ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กล้วยหอมจอมสับ (รับวิจารณ์นิยาย)

    ลำดับตอนที่ #16 : Frozen's Raider : Rescue Mission in Lost Island Online ---> วิจารณ์โดย B1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 435
      1
      12 มี.ค. 53

    สวัสดีครับ B1  จาก บทความ กล้วยหอมจอมสับครับ ขออภัยที่ล่าช้ามากๆ ครับ ตอนนี้เหล่ากล้วยหอม  กลับมาปฏิบัติการอีกครั้งแล้ว ครับ

    เรื่อง  Frozen's Raider : Rescue Mission in Lost Island Online

     

    ลิงค์ http://writer.dek-d.com/Lonelyboy0/writer/view.php?id=509937

    มาวิจารณ์ตามคิวนะครับ ต้องขอบอกว่านี่เป็นเพียงความคิดเห็นหนึ่งของผู้วิจารณ์ ดังนั้นถ้าแรง หรือทำร้ายน้ำใจผู้เขียนก็ต้องขอโทษไว้ด้วยนะครับ และให้ผู้เขียนท่องในใจเสียว่ามันเป็นเพียงความเห็นหนึ่งเท่านั้น เพราะผมมีแต่วิจารณ์ แรงๆ เป็นอย่างเดียว

    1.ไอเดียต้นคิดเรื่อง (พล๊อต) 13/20

              พอเปิดอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่ บทแรก บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าได้กลิ่นพวกหนังบู๊ล้างผลาญของชาวมะกันเต็มที่ (ผมก็ประเภทคอหนังครับ ดูมันทุกประเภท โดยเฉพาะหนังที่ บรูซ วิลลิส กับ วิล สมิทแสดง กวาดดูมันหมดแทบทุกเรื่อง ชอบบท จอห์น แมกแคลน ที่สุดแล้ว ป๋าแกกวนตีนหน้า นิ่งได้เจ๋งมาก) เพียงแต่ยัดคำว่าออนไลน์เข้ามาให้ดูแตกต่างจากหนังบู๊ล้างผลาญปกติ ถ้าเทียบเป็นหนัง นิยายเรื่องนี้ยังคงไม่ค่อยมีอะไรนำเสนอน่าสนใจนัก แต่ถ้าเทียบเป็นหนังสือโดยเฉพาะเทียบกับนิยายในเด็กดียามนี้ก็ถือว่ามีความ น่าสนใจขึ้นมา และดูเหมือนผู้เขียนจะพยายามสร้างความแตกต่างของนิยายเกมส์ออนไลน์ที่มี เกลื่อนตอนนี้อยู่พอสมควร ซึ่งผมต้องยอมรับว่าไม่เคยอ่านนิยายแนวเกมส์ออนไลน์มาก่อน เลยเปรียบเทียบความแตกต่างไม่ได้เท่าไหร่ แม้จะเคยติดเกมส์มาแล้วก็ตาม(ตอนนี้ก็ยังติดอยู่ แต่ไม่มาก) แต่การผสมผสานระหว่างพล็อตหนังบู๊กับเกมส์ออนไลนก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ครับ ไอเดียต้นถือว่ามีความน่าสนใจ ไม่ใช่อะไรๆ ก็ตีมอสเตอร์ เก็บเลเวล พระเอกฟลุ๊คตีบอสตัวใหญ่ได้ ไอเท็มอาวุธสุดหายากตก พระเอกเมพทันทีอะไรประมาณนั้น พล็อตหลักค่อนข้างเห็นชัดดูมีจุดมุ่งหมายดี ให้ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าไม่ได้กำลังลอยตามน้ำไปเรื่อยๆ อยู่ ทำให้รู้จุดประสงค์ในการอ่าน และการวางพล็อตค่อนข้างแสดงว่าผู้เขียนวางแผนไว้แล้ว ไม่ดูอีเระเขะขะไร้แกนสาร แม้จะดูหลวมบ้างนิดหน่อยเพราะบทบาทของตัวละคร และพล็อตย่อยๆ     

    2.การดำเนินเรื่อง 14/20

                เปิดมาบทแรกเหมือนดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่ มีการสัมภาษณ์คนในเหตุการณ์ซะด้วย ที่โพรเซ่น ซึ่งปลอมตัวเป็นเด็กส่งพิซซ่ามาช่วยตัวประกัน ด้วยรูปแบบของเนื้อหาโดยรวมในบทที่หนึ่งมันค่อนข้างไม่มีที่มาที่ไปเลยทำให้ เกิดอาการขมวดคิ้วขึ้นมา เหมือนผู้เขียนจงใจเปิดตัวพระเอกมาอลังการจนเหมือนไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ การเปิดตัวด้วยฉากที่ดูธรรมดากว่านี้อาจทำให้พระเอกดูน่าสนใจกว่านี้ก็ได้นะ ครับ เริ่มมาที่บู๊แบบเมททริคทำให้มันดูไม่สมจริงว่าเด็กอายุแค่ 19 จะทำได้ และทำให้เกิดความรู้สึกหมั่นไส้ตัวละครนิดๆ รวมถึงงงกับที่มาที่ไปของโพรเซ่นด้วย ว่าทำไมพี่ท่านถึงได้ช่างเป็นฮีโร่ขนาดนี้ ขนาดสไปเดอร์แมน หรือ ซุปเปอร์แมน ยังมีเวลาที่ต้องคิดก่อนช่วยคน แถมยังเจ็บตัวหนักกว่าโฟรเซ่นที่เป็นมนุษย์ธรรมดาเสียอีก โจรก็ช่างกระจอกเหลือเกิน จุดเปิดจุดแรกผมเลยไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ครับ 

    เรื่อง ของการดำเนินเรื่องถือว่าทำได้ค่อนข้างไวมาก มันก็ดีครับไม่น่าเบื่อ แต่น่าจะลดความเร็วลงมาสักหน่อยครับ ไม่ต้องมาก ผู้อ่านจะได้เก็บเนื้อหาและซึมซับเนื้อเรื่องได้ครบถ้วนมากกว่านี้ การดำเนินเรื่องในแต่ละบทมีการทิ้งส่วนที่น่าสนใจให้ติดตามดีพอในระดับหนึ่ง เลยครับ อย่างน้อยอ่านไปก็ไม่เกิดอาการเบื่อ หรืออยากย้ายหนีไปอ่านเรื่องอื่น แต่อาจมีบางที่บางบทดูห้วน สั้น และเปลี่ยนอารมณ์เรื่องไวเกินไป จนไม่ประติประต่อ อย่างตอนที่โฟรเซ่น กำลังต่อสู้เพื่อช่วยไอลีนในเกมส์ และไอลีนคว้าเสื้อโพรเซ่นไว้เพราะว่ากลัวถูกทิ้ง จนโฟรเซ่นต้องปลอบใจ ผมเข้าใจว่าต้องกรแสดงความอ่อนโยนของพระเอกครับ แต่ช่วงจังหวะที่กำลังบู๊ขนาดนั้นอยู่ๆ มีฉากหวานขึ้นมา มันตัดอารมณ์คนอ่านอย่างผมโดยสิ้นเชิงเลยครับ เหมือนจู่ๆ ฉากเลือดสาดกำลังเข้าที่ก็ดันมีภาพทุ้งดอกไม้กับแสงแดดมาขั้น ตรงส่วนนี้เข้าใจว่าผู้เขียนต้องการแสดงความรักและความลึกซึ้งของตัวละคร ระหว่างการต่อสู้ ซึ่งหนังบู๊ปกติก็ทำ แต่ที่ผู้เขียนขาดไปคือเรื่องของการบรรยายอารมณ์ของพระเอก ณ ขณะนั้น เพราะปกติต่อให้อยากทำซึ้งระหว่างฉากบู๊ แต่ตัวละครมันจะต้องแสดงท่าทางที่มีความร้อนรน หรือไม่ก็มุ่นมั่นอะไรสักอย่าง และการแสดงอาการปกป้องก็ทำได้อย่างมากแค่ห้วนๆ สั้นๆ แต่นี้อยู่ๆ เหมือนกลายเป็นฉากสีชมพู่ที่มีแต่สองเรา คำหวานซึ่งที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ลอยขึ้นมาเฉยๆ ตรงนี้แนะนำให้ปรับปรุงสักนิดครับ มันไม่ซึ้งแถมยังตัดอารมณ์อีกต่างหาก

    ส่วนที่ต้องชมคือเรื่องของ ฉากบู๊ครับ บรรยายออกมาได้ดีที่เดียว นานๆ ทีเห็นคนเขียนฉากบู๊ได้มันส์ อ่านแล้วให้ความรู้สึกตื่นเต้นได้ และการประติประต่อก็ดีครับ เพราะว่ามีการบรรยายสภาพโดยรอบ ใช้คำไม่วุ่นวาย รวดเร็วสมเป็นฉากที่ต้องการความเร่งด่วน ไม่มีการเปรียบเทียบอะไรจนยืดเยื้อ เหตุการณ์ไม่ใช่แค่ยิงกันอย่างเดียวเหมือนคนโง่ แต่มีการไล่ล่า การไล่ต้อน การถอยการรุกให้ได้ลุ้นกันขณะอ่าน แต่อาจต้องลดเสียงเอฟเฟ็คลงมาหน่อยนะครับ ไอตูมๆ เฟี้ยวๆ ปั้งๆ เนี่ย แต่ไม่ต้องไปเพิ่มการบรรยายฉากมากกว่านี้นะครับ ดีอยู่แล้ว

    ตอนนี้เรื่องยังมาแค่เจ็ดตอน เลยยังบอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะรู้สึกเหมือนยังมีเบื้องหลังเกี่ยวกับตัวเกมออนไลน์ของเรื่องอีกใช่ไหม ครับ แต่ตอนนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเลยครับ อาจต้องลดความเร็วของเรื่องลงมาบ้าง และเพิ่มที่มาที่ไปของตัวละครสักหน่อย เดี๋ยวก็พอโฟรเซ่น เดี๋ยวก็เจน เดี๋ยวก็โอลีเวอร์ ค่อนข้างโผล่ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเท่าไหร่

    3.ตัวละคร 10/20

               เรื่อง ของตัวละครเป็นส่วนที่ผมเห็นว่าน่าจะปรับปรุงสักหน่อยครับ ด้วยว่าบรรยากาศของเรื่องออกแนวหนังมะกันบู๊ล้างผลาญจ๋าๆ แต่ตัวละครกับเหมือนตัวการ์ตูนญี่ปุ่นซะอย่างงั้น และผมขอเดาว่าที่ผู้เขียนให้ตัวเอกเป็นตัวละครที่เก่งแสนเก่งแต่ดันอายุแค่ 19 ไม่ให้เกินยี่สิบเพราะว่าค่อนข้างติดตัวละครแบบตัวการ์ตูนญี่ปุ่น ประเภทพวกไม่กล้าให้ตัวละครอายุมาก เดี๋ยวไม่ถูกใจวัยโจ๋ใช่ไหม แต่มันทำให้บรรยากาศของเรื่องกับตัวละครขัดกันอย่างรุนแรงครับ

    ตัว โฟรเซ่น พระเอก เป็นตัวละครที่ผมเห็นว่าสับสนวุ่นวายที่สุด คาแร็กเตอร์เอาแน่ไม่ได้ แถมยังไม่ค่อยมีมิติ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวอารมณ์ร้อน เดี๋ยวอารมณ์เย็น บางที่ก็ดูธรรมดาๆ แต่บางครั้งบทจะจริงจังก็จริงจังโดยไม่เข้ากับเนื้อเรื่อง แถมการยัดให้ตัวละครเก่งไปซะทุกด้านแบบนี้ทำให้มันขาดเสน่ห์อย่างแรกครับ โฟรเซ่นเป็นตัวเอกที่ผมไม่รู้สึกว่าน่าสนใจเลยครับ มันมีเพียงความเก่งที่ไม่รู้ไปเล่าเรียนมาจากไหน แต่นิสัยและบุคลิกกลับยังดูไม่นิ่ง ไม่เป็นรูปเป็นร่าง ไม่น่าสนใจ จุดนี้ทำให้นิยายดร็อปลง เพราะตัวเอกไม่ดึงดูดอย่างที่ควร การยัดความเก่งกาจให้ตัวละครมันต้องมีระดับสักนิดครับ อย่าให้มากจนเหมือนยกหางตัวละคร หรือรักตัวละครจนเกิดเหตุ แบบยุงไม่ให้ไต ไรไม่ให้ตอม ไม่งันตัวละครคุณจะป้อแป้เหมือเด็กหัดเดิน ดูไม่จริงจัง ไปเพิ่มความลึกและความมีมิติมาครับ

                ซึ่งตัวเจน และ ไอลีน กลับมีคาแรกเตอร์ชัดกว่า แต่ก็ยังไม่เรียกว่าดีนัก เพราะมันเป็นแค่นิสัยเผินๆ ที่แยกกันออก ในเรื่องนี้ยังไม่มีใครที่ผมรู้สึกว่ามีเสน่ห์น่าสนใจ อ่านแล้วไม่รู้สึกรักตัวละคร ตัวละครที่ดีต้องแยกได้แม้แต่ลักษณะการใช้คำพูดครับ แต่เรื่องนี้ยังไม่มีตัวละครตัวไหนที่ถึงสักตัว

                และ ที่ไม่เข้าใจและยังเป็นปัญหาของนิยายหลายๆ เรื่องที่แก้ไม่ได้สักที นี่คือคำถาม... ปุจฉา... ทำไมตัวละครผู้ร้ายถึงต้องหัวเราะเหมือนตัวร้ายละครหลังข่าว ไม่หัวเราะแล้วมันจะดูร้ายไม่พอรึ ไอสาเหตุเพราะตัวร้ายหัวเราะเหมือนคนบ้ามันทำนิยายดีๆ โลคลาสลงมาเยอะแล้ว... ดังนั้น พยายามหาวิธีให้ตัวร้ายมันดูร้ายโดยที่ไม่ต้องหัวเราะนะครับ เสียบรรยากาศเรื่องหมด       

    ปล. อันนี้เอามาฝากนะครับ สำหรับแนวคิดในการสร้างตัวละครเอกให้น่าสนใจและมีมิติ ผมขอยกตัวอย่างหนังบู๊ที่ท่านคงชอบดู และตัวละครอย่าง จอห์น แม็คเคลน ถือเป็นคาแร็กเตอร์ที่น่าศึกษาในการสร้างมิติและคาแรกเตอร์ตัวละครให้น่า สนใจขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องลอกคาแรกเตอร์ของ จอห์น แม็คเคลนมานะครับ นี่เป็นแค่แนวทางเฉยๆ ว่าตัวละครที่มีคนชื่นชอบมากๆ เขามีอะไรคนถึงได้ชื่นชอบกัน

    เครดิตจากเว็บ http://hilight.kapook.com/view/11308

    ก่อนที่ Die Hard 4.0 ปลุกอึด ...ตายยาก จะกระหน่ำซัมเมอร์นี้ให้เดือดพล่าน ลองมาดูเหตุผล 10 ประการที่ส่งให้ จอห์น แม็คเคลน (John McClane) แห่ง Die Hard เป็นสุด ยอดแอ็คชั่นฮีโร่กันหน่อย

              1. จอห์น แม็คเคลนมักจะเข้าไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา เสมอแต่เมื่อถึงคราวที่จะต้องโค่นผู้ร้ายให้สิ้นซาก เขาก็เป็นคนที่เหมาะกับหน้าที่นี้เป็นที่สุด

              2. เขาอาจจะเป็นฮีโร่ แต่จอห์น แม็คเคลนไม่ใช่พวกซุปเปอร์ฮีโร่ เขาก็เป็นแค่ลูกผู้ชายสู้ชีวิตที่จิตใจกล้าแกร่ง และไม่เคยคิด ยอมตายง่าย ๆเขาไม่มีพลังพิเศษ, ไม่มีสิ่ง ประดิษฐ์มหัศจรรย์, ไม่มีรถคันโก้, ไม่มีศิลปะการต้องสู้ป้องกันตัวชั้นสูง, ไม่ มีกล้ามเป็นมัด ๆ, มีแค่สองกำปั้น กับอาวุธประจำกาย และสมองเท่านั้น

              3. จอห์น แม็คเคลนยังมีข้อด้อยเต็มไปหมด เขาดื่มเหล้าเกินพิกัด, สูบบุหรี่จัด, สบถถี่, และไม่เคยเคารพยำเกรงเจ้า หน้าที่หน้าไหน โดยเฉพาะพวกเช้าชามเย็นชามนี่ไปให้พ้น ๆ เลยเชียว

              4. จอห์น แม็คเคลนต่างจากเจมส์ บอนด์กับอินเดียน่า โจนศืตรงที่เขาเป็นคนรักเดียวใจเดียว ต่อให้ชีวิตสมรสสั่นคลอนขนาดไหนก็ตามที พูดแค่นี้ก็คงเข้าใจกันนะ

    5. ทัศนคติติดดินและพูดน้อยต่อยหนักของเขาทำให้เขาแก้ไข สถานการณ์ได้ด้วยสติ และเรียบง่าย ยิ่งในโลกที่เต็มไปด้วยขั้นตอนมากเรื่องและความชักช้าอืดอาดของเจ้าหน้าที่ จอห์น แม็คเคลนจึงเข้าถึงปัญหาและปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วงอย่างฉับไว

              6. ฮีโร่ตัวจริงไม่เคยสอดส่องมองหาปัญหาหรือพยายามหาปัญหามาเข้าตัว แต่เรื่องยุ่ง ๆ ต่างหากที่เข้ามาหา จอห์น แม็คเคลน - ซึ่งมันก็เป็นอย่าง นั้นอยู่เรื่อย - แต่เขาก็พร้อมรับมือเสมอ จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาผ่านสมรภูมินรกมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า, เอาชีวิตรอดมาบอกเล่าตำนาน, และเรียนรู้ จากประสบการณ์อย่างมีชั้นเชิง

              7. บางทีอาจจะเป็นการป้องกันตัวเอง หรือเพื่อครองสติให้รอดพ้นจากอุปสรรคที่ไม่น่าจะเอาชีวิตรอดก็เป็นได้ จอห์น แม็คเคลนถึงได้มีอารมณ์ขันเหลือเฟือ ไม่ว่าเหตุการณ์จะคับขันเพียงใด แม็กแเคลนก็งัดมุขฮามาคั่นจังหวะ แม้ในช่วงที่ไม่มีใครฟังเขาเลยแม้สักคนเดียวก็ตามที

             8. เขากล้าบ้าบิ่น แต่ก็เปราะบางและเป็นปุถุชนมาก ก็เคยเห็นฮีโร่รุ่นราวคราวเดียวกับจอห์น แม็คเคลน อย่าง จอห์น แรมโบ้ เรื่อยไปจนถึง เจมส์ บอนด์ หรือแม้แต่ เจสัน บอร์น เอ่ยปากพร่ำอ้อนวอนว่า ได้โปรดเถอะ พระเจ้า อย่าเพิ่งให้ลูกช้างตายวันนี้เลย ในขณะที่จะเผชิญหน้า แบบตัวต่อตัวกับผู้ร้ายที่มีอาวุธครบมือดาหน้ากันเข้ามาเป็นกองทัพไหมล่ะ

              9. เขาเป็น สามัญชนที่ถูกยิงก็เข้า, บาดเจ็บก็เลือดไหล, ถลอกปอกเปิกไปทั้งตัว, โดนชกจนช้ำ ไปทั่ว, โดนซ้อมจนสะบักสะบอบกระอักเลือด, เขาเจ็บได้ตายเป็นไงล่ะ จึงทำให้ จอห์น แม็คเคลนดูสมจริง เพราะเมื่อใดก็ตามที่เขาเจ็บ เราก็เจ็บตามไปด้วย

              10. ข้อสุด ท้ายแล้ว ก็ด้วยความผิดพลาดที่เขาพลั้งเผลอได้, ข้อ บกพร่องที่เป็นใครก็ต้องมีกันบ้าง, และความเปราะบาง แบบปุถุชนนี่แหละ ที่ส่งให้ จอห์น แม็คเคลนเป็นฮีโร่ในดวงใจของหลาย ๆ คน และด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียวนี้เองที่ส่งให้เขาเป็นสุดยอดแอ็คชั่นฮีโร่ตลอด กาล

    4.ภาษา 14/20

              ภาษาจัดอยู่ว่าในเกณฑ์ดีถึง ดีมากสำหรับผม การบรรยายค่อนข้างลื่นไหล อ่านแล้วไม่กระตุก ยิ่งฉากต่อสู้ทำได้น่าพอใจที่เดียวครับ ค่อนข้างชอบในเรื่องภาษาของผู้เขียน ส่วนในเรื่องของภาษาไม่มีอะไรติมากครับ แต่ในบางวรรคบางประโยคก็กระตุก เพราะในบทที่พระเอกเข้ามาในเกมส์ มีบางครั้งที่ผู้เขียนเปลี่ยนจากการบรรยายบุรุษที่สามไปบรรยายบุรุษที่หนึ่ง เสียเฉยๆ โดยเฉพาะตอนที่โฟรเซ่นกำลังฟังคำบรรยายเกี่ยวกับวิธีเล่นในเกมส์ ที่บางวรรคบางตอน โฟรเซ่นใช่การบรรยายแทนตัวว่า ผม ทั้งที่ก่อนหน้านี้บรรยายเป็นบุรุษที่สามมาตลอด แล้วเป็นแบบนี้ในหลายวรรคของบทที่ 4 เยอะที่เดียวครับ แก้ตรงนี้ดีกว่าครับ ถ้าจะบรรยายบุรุษที่สามก็บรรยายบุรุษที่สามให้หมดครับ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมามันกระตุกครับ

                และ ในบทบรรยายบางบทที่ต่อท้ายประโยคคำพูด ผู้เขียนเอาบทบรรยายของตัวละครหนึ่งมาใส่ต่อท้ายประโยคคำพูดของอีกตัวละคร หนึ่ง เลยทำให้เกิดอาการงงเล็กน้อย แยกไม่ออกว่าใครพูดกันแน่ จนต้องย้อนอ่าน แล้วทำให้สะดุดเวลาอ่าน ตรงนี้กลับไปย้อนๆ ดูนะครับ มันแซมๆมาตลอด 

    5.ข้อมูลของนิยาย 15/20

               เป็น อีกหนึ่งจุดที่ถือว่าทำได้ดีครับ ข้อมูลทั่วไปรวมถึงข้อมูลในเรื่องของเมืองที่สร้างขึ้นเองค่อนข้างทำได้ เยี่ยม ไม่มากไม่น้อยไป แต่การบรรยายถึงข้อมูลในเมืองตอนแรกอาจดูน่าเบื่อไปสักหน่อย แต่ก็ไม่เยอะจนน่ารำคาญหรือใส่รายละเอียดปลีกย่อยจนน่าเบื่อ ยังอ่านๆ ผ่านไปได้ครับ อาจยืดไปสักหน่อยในส่วนของข้อมูลในเกมส์ที่อธิบายกันยุ่งยากพอควร แต่ไม่ทำให้เสียรสของเรื่องครับและเข้าใจว่าต้องบอกให้รู้เพราะถือเป็น ข้อมูลหลักของเรื่อง ในส่วนข้อมูลทั่วไปที่ใส่มาได้เข้ากับเนื้อเรื่อง และใส่มาไม่มากจนเกินไป มีการหาข้อมูลมารองรับโดยเฉพาะเรื่องอาวุธได้ดีพอควร

                ส่วน ที่ต้องแก้ไขคือความสมเหตุสมผลในบางจุด อย่างที่ได้กล่าวผ่านๆมาข้างต้น อารมณ์ตัวละครที่บางครั้งเหมือนไม่ประติดระต่อกัน และขาดที่มาที่ไปของตัวละครแทบทุกตัวโดยเฉพาะพวกตัวเอกๆ ทั้งหลาย หรือไม่ผมอาจต้องรอให้เนื้อเรื่องยาวกว่านี้ถึงจะรู้ก็ได้ ส่วนพวกผู้ร่ายยังดูฉลาดน้อยไปสักหน่อย และด้วยความฉลาดน้อยไปหน่อยของพวกผู้ร้าย มันเลยไม่ทำให้พระเอกดูเก่งได้ตามเป้าที่ผู้เขียนต้องการแสดงออกเท่าไหร่นัก ตอนแลกเปลี่ยนตัวประกันของอาบู มันดูหลวมมากๆ ผู้ร้ายระดับนั้นไม่น่าสับเพร่าจนไม่เตรียมแผนรองรับไว้ ทำเหมือนพวกคนดีสัญญาปากเปล่าโดยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอาตำรวจมา ไม่มีการเตรียมพร้อมรับมือเหมือนพวกมือสมัครเล่น แค่การสั่งลูกน้องให้ทำอะไรก็ดันมีแค่ทางมือถือของตัวเองเครื่องเดียว อะไรมันจะไม่รอบคอบขนาดนั้น ผมแนะนำให้ศึกษาเรื่องข้อมูลของพวกอาชญากรมามากกว่านี้นะครับ ยังไงท่านก็น่าจะชอบดูหนังบู๊อยู่แล้ว อย่าเพียงหยิบเพียงมุขผิวเผินของหนังมาใช้ แต่ควรศึกษาให้ถึงรูปแบบจริงๆ ของมันด้วยครับ เพราะบางครั้งวิธีการมันมีความลึกลับซับซ้อนกว่านี้... แต่ถ้ามีเงื่อนงำมากกว่าที่ว่ามาแบบแผนซ้อนแผน ก็ถือว่าดีขึ้นมาในระดับหนึ่ง เพราะผมเริ่มสงสัยฟิลที่ยิงอาบูทั้งที่ควรจับเป็น... เพราะถ้าตามมุขหนังแนวนี้มันต้องมีการหักเหลี่ยมโหดอยู่ ถ้าผมคิดมากไปก็ถือว่าปล่อยผ่านไปครับ

    6.ความพึ่งพอใจ(เน้นความ รู้สึกส่วนตัวของผู้วิจารณ์ล้วนๆ) 13/20

                ความ พอใจอยู่ในระดับที่ดีครับ อย่างที่บอกว่าชอบฉากบู๊ของผู้เขียน แต่ติดที่ตัวละครและความสมเหตุสมผลบางฉาก บางตอน จัดว่าเป็นนิยายดีเรื่องหนึ่งครับ อาจหยิบมุขหนังมาใช้บ่อยหน่อยจนกลิ่น หนังมะกันคละคลุ้ง แต่ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งครับ น่าติดตามพอควร อย่างน้อยก็ไม่น่าเบื่อและอ่านได้เรื่อยๆ เพิ่มการหักมุมเข้าไปสักหน่อยจะเพิ่มความน่าสนใจได้มากกว่านี้ ตอนนี้เพิ่งมีแค่เจ็ดตอนยังมีเวลาปรับปรุงอีกเยอะครับ หวังว่านิยายเรื่องนี้คงดีและสนุกขึ้นเรื่อยๆ นะครับ

    สรุปคะแนน 79/120 เกรด C เกือบได้ B แล้วครับ พยายามอีกนิดหนึ่ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×