ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พาราเรล ออนไลน์ [ online ]

    ลำดับตอนที่ #35 : ตอนที่ 21 มงกุฏจักรพรรดิ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 395
      4
      2 เม.ย. 56

     

     

    ตอนที่ 21 มงกุฏจักรพรรดิ

        มิเชลได้เจอกับจอร์เจียที่นั่งคุกเข่าอยู่พื้นอย่างใจลอย หญิงสาวหยีตาหลายๆ ครั้งและมองดูคนตรงหน้าด้วยอาการเสมือนเพิ่งตื่นจากฝัน บนตักของเธอประคองเด็กไว้สองคน คนหนึ่งนอนหลับสนิท ส่วนอีกคนกำลังจ้องหน้ามิเชลพร้อมตะโกนเสียงดังลั่น

        “นายเมื่อตอนนั้นนี่นา!”

        มิเชลทำหน้ามึน พวกเธอรู้จักกันด้วยหรือ แต่.. น้ำเสียงตะโกนโวยวายแสบแก้วหูแบบนั้นก็เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน

        คนที่โวยวายไว้ผมแกละสีชมพู ชุดกระโปรงบานๆ ก็ยังเป็นสีชมพูแป๋วแหวว ส่วนในมือถือค้อนยักษ์อันเป็นอาวุธประจำกาย ตัวเธอเล็ก แต่มีรูปร่างป้อมๆ ตามลักษณะของเผ่าพันธ์คนแคระ มิเชลพยายามนึกย้อนกลับไป... แต่ไม่สามารถควานหาสาวน้อยผมชมพูจากความทรงจำเก่าๆ ได้

        เมื่อมองดูอีกคนที่กำลังหลับสนิทบนตักจอร์เจีย รายนี้มีผมเปียสีทองสองข้างถักเป็นรูปหัวใจแล้วรวบเหลือข้างเดียว และมิเชลคิดว่าเจ้าหล่อนก็หน้าคุ้นๆ อยู่เหมือนกัน แต่เธอยังนึกไม่ออก

        “มิเชล!” เสียงของโทนี่ตะโกนเรียกยาวมาจากที่ไกลลิบ “อย่าเพิ่งหยุด! อย่าลืมสิว่าเราวิ่งมาที่นี่ทำไม!”
        
        “หวาย จริงด้วย!” มิเชลเพิ่งนึกเรื่องสำคัญได้ เธอรีบตามโทนี่ไปทันที

        โมนิคกำลังอาละวาดแล้วเตลิดไปไกลอีกครั้ง...

        ทีแรก เธอกับโทนี่ไล่มันมาจนพบกับเหล่าสามสาวโดยบังเอิญ มิเชลเห็นว่าจอร์เจียกำลังจะถูกผีผ้าคลุมฆ่าจึงรีบเข้าช่วย แต่หลังจากนั้น เธอก็เผลอวิ่งตามเจ้ามังกรตัวแสบต่อและลืมเหล่าสาวๆ ที่กำลังนั่งงงอยู่บนพื้นเสียสนิท

        จอร์เจียกับซัลช่าเองก็ไม่ทันได้สังเกตโมนิค ทั้งคู่จึงทำได้แค่มองมิเชลวิ่งหายไปโดยไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น

        แต่อย่างไรเสีย... กลุ่มของเธอน่าจะปลอดภัยแล้ว เนื่องจากสองสาวดันเห็นภาพผีฝาแฝดที่ค่อยๆ ลอยตัวตามพวกเขาไป สงสัยว่าเพราะมิเชลลงมือโจมตีเป็นคนสุดท้ายนั่นเอง...

        “แย่แล้ว!” จอร์เจียรีบลุกขึ้นพร้อมปล่อยมือจากเด็กทั้งสอง ตอนนี้เธอจะมัวมานั่งเล่นไม่ได้อีก “เจ้าตัวนั้นมันตามหลังพวกเขาไปค่ะ!”

        “โชคดีออก” ซัลช่าตอบทันที “ทาซาเนียยังไม่ฟื้น ฉันก็โดนมัด ส่วนพี่สาวทำอะไรมันไม่ได้เลยนี่ ให้มันไปไล่คนอื่นก่อนเถอะ”

        “พวกเขาเป็นเพื่อนฉันค่ะ” หญิงสาวรีบดื่มน้ำยาฟื้นพลัง จากนั้นเพิ่งนึกได้ว่าข้อมือตนถูกผูกติดกับยายเด็กจอมกวนด้วยฝีมือของตัวเอง “คุณก็ต้องไปกับฉันด้วย”

        “ไม่ไปหรอก เพราะฉันไม่ทิ้งทาซาเนียไว้คนเดียวแน่นอน!”

        “ฉันจะช่วยแบกค่ะ” จอร์เจียถอนหายใจ

        ซัลช่าอิดออดเล็กน้อย แต่สุดท้ายยอมเพราะจอร์เจียสัญญาว่าจะไม่ทิ้งจนกว่าทาซาเนียจะตื่นจากคำสาป เด็กสาวรู้สึกว่าอุตส่าห์โชคดีหนีผีร้ายมาได้แล้วทำไมยังต้องไปวิ่งไล่มันอีก...

        ****************************************


        โมนิควิ่งเอา วิ่งเอา ส่วนมิเชลก็ไล่ตามจนหัวหมุน เธอไม่เคยเลี้ยงสัตว์มาก่อนทั้งในเกมนอกเกม และไม่นึกว่ามันจะจิตใจบอบบางถึงขั้นหลบหนีด้วยตัวเองได้.. ตอนนี้พวกเขาหายใจเหนื่อยหอบเพราะตามจับเจ้ามังกรมาสองชั่วโมงแล้ว

        “โทนี่! ชะลอมันที ดึงหางมันไว้ก็ยังดี!”

        “เอื้อมไม่ถึง” เขาตอบโดยไม่หันกลับมามอง “ถ้าเธอไม่ชะงักตรงเมื่อกี้ก็คงไล่มันทันพอดี”

        “โทนี่ไม่ได้มองอะไรเลยน่ะสิ! เมื่อกี้เจอคุณจอร์เจียด้วย เธอกำลังโดนโจมตี ไม่ช่วยไม่ได้หรอก!”

        “อ้าว ทำไมไม่รีบบอก!”

        โทนี่ตะลึงงัน เขาไม่ทันได้มองสภาพรอบข้างเลยจริงๆ เด็กชายมัวแต่ไล่ตามสัตว์เลี้ยงของเพื่อนจนลืมดูสิ่งแวดล้อมเสียสนิท จอร์เจียนับว่าเป็นผู้มีพระคุณของทั้งสอง เขาจึงรู้สึกผิดที่เผลอเมินเธอไปโดยไม่ตั้งใจ

        “บอกโทนี่ไม่ทัน แต่ไม่เป็นไรเพราะเขาเก่งจะตาย คงแค่เผลอหกล้มหรืออะไรทำนองนั้นมากกว่า”

        “มันก็ถูก คนที่เก่งเหมือนปีศาจแบบนั้นคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

        มิเชลตะหงิดๆ กับสรรพนามเปรียบเทียบของโทนี่เพราะจอร์เจียก็เป็นผู้หญิง แต่ด้านฝีมือคงต้องยอมรับว่าเธอคือคนที่ปีศาจส่งมาเล่นอย่างแท้จริง ครั้นจะเถียงแทนในฐานะผู้หญิงด้วยกันก็เถียงไม่ออกเพราะใจดันเห็นด้วยไปเรียบร้อยแล้ว

        พลัน โมนิคหยุดวิ่งกะทันหัน มิเชลกับโทนี่รีบกระโดดตะครุบมังกรน้อยทันที และแทนที่เจ้าตัวแสบจะดิ้นหรืออาละวาดก็ดันนิ่งจนผิดปกติ มันส่งเสียงประหลาดในลำคอพร้อมก้มหัวลง จากนั้นเธอจึงเห็นว่ามันกำลังสั่น

        มิเชลฉวยโอกาสเอาหินผนึกแตะร่างมังกรน้อยตามคำอธิบายของระบบทันที

        “โมนิคพ้นสภาพสัตว์เลี้ยงหลบหนี”

        “ความเชื่องของโมนิคเท่ากับ 5 จาก 100 ระดับความเชื่องอยู่ในเกณฑ์เสี่ยง โมนิคจะเลือกฟังเฉพาะคำสั่งที่ชอบเท่านั้น”


        “โมนิคกลับมาแล้ว!”

        “เยี่ยม!” โทนี่ล้มตัวนั่งลงกับพื้น การต้องวิ่งติดๆ กันสองชั่วโมงทำให้ขาล้าไปหมด

        ส่วนมิเชลเองก็นอนหงายแผ่หมดสภาพตามหลังจากนั้น

        ไม่ทันให้ได้พักจนหายเหนื่อย เสียงขู่คำรามของสัตว์ป่าก็ดังแทรกขึ้นมา ทั้งคู่รีบลุกขึ้นยืนอยู่ในท่าเตรียมพร้อม มิเชลจับดาบอสูรอัคคี ส่วนโทนี่หยิบหอกอาวุธชิ้นใหม่ที่ทำเอง

        เด็กทั้งสองได้ยินเสียงดังก๊องแก๊งที่กระทบกับพื้นเริ่มขยับเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ มันคือเสียงก้าวเท้าเดิน... และเจ้าตัวนั้นกำลังมุ่งตรงมาหาพวกเขา โมนิคยืนสี่ขาและส่งเสียงขู่แหลมๆ ไปพร้อมกับตีหางใส่พื้น มิเชลเห็นว่ามังกรน้อยเตรียมจะสู้โดยไม่ดูเลเวลตนเอง เธอจึงเรียกให้กลับเข้าหินทันที ทว่า...

        “ระดับความเชื่องต่ำกว่าสามสิบ ไม่สามารถใช้ไอเทมเก็บสัตว์เลี้ยงได้”

        ...มิเชลคิดว่า ถ้ามันจะลำบากขนาดนี้ ขอเอากลับไปคืนภารกิจได้ไหม!

        และแล้ว โฉมหน้าของเสียงฝีเท้าปริศนาก็เปิดเผย... โครงกระดูกสีขาวร่างยักษ์กำลังเดินสี่ขาอย่างเชื่องช้า รูปหน้ามันเป็นทรงยาวเหมือนสัตว์ป่า บนกระดูกสันหลังยังมีปีกงอกออกมาสองข้าง เมื่อดูจากขนาดร่างกายอันใหญ่โตแล้ว มิเชลคิดว่าไม่น่าจะบินขึ้นแน่นอน... เพราะส่วนปีกเป็นแค่กระดูกท่อนบางๆ ที่เรียงต่อกัน

        “มังกรกระดูก...” มิเชลอุทาน นั่นคือโครงกระดูกของมังกร มันเป็นกระดูกที่มีชีวิต เดินได้ และกำลังวิ่งตรงมาหาพวกเธอ!

        เจ้าโครงกระดูกยักษ์สะบัดหางฟาดลงมาที่ทั้งสาม เธอรีบคว้ามือเพื่อนกับโมนิคหนี แต่สุดท้ายก็โดนน้ำหนักของมังกรน้อยรั้งเอาไว้ และในเวลานั้น โทนี่กลับพุ่งออกมายืนขวาง เขารับการโจมตีเข้าเต็มๆ แต่ก็ซดน้ำยาฟื้นพลังตามทันที

        “ฉันสวมชุดที่พลังป้องกันสูงกว่าเธอ ไม่ต้องห่วง” โทนี่รีบอธิบายเพราะรู้ว่ามิเชลจะพูดอะไรต่อ

        โทนี่ออกรับการโจมตีแทน เพราะถึงมิเชลหลบเก่งและว่องไวมากขนาดไหน เธอก็เป็นแค่นักเวทที่มีพลังชีวิตกับพลังป้องกันต่ำกว่า

        เจ้าโครงกระดูกยักษ์ตวัดกรงเล็บใส่ต่อโดยไม่รอให้เหยื่อพร้อม เธอพยายามดึงโมนิคออกจากที่เดิมแต่มังกรน้อยเอาแต่จะสู้ โทนี่จึงต้องยืนขวางไว้เหมือนเดิม จังหวะนั้นมิเชลรู้สึกว่าตนลืมอะไรบางอย่างไป... ใช่แล้ว...

        เธอสร้างกำแพงไม้ขึ้นกั้นกลางทันที มิเชลมัวแต่คิดว่าจะลากโมนิคออกไปจนลืมว่าตนมีเวทป้องกันให้ใช้ โทนี่เองก็ทำหน้าเพิ่งนึกได้เช่นกัน อย่างไรเสีย มังกรกระดูกนั้นสูงกว่ากำแพงมาก มันเลยขึ้นมาเหยียบแล้วอาศัยน้ำหนักตัวทำลายลงโดยง่าย

        แต่... มิเชลไวกว่า เธอรีบแปะมือลงกับพื้นเพื่อสร้างกำแพงไม้ใต้เท้าเจ้าโครงกระดูกอีกครั้ง มันจึงหงายหลังล้มไม่เป็นท่า เด็กสาวในคราบชายหนุ่มชักเอาดาบไฟทั้งสองเล่มออกมาพร้อมกับกระโจนเข้าไปซ้ำทันที โทนี่เองก็ไม่ยืนบื้ออยู่เฉยๆ เขาหยิบอาวุธและไล่ตามเพื่อนสนิทไป

        บางทีโทนี่คงเก่งขึ้นอย่างที่เรเชลว่าไว้ เขาสลับใช้อาวุธตัวเองอย่างคล่องแคล่ว เริ่มจากค้อนที่ทำให้ศัตรูมึนงง ตามด้วยหอกเยือกแข็ง มังกรกระดูกจึงติดสถานะแช่แข็งกับมึนงงพร้อมกัน มันเดินเป๋สองสามก้าวแล้วก็หล่นลงไปกลิ้งอยู่บนพื้น มิเชลจึงได้ซ้ำด้วยดาบไฟแล้วรีบหลบหางที่ฟาดสะเปะสะปะกลับมา

        จากมังกรกระดูกกลายสภาพเป็นเศษซากแคลเซียมระเนระนาดบนพื้นภายในเวลาอันสั้น มิเชลกลัวมันจะคืนชีพแบบในหนังสยองขวัญก็เลยจัดการแยกชิ้นส่วนจนเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ โทนี่พยายามบอกให้เธอปล่อยวาง เพราะเละเทะขนาดนี้ ถ้ายังกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขานั่นแหละจะร้องกรี๊ดแล้วเผ่นคนแรกให้ดู

        “จะได้ชัวร์ไงว่าตายสนิท”

        “กลัวอะไร มันไม่ได้เก่งอะไรนี่นา แค่ตัวใหญ่” โทนี่พูดเสริม “มังกรสัตว์เลี้ยงเธอก็คงรู้เลยพยายามจะสู้ด้วย”

        “จริงสิ..” มิเชลหันไปหามังกรน้อย “โมนิค.. ดูออกด้วยหรือว่าตัวไหนเก่งไม่เก่ง..”

        โมนิคไม่ได้สนใจฟังที่เธอพูด มันเอามือลูบปีกข้างที่ใหญ่กว่าและเล่นอะไรไปเรื่อยๆ

        “ต้องเพิ่มระดับความเชื่องก่อนสินะ” มิเชลถอนหายใจแล้วมองโมนิคไปพลาง

        มิเชลชวนโทนี่คุยเรื่องโมนิคเพราะสงสัยเรื่องระดับความเชื่องและการเก็บมันเข้าหินผนึก พอเปิดปากพูดได้สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าตนกำลังจ้ออยู่คนเดียวเป็นวรรคเป็นเวร โทนี่เงียบสนิท เขาไม่ตอบอะไรเลย เธอเลยหันหน้ากลับมา... และเจอภาพเพื่อนซี้ลอยอยู่บนฟ้า...

        ร่างของโทนี่ลอยแอ้งแม้งอยู่กลางอากาศ ตามมาด้วยผ้าสีดำห่อพันรอบตัว และมีผืนสีขาวที่พยายามพันหน้าปิดปาก เด็กชายดิ้นขัดขืนแต่ไม่หลุด พอเขาจะเอื้อมมือไปหยิบอาวุธ พวกมันก็จงใจรัดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

        มิเชลยืนค้างประมาณสามวิถึงค่อยตั้งสติได้

        “โทนี่! จะไปช่วยเดี๋ยวนี้แล้ว!” มิเชลวิ่งไปอยู่ข้างใต้ผีผ้าคลุมแล้วเรียกกำแพงขึ้นจากใต้ฝ่าเท้า เธอรีบกระโดดพอกำแพงงอกขึ้น จากนั้นจึงพุ่งเข้าแย่งตัวโทนี่ออกจากศัตรู

        คนทั้งสองหล่นกระแทกพื้นและล้มกลิ้งไปคนละทาง มิเชลเป็นฝ่ายที่ลุกขึ้นได้ก่อน เธอรีบฉุดแขนเพื่อนให้ยืนแล้ววิ่งเข้าใส่ผีผ้าคลุมขาว

        “ขอบ...ใจ” โทนี่หายใจหอบแรง เมื่อครู่เขาถูกปิดปากจนหายใจลำบาก

        ทว่า จู่ๆ ผีผ้าคลุมสีดำโผล่แว่บมาแบบไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า มันเอาร่างพันรอบโทนี่แล้วพาบินขึ้นอีกครั้ง

        ผีผ้าคลุมดำล็อคตัวโทนี่ ส่วนเจ้าตัวขาวอาศัยจังหวะนั้นคลุมหน้าเขา มิเชลทำได้แค่ตกใจและวิ่งตามอยู่ด้านล่าง เธอพยายามสร้างกำแพงขึ้นมาเป็นฐานเหยียบ แต่ก็กระโดดไม่ถึงตัวเพื่อนเลย

        พอมิเชลวิ่งไล่ตามเพื่อเอาเพื่อนคืน พวกผีผ้าคลุมกลับโยนโทนี่ทิ้ง มันกะทันหันจนเธอพุ่งเข้าไปรับไม่ทัน ร่างของเขากระแทกเข้ากับพื้นเสียงดังทำเอาเธอรู้สึกเจ็บแทน และแทนที่เด็กชายจะลุกขึ้นมาโอดครวญกลับนอนนิ่ง เด็กหญิงเริ่มร้อนใจ...

        “โทนี่! เป็นอะไร!”

        เขาไม่ตอบ เปลือกตาสองข้างปิดสนิท มิเชลเอามือตบแก้มเพื่อนเบาๆ แต่เด็กชายก็ยังไม่รู้สึกตัว เธอหยิบน้ำยาแก้อาการผิดปกติออกจากกระเป๋า ในใจคิดว่าโชคดีแล้วที่โทนี่ชอบบังคับให้ซื้อของจิปาถะหลายๆ อย่างเก็บไว้

        ทว่า ยากลับใช้ไม่ได้ผล เขาหลับลึกมาก มิเชลเองก็ไม่มีเวลาตรวจสอบว่าเพราะอะไร เนื่องจากผีฝาแฝดทั้งสองกำลังเล็งเธอเป็นรายถัดไป เด็กหญิงรีบสร้างกำแพงไม้ขนาดย่อมล้อมรอบตัวเอง จากนั้นก้าวขึ้นเหยียบกำแพงและเตรียมพร้อมจะพุ่งเข้าใส่พวกมัน

        แต่แล้วมิเชลก็ได้เห็นส้นรองเท้าสีแดงเตะเจ้าผ้าคลุมสีดำกระเด็นต่อหน้าต่อตา... เธอยืนตะลึงอยู่สักพักก่อนจะตั้งตัวติด หญิงสาวร่างเล็กในชุดจีนยกขาอีกข้างเพื่อถีบผีตัวที่เหลือลอยตามไป

        จอร์เจียหายใจหอบแฮ่กเหมือนวิ่งทางไกลมาเพื่อเตะเจ้าผีขาวดำโดยเฉพาะ ส่วนซัลช่าก็ล้มกลิ้งอยู่บนพื้นโดยที่มือยังโดนมัดไว้ สภาพของซัลช่าดูไม่จืดเอาเสียเลย เนื้อตัวเธอถลอกปอกเปิกไปหมดเพราะโดนจอร์เจียบังคับลากมาด้วยเชือก

        “อ๊า! ยายคนเมื่อตอนนั้น!” มิเชลเริ่มจำซัลช่าได้ในที่สุด สีชมพูทั้งตัวจนบาดตา และเสียงแหลมแสบแก้วหูแบบนี้มีคนเดียวเท่านั้น... เธอหันไปมองทาซาเนียที่นอนสลบอยู่และค่อยๆ นึกออกทีละเรื่องที่เคยเกิดขึ้น “ใช่แล้ว! ยายโจรเด็กจอมโมเมเมื่อตอนนั้นนี่เอง!”

        “จะบอกว่าที่ผ่านมาจำพวกฉันไม่ได้งั้นเหรอ!” ซัลช่าเริ่มมีอารมณ์.. เธอหงุดหงิดที่ตนเป็นฝ่ายจำได้ แต่มิเชลกลับลืมสนิทเหมือนเรื่องที่เคยปะทะกันนั้นไม่สำคัญ “คงไม่ได้ลืมนะว่ารังแกพวกเราไว้แบบไหน แถมยังเปิดกระโปรงพวกเราอีก!”

        จอร์เจียเริ่มมองมิเชลด้วยสายตาประหลาด...

        แต่มิเชลไม่มีเวลาแก้ตัว เธอกระโดดเข้าใส่สองสาวกะทันหันแล้วผลักพวกเธอลงกับพื้น ซัลช่าร้องโวยวายเพราะตกใจที่ถูกขึ้นคร่อม ทว่า... จู่ๆ ร่างของมิเชลก็ถูกลากขึ้นกลางอากาศโดยมีผีผ้าคลุมขาวลอยอยู่ด้านหลัง

        มิเชลเดาได้ทันทีว่าพวกมันจะทำให้เธอสลบเหมือนโทนี่....

        ซัลช่ามองตาค้าง ถ้าไม่ใช่เพราะมิเชลเข้ามาขวาง คนที่ต้องลอยเท้งเต้งอยู่บนนั้นคงเป็นเธอและอาเจ๊จอมโหดในชุดจีนแน่นอน เธอยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับจอร์เจีย แต่จอร์เจียเหมือนจะตั้งสติได้ก่อน หญิงสาวยกขากระโดดสูงโดยพยายามไปให้ถึงตัวผีผ้าคลุม

        แต่... จอร์เจียกระโดดไม่ถึง เธอหันไปมองซัลช่าและหยุดคิดประมาณสามวิ จากนั้นก็ก้าวขึ้นไหล่ซัลช่า เจ้าหล่อนกระโดดอีกครั้งโดยใช้ร่างเตี้ยกว่าเป็นฐานเหยียบ ตัวเธอพุ่งทะยานไปหามิเชลพร้อมกับรีบดึงแขนช่วยลงมา

        มิเชลหล่นทับสองสาวเต็มๆ เธอกำลังมึนๆ งงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นหน้าผีผ้าคลุมขาวกำลังร่อนตามลงมาจึงต้องลุกขึ้นยืนแล้วคว้าดาบมาถือป้องกันทั้งจอร์เจียและซัลช่า

        "เราต้องหนีค่ะ” จอร์เจียพูดขึ้นหลังจากที่มิเชลเอาดาบฟาดให้มันถอยกลับไป

        “อาจจะชนะก็ได้ เรามีสาม มันมีสอง” มิเชลตอบ

        “เจ้าตัวที่ฟันไม่ขาด และเตะไปมันก็ไม่เจ็บ คิดว่าจะทำอะไรพวกมันได้หรือคะ?”

        มิเชลยืนนิ่ง... ถ้าคุณจอร์เจียที่เก่งมากบอกว่าสู้ไม่ได้ ก็คงแปลว่าไม่ได้จริงๆ

        “และเรายังมีคนขาหักที่ขายังต่อไม่สนิทดี แต่กระโดดเอาๆ อีกคนหนึ่งด้วย ชนะได้ก็บ้าแล้ว...” ซัลช่าเสริม

        “ขาหัก?” มิเชลก้มมองขาของจอร์เจีย มันถูกพันด้วยผ้าพันแผลกับไม้ดามขา

        จอร์เจียใช้ไม้ดามสำหรับการรักษาสถานะกระดูกหักจากกล่องปฐมพยาบาลขั้นต้น​ ซึ่งมันกินเวลาในการสมานตัวมากพอสมควร แต่เพราะเธอตั้งใจจะเตือนมิเชลกับโทนี่เรื่องผีฝาแฝด ก็เลยทั้งวิ่งทั้งกระโดดมาเต็มที่ และถ้าหักโหมมากกว่านี้ ไม้ดามขานั่นก็คงเอาไม่อยู่...

        มิเชลเริ่มกวาดตาสำรวจสภาพผู้ร่วมทางทั้งหมด จอร์เจียกับซัลช่ายังไม่พร้อมต่อสู้ ส่วนโทนี่ก็นอนสลบอยู่ แล้วมีโมนิคที่ไม่ยอมกลับเข้าหินผนึกอีกตัว ทำไมเรื่องถึงวุ่นวายขนาดนี้นะ...

        “ทั้งคู่หนีไปก่อน เดี๋ยวจะช่วยถ่วงเวลาให้” มิเชลตัดสินใจได้ “แต่ช่วยลากเอาโทนี่ไปด้วยได้ไหม... เขานอนสลบอยู่ตรงนั้น... เอ้อ... คุณจอร์เจียขาหักอยู่ ถ้าไม่ไหวก็ไม่เป็นไร...”

        จอร์เจียเพิ่งมองเห็นโทนี่ที่นอนอยู่ หญิงสาวคิ้วขมวดทันทีเพราะฝ่ายเธอก็มีทาซาเนียเป็นภาระ ถ้าจะเอาสองคนนี้หนีไปด้วยจำต้องทิ้งมิเชลไว้ช่วยชะลอพวกผีผ้าคลุมขาวดำ...

        “ไหวค่ะ​ ถ้างั้นฉันต้องไปก่อน...” จอร์เจียฝืนใจยิ้ม มันไม่ใช่นิสัยเธอที่จะถอยก่อนเท่าไรนัก “อย่าตายนะคะ”

        “โกหกชัดๆ” เด็กสาวผมแกละชมพูพึมพำ สภาพของจอร์เจียไม่ได้บอกว่าสบาย และมิเชลก็ต้องตายแน่นอน เธอกับทาซาเนียเคยตายด้วยน้ำมือราชาผีฝาแฝดสองครั้งแล้ว... พวกมันทั้งคู่ไม่มีทางกำจัดได้ด้วยระดับของผู้เล่นในขณะนี้ ซัลช่าคิดว่าคงอีกหลายเดือนกว่าเวลานั้นจะมาถึง

        “ไม่ตายหรอก” มิเชลย้ำ “ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวหนีเอง”

        “ไม่มีทางหนีได้หรอก!”​ ซัลช่าทนไม่ไหวจนต้องร้องออกมา “นายตายแน่นอน! ฉันกับทาซาเนียเข้ามาในปราสาทนี้หลายครั้งแล้ว... พวกมันเป็นผีที่โจมตีคืนไม่ได้ พอสู้จนเหนื่อยก็จะถูกทำให้หลับ แล้วโดนสูบพลังชีวิตจนแห้งตาย...”

        “ปราสาท?” มิเชลสะดุด...

        “ถ้าวิ่งหนีมันทันเราก็รอด! แต่ถ้านายจะถ่วงเวลาให้พวกฉันแบกคนสลบหนี ตัวนายคงหมดแรงจะวิ่งออกจากปราสาทนี่แล้ว!”

        ซัลช่าแผดเสียงดังลั่น เด็กสาวเกลียดมิเชล แต่มิเชลกำลังจะเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยพวกเธอ... นายขี้รังแกและลามกในความทรงจำไม่ใช่คนดีแบบนี้ ถ้าเขาได้รู้ว่าทางเลือกนี้ทำให้ตัวเองต้องตายจะยังตีหน้าคนดีต่อไปได้ไหม...

        “งั้นก็ยังมีโอกาสรอดสิ” มิเชลตอบหน้าตาย

        ซัลช่าทำหน้างง นอกจากลามกแล้วยังสมองฝ่อจนจับใจความที่เธอพูดไปไม่ได้อีกหรือ... แล้วเขาจะรอดได้อย่างไรเพราะเจ้าผีบ้านั่นมันเป็นอมตะ

        “ถ้าหนีออกทางปราสาทจะไม่รอด ก็ไม่เป็นไร... เพราะพวกเรามาทางบันได”

        ครั้งนี้ จอร์เจียก็กลอกตาด้วยความงงกับคำตอบมิเชลตามซัลช่าไปด้วย...

        พอผีตัวสีขาวก็ลอยมาขวางตรงหน้าจอร์เจียกับซัลช่า มิเชลรีบคว้าชายผ้าคลุมแล้วจับเขวี้ยงทิ้ง เธอบอกให้ทั้งคู่เลิกบ่นแล้วหนีไปเลย หญิงสาวชุดจีนพยักหน้ารับคำก่อนจะทุลักทุเลอุ้มโทนี่ขึ้นบ่า

        หลังกลุ่มจอร์เจียวิ่งจากไป.. มิเชลพบว่าโมนิคไปยืนประจันหน้าอยู่กับผีผ้าคลุมดำเสียแล้ว...

        เธอรีบรุดเข้าช่วยมังกรน้อยที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้โดยการตวัดดาบและถีบให้ผีผ้าคลุมทั้งสองเว้นระยะห่าง พลัน เด็กหญิงเริ่มรู้สึกมึนหัว และข้อความเตือนของระบบก็ดังขึ้นมาพร้อมกัน

        "คุณได้รับพิษจากสัตว์เลี้ยงของตัวเอง ระดับภูมิคุ้มกันพิษภายในร่างกายเพิ่มขึ้น”

        “คุณได้รับทักษะต้านพิษเลเวล 1 ลดความเสียหายและโอกาสติดพิษลง 50%”

        “คุณได้รับทักษะแดนไร้พิษเลเวล 1 ลดความเสียหายและโอกาสติดพิษของเพื่อนร่วมทีมลง 20%”


        เธอได้ทักษะเกี่ยวกับพิษเพราะโมนิคหรือ..?

        มิเชลเลิกสงสัยเมื่อเห็นโมนิคกำลังพ่นหมอกสีดำออกจากปาก มันเป็นมังกรหมอกพิษ ดังนั้นนั่นต้องเจือปนด้วยพิษอย่างแน่นอน...

        เด็กหญิงเดินฝ่าดงหมอกพิษเข้าไปหาสัตว์เลี้ยงตัวเองพร้อมกับยื่นนิ้วไปแตะหลังเบาๆ มังกรน้อยสะดุ้งเฮือก มันแสดงอาการระแวงนิดหน่อยซึ่งมิเชลเข้าใจว่าเป็นเพราะค่าความเชื่องยังน้อยอยู่

        ทว่าผีฝาแฝดทั้งสองกลับไม่สะทกสะท้าน พวกมันลอยตัวหนีขึ้นที่สูงเพื่อดูเชิงมังกรน้อย

        โมนิคพ่นหมอกพิษออกมามากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้น.. มันก็ยกขาเหยียบหมอกสีดำ แล้วก้าวเท้าขึ้นโดยใช้หมอกแทนบันไดหมอกหน้าตาเฉย! มังกรน้อยปีนบันไดหมอกเพื่อเข้าไปจู่โจมผีฝาแฝดขาวดำ พอมิเชลหายตะลึง เธอจึงรีบตามสัตว์เลี้ยงตนไป แต่เหมือนบันไดหมอกมีไว้เพื่อโมนิคเท่านั้น เด็กหญิงไม่เหยียบด้วยได้เลย

        "โมนิค ใจเย็นก่อน! อย่าบุ่มบ่ามแบบนั้น!"

        โมนิคชะงัก มันทำท่าไม่พอใจแต่กระโดดลงจากบันไดหมอก... มิเชลถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนสัตว์เลี้ยงค่าความเชื่องต่ำยังพอฟังคำสั่งอยู่บ้าง ถึงจะไม่ทุกครั้งก็ตาม

        “เราไม่ต้องการจะชนะมัน แค่ถ่วงเวลาก็พอ... รอให้พวกโทนี่กับจอร์เจียออกจากที่นี่ได้ก่อน...​ โอเคนะ” เธอบอกกับมัน

        มังกรน้อยทำเสียงครางอยู่ในลำคอเสมือนไม่ชอบใจคำสั่งแต่ก็ยอมยืนอยู่เฉยๆ มิเชลจึงออกคำสั่งต่อ เริ่มจากให้โมนิคเลิกพ่นหมอกพิษก่อนเพราะมันทำมึนหัว แล้วค่อยใช้มันวิ่งวนเพื่อถ่วงเวลาซึ่งเธอผู้เป็นเจ้านายจะหลบไปอีกทาง

        และพอผีผ้าคลุมทั้งคู่เล็งโมนิค เธอจะพุ่งกระแทกจากข้างหลังให้มันชะงัก จากนั้นมิเชลก็เล่นบทวิ่งวน ส่วนโมนิคทำหน้าที่พุ่งกระแทกบ้าง ทั้งคู่สลับตำแหน่งหลอกล่อศัตรูไปเรื่อยๆ ราวกับไม่รู้จักเหนื่อย

        ...ทว่า ...เวลาเริ่มผ่านล่วงเลย มิเชลกับโมนิควิ่งวนและพุ่งกระแทกมากกว่าหลายสิบครั้ง ลมหายใจของทั้งคนทั้งมังกรปั่นป่วนขึ้นทุกที แต่เมื่อดูนาฬิกาก็พบว่าเพิ่งถ่วงเวลาได้ไม่ครบชั่วโมง ตอนขามา ขนาดพวกเธอวิ่งตัวเปล่ายังใช้เวลาตั้งสองชั่วโมง ดังนั้นกลุ่มจอร์เจียที่สลบอยู่คงยังไปไม่ถึงไหนแน่ๆ

        จริงๆ แล้วมิเชลมีน้ำยาลดความเมื่อยล้า แต่ประสิทธิผลมันไม่ค่อยดีนักเพราะซัดไปเกือบสิบขวดยังแทบไม่ช่วยอะไร บางครั้งเธอนึกโมโหที่ต้องมาทนเหนื่อยเลยฮึดจับดาบฟันกลับบ้าง ทว่ายิ่งออกแรงมากกว่าเดิมเท่าไรก็เหนื่อยไวขึ้นเท่านั้น สุดท้ายจึงต้องวิ่งวนหลอกล่อสลับกับโมนิคเหมือนเดิม

        โมนิคเองก็เหนื่อย พอเหนื่อยมากเข้ามันจึงออกอาการดื้อและไม่ฟังคำสั่ง มังกรน้อยสร้างหมอกพิษขึ้นมาอีกครั้งเพื่อใช้เป็นฐานเหยียบก่อนจะกระโดดเอาหัวโขกผีผ้าคลุมสีขาว ส่วนมิเชลนั้นหมดแรงจะห้ามแล้ว

        มังกรเลเวลหนึ่งอย่างโมนิคกระโดดกัดกับผีฝาแฝดนรกได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ... มิเชลที่กำลังเบลอๆ อยู่ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความงุนงง เธอมองการต่อสู้แบบสองต่อหนึ่งกลางอากาศอยู่สักพักใหญ่ จากนั้นจึงรีบจิ้มกำไลข้อมือเพื่อดูสถานะของสัตว์เลี้ยงตัวเองที่จู่ๆ ก็เก่งขึ้นมา

        โมนิคไม่ได้เลเวลหนึ่งอีกแล้ว แต่เป็นมังกรหมอกพิษเลเวล 16 เธอเอานิ้วเลื่อนดูข้อความประวัติการเลื่อนเลเวลของโมนิค และพบว่ามันได้รับค่าประสบการณ์ในระหว่างทางที่วิ่งไล่กันมาถึงที่นี่

        ตอนที่โมนิคเตลิดเปิดเปิงเข้าดงแมงมุม มิเชลกับโทนี่ได้จัดมหกรรมล้างบางพวกแมงมุมชุดใหญ่ และไม่ว่าเจ้าตัวแสบจะวิ่งพล่านไปไหน ทั้งคู่ก็ต้องคอยเก็บกวาดฝูงสัตว์อสูรที่พยายามโจมตีมัน ถึงมันเป็นสัตว์เลี้ยงหลบหนีก็ยังเป็นสัตว์เลี้ยงของมิเชล มังกรน้อยจึงรับเอาค่าประสบการณ์อันมหาศาลมาตลอดทาง

        แต่เลเวล 16 ก็ไม่น่าลุยกับราชาผีฝาแฝดได้อย่างสมศักดิ์ศรีขนาดนั้น เพราะมิเชลที่เลเวลเลยห้าสิบไปนิดหน่อยยังลำบาก อาจจะเพราะมังกรน้อยตัวหนัก พวกมันจึงหิ้วไม่ขึ้น ต่างกับพวกเธอที่รูปร่างผอมๆ บางๆ กันทั้งนั้น

        เธอรู้สึกเหมือนกำลังสมองเบลอๆ เพราะเมื่อดูอีกที ผีผ้าคลุมขาวก็ม้วนตัวแล้วบิดเหมือนผ้าขี้ริ้วสำหรับถูบ้าน ก่อนจะร่วงแปะพื้น และตามด้วยตัวสีดำหล่นตามลงมา มิเชลขยี้ตาแรงๆ เพราะนั่นหมายความว่าโมนิคจัดการพวกมันได้งั้นหรือ นั่นเป็นไปไม่ได้...

        เธอมองมันด้วยอาการทึ่ง มังกรน้อยยังใช้เท้าเขี่ยผืนผ้าคลุมทั้งสองสีแล้วกระทืบโดยตั้งใจซ้ำให้ตายสนิท มิเชลเดินตามเข้าไปดูใกล้ๆ จากนั้นสายตาก็มองเห็นอะไรบางอย่างจึงรีบแย่งของที่โมนิคกำลังกระทืบอยู่มาใส่ไว้ในมือ เด็กหญิงจับผ้าสีขาวพลิกดูโดยไม่สนเสียงโวยวายของสัตว์เลี้ยงตนที่ร้องจะเอาคืน

        บนผืนผ้าคลุมขาวดำ มีเส้นด้ายเล็กๆ เต็มไปหมด ซึ่งถ้าไม่มาดูใกล้ๆ คงมองไม่เห็นเพราะทั้งเล็กทั้งเป็นสีใส มิเชลมองตามทางที่ด้ายลากยาวออกไปและพยายามคิดหนักๆ ว่ามันคืออะไร ทำไมราชาผีทั้งสองมีด้ายเย็บติดเอาไว้...

        มิเชลกลัวมันจะคืนชีพกลับมาใหม่ก็เลยจับมัดเป็นปมแน่นแล้วเลือกที่จะเดินสาวด้ายไปดูต้นตอด้วยความสงสัย ส่วนโมนิคพอเห็นเจ้านายทำท่าจะไปจึงรีบวิ่งตามโดยไม่ต้องสั่ง

        สภาพโดยรอบตั้งแต่กำแพง พื้น ไปจนถึงเพดานเป็นแผ่นไม้ที่ถูกตอกตะปูไว้แน่น บรรยากาศกาศค่อนข้างอับชื้นและมีราสีเขียวขึ้นตามซอก มิเชลถือผืนผ้าคลุมสองสีแล้วคลำตามเส้นด้ายไปเรื่อยๆ พอก้าวเท้าแต่ละครั้งก็เกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดของไม้ผุๆ

        ตามทางที่เธอเดินเป็นประตูไม้ทรงครึ่งวงกลมที่หน้าตาเหมือนกันตลอดแนว ประตูแต่ละบานจะจัดเรียงไว้อยู่ตรงข้ามของอีกฝั่ง มิเชลก้าวขาพร้อมกับลุ้นไปว่าอย่าขอให้มีตัวอะไรพุ่งออกมาเพราะบรรยากาศเริ่มน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงโมนิคอยู่ด้วย แต่มันก็ยังไม่เชื่องและพึ่งพาไม่ได้

        มิเชลคิดจะหันหลังกลับหลายครั้ง เพราะรู้สึกว่ายิ่งเดินลึกเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเธอรีบกลับแต่ตอนนี้ อย่างน้อยโทนี่ก็ยังรออยู่แน่ๆ ทว่าก่อนที่เด็กหญิงจะเลี้ยวกลับ เจ้าแผงเส้นด้ายสีใสได้นำทางเข้าไปยังประตูทรงครึ่งวงกลมบานหนึ่งที่เปิดแง้มๆ ไว้

        มิเชลได้ยินเสียงเอะอะอะไรบางอย่าง เธอจึงค่อยๆ ก้าวเท้าแบบเก็บเสียงและย่องเบาๆ และหันไปกระซิบบอกให้โมนิคทำตามด้วยเช่นกัน

        แต่ร่างกายของมังกรน้อยค่อนข้างอุ้ยอ้าย พอวางเท้าแต่ละครั้งก็ทำให้พื้นไม้ส่งเสียงดัง สุดท้าย เจ้าของเสียงที่กำลังเอะอะจึงโผล่หน้าเข้ามาแทน เธอทั้งตกใจและโล่งใจในเวลาเดียวกันเพราะนั่นคือ ...จอร์เจียกับโทนี่

        “ทั้งคู่มาทำอะไรอยู่ตรงนี้!” เธอชิงถามขึ้นก่อน

        ซัลช่าโผล่หน้ามาเป็นคนที่สาม เด็กสาวผมชมพูแสดงอาการตกใจไม่แพ้มิเชล และในแขนเธอยังประคองทาซาเนียที่นอนสลบอยู่

        “แล้วที่คุณมิเชลถืออยู่นั่นมัน...” จอร์เจียชี้ไปที่สองผีผ้าคลุมในมือมิเชลที่กลายเป็นแค่ ‘ผ้า’

        ทั้งสองฝ่ายต่างมีคำถามที่อยากถามกันเองจนเต็มหัว

        จอร์เจียช่วยอธิบายแก้ข้อข้องใจของมิเชลก่อน ดูเหมือนว่าเวททำให้สลบของราชาผีฝาแฝดนั้นเป็นคำสาปประเภทหนึ่ง โทนี่กับทาซาเนียโดนคำสาปนั้นจึงหลับกันแบบไม่รู้เรื่อง ทว่า กระเป๋าของโทนี่มีไอเทมขยะที่รับซื้อมาจากผู้เล่นอื่นมากมายก่ายกอง ซึ่งหนึ่งในนั้นบังเอิญมีคุณสมบัติเป็นยาสำหรับแก้คำสาปพอดี

        พอจอร์เจียแบกโทนี่ไปได้สักพัก ยาตัวนั้นก็ค่อยๆ ทำงานแบบอัตโนมัติ แล้วช่วยคลายคำสาปจนเขาตื่นขึ้นมาเอง น่าเสียดายว่ามียาปริมาณสำหรับคนเดียวเท่านั้น เธอจึงคิดให้เอาทาซาเนียไปซ่อนไว้ก่อน จากนั้นค่อยกลับไปช่วยมิเชล

        ซัลช่าไม่ชอบไอเดียการทิ้งทาซาเนียไว้คนเดียว แตถ้าเสียงส่วนมากจะกลับไปช่วยมิเชลก็ต้องยอม เธอจึงเผยออกมาว่าตนมีอาชีพนักสำรวจ... ผู้สามารถตรวจสอบกับดักและระยะห่างของสัตว์อสูรป่าได้

        เธอหยิบค้อนยักษ์เคาะพื้นเพื่อฟังเสียงจากระบบที่ตนได้ยินคนเดียวอันเป็นทักษะเฉพาะอาชีพ จากนั้น มันก็นำทางทุกคนมาถึงห้องนี้โดยผ่านทางประตูลับต่างๆ มากมาย

        “ในห้องนี้มีเจ้าถิ่นอยู่ แต่ไม่เก่งเท่าไร ทักษะของซัลช่าถึงได้พิจารณาว่าที่นี่ปลอดภัย” โทนี่เสริม สายตาเขาจ้องมาที่เส้นด้ายสีใสที่มิเชลสาวไล่มาตลอดทาง “ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วล่ะ... นี่คือเจ้าถิ่นที่ว่า”

        โทนี่ใช้เท้าเขี่ยก้อนอะไรบางอย่างบนพื้นให้มิเชลดู พอเธอก้มมองก็ต้องตกใจ มันคือปีศาจตัวเล็กที่นอนสลบอยู่ รูปร่างหน้าตาคล้ายคนแคระจิ๋ว สวมชุดคลุมกับหมวกนักเวทสีครีมเน่าๆ ใบหน้าเข้าข่ายน่ากลัว เพราะปากล่างยื่นยาวออกมา ส่วนปากบนสั้นกว่า มันจึงไม่ประกบกัน และยังเห็นฟันดำๆ กับเหงือกสีขาวซีดๆ อย่างชัดเจน

        มิเชลทำหน้าขยะแขยง

        “ไม่ได้ให้มองที่หน้ามัน ดูมือๆ” โทนี่ทักท้วง

        เธอทำตามนั้น และต้องเบิกตาโพลงเพราะเส้นด้ายสีใสจากเหล่าผีผ้าคลุมนั้นเชื่อมต่อกับนิ้วมือของปีศาจ แถมมันยังมีมือถึงสามคู่ทีเดียว ดูจากรูปการณ์แล้ว... เสมือนว่าเจ้าปีศาจตัวนี้กำลังชักใยราชาผีฝาแฝดอยู่จากเบื้องหลังแบบเดียวกับนักเชิดหุ่น

        “ผีฝาแฝดไม่ใช่ตัวจริง พอโจมตีไปก็เลยทำอะไรเจ้าตัวที่อยู่ตรงนี้ไม่ได้สินะ” มิเชลพูดโดยมองหน้าโทนี่ และเขาก็พยักหน้ารับว่าเธอเข้าใจถูกต้อง

        เรื่องของราชาผีฝาแฝดนั้น ตอนนี้เธอพอจะเข้าใจแล้ว แต่มีอีกเรื่องที่สงสัยมากที่สุด นั่นคือจอร์เจียมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร มิเชลปีนบันไดขึ้นมาพร้อมกับพวกพี่มิลเลอร์ แต่ก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าได้ยินซัลช่าพูดถึงปราสาทแว่วๆ

        มิเชลเริ่มเล่าให้จอร์เจียฟังว่าเธอกับโทนี่ขึ้นมาบนเรือเหาะเลียบฟ้านี้ได้อย่างไร และเมื่อเล่าจบ หญิงสาวผู้ฟังก็ขมวดคิ้วแน่น เธอพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวอยู่สักพักค่อยทำหน้าว่าเข้าใจ

        “ถึงว่าสิ ทำไมจู่ๆ ภายในปราสาทถึงกลายเป็นไม้ไปหมด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นหิน...” จอร์เจียพึมพำ “ฉันได้ยินว่ามีเมืองร้างกลางทะเลที่ไม่มีใครพิชิตได้ ก็เลยลองเข้าไปดูค่ะ.. จากนั้นก็ถูกวาร์ปมาสู้กับเจ้าราชาผีฝาแฝด... เจ้าตัวที่อยู่ในมือคุณมิเชลนั่นแหละค่ะ”

        มิเชลก้มดูผ้าสองผืนในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมาฟังต่อ

        “ฉันคิดว่าตัวเองคงถูกวาร์ปจากปราสาทหลังนั้นขึ้นมาอยู่บนนี้ มีหลายคนที่เป็นเหมือนกัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่คือเรือเหาะลอยฟ้า ทุกคนเข้าใจว่ามันคือชั้นใต้ดินของปราสาท”

        จอร์เจียเล่าถึงเหตุการณ์ที่ไปเจอซัลช่ากับทาซาเนีย และพอได้ยินว่าทั้งคู่โดนจอร์เจียเอาคืนแบบไหน มิเชลก็หลุดเสียงหัวเราะพรืดใหญ่จนลืมดูหน้าเจ้าตัวที่หงิกเต็มที

        “ถ้างั้นเถาวัลย์เส้นนั้นก็หลุดไปแล้วสิ” มิเชลทัก

        “ค่ะ” จอร์เจียยิ้มขำ “ครบหนึ่งชั่วโมงก็ขาดเอง”

        “แต่มันแปลกๆ อยู่นะ ถ้าซัลช่ามีทักษะสำรวจพื้นที่ปลอดภัย แต่ทำไมถึงไม่เคยเข้ามาถึงห้องนี้ล่ะ” มิเชลตั้งข้อสงสัย

        “นั่นก็เพราะที่นี่ไม่เคยมีพื้นที่ปลอดภัยสักหน่อย” ซัลช่าตอบกลับ “ไม่รู้ทำไมวันนี้ไม่ค่อยเจอสัตว์อสูรตัวโหดๆ ปกติพวกมันจะไม่ปล่อยให้เราเดินเล่นสบายๆ แบบนี้หรอก”

        มิเชลกับโทนี่มองหน้ากัน วันนี้พวกเขาถูกสัตว์อสูรป่าโจมตีเยอะพอสมควร แต่นั่นเพราะโมนิควิ่งอาละวาดแล้วไปแหย่ออกมาเพียบ ทั้งแมงมุมไฟ ผีดิบ โครงกระดูกเดินได้ รวมถึงสิ่งมีชีวิตหลากหลายชาติพันธ์พากันดาหน้าเข้ามาไม่หยุด พวกเธอไม่มีเวลาคิดนอกจากต้องล้มให้หมดทุกตัว

        ระดับของสัตว์อสูรบนเรือเหาะค่อนข้างสูง แต่เพราะโทนี่ใช้อาวุธดีๆ ที่ตีขึ้นเอง ส่วนมิเชลประสาทสัมผัสไว พอได้ร่วมมือกัน เธอรู้สึกว่าเจ้าพวกนั้นยังน่าเอ็นดูมากกว่าพี่มิลเลอร์เสียอีก!
        
        “แล้วทำไมพวกเธอทั้งสามคนถึงทำหน้าสบายๆ ขนาดนี้?”​ ซัลช่าตั้งข้อสงสัยบ้าง

        “ทำไมล่ะ?” มิเชลถามกลับ

        “ไม่รู้สึกตื่นเต้นกันบ้างหรือไง พวกเราเพิ่งพิชิตราชาสัตว์อสูรของที่นี่ได้เชียวนะ!”

        “หมายถึงปีศาจคางยื่นตัวนี้ใช่หรือเปล่า” โทนี่เอาเท้าเขี่ยเจ้าก้อนบนพื้นอีกรอบ “เป็นราชาสัตว์อสูรที่ห่วยมาก ฟันทีเดียวก็สลบแล้ว”

        “แต่... ถึงมันจะห่วยแค่ไหน นายก็เป็นคนได้รับรอยสัก ฉะนั้นต้องตื่นเต้นมากที่สุดต่างหากล่ะ!” เด็กสาวผมชมพูจับแขนของโทนี่แล้วถลกแขนเสื้อขึ้น มิเชลจึงได้เห็นรอยสักสีดำทรงเรขาคณิตอันที่สาม

        อันแรกเป็นของราชาหมาป่าคิเมร่าแห่งถ้ำภูเขาไฟสองคูหา ส่วนลายที่สองได้จากราชาปลากระเบนแห่งท้องทะเล รอยสักคือสัญลักษณ์อันทรงเกียรติสำหรับผู้ที่ลงดาบครั้งสุดท้ายและล้มราชาสัตว์อสูรได้

        ตอนนี้โทนี่ได้มาเป็นครั้งที่สาม มิเชลคิดว่าเพื่อนซี้คนนี้คงไม่เหลือความตื่นเต้นกับมันแล้ว ซัลช่าผู้จับแขนเสื้อเขาถลกขึ้นก็ตะลึงกับรอยสักสองอันแรก เธอจ้องซะจนแทบเอาตาเข้าไปแนบเพราะพยายามจะดูว่าของจริงหรือปลอม

        “เพื่อนของนายมีแต่สัตว์ประหลาดหรือไงกัน” ซัลช่าพูดออกจากใจจริง ทั้งพี่สาวพลังขาจอมโหด กับคนที่ดูหน้าตาสามัญสุดๆ แต่มีสัญลักษณ์การล้มราชาสัตว์อสูรบนแขนถึงสามตัว

        โทนี่คิดว่าถ้าระดับเขาเรียกสัตว์ประหลาด ยายมิเชลก็คงเป็นจ่าฝูงของเหล่าสัตว์ประหลาด...

        จากนั้นจอร์เจียก็ตัดบทสนทนา เธอหยิบเอาหีบสมบัติใบใหญ่ออกมาวางตรงหน้าและบอกว่ามันคือรางวัลจากการปราบราชาสัตว์อสูร หญิงสาวตั้งใจจะรอเจอมิเชลก่อนแล้วค่อยเปิดเพื่อแบ่งของกัน

        “มันจะไม่ยุติธรรมถ้าเราไม่เปิดหีบตอนที่คุณอยู่ด้วย” เธอบอกมิเชล

        พอเปิดหีบ ทุกคนในที่นั้นก็รู้สึกถึงกระแสลมอุ่น มันเคลื่อนออกจากปากหีบแล้วพันล้อมรอบดาบของมิเชล... ดาบอสูรอัคคีแปลงกลัับเป็นกิ่งไม้โดยเธอไม่ได้สั่ง

        กิ่งไม้ของเธอมีลูกแก้วห้าเม็ด เม็ดแรกเป็นสีแดงธาตุไฟ เม็ดสองคือสีเหลืองธาตุดิน และเม็ดที่สามขณะนี้ได้กลายเป็นสีเขียวแล้ว มิเชลคิดว่านั่นคือธาตุใหม่... หรืออาวุธใหม่นั่นเอง

        พอเธอหันไปดูพรรคพวก ท่าทางทุกคนจะได้ทักษะใหม่กันครบทุกคน ยกเว้นแค่โทนี่ที่ได้รับเป็นหนังสือเล่มใหญ่

        “ตำราการผสมลม”​ โทนี่บอกมิเชลที่พยายามชะเง้อหน้าเข้ามาอ่าน

        นอกจากทักษะใหม่แล้ว ในหีบยังมีสมบัติอีกหลายชิ้น จอร์เจียช่วยแบ่งเงินทั้งหมดในปริมาณเท่ากันและจัดแจงของอย่างอื่นตามความเหมาะสม ซัลช่าดูพอใจกับเครื่องประดับราคาแพง แถมยังเลือกเผื่อทาซาเนียเอาไว้ด้วย ส่วนมิเชลไม่รู้จะเอาอะไร เลยยกสิทธินั้นให้โทนี่เลือกแทน

        โทนี่ขอก้อนแร่ทั้งหมด แน่นอนว่าจอร์เจียกับซัลช่ายินดียกให้เพราะพวกเธอไม่มีความจำเป็นต้องใช้ นอกจากนั้นเขายังหยิบทุกอย่างที่ดูเป็นขยะในสายตาคนอื่น กระทั่งกระดาษสีเหลืองขาดวิ่นตรงก้นหีบยังอุตส่าห์เก็บมาครบทุกแผ่น ซึ่งมิเชลก็ไม่คัดค้านอะไร เพราะการบริหารไอเทมในกระเป๋านั้นปล่อยเป็นหน้าที่โทนี่นานแล้ว

        เมื่อแบ่งของกันเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาออกจากเรือเหาะ... ทาซาเนียยังสลบอยู่ แต่ถ้าจะรักษาต้องพาไปหาหมอ NPC ในเมืองที่แก้ได้สารพัดโรค และในฐานะผู้ชายที่ตัวใหญ่สุด มิเชลจึงกลายเป็นคนอุ้มขึ้นหลังโดยปริยาย

        จอร์เจียในตอนนี้เริ่มเดินกะเผลกอย่างเห็นได้ชัด ไม้ที่ดามขาเธอไว้นั้นเคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิมมากขึ้น โทนี่กับซัลช่าจึงเข้าไปช่วยยืนประกบคนละข้าง

        มิเชลยังขอให้ซัลช่ากับจอร์เจียพาเดินออกโดยเส้นทางปราสาทเพราะเธอไม่อยากจะปีนบันไดแบบตอนขามาอีกแล้ว ทั้งคู่รับคำ แต่... เมื่อไปถึง ก็พบแต่เศษซากปรักหักพังของสถานที่ๆ เคยชื่อว่า ‘คุกใต้ดิน’

        “ถ้าล็อคเอาท์ออกจากเกมส์ตรงนี้ ก็จะหลุดออกจากที่นี่อัตโนมัติ” ซัลช่าอธิบาย

        เศษไม้ เหล็ก และกำแพงกองระเนระนาดเต็มพื้น ลูกกรงซี่เหล็กก็คดงอและโดนทับจนบิดเบี้ยว ทางวาร์ปกลับไปยังปราสาทที่ว่านั้นอยู่ข้างใน มิเชลวางทาซาเนียลงแล้วเริ่มเอาดาบแงะเศษหินเศษไม้ชิ้นโตออกเพื่อเปิดทางเข้า

        ทว่า แม้จะเปิดทางได้สำเร็จ แต่ก็ไม่มีใครกล้าล็อคเอาท์แม้แต่คนเดียว เพราะเสียงเตือนของระบบขู่เอาไว้...

         “อยู่ระหว่างดำเนินภารกิจพิเศษ เรือเหาะผีสิง ไม่สามารถออกจากเกมได้”

        “หากต้องการออกจากเกมระหว่างดำเนินภารกิจพิเศษ เรือเหาะผีสิง จะมีบทลงโทษเทียบเท่ากับความตาย และสุ่มติดสถานะผิดปกติสองอย่างเป็นเวลาหนึ่งเดือน กรุณายืนยัน”


        “อะไรกันเนี่ย” โทนี่บ่นคนแรก

        “พวกเราฆ่าราชาของที่นี่ได้แล้ว ทำไมยังไม่จบ?” จอร์เจียบ่นบ้าง

        “ท่านนัก... ผจญภัย...”

        ทั้งสี่สะดุ้งทันที ทุกคนได้ยินเสียงหลอนแบบเย็นๆ ลอยมาแตะหู

        “นั่นใคร!?” จอร์เจียตะโกน

        “ข้าอยูที่นี่...”

        สิ้นเสียง ร่างอันเลือนลางของชายผู้หนึ่งค่อยๆ ลอยออกมาจากกำแพง เขามีรูปร่างโปร่งใส จนสามารถมองทะลุผ่านได้

        “ผี!”​ ซัลช่าร้องคนแรก

        “ใช่... ข้าเป็นผี... ท่านนักผจญภัยโปรดรอ... อีกเพียงนิดเดียวเรื่องราวทั้งหมดจะเสร็จสิ้น กรุณาขึ้นไปยังจุดที่สูงสุดของเรือ ณ ที่นั่นมีมงกุฎจักรพรรดิ... มงกุฏจะผูกสัมพันธ์กับทุกอย่างที่สวมมัน และตอนนี้มันถูกสวมอยู่บนเรือ เรือลำนี้แต่เดิมไม่มีชีวิต แต่เพราะถูกบังคับให้มีชีิวิต มันจึงกลายเป็นเรือที่สิงสู่ของภูติผีปีศาจ...”

        ผีหนุ่มเหมือนจะเว้นจังหวะเพื่อรอให้กลุ่มของมิเชลคิดตามก่อนจะพูดต่อ

        “ถ้าพบมัน... ได้โปรดช่วยโยนออกจากเรือ เพื่อตัดขาดความผูกพันธ์ของมันที่มีต่อเรือลำนี้... ไม่เช่นนั้น... เรือลำนี้จะยังคงล่อลวงผู้คนขึ้นมาสูบกินอยู่เรื่อยไป”

        ร่างของผีหนุ่มคอยๆ ถอยกลับเข้าไปในกำแพง เขายังคงพูดเป็นเสียงสะท้อนเดิมๆ ว่ากำจัดมงกุฏซ้ำไปซ้ำมา

        “จุดสูงที่สุดของเรือ...ถ้างั้นก็ต้องยอดของเสากระโดงเรือ” จอร์เจียทำท่าคิด

        “มาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องไปต่อล่ะ เหลือแค่มงกุฏเท่านั้น” มิเชลเอาทาซาเนียขึ้นหลังเหมือนเดิม “เราจะออกไปทางดาดฟ้าเรือก่อน ตรงนั้นคงมองเห็นอะไรมากขึ้น”

        โทนี่จำทางลัดที่ซัลช่าพามาได้ เขานำทุกคนออกไปบนดาดฟ้าเรือภายในเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมง สัตว์อสูรในตอนนี้เหลือเพียงเล็กน้อย และถ้ามันโผล่มาก็จะถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว

        พอได้ออกมาบนดาดฟ้าเรือก็พบว่ามันเละเทะมาก มิเชลจำได้ว่าก่อนหน้านี้มีรังนกที่ทำจากเศษไม้และบนนั้นก็วางไข่ของนกยักษ์ที่อยู่ในสภาพดีสีสวย ทว่า ขณะนี้เห็นแต่เปลือกไข่แตกกระจาย แถมยังมีซากนกดึกดำบรรพ์ยักษ์กองระเกะระกะเต็มไปหมด

        หลังจากวางทาซาเนียลงบนพื้น มิเชลก็วิ่งออกมาก่อนคนแรก เด็กหญิงยืนตรงกลางแล้วพยายามกวาดตามองให้ทั่ว และเธอสังเกตเห็นเงาตะคุ่มอะไรบางอย่างอยู่บนเสากระโดงเรือพร้อมกับได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวาย

        “จะขึ้นไปดูตรงนั้นก่อนนะ!” เธอบอกทุกคน

        มิเชลพุ่งตรงไปยังเสากระโดงเรือแล้วรีบปีนขึ้นอย่างเร็ว เด็กหญิงคิดว่าเห็นเงาของคนสองคน... และทั้งคู่กำลังถืออะไรบางอย่าง...

        พอไต่ขึ้นถึงขั้นบนสุด มิเชลก็เหวี่ยงตัวขึ้นไปยืนทรงตัวบนขอบของผ้าใบเรือและประจัญหน้ากับคนทั้งสอง..

        “ทั้งคู่กำลังทำอะไรอยู่!” เธอตะโกนเรียกเสียงดัง

        นักดาบผมทองร่างบึกบันหันกลับมามอง และเขาก็เริ่มทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

        “พี่มิเชลยังไม่ตาย!”

        เรเชลเกือบจะปล่อยโฮเสียแล้ว... สีหน้าของเขาดูย่ำแย่เหลือเกิน เธอชักจะอยากรู้ว่าเขาได้ผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมา

        พี่มิลเลอร์ดูจะตกใจไปแว่บหนึ่งที่เห็นหน้าเธอ แต่พอปรับอารมณ์ได้ก็กลับมาทำหน้าเก๊กหล่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่า.. บนหัวของเขากำลังสวมของบางอย่างที่กลุ่มของมิเชลกำลังตามหา มันคือมงกุฏที่ทำจากผ้าสีแดงและครอบด้วยทองคำอีกหนึ่งชั้น

        “พี่หยิบเจ้านั่นมาจากเรือใช่ไหม!? นั่นคือมงกุฏจักรพรรดิ พี่ต้องโยนมันทิ้ง”

        “โยนทิ้งทำไม? น่าเสียดายออก” พี่มิลเลอร์เอามือตบลงบนมงกุฏเล่น “เจ้านี่ชื่อมงกุฏจักรพรรดิสินะ ก็สมกับฉายาของฉันดี”

        ทันใดนั้นทุกอย่างก็เริ่มหมุนเคว้ง มิเชลกอดเสาผ้าใบไว้แน่นแต่เท้าใกล้จะลอยตามแรงเหวี่ยงแล้ว ตัวเรือสะบัดขึ้นลงและเขย่าไม่ยอมหยุด

        “พี่มิเชลครับ” เรเชลพูดเสียงสั่น “พวกผมรู้ว่ามงกุฏนั่นต้องมีส่วนที่ทำให้เรือบ้าคลั่งอยู่ เมื่อกี้ก็มี NPC ผีออกมาบอก พวกเขาบอกว่าเรือต้องการจะเอามงกุฏคืนก็เลยอาละวาดใส่”

        “งั้นก็ทำให้เขาถอดสิ” เธอตะโกน

        “ก็มันถอดไม่ออก” มิลเลอร์ยังทำท่าดึงออกจากหัวให้ดูด้วย

        “ผมห้ามพี่มิลเลอร์สวมแล้วนะครับ” เรเชลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง

        “เรเชล...” มิเชลเรียก “ถ้างั้นก็ช่วยโยนเขาออกจากเรือไปพร้อมกับมงกุฏเลย!”

        “ถ้าเรเชลทำตามที่เธอบอกจริงๆ ล่ะก็...”​มิลเลอร์พยายามนึกถึงเรื่องที่จะเอามาขู่มิเชลได้ “ปิดเทอมนี้... ฉันจะ... ฉันจะสลับที่วางของในห้องนอนเธอทุกวันเลยคอยดู!”









    ----------------------------------------------

    หมายเหตุนิดนึง - การสลับเฟอร์นิเจอร์ หรือข้าวของๆ คนตาบอดเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะจะทำให้หาของไม่เจอ ไม่ว่าห้องจะรกหรือซกมกยังไง ช่วยได้เต็มที่แค่ทำความสะอาด แต่ห้ามจัดเด็ดขาด



    รอบนี้หายไปนานมากครับ เอารูปมาขออภัยแทน

     

    รูปแรกสุด ซัลช่า เด็กสาวเผ่าคนแคระผู้ชื่นชอบสีชมพู




     

    รูปที่สอง จักรพรรดิมิลเลอร์












     

    ยังไม่หมดแค่นั้น มันยังมีความเหมือนในความแตกต่างอีก!!














    รูปที่สะ... สามมมม









    เผื่อว่าลืมล็อคประตูจะได้หล่อพร้อมรับแขกตลอดเวลา

     



    ในตอนที่ 21 ครึ่งแรกที่ลงแล้วลบไป เพราะตอนนั้นเร่งเกินจนแต่งมั่วครับ เลยเอามาเรียบเรียงใหม่ แล้วลงเต็มตอนแทน

    ขออภัยครับที่แจ้งว่า ปีนี้คงไม่สามารถลงนิยายได้ต่อเนื่อง เพราะช่วงนี้มีอะไรเข้ามาเยอะแยะในชีวิตจริง นอกจากงานประจำแล้ว เรื่องที่ผมอยากศึกษา อยากทำในเวลาว่างมีสองอย่าง คือเขียน App เกมส์กับนิยาย แต่ที่ผ่านมา มาทางนิยายอย่างเดียวเลย ส่วน App เกมส์ไม่ได้แตะ ตอนนี้เลยว่าจะจับไปทั้งสองอย่างพร้อมๆ กัน สลับไปสลับมาเปลี่ยนอารมณ์ เพื่อให้ได้ผลออกมาดีที่สุด เพราะช่วงที่เร่งแต่ง แล้วได้ออกมาอาทิตย์ละครึ่งตอน (แต่งช้ามาก) ก็รู้สึกว่ามีหลายช่วงที่มั่วไปแล้วต้องกลับไปแก้เรื่อยๆ

    ถ้านานจนขาดช่วงแล้วอ่านไม่รู้เรื่องก็เว้นไปอ่านอีกทีตอนปลายปีก็ได้ครับ ค่อยกลับมาตอนมีตอนเยอะๆ  ^___^ จะยังแต่งไปเรื่อยๆ แต่คงช้ามาก และจะพยายามไม่เว้นเกินสองเดือนต่อหนึ่งตอนเต็ม

    และด้วยสปีดที่ช้าแบบนี้ ก็จะลงเต็มตอนแทนการลงแบบหั่นๆ เพราะถ้านานๆ มาที แต่โผล่มาทีละเสี้ยวๆ อ่านไม่รู้เรื่องแน่นอน ^^"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×