ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พาราเรล ออนไลน์ [ online ]

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 12 นักสะกดรอยที่ล้มเหลวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ (ครึ่งหลัง)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 924
      3
      13 ม.ค. 56

      
        โทนี่เห็นว่าควรหนี เขาบอกให้มิเชลเตรียมสร้างกำแพงดินไว้ตามทางเพื่อปิดลู่วิ่งของจิ้งจอกขาว ซึ่งเธอก็ตกลง ทั้งคู่จ้ำเท้าสุดชีวิต แต่สัตว์อสูรประหลาดนั่นเร็วกว่า แล้วยังกระโจนข้ามหัวอ้อมไปดักด้านหน้า ส่วนข้างหลังมีอีกหลายตัวยืนคุม

        เมสโซ่ยังคงเรียกออกมาเรื่อยๆ ราวกับพลังนี้ไม่มีวันหมด มือจับพู่กันวาดแล้ววาดอีก จิ้งจอกขาวกว่าห้าสิบตัวตีวงปิดล้อมเด็กทั้งสอง เธอมองหน้าชายท่าทางเฉื่อยชาครั้งสุดท้ายเพื่อบอกตัวเองว่าเขาเป็นคนเดียวกับเอลฟ์ชุดรัดรูปที่แค่เดินก็หกล้มได้

        ด้วยจำนวนขนาดนั้น แน่นอนว่าพวกเขาหมดทางสู้ ทั้งคู่โดนกองทัพสีขาวรุมขย้ำ มิเชลพยายามกระโดดให้หลุดออกมานอกวง แต่ไม่พ้นเพราะมีอีกหลายตัวพุ่งเข้ามาตะปบกัด ส่วนโทนี่จมหายไปกับฝูงจิ้งจอกเรียบร้อย เด็กหญิงเหลือบเห็นแว่บสุดท้ายของใบหน้าเพื่อน และเธอทำได้เพียงกระพริบตามอง

        การโจมตีของมันไม่มีความเจ็บ แต่ทุกครั้งที่ถูกกัดจะรู้สึกหมดแรง มิเชลถูกตะปบไปหลายครั้งแล้วจึงง่วงสุดๆ เธออยากปิดตาแล้วหลับยาวโดยหยุดคิดทุกอย่าง มันคงสบายกว่าฝืนแรงลุกขึ้นสู้ใหม่

        พลัน เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นกะทันหัน มิเชลกระพริบตา มองแขนขาตัวเองที่หลุดพ้นจากพันธนาการของฝูงจิ้งจอก สัมผัสบางอย่างเปลี่ยนไปแต่ไม่เข้าใจ คล้ายกับว่าร่างกายเบาหวิวแล้วเด้งหลุดออกจากวงล้อม ทันใดนั้นก็ฉุกคิดถึงโทนี่ เขายังอยู่ใต้กองจิ้งจอกสีขาว

        เธอย่ำผ่านกองจิ้งจอกเข้าไปช่วยโทนี่ น่าแปลกที่พวกมันไม่สนใจเธออีกแล้ว มิเชลใช้แขนแหวกเพื่อเอาเพื่อนออกมา แต่มือกลับทะลุผ่านร่างสัตว์อสูรสีขาวราวกับพวกมันมีร่างโปร่งใส

        มิเชลก้มมองมือตน และเรียนรู้ว่าคนที่มีร่างโปร่งใสคือตัวเอง

        เธอหันกลับไปมองยังบริเวณที่เพิ่งก้าวขาจากมา ร่างผู้ชายในชุดคลุมขาดลุ่ยกำลังนอนหลับ เส้นผมสีดำสั้นยุ่งเหยิงแต่ใบหน้าเรียวสงบนิ่ง มิเชลก้มลงดูและเข้าใจเรื่องทั้งหมด

        เธอตายแล้ว...

        การตายในเกมให้ความรู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่างแบบนี้เองหรือ? ทุกอย่างรวดเร็วมาก เร็วจนไม่ทันเห็นกระทั่งฉากสุดท้ายก่อนตาย แล้วเธอควรทำอย่างไรต่อดี...? พ่อบอกว่าตายในเกมไม่ใช่เรื่องจริง แต่พอไม่รู้ว่าต้องทำอะไรก็รู้สึกหลอนอยู่เหมือนกัน...

        มิเชลก้าวไปหยุดยืนเบื้องหน้าเมสโซ่ แต่เขากลับมองทะลุผ่านร่างเธอไป เอลฟ์หนุ่มกำลังวุ่นวายกับการควบคุมจิ้งจอกให้ถอยกลับเข้ากระดาษ สักพักจึงเห็นโทนี่ในสภาพสะบักสะบอมค่อยๆ ลุกขึ้นมา โชคดีที่เขาปลอดภัย..

        มิเชลสำรวจร่างกายของตัวเองบนพื้นอีกครั้ง ในเกมมีกระจกน้อยจึงแทบไม่ค่อยเห็นใบหน้าตัวเอง ตอนนี้จึงนับว่าเป็นโอกาสเหมาะ เธอเพิ่งรู้ว่าตนในคราบผู้ชายหน้าตาดีสมส่วนและสูงใช้ได้ แต่เมื่อสังเกตไปนานๆ ก็เริ่มสะกิดใจถึงความคลับคล้ายคลับคลา...

        ตัวเธอนั้นแทบไม่ต่างจากพี่มิลเลอร์.. ปกติเป็นเด็กผู้หญิงและอายุห่างกันมากจึงไม่เคยรู้สึก แต่พอได้เปรียบเทียบในสภาพเพศและอายุเท่ากันก็ชวนให้ช็อคนิดๆ ทั้งรูปหน้า จมูกและปากเหมือนกันไปหมดทุกสัดส่วน

        สักพัก โทนี่หน้าซีด กระวีกระวาดเข้ามาใช้น้ำยาฟื้นพลังกับร่างไร้วิญญาณของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย มิเชลพยายามแกว่งมือแกว่งไม้เรียกเพื่อนซี้ แต่เขาสนเพียงแต่ร่างที่นอนเปื่อยอยู่บนพื้น

        เด็กหญิงเพียงแค่อยากบอกว่าเรื่องที่เขากังวลนั้นไม่มีอะไร การตายในเกมให้บรรยากาศสงบกว่าที่คิด เธอรู้สึกว่าตนกลายเป็นผีแบบงงๆ เสียมากกว่า

        มิเชลเพิ่งเห็นแสงจากกำไลที่ข้อมือ เธอแอบสะดุ้งเพราะไม่นึกว่าเป็นผียังมีกำไลให้ใช้ และพอเปิดดูข้อความจึงค่อยเข้าใจ

        “คุณบันทึกจุดเกิดไว้ที่เมืองท่าบรรพบุรุษ ทวีปตายาย กรุณาเดินทางเพื่อกลับไปเกิดที่นั่นด้วย”

        ต้องย้อนกลับไปทวีปเก่าเนี่ยนะ.. แล้วเขาจะให้ผีขึ้นเรือได้ไหม...? แล้วสิทธิวาร์ปที่ท่าเรือนั่นล่ะ..?

        “คุณได้รับคุณสมบัติพิเศษของวิญญาณ ทักษะล่องลอยและทักษะภาษาภูติผี”

        “คุณลืมทักษะภาษามนุษย์”


        ลืมทักษะภาษามนุษย์? แปลว่า
    ตอนนี้เธอจะพูดกับพวกโทนี่ไม่รู้เรื่องงั้นสิ?

        เมื่อปิดกำไลลง มันก็ยิงลำแสงสีขาวพุ่งไปที่หนึ่ง มีคำอธิบายลอยขึ้นมากลางอากาศว่าจุดหมายปลายทางคือจุดสำหรับการคืนชีพ

        เด็กหญิงถีบเท้า และพบว่าร่างพุ่งขึ้นมาในอากาศ พลันเริ่มจับจุดได้ว่าทักษะนี้จะพาเคลื่อนที่ไปตามความคิดในใจ มิเชลกำลังลอยอยู่สูง เมื่อก้มมองก็เห็นเพื่อนซี้ตนทะเลาะกับเมสโซ่ เมสโซ่ที่เพิ่งฆ่าเธอกลับก้มหัวเพื่อขอโทษ แต่กระทั่งท่าก้มหัวยังเฉื่อยชาไร้อารมณ์จนโทนี่อดไม่ไหว เขาโวยวายใส่เอลฟ์หนุ่มต่อหลายคำ

        เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะฟังไม่ออก หูได้ยินเป็นคำว่า ‘กี’ ทุกพยางค์ บางครั้งโทนี่ก็พูด ‘กีกีกี่’ แต่สักพักจะร้องว่า ‘กี่กีกี๊’ มิเชลต้องพยายามกลั้นขำเพราะสงสารหน้าตาจริงจังของเขา เด็กหญิงตัดสินใจกลับไปจุดเกิดแล้วรีบมาหาเพื่อนให้ไวที่สุด

        การตายแบบนี้ก็สนุกดี ความพยายามเพื่อไม่ตายที่ผ่านมาจึงดูสูญเปล่าไปโดยปริยาย มิเชลพุ่งขึ้นเหนือเมฆ แล้วทะยานบินไปยังทิศที่กำไลชี้บอก เธอสามารถเลือกระดับความเร็วได้ถ้าคิดเอาไว้ในใจ เด็กหญิงโต้ลมซ้ายขวา บินฉวัดเฉวียนอย่างสนุกสนาน บางครั้งจะเห็นวิญญาณคนอื่นที่กำลังกลับจุดเกิดเหมือนกัน

        เธอเร่งความเร็ว ข้ามทะเลที่เคยนั่งเรือออกมา และกลับไปยังเมืองอันเป็นเป้าหมาย เมืองท่าบรรพบุรุษ... เพราะมิเชลบันทึกจุดเกิดล่าสุดไว้ที่นั่น พอมุดหัวลงใต้ก้อนเมฆจะเห็นภาพทั่วทั้งเมืองจากมุมสูง ดูแล้วก็เหมือนแบบจำลองสามมิติ คนตัวเล็กเท่ามดแออัดกันในท่าเรือ ส่วนกลุ่มที่ยืนกระจัดกระจายมักจะเป็นแหล่งขุดแร่

        เด็กหญิงเหินทะยานตามทิศกำไลบอก มันพาเธอไปย่านที่อยู่อาศัย จากนั้นก็ลงจอดอย่างรุนแรง เกิดเสียงกระแทกดังกระทบกับพื้น ทว่า เหมือนเป็นเสียงที่มิเชลได้ยินเพียงคนเดียว

        และเพราะกายเป็นวิญญาณจึงไม่ได้สร้างความเสียหายแก่สถานที่ เธอพบตัวเองเดินทะลุผ่านกำแพงเข้าไปในโบสถ์ กระจกสีแดงและเขียวสลับตัดกันสวยงาม มีภาพเทพเจ้ากับรัดเกล้าทองวาดบนผนัง มิเชลยกกำไลขึ้น ปล่อยให้มันนำทางต่อ

        กำไลยิงลำแสงเล็กไปยังชายแก่ผู้หนึ่ง เขาสวมชุดคลุมสีขาวใหญ่เทอะทะ และยังเป็นคนที่มองเห็นเธอผู้กลายเป็นวิญญาณ

        “สวัสดี วิญญาณน้อย ท่านมารับพรการเกิดใหม่หรือ? ข้าคือนักบวชประจำวิหารที่ช่วยท่านได้”

        สิ้นเสียง ลำแสงสีทองค่อยๆ ไต่ขึ้นจากเท้า แล้วพันตวัดร่างไปจนเลยศีรษะ แสงสว่างเจิดจ้าทำให้ทนลืมตาต่อไม่ไหว แต่เมื่อลืมตา ก็รู้สึกถึงสัมผัสและน้ำหนักของร่างกายตัวเองอีกครั้ง มิเชลอยู่ในชุดขาวล้วน เสื้อกางเกงขาสั้น บนไหล่พาดเป้ตัวเก่ง เมื่อเปิดเช็คพบว่าของอยู่ครบ ยกเว้นเครื่องป้องกันที่หายหมด ส่วนกิ่งไม้ อาวุธประจำกายยังปลอดภัยดี

        “ผู้เล่นมิเชลคืนชีพ”

        “การลงโทษของระบบ ลดจากเลเวล 32 เหลือ 29”


        มิเชลตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ เธอเคยเข้าใจมาตลอดว่าลดแค่เลเวลเดียว... แล้วทำไมถึงลดไปสาม?

        “การตายหลังจากนั่งเรือไปถึงทวีปหลักมีบทลงโทษสูงกว่า ต่อไปนี้ เลเวลจะลดสิบเปอร์เซ็นต์ เครื่องป้องกันติดตัวจะหล่น และถ้าติดสถานะอาชญากรบทลงโทษจะโหดขึ้น กรุณาระวังให้มากกว่าเดิมด้วย”

        เมื่อนักบวชอธิบายจบ เขาก็เพียงเอ่ยคำอวยพรทิ้งท้าย และไม่ตอบอะไรอีก ทีแรก มิเชลคิดจะถามเพิ่ม แต่เพราะเขายืนนิ่งเหมือนรูปปั้น เธอจึงพอมองออกว่าเป็นเพียงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และทำได้แค่ตามที่ถูกตั้งค่าการใช้งานไว้

        เธอลองติดต่อโทนี่ แต่คนละทวีปจึงไม่มีสัญญาณเชื่อมต่อ เมื่อเดินออกจากวิหาร เด็กหญิงเร่งรุดไปยังท่าเรือ แล้วใช้ระบบวาร์ปโดยถามเอาจากนายกะลาสีแถวนั้น

        และได้พบว่าระบบวาร์ปเร็วทันใจยิ่งกว่าบินมาในร่างวิญญาณ เพียงแว่บเดียว ทิวทัศน์รอบด้านก็กลายเป็นนครโซเนีย เมืองที่มีทั้งอาคารขึ้นสนิมและบ้านอลูมิเนียมแวววาวอยู่ด้วยกัน มิเชลก้าวผ่านประตูโค้งพร้อมหยิบลานใหม่ ที่จริงเธอเพิ่งรู้ตัวว่าลานลายยูนิคอร์นอันเก่าหายไปก็ตอนนี้เอง

        มิเชลเรียกโทนี่ผ่านกำไล เขาเลยบอกให้รออยู่หน้าประตูเมืองและรีบจ้ำเท้าด้วยความเร็วด่วนจี๋ แถมยังอุตส่าห์แนบเมสโซ่ เอลฟ์ประหลาดผู้คร่าชีวิตเธอในชาติก่อนติดมือมาอีกต่างหาก

        แต่จู่ๆ เขากลับชะงักเท้าตั้งแต่เห็นมิเชลโบกมือให้จากระยะไกล เด็กหญิงจึงเป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปหาเอง เมสโซ่เพียงแค่กลอกตานิดหน่อย ทว่า ฝ่ายเพื่อนซี้ ดูจะทำหน้าได้พิลึกกว่าเอลฟ์ประหลาดมาก

        “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น!” เธอร้องถาม “แล้วทำไมตอนนี้ทั้งคู่มาด้วยกัน!?”

        “มิเชล...​ เหรอ?” โทนี่ย่นหน้าผาก

        “ก็มิเชลน่ะสิ! แล้วเมื่อกี้ โทนี่เป็นอะไรหรือเปล่า!?”

        โทนี่เงียบสักพักก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ เขาเดินไปยืนข้างๆ เพื่อโชว์ว่าส่วนสูงของทั้งคู่ขณะนี้เท่ากัน เด็กหญิงเริ่มฉุกคิดได้ เธอเอามือจับลูบผมและพบว่ามันยาวหล่นมาถึงไหล่ จากนั้นก้มมองตัวเอง ร่างหลังเกิดใหม่ให้ความรู้สึก ‘สั้น’ เป็นพิเศษ

        มิเชลกลับมาเป็นเด็กผู้หญิงอีกครั้ง ส่วนสูงของเธอพอๆ กับโทนี่แล้ว รูปร่างและกล้ามเนื้อก็ใกล้เคียงจนจับเขาอุ้มไปอุ้มมาไม่ได้อีก

        “แปลงเพศสำเร็จแล้ว ยินดีด้วย!” โทนี่แซวทันที

        เธอต้องยับยั้งใจไม่ให้เผลอคว้าเอาดาบมาเฉาะหัวเพื่อนกลางเมือง

        เมื่อพิจารณาถี่ถ้วน โทนี่จึงได้รู้จักหน้าตาที่แท้จริงของมิเชลเป็นครั้งแรก เด็กผู้หญิงผมดำยาวประบ่าปิดใบหู จมูกปากเล็ก ท่าทางเรียบร้อย บุคลิกภายนอกสวนทางกับนิสัยข้างในไกลโข

        “มิเชลโตขึ้นด้วยเวทดอกไม้บาน พอตายเวทก็คงยกเลิกไปเองล่ะมั้ง” เธอสมมุติฐานเหตุผลที่พอเป็นไปได้

        "แต่แบบนี้ก็ดีนะ พวกจั๊งค์บอกว่าที่นี่ถิ่นพวกเกราะแดง เป็นผู้หญิงไปเรื่องจะได้ง่ายขึ้น" เด็กชายชี้ "ดีกว่าคุณชายอะไรสักอย่างของพี่ชายเธอแน่ๆ"

        "จริงสิ ถ้าอยู่ในสภาพนี้ ก็จะหลบพี่ง่ายด้วย!"

        "ไม่มีทาง นี่คือหน้าตาจริงๆ ของเธอ เขาจะไม่รู้ได้ไง"

        "นั่นสินะ.." เสียงเธอแผ่วลง

        "นี่คือมิเชลหรือ?" เมสโซ่โพล่งขึ้นกลางวง

        ทั้งสองลืมเรื่องของเมสโซ่ไปสนิท นักสะกดรอยผู้มักปล่อยให้คนโดนสะกดรอยรู้ตัวก่อนทำงานสำเร็จเป็นครั้งแรก เอลฟ์ชุดรัดรูปจ้องเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเริ่มเดินวนรอบตัวมิเชลเพื่อดูให้ครบทุกมุม

        “เตี้ยลงด้วย นายมีสองตัวละครหรือ?...​ไม่สิ เกมนี้เป็นระบบคลื่นสมอง สมัครสองตัวละครไม่ได้ คลื่นสมองแต่ละคนไม่เหมือนกัน” เขาบ่นกับตัวเอง “ทำไม.. หรือว่าสร้างตัวละครใหม่ แต่ตัวละครใหม่จะมาถึงทวีปหลักได้ไวขนาดนี้เลย..? เป็นไปไม่ได้ แล้วทำไมล่ะ..?”

        เมสโซ่พึมพัมอยู่นาน เขาเดินวนรอบมิเชลอีกหลายครั้งก่อนร้องว่า ‘ผู้หญิง’ และเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเพศเล่นเกม แต่ท่าทางการตกใจนั้นยังดูน้อยและเฉื่อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น เธอจึงคิดตอบเลี่ยงๆ เอลฟ์ชุดรัดรูปอยู่ในกลุ่มต่อต้านเกราะแดง เมื่อมีคำว่าเกราะแดงย่อมเกี่ยวพันกับสมาพันธ์ของพี่มิลเลอร์ ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันเอง

        “คนละมิเชล แค่ชื่อเหมือนกันเท่านั้น” โทนี่แย่งตอบแทน

        จากนั้น โทนี่ปั้นเรื่องว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องที่ใช้เครื่องเดียวกันเล่น ถ้าคนพี่ไม่ออก คนน้องก็เข้าเกมไม่ได้ มิเชลจึงช่วยเสริมข้อมูลเท็จเพิ่มเข้าไปอีก เมสโซ่รับฟังเงียบๆ และเชื่อสนิทใจ เขาไม่คิดสงสัยสักนิดว่าพ่อแม่บ้านไหนตั้งชื่อลูกซ้ำกัน

        "เมื่อกี้เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มิเชลคนพี่ตาย แค่อยากดูนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น แต่เราชอบวาดรูป พอวาดแล้วเพลิน หยุดไม่ได้" เมสโซ่แก้ตัว “เราไม่คิดทำให้เขาตายเพราะเขาเป็นคนดี แล้วยังแบ่งข้าวปิ่นโตให้เรากินด้วย”

        “แล้วจิ้งจอกพวกนั้น หยุดไม่ได้เลยเหรอ เป็นคนเรียกออกมาเองแท้ๆ” เธอถาม แต่รีบเสริมคำถัดไปทันที “พี่มิเชลเขาบ่นมา”

        “พอพวกจิ้งจอกรับคำสั่ง มันจะทำหน้าที่ของมัน หากจะหยุดต้องเปลี่ยนคำสั่ง และต้องไล่สั่งทีละตัวก็เลยหยุดไม่ทัน”

        ถ้าหากเป็นคนอื่นพูด เธออาจจะโกรธ เพียงแต่นั่นคือเมสโซ่ผู้ทำให้รู้สึกเหนื่อยกับความเฉื่อยชาจนเข้าใจว่าเขาไม่มีเจตนามุ่งร้าย แถมการตายเมื่อครู่ยังสนุกกว่าที่คิดเพราะได้ลอยอยู่บนท้องฟ้า เพียงแต่บทลงโทษลดเลเวลโหดไปหน่อย มิเชลคงไม่ขอลองอีกครั้ง ประสบการณ์บินเล่นหนเดียวก็พอแล้ว

        หลังพูดคุยกับเมสโซ่อีกสักพัก ทั้งคู่เรียนรู้ว่าเขาเลือกอาชีพจิตรกรเร่ร่อนเพราะชอบวาดรูป เอลฟ์ประหลาดทำตามคำแนะนำเพื่อนที่ให้ไปนั่งวาดรูปนอกเมือง จากนั้นเลเวลก็พุ่งพรวดขึ้นมาเอง ฝูงจิ้งจอกอัญเชิญจะไล่ล่าสัตว์อสูรป่าจนกว่าค่าพลังเวทมนตร์เจ้านายมันหมด เขาจึงกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เล่นเลเวลติดอันดับสูงโดยไม่ทันรู้ตัว แต่ทุกอย่างที่ทำเพราะมีคนคอยบอก

        “ถ้างั้นก็เข้าร่วมแข่งงานคริสมาสต์ด้วยรึเปล่า” โทนี่ถาม เผื่อว่าจะขอข้อมูลเรื่องงานเทศกาลนี่ได้

        “อื้ม เราลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ หัวหน้าสมาพันธ์เราบอกให้สมัคร ส่วนพวกนายสมัครที่สมาคมผู้กล้าใช่ไหม เราแอบเห็นตั้งแต่พวกนายเดินออกมาแล้ว”

        “มีสมัครผ่านเว็บไซต์ด้วย ดูสะดวกจัง” มิเชลอุทานเบาๆ

        “ทุกคนสมัครผ่านเว็บไซต์ทั้งนั้นเพราะไม่อยากฟัง NPC ที่สมาคมนั่นพูด” เขาอธิบาย “เรื่องของเธอกระฉ่อนอยู่ในเว็บบอร์ดเกม พวกนายไม่เคยอ่านหรือไง”

        ทั้งคู่ส่ายหัว พวกเขารู้ว่ามีเว็บบอร์ดอยู่แต่แทบไม่เข้าไปเช็คเลย และมิเชลสรุปได้ว่า เธอกับโทนี่เหมือนเหยื่อที่นานๆ จะหลงมาให้เจ้าหล่อนสักครั้งนั่นเอง

        “แล้วมิเชลคนพี่จะเข้ามาเล่นอีกเมื่อไหร่?”

        “ที่จริงก็ไม่รู้เหมือนกัน..” เธอไม่แน่ใจนักว่าจะกลับไปเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ในเร็วๆ นี้ อุตส่าห์ได้กลับมาเป็นเด็กผู้หญิงก็อยากใส่เสื้อผ้าน่ารักบ้าง แล้วยังบทสัมภาษณ์ประหลาดของพี่มิลเลอร์อีก ใบหน้ามิเชลถูกเอาลงเต็มหน้าปกนิตยสาร สู้ขอหลบอยู่แบบนี้อีกสักพักดีกว่า

        “เราไม่อยากหาคนเก่งแล้ว เราหามาตั้งนานก็หาไม่เจอ มิเชลคนพี่เป็นคนดีแต่ไม่เก่ง เราชอบคนดีเลยจะทำให้เขาเก่งแทน”

        “ถ้าทำให้เขาเก่ง แต่เขาไม่เข้าร่วมกลุ่มต่อต้านก็ได้สินะ?” มิเชลลองถามดู

        “เรื่องนั้น... ไม่รู้หรอก เราไม่ฉลาด ไม่อยากคิดเผื่อล่วงหน้า แต่เราเลเวลสูงและรู้จักทวีปนี้ดีกว่า เราทำให้เขาเก่งกว่านี้ได้”
















    ชอบเมสโซ่กันมั้ยครับ

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×