรรยายและเนื้อเรื่องของนักสะสมฟันที่อยู่ๆก็กลายเป็นหนังผี  เรื่องในนิยายที่ตัวเอกเขียนไม่สัมพันธ์กับไดอารี่ในชีวิตของตัวเอกเท่าไหร่ด้วยว่าผมไม่รู้สึกว่ามันส่งผลอะไรกับตัวเอกเท่าที่ควร  และอีกครั้งที่ตัวนักสะสมฟันของท่านพยายามมามีตัวตนมากไป  เปิดออกจนหมด  จนผมไม่รู้แล้วว่าจะเอาอะไรไปกลัวมันดี  ส่วนตัวผมว่ามันพูดมากไปด้วยซ้ำ  ความลึบลับเลยพาลหายหมด  อีกอย่างการดำเนินเรื่องในนิยายที่ท๊อปเขียน(นักสะสมฟัน)  ก็ยังไม่น่าสนใจค่อนไปทางน่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ  และการนำมาโยงเกี่ยวกับความเป็นจริงก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร  ปริศนาของนักสะสมฟันก็ยังไม่กระจ่าง  นิยามของ ”ฟันบนโยนลงล่าง  ฟันล่างโยนขึ้นบน” ก็ยังไม่ค่อยเคลียร์  แล้วเรื่องของสัญญาที่ใครบางคนให้นักสะสมฟันไว้  เกริ่นมานิดๆแล้วก็หายไปเฉยๆ  เหมือนทิ้งอะไรไว้เยอะ แต่เก็บไม่ได้ทั้งหมด

     

    2.      ความพยายามในการหักมุมเรื่อง

    มาอีกแล้วครับ  ตอนจบแบบหักมุม  ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะครับ  เพียงแค่ว่าคราวนี้  ท่านเกิดโลภ

    มากอยากได้มันทั้งในโลกความเป็นจริงและโลกของแฟนตาซี  จึงมีการเขียนไดอารี่ของแม่ท๊อปออกมา  ซึ่งการวิเคราะห์แบบนั้นมันก็สามารถเข้าใจได้ในเชิงจิตวิทยาอยู่บ้าง  ถือว่ามีเหตุผลในการรองรับอยู่  แต่ท่านดันเอามาเกี่ยวโยงจนดูว่านักสะสมฟันมีอยู่จริงในโลกความเป็นจริงแน่ๆ  นี่ผมรู้สึกว่ามันมากเกินไปอีกแล้ว  เหมือนท่านพยายามจะเอามันทั้งหมดจนผมรู้สึกว่ามันเริ่มมั่วและไม่ปล่อยให้คนอ่านได้จินตนาการเองบ้าง  ว่าสิ่งที่ท๊อปเผชิญเป็นเพียงแค่จินตนาการหรือว่ามันคือความจริง มันกักความคิดคนอ่านจนน่าอึดอัด  ท่านพยายามใส่มากเกินไปจนสุดท้ายไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง  กลายเป็นว่ามีเรื่องของนิยายในนั้นขึ้นมาแล้วก็ไม่ได้สรุป แล้วในเรื่องของชีวิตจริงก็ไม่ได้สรุปอีก  กลายเป็นเรื่องไร้บทสรุป

             แต่อย่างหนังเรื่อง pan labyrinth ไม่รู้ว่าท่านเคยดูรึเปล่าแต่แนะนำให้ดูครับ มันเกี่ยวข้องกับความเป็นจริงและจินตนาการของตัวเอก  ในจินตนาการของเด็กสาวสะท้อนมุมมองในโลกความเป็นจริงที่เป็นช่วงของสงครามการฆ่าฟันของเธอผ่านทางโลกจินตนาการที่มืดมน  ลึกลับ  น่าดึงดูดและตอนท้ายเขาก็ไม่บอกว่าเธอสร้างขึ้นมาเองรึเปล่าหรือว่ามันมีอยู่จริง  แต่ผมว่าเขาปิดจบได้อย่างสวยงามและลงตัว  มีความเกี่ยวข้องระหว่างโลกความเป็นจริงและจินตนาการอย่างแยบยล  ขึ้นอยู่กับว่าคนดูเลือกที่จะเชื่อแบบไหน  ท่านอาจจะค้านว่ามันก็ไม่ได้สรุป  เรื่องนี้สรุปครับ  แต่เป็นสรุปในรูปแบบปลายเปิด  คือถ้าท่านเลือกเชื่อโลกความเป็นจริงตัวเอกก็ตาย แต่ถ้าท่านเลือกที่จะเชื่อโลกในจินตนาการตัวเอกก็จะยังมีชีวิตและได้กลายเป็นเจ้าหญิง

     

                สรุปง่ายๆแล้วกันทั้งทีนอสและนักสะสมฟัน  ผมว่าสิ่งที่ท่านขาดไปในการสร้างสรรค์นิยายที่ไอเดียดีดีทั้งสองเรื่องเช่นนี้  คือความแยบคายในการนำเสนอ  ท่านมักจะบอกทุกอย่างออกมาตรงๆ  เขียนทุกอย่างออกมาให้เห็นชัดเจน  ทั้งวิธีการเลือกเรื่องที่จะนำเสนอไอเดียเริ่มต้นของท่าน  รวมไปถึงการปิดจบอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งผมว่ามันน่าจะสะท้อนบุคลิกภาพของท่าน (รึเปล่า ?)  และการพยายามจะหักมุมนิยายที่เขียนมากจนเกินไป  ถ้าให้ยกตัวอย่างที่ผมเห็นได้ชัดคือไดอารี่ของแม่ท๊อปนั่นละครับ  พยายามอธิบายมากเพื่อให้คนอ่านเชื่อว่าสิ่งที่ท๊อปเขียนเกิดจากภาวะกดดันในตัวเขา ทั้งที่ความจริงผมว่าการสอดแทรกเข้าไปทีละน้อย(เหมือนหนังเรื่อง pan labyrinth เขาก็ไม่ได้บอกออกมาโต้งๆ)  น่าจะทำให้ได้อรรถรสในการรับรู้ความรู้สึกในนิยายมากกว่า 

    ซึ่งการหักมุม  การจบอย่างที่นักอ่านไม่คาดคิดเป็นเรื่องที่ดีครับ  แต่ทุกอย่างต้องมีเหตุผลในตัวมันที่จะมารองรับว่าการหักมุมนั้นส่งผลอะไรต่อเนื้อเรื่อง ต้องไม่ให้รู้สึกถึงความพยายามของนักเขียน  แต่ควรจะเป็นไปโดยธรรมชาติของงานเขียนนั้นโดยผ่านทางกับดักที่ผู้เขียนจัดวางไว้อย่างแยบยลมากกว่า หรือบางอย่างปล่อยไปตามธรรมชาติของเนื้อเรื่องต่อให้ไม่หักมุมมากมายแต่ผมว่ามันก็ปิดได้อย่างสวยงามในตัวของมันแล้ว ไม่จำเป็นต้องตามใจคนอ่าน  ไม่จำเป็นต้องแฮปปี้แอนดิ้ง  แต่ขอให้อ่านแล้วคนอ่านได้รับอะไรไปจากนิยายเรื่องนั้นก็พอแล้ว

                  ท่านพยายามทำให้นิยายของท่านจบอย่างสมบูรณ์   แต่ในความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย  ผมว่ามันเป็นการสร้างกรอบให้ตัวเองอย่างไม่รู้ตัวและกรอบนั้นส่งผลให้เกิดความอึดอัดต่อผู้อ่านโดยตรง  และสำหรับผม  มันมากเกินไปจนไม่สมบูรณ์

                เสริมอีกนิด  ความสมเหตุสมผลและเหตุผล  ข้อมูล  ทำให้เกิดความเชื่อ   แต่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณ  นักเขียนไม่ได้พยายามเอาเหตุผลข้อมูลร้อยแปดพันเก้ามาใส่เพื่อให้คนอ่านจำใจเชื่อ  ความยากในการเขียนนิยายคือทำยังไงให้คนอ่านเชื่อได้ว่ามันเกิดขึ้นจริง  แม้ข้อมูลที่เอามารองรับจะมีเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม

                อีกนิดครับ  อันนี้เป็นเมนท์ส่วนตัวจากเพื่อนผมที่อ่านนิยายท่านเช่นกัน  มันฝากบอกว่าอย่าพยายามยัดเด็กดีเข้าไป 555+ เข้าใจว่าท่านรักเด็กดีครับ  แต่ไม่ต้องพยายามยัดลงไปตรงๆก็ได้ มันดูไม่เป็นธรรมชาติและบางครั้งมันก็ไม่ได้มีส่วนช่วยให้เนื้อเรื่องดีขึ้น  บางทีคนอ่านที่ไม่ใช่สาวกเด็กดีเขาจะขัดใจเอาได้

     

                ความเห็นนี้มาจากคนอ่านธรรมดาๆ  ไม่ได้มาจากนักวิจารณ์ชั้นเลิศ  ไม่ใช่คนมีชื่อเสียงเรียงนามในบอร์ดนี้  เป็นแค่ความรู้สึกหลังจากที่อ่านนิยายท่านจบ  ท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อในสิ่งที่ท่านไม่เห็นว่าจริง ไม่จำเป็นต้องทำตามถ้าท่านชอบสิ่งที่ตัวเองทำอยู่แล้ว  ผมชอบงานท่านตรงที่มีเอกลักษณ์และผมไม่อยากให้สูญเสียตรงนั้นไป อย่างที่ผมบอกมันเป็นจุดแข็งของท่านในขณะเดียวกันสำหรับผมมันคือจุดอ่อนด้วยเช่นกัน  ถ้ามีข้อความอะไรในหน้ากระทู้นี้  ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบนิยายทั้งสองเรื่องนี้ขัดใจ  ผมต้องขออภัยไว้ด้วยครับ

     

    ปล.1  ท่านที่รอนิยายในหน้าบทความกล้วยหอมจอมสับอย่าเพิ่งน้อยใจนะครับ  แล้วผมกับบี1 จะรีบสานต่อให้เร็วที่สุด

     

    ปล. 2  ผมเปิดกระทู้ให้ตามที่ท่านแจกันสีฟ้าต้องการนะครับ  แต่จะขออนุญาติเอาไปลงในบทความด้วยก็แล้วกัน

     

    จาก  B2 บทความกล้วยหอมจอมสับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×