ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พาราเรล ออนไลน์ [ online ]

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 11 เพื่อนสองร้อยคน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 980
      4
      13 ม.ค. 56

    ตอนที่ 11 เพื่อนสองร้อยคน

        ทุกคนยืนอัดกันบนดาดฟ้าเรือ มิเชล โทนี่ จอร์เจียและเกล็นยืนอยู่กลางวง เซียนเฒ่าโดนเหมารวบเป็นหนึ่งในกลุ่มโดยอัติโนมัติ และด้วยรูปร่างอันแสนจะชราภาพของตัวละคร โทนี่จึงเผลอเรียก ‘ปู่เกล็น’ ไปหนึ่งครั้ง และโดนโวยกลับมา

        “ยังไม่แก่ขนาดนั้ัน! แค่สร้างตัวละครให้สมกับเป็นอาชีพเซียนเท่านั้นเอง! เรียกพี่..หรืออาก็ได้!”

        “แล้วอายุเท่าไหร่หรือครับ จะได้เรียกถูก” เด็กชายเชื้อสายจีนเอ่ยถาม

        “...ห้าสิบนิดๆ” เขาตอบแบบกระอักกระอ่วน

        “พ่อผมยังไม่สี่สิบเลย..ขอเรียกปู่เหมือนเดิมนะครับ” โทนี่ช่วยสรุปให้ มิเชลที่แอบฟังอยู่หลุดหัวเราะพรืดใหญ่

        ตัวละครของเซียนเฒ่า ดูจากใบหน้าอย่างเดียวก็ประมาณอายุราวเจ็ดสิบปี ดังนั้นเขาจึงสะดวกใจเรียกปู่เสียมากกว่า... จะอาหรือพี่คงไม่ไหว

        หลังจากเลือกพวกมิเชลเป็นผู้นำ เวห์นอารมณ์บูดอย่างเห็นได้ชัด ชายร่างยักษ์จงใจทำเสียงฟึดฟัดน่ารำคาญ ส่วนแรนดัลส่งสายตาแบบ 'อะไรก็ได้' ให้ มือทวนคิ้วม่วงยังคงวางตัวตามสบายไม่สะทกสะท้านแม้กลุ่มของเขาจะโดนโห่ตกกระป๋อง

        เมื่อจัดระเบียบทีมเสร็จสิ้น เกล็นเป็นฝ่ายดูแลนักเวททั้งหนึ่งร้อยคนที่ทำหน้าที่ถ่ายพลังใส่แห จอร์เจียกับมิเชลคุมพวกที่เหลือทั้งหมด ส่วนโทนี่คอยช่วยประสานงานระหว่างสองฝั่ง

        ทีแรก มิเชลจะเข้าร่วมกับกลุ่มนักเวทของเกล็น แต่โทนี่บอกว่าเสียของ ให้เธอเข้าไปร่วมรบด้วยมีประโยชน์มากกว่า และพอขอความร่วมมือให้ทุกคนซื้อออกซิเจนอัดเม็ดคนละกระปุกสำเร็จ ก็ได้เวลาลงน้ำเสียที

        จอร์เจียกระโดดลงทะเลคนแรก ตามติดด้วยมิเชลและพวกที่เหลือ ปลากระเบนยักษ์ยังคงเอาหลังแนบติดท้องเรือ ดวงตาพริ้มปิดสนิท เด็กหญิงลองเอาดาบจิ้มมันดูแต่ไม่เข้า ผิวของมันหนามาก เธอก้มดูกำไล อีกไม่ถึงห้านาทีจะหมดเวลา ต้องรีบทำงานให้เสร็จซะแล้ว

        นักเวททั้งหนึ่งร้อยคนดำน้ำพร้อมกับดึงแหคลุมร่างปลากระเบนยักษ์ จากนั้นปักหลักประจำการตามตำแหน่งลูกแก้วใส เกล็นคอยกำชับให้ถนอมแต้มพลังเวทมนตร์เอาไว้และใช้เท่าที่จำเป็น ส่วนมิเชลพานักเวทส่วนเกินสองคนว่ายวนอยู่ใต้ปากราชาสัตว์อสูร

        เมื่อถึงเวลาลืมตาตื่น มันเริ่มสูบทุกอย่างเข้าปากอีกครั้ง นักเวทหลายคนเกือบปลิวจากตำแหน่งประจำการตัวเอง แต่โทนี่กับพวกนักรบคนอื่นช่วยได้ทัน กระทั่งมิเชลเองยังต้องคว้านักเวทสองคนข้างๆ เอาไว้ เธอส่งทั้งคู่ให้มือทวนกับนักรบคลั่งใกล้ๆ ดูแลต่อ แรนดัลรับไปด้วยสายตาที่สื่อว่า 'วางใจได้เลยพวก' ส่วนเวห์นไม่ยอมแม้แต่หันมามองหน้า

        พอมันเริ่มสูบน้ำเข้าปาก จอร์เจียหรือใครก็ตามที่มีอาวุธลับต่างช่วยกันขว้างให้เข้าไปอุดปากปลากระเบนยักษ์ ทั้งมีดสั้น ตะขอ ดาบเก่า และขยะสารพัดอย่างตามแต่จะหาได้

        ราชาสัตว์อสูรสำลักกองไอเทมมหาศาลจึงอาละวาดหนัก มันหยุดสูบกระแสน้ำเข้าทางปาก แล้วเริ่มกลอกลูกตาหาตัวการ พลันจัดการฟาดหางใส่จอร์เจียที่อยู่ใกล้สุด ซึ่งแน่นอนว่าหญิงสาวหลบตั้งแต่เห็นมันเริ่มขยับตัว

        จังหวะนั้น มิเชลยกมือส่งสัญญาณบอกนักเวทอีกสองคน พวกเขามีระดับเวทลมสูงที่สุดในกลุ่มเธอจึงเลือกออกมา ทั้งคู่กระพือเวทลมเพื่อผลักกระแสน้ำให้ช่วยดันกองอาวุธลับขึ้นไป กองไอเทมมหาศาลจึงอัดแน่นคาปากมันอย่างที่คาดการณ์ไว้

        ราชาสัตว์อสูรสะบัดตัวสุดแรง มันพยายามแกะอาวุธที่เกี่ยวปากตัวเองให้หลุด เวลานั้นนักเวททั้งหนึ่งร้อยคนเติมพลังเวทจนเต็มทุกลูกแก้วพอดี ลูกแก้วก็ต่างเปลี่ยนเป็นสีตามธาตุที่นักเวทคนนั้นถนัด เมื่อแหเริ่มออกฤทธิ์ ค่าป้องกันของผิวปลากระเบนยักษ์จึงลดฮวบลงมา และสามารถฟันเข้าเสียที

        "บุ๋ง บุ๋ง บุ๋ง!" เกล็นพยายามตะโกนบอกทุกคนว่าสำเร็จแล้ว ถึงในน้ำจะไม่ได้ยินเสียง แต่ทุกคนรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร

        ดังนั้นจึงไม่รอช้า ผู้เล่นทั้งหมดรีบพุ่งเข้าโจมตี ปรากฏว่าปลากระเบนร่างยักษ์ยังสู้คืนได้อยู่ ราชาแห่งท้องทะเลหมุนตัวอีกครั้ง มันใช้หางปัดผู้มุ่งร้ายกระเด็นออกไปหลายคน ส่วนบรรดานักเวทต้องพยายามช่วยกันยื้อแหเอาไว้ไม่ให้หลุดออก

        มิเชลเสียบดาบปักหลังมันพร้อมกับเรียกใช้ไฟออกมาเต็มพิกัด จากนั้นก็ต้องเตรียมตัวเผ่นเพราะเห็นแววสนามพลังของแหใกล้หมดหมด เธอกวักแขนสองข้างเพื่อให้สัญญาณ ต่างคนต่างถอนอาวุธออกจากร่างราชาสัตว์อสูรแล้วเร่งถีบขาว่ายหนีมา พวกเขาเว้นระยะห่างเอาไว้ประมาณสองเมตร

        ปลากระเบนยักษ์กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง มันพยายามสะบัดไล่ผู้บุกรุกบนตัว นักรบผู้มีหน้าที่คุ้มกันนักเวทต้องช่วยกันเกาะแหไว้ไม่ให้ปลิว ราชาสัตว์อสูรบิดกายพลิกร่างแล้วหมุนจนกระแสน้ำโดยรอบปั่นป่วน

        จอร์เจียจะคอยพุ่งออกไปช่วยคว้าแขนคนที่กระเด็นด้วยแรงสะบัด เธอว่ายน้ำเก่งและมีความคล่องตัวมาก ตั้งแต่ตอนที่มิเชลตั้งกลุ่มและเชิญเธอเข้าจึงได้เห็นว่าเลเวลของหญิงสาวสูงอย่างไม่น่าเชื่อ

        เมื่อนักเวทเริ่มเทพลังลงแหสำเร็จเป็นครั้งที่สอง กลุ่มนักรบก็ไม่รอช้า ต่างช่วยกันลงสหบาทาหมู่อีกครั้ง พวกเขาวนเวียนทำซ้ำแบบนี้อีกหลายครั้งจนมันอ่อนแรงไปเอง สีหน้าของทุกคนแฝงด้วยความยินดีในชัยชนะ แต่.. มิเชลรู้สึกว่า บรรยากาศแบบนี้มันช่างดูคุ้นเคยเสียเหลือเกิน...

        พลัน ปลากระเบนยักษ์ดิ้นพล่านจนแหขาด ผู้เล่นทั้งสองร้อยหน้าซีดเผือด ตามด้วยเสียงประกาศจากระบบที่ดังก้องอยู่ในหัว

        "พลังชีวิตของปลากระเบนยักษ์ลดมาอยู่ในระดับเสี่ยง เริ่มเข้าสู่สภาวะคลั่ง พลังโจมตีเพิ่ม พลังป้องกันเพิ่ม แหปลาเวทมตร์ไม่มีผล"

        ใช่แล้ว! ไอ้เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับราชาสัตว์อสูรหมาป่าที่เธอเคยปราบ พอใกล้ตายมันจะสำแดงอานุภาพบางอย่างออกมา แปลว่าเสียงประกาศเมื่อครู่เป็นเรื่องดีเพราะปลากระเบนยักษ์กำลังใกล้ตาย...

        เด็กหญิงส่งสัญญาณบอกให้ทิ้งแหแล้วถอยออกมา ทุกคนทำตาม ทว่า นักเวทสาวคนหนึ่งหนีไม่ทัน ขาเธอติดอยู่ในแห ร่างเล็กจึงถูกสะบัดขึ้นลงตามแรงเหวี่ยงของราชาสัตว์อสูร ทั้งมิเชลทั้งจอร์เจียต้องรีบบึ่งไปช่วย  ดูเหมือนกำลังแย่มากเพราะตัวกระแทกเข้ากับท้องเรือหลายครั้ง เจ้าหล่อนยังคอยเอามือกุมปากเนื่องจากกลัวออกซิเจนเม็ดหล่นอีกด้วย

        จอร์เจียมาถึงก่อน เธอใช้สนับมือข่วนจนแหขาดแล้วโยนน้ำยาฟื้นพลังให้ นักเวทสาวเริ่มมีสีหน้าดีขึ้น จากนั้นก็รีบพาตัวเองว่ายหนีออกจากโซนอันตราย มิเชลที่ตามทันพอดีจึงช่วยดันหลังให้เธอไปได้เร็วกว่าเดิม

        แต่ราชาสัตว์อสูรแห่งท้องทะเลก็ไม่อยู่นิ่ง มันกลับตัวพร้อมอาละวาดฟาดหางอย่างบ้าคลั่ง มิเชลกับจอร์เจียต้องว่ายหลบกันไปคนละทาง เด็กหญิงได้ลองฟันใส่หางกระเบนยักษ์หลายครั้ง ปรากฏว่าไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด ครั้งหมาป่าคิเมร่ายังมีจุดอ่อนที่ฟันครั้งเดียวตาย แล้วจุดอ่อนของเจ้าตัวนี้ล่ะ..?

        เด็กหญิงเหลือบไปเห็นลูกตาของมัน

        นั่นไงล่ะ! จุดที่ฟันเข้า!

        เรียกว่าเป็นโชคดีในโชคร้าย เธอหาจุดอ่อนเจอในเวลาอันสั้น แต่.. ควรทำอย่างไร ในเมื่อเจ้าลูกตานั่นสามารถเคลื่อนที่ย้ายตำแหน่งได้ บางครั้งมันขยับไปอยู่ใต้โคนหาง บ้างก็แอบหลบข้างมุมปาก

        "บุ๋งๆๆๆ" เธอตั้งใจตะโกนบอกจอร์เจีย แต่ลืมว่าอยู่ใต้ทะเล เลยเผลอกลืนน้ำเค็มๆ เข้าไปหลายอึกใหญ่ๆ

        มิเชลพยายามไอเอาน้ำทะเลออกจากคอ มันแสบไปหมด แต่ตอนนี้ต้องรีบบอกจอร์เจีย เพราะเธอเก่ง เธออาจจะหาวิธีบางอย่างได้

        "บุ๋ง" ทว่า จอร์เจียดันเก่งกว่าที่คิด เธอเข้าใจความหมายที่มิเชลต้องการสื่อ หญิงสาวผายมือไปทางลูกกะตาของปลากระเบนยักษ์ แล้วใช้นิ้วชี้ทำท่าเชือดคอตัวเอง

        มิเชลหยิบออกซิเจนออกมาอมเพิ่มอีกเม็ดก่อนพุ่งเข้าหาลูกตาของเจ้าปีศาจแห่งท้องทะเล พอมันเคลื่อนย้ายลูกตาตัวเองหนีเธอก็ว่ายตาม และเกาะติดบนร่างของราชาสัตว์อสูรประหนึ่งตัวเพรียง ปลากระเบนยักษ์พลิกตัวอย่างรุนแรง ครั้งนี้มิเชลพลาด เด็กหญิงกระเด็นไปไกล

        มันเลิกตาขึ้นมองมิเชลราวจะเยาะเย้ย จอร์เจียที่แอบซุ่มอยู่ใกล้ๆ จึงทะยานใส่ทันที ทว่า ไม่ทัน.. เจ้ากระเบนยักษ์ชิงหลับตาเสียก่อน หญิงสาวจึงชะงักแล้วถอยกลับ เตรียมหาโอกาสใหม่

        จู่ๆ ใครบางคนช่วยหยุดร่างที่ลอยไปด้วยแรงเหวี่ยงของเธอ

        มิเชลหันหลัง เจอมือทวนคิ้วม่วงกับโทนี่ที่แก้มตุ่ยไปคนละข้างเพราะออกซิเจนเม็ด และต่อท้ายมาด้วยกองทัพนักรบนักเวทหลายคน

        แรนดัลกับคนอื่นน่ะถูกต้องแล้ว แต่โทนี่มาทำอะไร..?

        มิเชลรีบสลัดความคิดล่าสุดเกี่ยวกับเพื่อนสนิทออกจากหัว โทนี่ก็ฝึกมาแล้ว.. คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง.. เธอต้องปล่อยวางความกังวลนี้ทิ้งบ้างเพราะเขาดูแลตัวเองได้ และสำคัญสุดในตอนนี้คือต้องบอกทุกคนเรื่องจุดอ่อนก่อน

        แล้วควรบอกอย่างไรดี.. พวกเขาอยู่ใต้น้ำ พออ้าปากก็กลายเป็นเสียงฟองอากาศปุดปุดเลยสื่อสารกันไม่ได้.. แต่ที่นี่ยังมีโทนี่ อย่างน้อยต้องเล่าให้โทนี่ฟัง..

        มิเชลแตะตัวเพื่อนซี้ เล่าด้วยภาษามือแบบสัมผัส ส่วนแรนดัลนั้นกำลังงงกับสัญญาณนิ้วที่ทั้งสองใช้คุยกัน

        พอเล่าจบ เด็กชายยิ้มให้เป็นเชิงว่าจะจัดการเอง เขาว่ายออกไปหยุดอยู่เบื้องหน้าผู้เล่นทั้งหมดที่อยู่ใต้น้ำ จากนั้นชี้ตาตัวเอง แล้วชี้ตาปลากระเบนยักษ์ ตามด้วยท่าฟันดาบ ทุกคนจึงเข้าใจตรงกัน ดวงตาของราชาสัตว์อสูรคือจุดอ่อน

        ธนูและหน้าไม้ใช้ใต้น้ำไม่ได้ ดังนั้นพวกอาชีพที่มีอาวุธโจมตีทางไกลจึงคอยโยนน้ำยาฟื้นพลังร่วมกับเหล่านักบวช ส่วนนักรบเกือบทั้งหมดต่างช่วยกันมองหาดวงตาอันเป็นเป้าหมาย มิเชลเจอเป็นคนแรก มันซ่อนอยู่ใต้เท้าโทนี่ ในหัวเธอยังคิดอะไรไม่ทัน... แต่มือก็จับดาบแทงเข้าไปมิดด้ามแล้ว

        ราชาสัตว์อสูรดิ้นพล่าน หลายคนโดนเหวี่ยงกระเด็นแต่มิเชลกำด้ามดาบทั้งสองเล่มแน่น เธอเร่งปล่อยพลังไฟออกจากดาบแล้วขยับมันไปมาเพื่อสร้างความเจ็บปวดให้เจ้าอสูรร้าย โทนี่ที่อยู่ใกล้ๆ หันหลังมาช่วย เขาปักดาบของตัวเองลงไปบ้าง เด็กหญิงยิ้มให้เพื่อน และพลันนึกถึงบางอย่างขึ้นมาจึงรีบถอนอาวุธออกโดยเร็ว

        หน้าของโทนี่ตอนนี้เหมือนกับมีเครื่องหมายคำถามแปะอยู่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไม และเกือบดึงดาบออกตามมิเชลแต่เธอยกมือห้ามไว้

        ด้านจอร์เจียกับแรนดัลหาลูกตาอีกข้างเจอแล้ว หญิงสาวต่อยลงไป ส่วนเขาเอาทวนเสียบ กระทั่งโทนี่ก็ไม่หยุดแค่นั้น เด็กชายดึงดาบออกมาแทงระรัว กะเร่งให้มันตายเร็วๆ ในขณะที่มิเชลนิ่งเฉย รอพรรคพวกฆ่าราชาสัตว์อสูร

        สักพักเกิดแสงสว่างแสบตาบนร่างของกระเบนยักษ์ ตัวมันแตกกระจายหลังจากนั้น ทุกคนโดนแรงระเบิดผลักออกจึงลอยถอยหลังไปไกล มิเชลแหงนหน้ามองท้องเรือ เรือยังปลอดภัยดี พวกเธอทำสำเร็จแล้วใช่ไหม..?

        เมื่อกลับขึ้นมานอนแผ่บนเรือ เธอได้ยินเสียงเฮโลแสดงอาการดีใจดังไปทั่ว หลายคนที่ร่วมสู้ใต้น้ำต่างกระโดดกอดคอกัน จากคนแปลกหน้ากลายมาเป็นเพื่อน กระทั่งพวกเกราะแดงยังเริ่มแลกชื่อในสมุดบันทึกกับคนอื่น แต่เรื่องนี้อาจเว้นไว้แค่นายเวห์นคนเดียว เขาเดินปลีกวิเวก และหลบเข้าห้องส่วนตัวโดยไม่ทักทายใคร

        "ผู้โดยสารทุกท่าน"

        โจเซ่ หรือรองกัปตันเรือก้าวขาออกจากฝูงผู้เล่น ไม่มีใครรู้ว่าเขาแฝงอยู่ในกลุ่มนานแค่ไหนแล้ว ชายหนุ่มในเครื่องแบบกะลาสีถอดหมวกพร้อมโค้งตัวทักทายอย่างสุภาพ

        "ตั้งแต่เรือลำนี้เริ่มให้บริการ ข้าไม่เคยเห็นความร่วมมือของคนจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน ทุกครั้งที่แจ็คพอตเจอภารกิจพิเศษกำราบราชาสัตว์อสูรแห่งท้องทะเล ผู้โดยสารมักจะเริ่มจัดการกันเองทันทีที่ประกาศเป็นเขตโจมตีอิสระระหว่างผู้เล่น"

        เขาเว้นช่วงก่อนพูดต่อ ทุกคนเงียบสนิทเพราะกำลังตั้งใจฟัง

        "ขอแสดงความยินดีท่านผู้โดยสารที่สำเร็จภารกิจลับ ทุกท่านจะสามารถวาร์ปไปมาระหว่างสองทวีปนี้ได้ฟรีที่ท่าเรือ"

        "แค่นั้นเอง?" เสียงใครบางคนโห่ขึ้นมา

        "รางวัลอีกชิ้นคือไอเทมที่จะช่วยทำให้พบทักษะประจำอาชีพของพวกท่าน" เขายิ้มตอบเสียงโห่ "และไอเทมนั้นจะเป็นอะไรขึ้นกับอาชีพที่ท่านมี"

        พอกล่าวจบ ลำแสงสีขาวพุ่งกระจายออกจากหมวกบนมือของโจเซ่ มันตรงดิ่งไปหล่นแหมะยังเบื้องหน้าของแต่ละคน คนไหนหลบอยู่ในห้องมันก็ทะลุประตูตามเข้าห้องได้

        ตรงหน้ามิเชลคือกุญแจสีม่วงวางอยู่แนบเท้า บนหัวกุญแจแกะสลักเป็นรูปน้ำวนหมุนซ้าย ในใจตอนนั้นมีความรู้สึกเหมือนเคยเห็น เด็กหญิงพิจารณาอยู่ราวห้านาทีก็สะดุ้งขึ้นมาเอง เธอรีบล้วงเป้หยิบไอเทมที่ดองไว้นานมาก

        หีบสีม่วง ไอเทมจากการเปลี่ยนอาชีพ เด็กหญิงจำได้จากลายน้ำวนข้างกล่อง มันเป็นลายเดียวกัน เธอเอากุญแจไขทันที

        “ระดับของผู้ใช้งานไม่ถึง ไม่สามารถเปิดได้”

        มิเชลลองไขอีกหลายรอบ แต่มันก็ร้องเตือนเหมือนเดิม เธอเลยหันไปสนใจไอเทมของคนอื่นแทน โทนี่ได้ทั่งสำหรับตีเหล็ก ส่วนจอร์เจียเป็นดอกกุหลาบพลาสติก หญิงสาวใช้สองมือหมุนก้านกุหลาบเล่นแบบงงๆ

        “สุดยอด ท่าใหม่!”

        ผู้เล่นต่างส่งเสียงร้องฮือฮากับความสามารถใหม่

        “ส้มหล่นชัดๆ ทักษะเกมนี้หาโคตรยากเลย ฉันเพิ่งได้แค่ไม่กี่ท่าเอง นี่เป็นท่าที่สาม”

        “มันจะไม่ส้มหล่นถ้านายตายน่ะสิ” เสียงหญิงสาวอีกคนร้องตอบเสียงดัง

        “แต่พวกเราที่ลงน้ำก็รอดกันหมด ไม่คิดว่าเจ๋งมากบ้างเรอะ!”

        ทุกคนรู้สึกตรงกันว่า หากไม่ได้กลุ่มของมิเชลคอยนำคงได้ย้อนกลับทวีปแรกเริ่ม นอกจากอดท่าใหม่ ยังต้องจ่ายค่าตั๋วเรือมหาแพงซ้ำสองอีกต่างหาก พวกเขาจึงชักชวนให้จัดฉลองใหญ่เป็นการขอบคุณ ข้าวยาปลาปิ้งก็ซื้อเอาจากร้านบนเรือได้ เสียดายแค่ไม่มีแอลกอฮอล์

        ก่อนเริ่มเลี้ยงฉลอง เธอเดินไปดูทั่งตีเหล็กของเพื่อนซี้ เขาหันมามองหน้าด้วยสายตาประหลาด แล้วถลกแขนเสื้อโชว์ ปรากฏรอยสักทรงเรขาคณิตสีดำหลายชิ้นที่ประกอบร่างกันเป็นปลากระเบนยักษ์ มันโดนสักถัดลงมาจากรอยสักรูปหมาป่าคิเมร่า

        “ดูเหมือนฉันจะเป็นคนลงดาบคนสุดท้ายเลยได้มา” เขาถลกแขนเสื้อลง “ไอ้นี่สินะที่ทำให้เธอไม่ยอมโจมตีตอนมันใกล้ตาย”

        มิเชลยิ้มแห้งๆ ใครใช้ให้คนออกแบบมาไร้ซึ่งความน่ารักอย่างนั้นล่ะ

        “ฉันไม่ชอบแบบนี้เท่าไหร่ มันไม่ใช่ของฉันจริงๆ.. หมาป่านั่นก็ฝีมือเธอเป็นหลัก ครั้งนี้ก็มีคนช่วยเยอะด้วย”

        “ไม่เห็นจะจริงสักหน่อย! ครั้งราชาหมาป่า ถ้ามิเชลคนเดียวก็ตายแน่นอน ฉะนั้นใครได้ไปก็ต้องเป็นของคนนั้น!”

        “อย่างงั้นนี่เอง” โทนี่ใจเริ่มชื้นขึ้น “แล้วทำไมเธอถึงเกลียดรอยสักนี้ล่ะ ที่จริงมันก็ดูแปลกและเท่ด้วย”

        “ตอนนี้มันมีแค่สองรอยสัก แต่ลองคิดดูนะ.. ถ้าเยอะมากๆ จนลามไปจนถึงข้อมือจะน่ากลัวแค่ไหน” มิเชลพยายามให้เพื่อนนึกภาพตาม

        “แล้วเธอคิดจะฆ่าราชาสัตว์อสูรสักกี่ตัวกัน...”

        ถัดจากนั้น มิเชลและโทนี่ถูกทุกคนนอกจากนายเวห์นมาขอแลกเปลี่ยนรายชื่อเพื่อน เธอต้องยกมือแปะปุ่มตอบรับจนเมื่อยไปหมด ดูเหมือนแรนดัลเองก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน เขาพูดน้อยและชอบหลบอยู่ข้างหลัง แต่พอถึงเวลาสู้กลับวาดลวดลายทิ้งไว้มากมาย

        มิเชลเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่มีจอร์เจียในสมุดจึงออกเดินหา ปรากฏว่าเธอไปเจอหญิงสาวนั่งหลบข้างลังไม้ มันเป็นมุมอับสายตาคน ร่างเล็กสะดุ้งโหยงเมื่อโดนเห็น

        “ช่วยเขียนชื่อในนี้ให้หน่อย” เธอส่งสมุดบันทึกรายชื่อเพื่อนให้ “พยายามเขียนชื่อคุณจอร์เจียยังไงก็สะกดไม่ถูก คุณจอร์เจียใช้ตัวอักษรพิเศษตั้งชื่อรึเปล่า”

        หญิงสาวมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ขาออกอาการอยากวิ่งหนีแต่หนีไม่ทัน เธอจรดปากกาลงบนสมุดแล้วค้างอยู่ท่านั้น จอร์เจียเริ่มนับเลขในใจ พอนับครบยี่สิบก็สูดอากาศเข้าเต็มปอด และเขียนลงไป

        “เจ้าหญิงน้อยจอร์จี้” มิเชลอ่านออกเสียง

        จอร์เจียกระวีกระวาดพยายามยกมือขึ้นปิดปากคนตรงหน้า

        “อย.. อย่าเสียงดังสิคะ!”

        “เป็นชื่อที่ดีออก” เธอเองก็เป็นนางฟ้าน้อยของพ่อ มันฟังดูคล้ายๆ กัน แม้ว่าพ่อจะเลิกเรียกด้วยคำนั้นมานานแล้ว

        “ฉันว่ามันน่าอาย.. ตอนตั้งชื่อฉันคิดสั้นเกินไปหน่อย ชื่อมันดูน่ารัก แต่ใช้จริงไม่ไหว”

        “น่าอายเหรอ ไม่หรอกน่า” เธอลองจินตนาการชื่อตัวเองบ้าง.. แบบนั้นคงเป็นเจ้าหญิงน้อยมิเชล.. ชื่อนี้ก็ฟังดูดี... แต่ถ้าโดนคนอื่นนอกจากพ่อเรียกล่ะ... อย่างเช่นโทนี่..?

        มิเชลหยุดจินตนาการต่อทันที

        *******************************




        โทนี่ก้าวเท้าลงจากเรือ เขาเดินบนไม้กระดานที่พาดยาวลงมาถึงพื้น เด็กชายไม่มีสัมภาระใดๆ นอกจากเป้หนึ่งใบ มิเชลวิ่งตามหลังมาติดๆ พอทั้งคู่เหยียบพื้นเมืองท่าทวีปใหม่ ก็โบกมืออำลาเพื่อนทั้งสองร้อยคน

        วันนี้เด็กหญิงเข้าเกมเกือบไม่ทันเวลาเรือเทียบท่า เนื่องจากโดนครูสอนพิเศษดึงเวลา และนั่นก็เพราะเมื่อวานมิเชลมัวแต่เฮฮากับเพื่อนใหม่จึงลืมทำการบ้าน เธอกลายเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนโดยเร็วด้วยท่าทางซื่อๆ

        “ฉันไปล่ะ” เกล็นโบกมือบ๊ายบาย “ถ้ายังอยู่ในเมืองเดี๋ยวก็เดินชนกันเองอยู่ดี ไว้เจอกัน”

        “บายครับปู่เกล็น” โทนี่โบกมือบ้าง

        “บอกว่ายังไม่แก่พอจะเป็นปู่ไงเล่า!”

        หลังชายแก่เดินลับสายตา ก็เป็นคิวอำลาแรนดัลกับจอร์เจีย มิเชลแทบลืมเสียแล้วว่าหญิงสาวคือหนึ่งในนักสู้หน้าใหม่ของเกราะแดง เธอเคยได้ประสบการณ์แย่ๆ จากสมาพันธ์นี้เลยมองพวกเขาด้วยภาพลักษณ์ที่ติดลบ แต่พอเจอทั้งคู่ จึงค่อยรู้ว่าคนในกลุ่มก็หลากหลายและมีความคิดแตกต่างกันไป

        “ไปล่ะพวก!” แรนดัลตะโกน “ถ้ามีข่าวสารอะไรดีๆ อย่าลืมบอกด้วย”

        “ไว้เจอกันครั้งหน้าค่ะ คุณมิเชล คุณโทนี่”

        สุดท้ายเหลือเพียงสองคนเหมือนก่อนจะขึ้นเรือ จากมีคนมากมาย พอหายไปพร้อมกันหมดจึงทำให้รู้สึกเหงาขึ้นมา เธอยังคิดถึงเสียงหัวเราะและงานเลี้ยงเมื่อวาน แรนดัลชอบหลบตามมุมแล้วแอบกินอะไรเงียบๆ แต่มักไม่รอดสายตาคน เขาโดนลากให้ออกมาที่แจ้งตลอดเวลา

        จอร์เจียเองก็ยอมขยับออกจากข้างลังไม้พอมิเชลให้สัญญาว่าจะช่วยเธอปิดบังเรื่องชื่อ ส่วนเกล็นคงแก่แล้วจริงๆ เซียนเฒ่ากระโดดร้องรำทำเพลงอยู่ไม่ถึงชั่วโมงก็หลับคาโต๊ะ ลำบากชาวบ้านต้องช่วยหามกลับห้อง

        กระทั่งตัวมิเชลเอง ทีแรกแค่ขยับแขนขาตามจังหวะเสียงเพลงที่มีคนเคาะให้ เธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เผลอกระโดดขึ้นเต้นบนโต๊ะ แล้วเหยียบพลาดจึงลากผ้ารองกับจานชามลงมาบนพื้นพร้อมกัน

        ตอนนี้ไม่เหลือใครนอกจากโทนี่ เธอมองหน้าเพื่อนซี้และรู้ว่าเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อคืน เด็กชายยิ้มตอบและตบแขนมิเชลเบาๆ เพื่อดึงให้กลับมาจากภวังค์

        “ตื่นๆ”

        “ตื่นอยู่แล้วน่า” เธอโต้ทันที
        
        พวกเขามาถึงเมืองใหม่ ทวีปใหม่ เด็กหญิงกวาดสายตาโดยรอบ มันคือเมืองแห่งเฟืองชัดๆ ประตูทางเข้า พื้น รูปปั้นทุกอย่างมีฟันเฟืองแทรกอยู่ หากเข้าใกล้ก็จะได้ยินเสียงซี่เฟืองหมุนเสียดสีกัน

        สิ่งก่อสร้างละแวกนี้ส่วนมากทำด้วยโลหะล้วน ต่างจากทวีปก่อนที่ใช้ไม้กับหิน แต่มันกลับไม่ขึ้นสนิมและดูสะอาดตามาก ขนาดอู่เรือที่ส่วนฐานต้องแช่อยู่ในน้ำตลอดเวลายังไม่มีตะไคร่เกาะ

        มิเชลเดินไปหยุดเบื้องหน้าประตูโค้งอันเป็นทางเข้าเมือง มีตะกร้าทองเหลืองวางอยู่บนพื้น ข้างๆ ปักป้ายเหล็กแผ่นโต เธออ่านข้อความบนป้ายในใจพร้อมกับโทนี่




    เรายินดี ต้อนรับ ท่านผู้กล้า

    เห็นตะกร้า ข้างประตู อยู่นั่นไหม

    เชิญหยิบลาน อย่าเกินหนึ่ง จะเป็นภัย

    แล้วผ่านไป สู่โซเนีย เมืองไขลาน














    -------------------------



    กลายเป็นตอนที่สั้นที่สุดเลย เพราะจบได้จังหวะนี้พอดี ตอนแรกจะใส่ว่า ครึ่งแรก แต่ ดูยังไงมันก็จบตอนแล้ว (ฮา)


    ช่วงนี้ผมพยายามเขียนให้เร็วขึ้น เพราะกลัวเขียนไม่ถึงตอนจบ
    เลยตรวจทานน้อยลง ถ้าเจออะไรแปลกๆ ทักได้ตามสบายครับ

    ส่วนด้านล่าง แค่อยากเล่านิดหน่อย เหตุเกิด เพราะผมกระแดะอยากเขียนป้ายหน้าเมืองเป็นกลอน

    คนเขียน : "นี่ๆ พี่ว่าทำป้ายหน้าเมืองเป็นกลอนดีกว่าตัวหนังสือธรรมดา เท่ห์ดี!"
    คนวาดรูปประกอบ(น้องสาวคนเขียน) : "ก็ดีนะพี่ เอาเลยๆ"

    (โชว์ที่เขียนเสร็จไปสองประโยคให้ดู)

    คนวาดรูปประกอบ : "เฮ่ย ทำไมกลอนสี่ล่ะ  ถ้าเขียนไม่เป็น มันไม่เพราะนะ กลอนแปดเถอะพี่"
    คนเขียน: "ก็กลอนสี่ในเรื่องไมรอน มันเท่ห์มากอะ!"
    คนวาดรูปประกอบ : "เอ่อ ลองดูละกัน (ทำหน้าเซ็ง)"

    (ผ่านไปครึ่งชั่วโมง กลอนสี่ล้มเหลว)

    คนเขียน : "นี่ๆ.. ตัวเอง.. เค้าว่ากลอนแปดก็ดีนะ"
    คนวาดรูปประกอบ : "ตูว่าแล้ว หัดเขียนก็เริ่มจากอะไรง่ายๆ ไปก่อนเหอะพี่"

    (สองพี่น้องเลย search google หาว่าสัมผัสกลอนแปดมันเป็นยังไง 555+)

    คารวะคนเขียนเรื่องไมรอนอย่างแรง T_T"
    ใครเคยอ่านคงรู้จักเพลงชวาลาที่ยึดพื้นมาจากกลอนสี่
    ผมชอบมากๆ เลยนั่งท่องจนจำเนื้อได้อยู่ช่วงนึง

    มีหลายคนบอกว่า กลอนสี่ เป็นกลอนที่ภาษาแข็ง ตัดคำเยอะ ห้วนสั้น
    ถ้าใช้ต้องใส่ศัพท์แสงหรูๆ เพื่อลดพยางค์

    แต่เพลงชวาลา กลับเป็นกลอนที่กระชับ ไพเราะ
    และเข้าใจง่ายเพราะใช้ภาษาพื้นๆ ที่พูดคุยกันในชีวิตประจำวัน

    มันขึ้นอยู่กับคนเขียนจริงๆ นะเนี่ย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×