ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Playboy Lover ฉีกกฎหัวใจตามล่านายจอมเจ้าชู้

    ลำดับตอนที่ #2 : PLAYBOY LOVER 01 | {100 %}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.51K
      36
      13 มี.ค. 60

     

    นิยายมีการอัพเดทซ้ำ เพื่อประชาสัมพันธ์
      
    ********************
     

    01

      


         ฉันตื่นขึ้นมาก่อนจะพบว่ามีเสียงนาฬิกาปลุก และพบว่าไม่ได้นอนอยู่ที่ห้องของตัวเอง แต่กลับมานอนอยู่ที่ห้องของอีกคน ก็เพื่อนฉันนั่นละ มีมี่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของฉันเอง เวลาที่ฉันมีปัญหา ฉันก็สามารถปรึกษาเธอได้ และเธอก็คอยดูแลฉันเป็นอย่างดีเลยล่ะ เหมือนอย่างเมื่อคืนนี่ไง พวกเราไปฉลองที่ผับแห่งหนึ่งเนื่องจากได้คะแนนสอบควิซเยอะที่สุดในคลาสเรียน แล้วฉันก็เมาจนไม่รู้เรื่อง พอมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องของมีมี่ไปแล้ว

         “ไม่ไปดูพี่เวลล์ของแกหรือไง?” มีมี่เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอกำลังเช็ดผมมองฉันที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่าเพิ่งสร่างเมาจากเมื่อคืน

         ฉันหันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียงก็พบว่ามันเป็นเวลาสิบโมงกว่าแล้ว พี่เวลล์มีถ่ายแบบตอนเที่ยงนี้นี่นา ต้องไม่ทันแน่ๆเลย เพราะสตูดิโอ SARY อยู่ห่างจากที่นี่พอสมควร คิดได้อย่างนั้น ฉันก็รีบพาร่างตัวเองลุกออกจากเตียงตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำทันที ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะออกไปจากห้องทันที แล้วโบกแท็กซี่หน้าคอนโดตรงดิ่งไปหาพี่เวลล์

         อ่อ! ลืมบอกไปว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับพี่เวลล์มันผ่านมาสองปีแล้วล่ะ ฉันเก็บเอามาฝันทุกคืนเลยนะตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับเขา จะมีใครเป็นเหมือนฉันบ้างล่ะที่บ้าผู้ชายยิ่งกว่าติ่งดาราเกาหลีซะอีก อีกอย่างหนึ่งวันนี้ฉันมีเรียนช่วงบ่ายด้วย แต่ฉันเลือกที่จะมาตามพี่เวลล์ ก็เลยกลายเป็นว่าโดดค่ะ ให้มีมี่จดเลกเชอร์มาให้ฉันดูทีหลังก็ได้ อาจารย์ไม่ได้เคร่งครัดอะไรมากอยู่แล้ว


         แท็กซี่มาจอดอยู่ที่หน้าสตูดิโอ SARY ที่นี่เต็มไปด้วยนักข่าว แฟนคลับของพี่เวลล์เต็มไปหมดเลย หาช่องทางเข้าไปแทบไม่ได้ อย่างนี้ฉันจะเจอกับพี่เวลล์ได้ยังไงกันล่ะ แต่เหมือนว่าโชคจะเข้าข้างฉันนะที่เหลือบไปเห็นช่างภาพประจำตัวพี่เวลล์เข้าพอดี

         “พี่โปร” ฉันรีบวิ่งเข้าไปทักคนตรงหน้าทันที เขาขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะยิ้มกลับมาให้ฉันอย่างเป็นมิตร อยากจะบอกว่าที่นี่ฉันสนิทกับทุกคนไปแล้วล่ะ เพราะเข้าออกที่นี่เป็นว่าเล่น

         “อ้าววิวาห์มาทำอะไรที่นี่” พี่โปรเดินถือกล้องสองสามตัว ฉันก็เลยรีบยื่นมือไปช่วยถือขาตั้งกล้องที่วางไว้ตรงหน้าให้

         “มาหาพี่เวลล์ค่ะ”

         “แต่คุณเวลล์สั่งพี่ว่าไม่ให้เราเข้าไปวุ่นวายในนั้นนะ” จำแม่นซะด้วย

         ใช่แล้วล่ะ! เมื่อสองอาทิตย์ก่อนฉันได้เข้าไปพังงานถ่ายแบบของพี่เวลล์จนพังไม่เป็นท่าเลย เนื่องจากฉันหมั่นไส้นางแบบที่ถ่ายประกบคู่กับพี่เวลล์นะสิ เธอมาหาเรื่องฉันก่อนนะ ปกติฉันไม่ชอบหาเรื่องใครก่อนอยู่แล้วถ้าไม่จำเป็น แล้วเรื่องนั้นก็ยังมาโยนความผิดให้ฉันฝ่ายเดียวด้วย ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย

         “ช่วยน้องสาวคนนี้หน่อยไม่ได้เหรอค่ะ” ฉันพูดด้วยเสียงที่ออดอ้อนไม่ต่างจากใบหน้า

         “แต่ว่า...” พี่โปรทำสีหน้าลำบากใจมากเลยนะ ต้องใช้ไม่แข็งแล้วล่ะ

         พึ่บ!

         ฉันยื่นเงินให้พี่โปรจำนวนหนึ่ง ซึ่งมันก็มากเลยทีเดียวเพื่อที่จะให้เขาพาเข้าไปข้างใน และฉันเชื่อว่าพี่โปรต้องพาฉันเข้าไปได้แน่ เขาเป็นคนเห็นแก่เงินยิ่งกว่าอะไรดี

         “ตามพี่มาเลย”

         เชื่อแล้วว่าเงินมันเปลี่ยนกันได้จริงๆ ไม่มีใครที่ไม่อยากได้เงินหรอก โลกสมัยนี้มันอยู่ได้ด้วยเงิน เพราะงั้นการที่จะมีชีวิตที่สุขสบายได้มันก็ต้องใช้เงินหล่อเลี้ยงนี่ล่ะ ไม่งั้นก็ไปไม่รอด

         ฉันคิดว่าตัวเองเกิดมาโชคดีที่สุดแล้ว มีพ่อแม่เป็นมหาเศรษฐี มีหน้ามีตาในสังคม ฉันก็เลยเป็นที่รู้จักด้วยนิดหน่อย มีคนมาติดต่อให้ฉันไปถ่ายแบบด้วยนะ แต่ฉันก็ปฏิเสธ เพราะไม่อยากเป็นที่จับตามองของใครหลายคน อยู่แบบนี้สบายกว่าตั้งเยอะ อยากไปไหนมาไหนก็ได้ไม่ต้องมาหลบๆซ่อนๆ

         ฉันเดินตามพี่โปรเข้ามาด้านในของสตูดิโอ ในนี้มีเซเลบคนดัง นางแบบนายแบบเยอะมาก เดินกับเต็มไปหมด บางคนถึงกับสนิทกับฉันเลยก็มี เพราะฉันชอบทักทายคนโน้นคนนี่ตามมารยาท อีกอย่างคนพวกนี้ก็รู้จักฉันในนามลูกสาวของท่านทูตที่มีชื่อเสียงเรียงนามใหญ่โต คุณพ่อเป็นคนที่มีอิทธิพอสมควร ฉันก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไมถึงมีคนรู้จักฉันเยอะนัก

         “หายหน้าไปนานเลยนะครับน้องวิวาห์”

         “ค่ะ” ฉันยิ้มบางให้นายแบบคนหนึ่ง ซึ่งฉันก็ไม่ได้รู้จักชื่อเขา แถมหน้ายังจำไม่ได้ด้วย แต่ก็ต้องตอบไปเพื่อไม่ให้เสียมารยาท ที่ไม่ได้เจอกันนาน เพราะหลังจากที่ฉันไปพังงายถ่ายแบบถ่ายของพี่เวลล์ก็เข้าสู่ช่วงเทศกาลสอบมิดเทอมนะ แต่นี่สอบเสร็จแล้วพร้อมที่จะมาทวงของรักของหวงคืน

         “วันนี้มาทำอะไรครับ”

         “มาตามหาเนื้อคู่คะ” ฉันตอบพร้อมกลับยืนบิดตัวไปมาด้วยความเขิน อันที่จริงก็ไม่รู้จะเขินไปทำไม ตามมาตั้งสองปีแล้ว แต่คนเราก็ต้องมีจริตนิดหน่อยจริงไหม ชีวิตจะได้มีรสชาติ

         “นายแบบไฟแรงช่วงนี้สินะ” เขาคงหมายถึงพี่เวลล์นะ เพราะช่วงนี้พี่เวลล์ติดอันดับหนึ่งของเมืองนี้เลยนะที่ผู้หญิงคลั่งไคล้มากที่สุด ส่วนอันดับสอง และอันดับสามก็เป็นของเพื่อนเขานั่นล่ะ

         “ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบรับตามความจริง เพราะคนที่นี่ก็รู้ว่าฉันตามติดพี่เวลล์อย่างกับเงา พี่เวลล์เดินซ้าย ฉันก็เดินซ้าย พี่เวลล์เดินขวา ฉันก็เดินขวาอะไรประมาณนี้

         “น้องวิวาห์ คุณเวลล์อยู่ห้องส่วนตัวทางซ้ายมือที่มีป้ายติดเอาไว้ว่าวีไอพีนะ” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปตามเส้นทางที่พี่โปรบอก ในนี้ค่อนข้างเหมือนเขาวงกตเลย เดินไม่ดีนี่หลงทางได้เลยนะเนี่ย ถ้าไม่รู้จักทางจริงคงไม่มีทางออกจากที่นี่ได้แหงๆเลย

         “วีไอพี” ฉันอ่านชื่อป้ายที่ติดเอาไว้หน้าห้องห้องหนึ่ง ก่อนจะเสียมารยาทเปิดเข้าไปโดยไม่เคาะประตูก่อน จะเคาะทำไมล่ะ ถ้าพี่เวลล์รู้ว่าเป็นฉันเขาไม่ยอมออกมาเปิดให้แน่ เพราะงั้นเข้ามาแบบนี้ล่ะ เหมาะที่สุดแล้ว

         แต่พอเข้ามาก็พบกับความว่างเปล่า ไม่เห็นพี่เวลล์อยู่เลย เข้ามาถูกห้องหรือเปล่าอ่ะ หน้าห้องก็เขียนว่าวีไอพีนี่นา หรือว่ามันมีหลายห้อง ไม่หรอกมั้งไม่งั้นคงหลงกันน่าดู

         ฉันเดินสำรวจห้องไปเรื่อยๆก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่เวลล์เลย อะไรกันนี่ฉันก็มาเร็วแล้วนะ อีกอย่างมันยังไม่ถึงเวลาถ่ายแบบด้วยซ้ำ เขาหายไปไหน กะว่าจะมาเซอร์ไพร์ส แต่นี่กลับเซอร์ไพร์สซะเอง

         กึก!

         ฉันหันกลับไปมองที่ประตูห้องน้ำก็พบว่ามีคนกำลังเดินออกมา ด้วยสัญชาตญาณทำให้ฉันต้องรีบหาที่หลบทันที และที่นี่ก็ไม่มีที่ให้หลบด้วย เพราะมันมีแค่เตียงนอน ระเบียง และตู้เสื้อผ้า และที่หลบที่ปลอดภัยที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตู้เสื้อผ้า คิดได้อย่างนั้นฉันก็พาตัวเองเข้าไปหลบทันที รอดตายอย่างฉิวเฉียวเลย เพราะคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำก็เดินมาที่หน้าตู้เสื้อผ้าพอดีเลย

         ดีหน่อยที่ในนี้เสื้อผ้าไม่เยอะเท่าไร ทำให้หายใจได้สะดวกหน่อย ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเสื้อยืดสีดำตัวหนึ่ง มันดูคุ้นๆมากเลยอ่ะ ฉันหยิบมันออกมาจากไม้แขวน นี่มันเสื้อของพี่เวลล์นี่นา ใช่จริงๆด้วยอ่ะ ฉันจำมันได้แถมยังจำกลิ่นของเขาได้แม่นเลยล่ะ เสื้อเชิ้ตตัวนี้ก็ใช่

         ฉันจัดการยัดเสื้อยืดสีดำเข้ากระเป๋าสะพายหลังทันที ก่อนจะเอาเสื้อเชิ้ตอีกตัวมากอดจูบลูบคลำอยู่อย่างนั้น เสมือนได้กอดตัวจริงเลย กลิ่นก็หอมด้วย จะไม่ให้ผู้หญิงหลงได้ยังไงล่ะ แค่นั่งดมเสื้อของเขาฉันยังหลงจนแทบโงหัวไม่ขึ้นเลยนะ แค่ได้เสื้อของพี่เวลล์ไปนอนกอดแทนตัวจริงก็ดีมากแล้วล่ะ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขามีแต่วิ่งหนีฉันตลอดเลย ไม่รู้ว่ากลัวอะไรฉันนักหนา อันที่จริงหน้าตาของฉันก็จัดว่าเป๊ะเลยนะ ไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอางเลยด้วยซ้ำ แต่ฉันไม่ท้อหรอก ตราบใดที่มีลมหายใจมันก็ต้องมีความหวังอยู่แล้วล่ะ เพราะฉันเชื่ออย่างนั้นถึงได้ตามตื๊อพี่เวลล์มาตลอด

         แอด!!!

         ฉันที่กำลังนัวเนียกับเสื้อของพี่เวลล์อยู่ก็ต้องสะดุ้งตกใจตัวโหยง เพราะอยู่ดีๆประตูตู้เสื้อผ้าก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นคนที่อยู่ด้านนอก และจะไม่อะไรเลยนะ ถ้าคนที่อยู่ด้านนอกไม่ได้เป็นเจ้าของเสื้อที่ฉันกำลังนัวเนียอยู่ตอนนี้

         “เห้ย!

         “พะ...พี่เวลล์”

         “ทำอะไรกับเสื้อฉัน?”

         ฉันรีบกระโดดออกมาจากตู้เสื้อผ้า ก่อนจะมายืนประจันหน้ากับเขาโดยตรง สภาพของพี่เวลล์ตอนนี้เซ็กซี่มากๆอ่ะ ร่างกายเขามีเพียงผ้าเช็ดตัวปิดท่อนล่างเอาไว้เท่านั้น ส่วนท่อนบนก็เปลือยเปล่า หยดน้ำเกาะอยู่ตามซิกซ์แพ็กส์ของเขา เห็นแล้วก็อยากจะเข้าไปสวมกอด แต่คนที่มีชนักติดหลังอย่างฉันที่ไปก่อเรื่องเมื่อสองอาทิตย์ก่อนทำให้ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ จำต้องก้มหน้ามองมือตัวเองอย่างสำนึกผิด

         “โรคจิต” พี่เวลล์ที่เห็นว่าฉันเอาแต่เงียบก็โพล่งขึ้นมาด้วยประโยคสั้นๆที่ฉันคุ้นชินไปแล้วล่ะ เพราะมันกลายเป็นชื่อของฉันที่พี่เวลล์ใช้เรียกจนติดปาก

         “ฉันไม่ใช่โรคจิตนะค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธทันที และมันก็เป็นประโยคเดิมๆเหมือนอย่างที่ผ่านมาที่ฉันใช้ตอบเขากลับไปเช่นกัน ทุกครั้งที่เจอหน้ากันเขาก็มักจะเรียกฉันแบบนี้ทุกที ตอนแรกก็น้อยใจเหมือนกันนะ แต่ตอนนี้ก็เฉยๆไปแล้ว เพราะน้อยใจไปก็ไม่ได้ช่วยให้พี่เวลล์รักฉันได้หรอก

         “ออกไปจากห้องของฉัน” เพิ่งได้เข้ามานี่ไล่กันให้ออกไปแล้วเหรอ จะใจร้ายไปถึงไหน ไม่เห็นใจกันบ้างหรือไง เริ่มเหนื่อยแล้วนะ ถ้าฉันไม่ตามแล้วจะเสียใจ

         “ฉัน-ไม่-ไป” ฉันยืนกอดอกพูดกับคนตรงหน้าด้วยที่หนักแน่นทุกพยางค์ ให้มันรู้กันไปเลยว่าฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน ด้านมาขนาดนี้แล้ว ก็ด้านต่อไปให้มันถึงที่สุดนี่ล่ะ เกลียดได้เกลียดไป เพราะยังไงมันก็ต้องมีสักวันที่พี่เวลล์รักฉันละน่า

         “แม่ง!โรคจิตชิบหาย” ร่างสูงสบถออกมาอย่างหยาบคาย และคำพวกนี่ฉันก็ชินไปแล้วเหมือนกัน ทีแรกก็ตกใจว่าทำไมคนอย่างพี่เวลล์ถึงได้พูดคำพวกนี้ แต่ตอนนี้ชินแล้ว ฉันไม่ได้อะไรกับคำพูดของเขาหรอก ฉันอยากได้ใจเขามากกว่า

         “ฉันไม่ได้โรคจิตนะค่ะ” จะต้องให้ฉันบอกอีกกี่รอบถึงจะเข้าใจว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ฉันปกติดีหมดทุกอย่าง ถ้าบอกว่าฉันโรคจิตพวกติ่งเกาหลีไม่เป็นโรคจิตกว่าครึ่งประเทศเลยหรือไง

         “ไอ้ที่นัวเนียกับเสื้อผ้าคนอื่นมันเป็นธรรมดาที่คนปกติเขาทำกันไง?” พูดแบบนี้ก็หาว่าฉันบ้านะสิ อะไรกัน ไม่โรคจิตก็บ้า สรุปแล้วฉันมีอะไรดีในสายตาของเขาบ้างหรือเปล่านะ

         เข้าใจนะว่าถ้าใครได้มาเห็นแบบนี้ก็ต้องเข้าใจผิดอยู่แล้ว ก็ฉันเล่นนัวเนียกับเสื้อของพี่เวลล์จนยับไปหมด ก็มันทำกับตัวจริงไม่ได้นี่นา เข้าใจชีวิตของพวกติ่งเกาหลีก็วันนี้ล่ะค่ะ อยากกอดจูบลูบคลำแต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่ยืนมองดูอยู่ข้างล่างเวที หรือในทีวี แม้กระทั่งเสื้อยังไม่ได้จับแม้แต่ชายเสื้อด้วยซ้ำ มันเป็นโชคของฉัน ฉันจะคว้าเอาไว้มันผิดตรงไหน ไม่ได้มีกฎหมายข้อไหนห้ามสักหน่อยว่าห้ามนัวเนียกับเสื้อผ้าของคนอื่น

         “ออกไป!!!

         “คำก็ไล่ สองคำก็ไล่ คนนะค่ะไม่ใช่หมาไล่อยู่ได้” ฉันที่เริ่มฉุนขึ้นมาก็ยืนเท้าเอวตอบกลับไปทันที พี่เวลล์เองก็คงจะตกใจไม่น้อยเหมือนกัน ตั้งแต่ที่ฉันตามเขามา ฉันไม่เคยทำตัวไม่น่ารักอย่างนี้มาก่อนเลย และนี่ก็เป็นครั้งแรกด้วย “พี่ก็น่าจะรู้ว่าไล่ยังไงฉันก็ไม่ไป”

         “เธอแม่งน่ารำคาญ” พูดจบร่างสูงก็เดินไปนั่งที่โซฟาดูก็รู้ว่ารำคาญฉันมากแค่ไหน แต่แล้วไงในเมื่อฉันโดนแบบนี้ประจำที่ได้เข้าใกล้เขา ฉันควรจะชินได้แล้ว เพราะไม่งั้นฉันต้องร้องไห้ทุกวันแน่

         “ฉะ...ฉันแค่เข้ามาเอาของให้พี่โปรเท่านั้นนะค่ะ” ฉันเดินเข้าไปนั่งข้างพี่เวลล์อย่างถือวิสาสะ แต่พอเห็นสายตาของเขาที่ตวัดมองฉัน ฉันนี่ถอยห่างแทบไม่ทัน ร่างสูงลุกขึ้นยืนกอดอกหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด

         “เอาของ?”

         “ชะ...ใช่ค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบกลับไปไม่เต็มเสียงนัก เพราะที่เข้ามาที่นี่มีแค่จุดประสงค์เดียว คือเข้ามาหาคนตรงหน้าคนนี้นี่แหละ แต่เชื่อเถอะว่าคนอย่างพี่เวลล์ไม่มีทางเชื่อฉันเด็ดขาด เขาฉลาดยิ่งกว่าอะไรดี โดยเฉพาะกับเรื่องของผู้หญิงไม่มีใครฉลาดเกินเขาคนนี้อีกแล้ว

         “เอาเสื้อฉัน?” เขายังคงไล่บี้ฉันต่อ กะจะเอาให้ฉันจนมุมให้ได้สินะ คนอะไรใจดำที่สุดเลย มีดีแค่อย่างเดียวคือความหล่อ นอกนั้นก็ไม่เห็นความดีของเขาปรากฏอยู่เลย

         เขาดีกับทุกคนยกเว้นฉัน เขารักทุกคนที่ไม่ใช่ฉันด้วย

          บางทีก็น้อยใจเหมือนกันนะ ตามตื๊อมาตั้งสองปีพี่เวลล์ไม่ยอมใจอ่อนบ้างเลย ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นป่านนี้เขาหนีไปมีแฟนใหม่แล้ว แต่ที่ฉันไม่หนีเพราะฉันเชื่อว่าวันหนึ่งพี่เวลล์จะต้องรักฉัน ต่อให้เวลาจะผ่านมาแล้วสองปีก็เถอะ 

         “ว่าไง?” เขาตอบขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าฉันไม่ยอมตอบ

         “อันที่แล้วก็มาหาพี่ด้วยนะค่ะ ตะ...แต่ฉันก็มาเอาของจริงๆนะ” ฉันแค่พูดความจริงไม่หมดเท่านั้นเอง และฉันก็ไม่ได้โกหกเขาด้วยนะ “มาเอาไว้แขวนเสื้อนะค่ะ”

         “ทำไมต้องดมเสื้อฉัน?” ถ้าฉันไม่ยอมรับออกมาตรงๆเขาก็คงไล่ต้อนฉันแบบนี้สินะ อยากให้ฉันตอบว่ามาหาเขานักหรือไง

         “ก็ฉันชอบกลิ่นพี่อ่ะผิดตรงไหน แค่เห็นว่าฉันนั่งดมเสื้อแค่นี้ก็คิดว่าเป็นโรคจิตหรือไง ถ้าพี่ชอบฉันพี่ก็คงทำเหมือนฉันนั่นแหละค่ะ”

         ฉันพูดตามที่ตัวเองคิดออกมาทำให้คนตรงหน้าถึงกับยืนอึ้งไปเลย คงไม่คิดว่าฉันจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาสินะ แล้วไงล่ะพูดออกมาแล้วนี่ ฉันรักของฉันมันผิดกฎข้อไหนกัน

         “แค่นั่งกอดดมเสื้อพี่แค่นี้ก็ไม่ได้เหรอคะ ฉันไม่ได้ทำตัวจริงของพี่สักหน่อยนะ อีกอย่างพี่ไม่เห็นต้องมาเดือดร้อนอะไรเลยนี่นาเดี๋ยวฉันเอาไปซักให้ก็ได้”

         พี่เวลล์มองฉันอย่างโกรธจัดที่ฉันพูดพล่ามออกมายาวยืดขนาดนี้ เขาหันหลังกลับไปโดยที่ไม่พูดอะไรกับฉันสักคำ นี่พูดความจริงแล้วยังมาโกรธกันอีก เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ เป็นโรคไบโพลาร์หรือเปล่าเนี่ยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอย่างกับเป็นวันนั้นของเดือนแน่ะ แต่ก็อย่าคิดว่าฉันจะให้พี่เวลล์เดินหนีไปแบบนี้นะ บอกแล้วว่าฉันจะติดตามเขาอย่างกับสตอล์กเกอร์อ่ะ พี่เวลล์ไม่มีทางหนีคนอย่างฉันพ้นแน่

         “เดี๋ยวก่อนค่ะพี่เวลล์” ฉันที่เดินตามพี่เวลล์ไปสะดุดเข้ากับขาเก้าอี้ทำให้ฉันเซล้มไปข้างหน้า แต่แล้วมือฉันเหมือนกลับว่าได้คว้าอะไรติดมือมาด้วยงั้นอ่ะ แล้วมันจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากของที่ใช้ปกปิดร่างกายของพี่เวลล์เอาไว้อย่างผ้าเช็ดตัว

         ฟึ่บ!

         “เฮ้ย!

         ตาฉันเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นตัวตนของคนตรงหน้าเต็มสองตาเลย อีกอย่างเขาอยู่ใกล้ฉันมากแล้ว แล้วคิดดูนะว่าตอนนี้ฉันล้มอยู่ที่พื้นสายตาฉันปะทะเข้ากับตรงนั้นของพี่เวลล์อย่างพอดิบพอดี ตัวฉันแข็งทื่อไปหมดขยับไปไหนไม่ได้เลย นี่ขนาดพยายามลุกขึ้นยืนแล้วนะยังเซซ้ายเซขวาเลยอ่ะ

         หมับ!

         พี่เวลล์ดึงตัวฉันเข้ามากอดเอาไว้ก่อนจะจับตัวฉันให้หันหลัง ทำให้แผ่นหลังของฉันแนบชิดไปกับแผงอกที่แข็งแกร่งของเขา เหมือนว่าตอนนี้พี่เวลล์กอดฉันจากทางข้างหลังเลยอ่ะ เราสองคนไม่เคยอยู่ใกล้กันขนาดนี้มาก่อนเลยนะ ใจเต้นแรงมากเหมือนมันจะเด้งออกมาข้างนอกยังไงยังงั้นเลย ฉันควรดีใจใช่ไหมที่พี่เวลล์ทำแบบนี้ โคตรจะฟินเลยล่ะ เพราะถ้าใครได้กอดกับคนที่เราชอบมานานความรู้สึกมันจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลย ไม่มีอะไรจะฟินเท่านี้อีกแล้ว

         “ส่งผ้าเช็ดตัวมานี่” เสียงของพี่เวลล์กระซิบอยู่ข้างหูฉัน ทำให้เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของเขา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะได้มีวาสนาได้กอดกับคนดังที่คนทั้งเมืองต่างพากันคลั่งไคล้หลงใหล เป็นเกีรยติแก่วงศ์ตระกูลมากจริงๆนะ “เห้!เธอได้ยินหรือเปล่าส่งผ้าเช็ดตัวมานี่”

         ที่แท้ที่เขากอดฉันแบบนี้ก็เพราะว่าไม่อยากให้ฉันเห็นของเขานะเอง แล้วก็คงจะอยากได้ผ้าเช็ดตัวที่ฉันกำมันเอาไว้แน่นอีกด้วย อะไรกันทำไมต้องทำเหมือนว่าอายฉันด้วย ทีกับผู้หญิงคนอื่นไม่เห็นอายเลยแก้ผ้าให้กันอีกต่างหาก ทำอย่างกับว่าฉันจะไปขโมยงั้นอ่ะ

         หมับ!

         ทันทีที่พี่เวลล์ได้ผ้าเช็ดตัวไป เขาก็ปล่อยตัวฉันแทบจะทันทีเลยเหมือนกัน เข้าใจแล้วว่ารังเกียจกันอย่างกับอะไรดี แต่ฉันไม่สนหรอกนะเพราะว่าเมื่อกี้ฉันได้กอดกับเขาแค่นี้ก็พอใจแล้ว ต่อให้เขาจะเกลียดฉันมากแค่ไหนก็เถอะแต่ว่าอย่างน้อยเราก็ได้กอดกันนะเออ

         พี่เวลล์เอาผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวไว้เหมือนเดิมก่อนจะหันมามองฉันที่ยืนก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด ฉันรู้นะว่าการทำแบบนี้เขาจะต้องโกรธมาก แต่มันเป็นอุบัติเหตุฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลยนะ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันเองก็ตั้งตัวไม่ถูกเหมือนกัน แต่ดูท่าว่าคนตรงหน้าคงจะไม่ให้อภัยฉันเป็นแน่ หน้าของเขานี่แดงก่ำด้วยความโกรธจัดเลย

         “พี่เวลล์ค่ะคือ...”

         “พอ!!!” คนตรงหน้ายกมือขึ้นมาห้ามไม่ให้ฉันพูดต่อ เมื่อกี้เขายังขึ้นเสียงใส่ฉันด้วยนะ คิดดูสิว่าผู้ชายคนนี้เย็นชากับฉันขนาดไหน ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้เขาหนีไปรักคนใหม่ไปแล้วไม่มาทนแบบฉันหรอกนะจะบอกให้ “เธอออกไปจากห้องฉันได้แล้ว อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีกแค่นี้ก็สร้างความเสียหายไม่พอหรือไง”

         “...”

         “เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอเกิดมาเป็นตัวหายนะมากเลยนะ อย่าได้เข้ามายุ่งกับฉันอีกเป็นอันขาด”

         “...” คิดว่าฉันเจ็บไหมกับคำพูดพวกนี้ เปล่าเลยฉันสตรองมากค่ะ เพราะประโยคที่พี่เวลล์ร่ายยาวมานะฉันโดนมาหนักกว่านี้อีกจะบอกให้ อีกอย่างเขายังไล่ฉันเหมือนหมูเหมือนหมาอีกด้วย ฉันยังไม่เห็นแคร์เลย เรื่องแค่นี้ฉันไม่เอามาใส่ใจอยู่แล้ว จะเป็นวิวาห์คนนี้ได้ต้องตรองเท่านั้น ไม่งั้นก็ยืนอยู่จุดนี้ไม่ได้

         “ฉันไม่ได้ต้องเธอมันก็น่าจะเพียงพอที่จะให้เธอออกไปจากชีวิตฉันได้แล้วนะ อย่าทำตัวเป็นเหมือนผู้หญิงไม่มีค่าแบบนี้มันไม่ได้ทำให้เธอดูดีขึ้นมาหรอก”

         “ถ้าการที่พี่พูดแบบนี้แล้วคิดว่าฉันจะเลิกตามพี่ล่ะก็ พี่คิดผิดแล้วล่ะค่ะฉันเคยบอกพี่ไปแล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้งว่าฉันจะตามพี่แบบนี้จนกว่าพี่จะรักฉันต่อให้ต้องใช้เวลาเป็นสิบยี่สิบปีฉันก็จะตามพี่แบบนี้ไปเรื่อยๆ” ฉันยืนกอดอกพูดสวนกลับไปเหมือนกัน เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็จะยืนยันคำเดิมว่าจะลุยต่อ คำพูดพวกนี้ใช้กับคนอย่างฉันไม่ได้หรอกนะ พี่เวลล์เองก็น่าจะรู้นี่นาเพราะเขาก็มักจะบอกแบบนี้ทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกัน ไม่เบื่อบ้างเลยหรือไง

         พี่เวลล์ไม่ได้พูดอะไรเขาได้เพียงแต่ยืนถอนหายใจอย่างเอือมระอาที่ไม่มีวันไล่ฉันออกไปจากชีวิตเขาได้สำเร็จ แต่เพียงไม่นานฉันก็เห็นว่าใบหน้าของเขาระบายรอยยิ้มออกมาเหมือนเพิ่งนึกอะไรออกแล้วยังปรายตามามองฉันที่ยืนอยู่ข้างเขาอีกด้วย เขาคงไม่คิดที่จะทำอะไรฉันหรอกใช่ไหม แววตาที่เขามองฉันนี่มันเหมือนพวกเสือที่รอจะเขมือบเหยื่อกินยังไงยังงั้นเลย น่ากลัวชะมัด กะจะใช้วิธีนี้ไล่ให้ฉันออกไปใช่ไหม บอกเลยว่าทำมันเกือบสำเร็จ

         “เธอเห็นนั่นไหม?” ร่างสูงชี้ไปที่เตียงนอน

         “ค่ะ”

         “เธอคิดว่าผู้หญิงกับผู้ชายเขาอยู่ก้องด้วยกันแบบนี้เขาทำอะไรกัน?” คำตอบของฉันคือการส่ายหน้า แต่ฉันก็ไม่ได้โง่หรอกนะที่จะไม่รู้ว่าพี่เวลล์หมายถึงเรื่องอะไร ฉันเองก็โตพอที่จะรู้เรื่องพวกนั้นอยู่บ้างล่ะน่า

         พี่เวลล์เดินต้อนฉันไปที่เตียงช้าๆก่อนจะพูดประโยคที่ทำเอาฉันแทบอยากจะวิ่งออกจากห้องนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ไม่ใช่ว่าฉันเล่นตัวหรืออะไรหรอกนะแต่ฉันไม่ชอบแบบนี้การที่จะมีอะไรกันมันจะต้องเกิดจากการยินยอมของอีกฝ่ายไม่ใช่มาทำแบบนี้ ฉันว่ามันไม่โอเค

         "ฉันเองก็เป็นพวกอยากลองของใหม่ซะด้วย เบื่อแล้วของเหลือจากคนอื่น”

         “พะ...พี่เวลล์” ฉันพูดด้วยเสียงกระท่อนกระแท่นด้วยความกลัว คนตรงหน้าแค่นยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจก่อนจะโน้มหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูฉันอย่างแผ่วเบาแต่มันกลับดังกึกก้องอยู่ในรูหูฉันเป็นเสียงสะท้อนเลยล่ะ

         “ชอบท่าไหน?”

         “อะ...อะไรนะ?” คำถามของเขามันกำกวมมากแต่ก็พอรู้ว่าหมายถึงอะไร เขาคงไม่ได้หมายถึงท่าถ่ายแบบแน่ เพราะสถานการณ์แบบนี้ก็คงจะหมายถึงอยู่เรื่องเดียว

         ฉันก็โตพอที่จะรู้เรื่องพรรค์นั้นอยู่แล้ว ทุกคนก็ต้องเคยเรียนอยู่แล้วป่ะวิชาเพศศึกษาอ่ะ แต่ฉันเคยเรียนแค่ภาคทฤษฏี ไม่เคยเรียนภาคปฏิบัติหรอกและไม่อยากเรียนด้วย

         “ฉันมีทุกท่าเลยนะ” พูดจบเขาก็โน้มหน้าเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับเลื่อนมือมาจับที่กระดุมเสื้อของฉันและจัดการปลดมันออกอย่างรวดเร็ว ฉันตกใจถึงกับผลักคนตรงหน้าให้ออกไปอย่างแรงจนเขาเซไปชนกับโคมไฟข้างเตียงเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขายอมล่าถอยออกไปหรอก ฉันว่าตัวเองต้องรีบเผ่นดีกว่า เกิดเขาเอาจริงขึ้นมาฉันไม่รอดแน่ล่ะงานนี้

          “ฉะ...ฉันจะออกไปรอพี่ข้างนอก” กำลังจะวิ่งออกไปที่ประตูแต่ก็ช้ากว่าอีกฝ่ายที่คว้าข้อมือฉันไว้ก่อนจะดึงให้เข้าไปประชิดตัวเขา ผู้ชายคนนี้มือเร็วมากบอกเลย ฉันว่าตัวเองเร็วแล้วยังสู้เขาไม่ได้อ่ะคิดดู

         “ลงทุนเข้ามาแล้ว ไม่คิดอยากได้อะไรกลับไปไง?” พี่เวลล์เริ่มเอาหน้ามาคลอเคลียกับต้นคอของฉันจนฉันเกร็งไปหมด ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปไหนเลย

         “อะ...อะไรคะ?

         “ลูกไง”

         ละ...ลูกเหรอ? พี่เวลล์คิดอะไรของเขาอยู่อ่ะ ทำไมต้องมาเอาลูกให้ฉันด้วย ไหนบอกไม่อยากผูกมัดกับใคร แต่สิ่งที่เขาพูดมาเหมือนอยากผูกมัดกับฉันเลยนะ เพราะการที่มีลูกด้วยกัน มันก็เหมือนเป็นบ่วงติดตัวไปตลอดเลย อีกอย่างฉันก็ยังไม่อยากมีลูกตอนนี้ด้วย อายุแค่นี้เองจะมีลูกเร็วไปทำไม ยังไงฉันก็ต้องมีลูกกับพี่เวลล์อยู่แล้ว เพราะถ้าเป็นคนอื่นฉันขอเป็นหมันดีกว่า

         “ปล่อยเถอะค่ะพี่เวลล์” ฉันที่เริ่มอึดอัดก็เริ่มผลักหน้าอกแกร่งของคนตรงหน้าให้ออกห่างจากตัว เขายอมถอยออกอย่างว่าง่ายเหมือนไม่ใช่เขาเลย

         “ไม่อยากอยู่กับฉันแล้ว?” ร่างสูงถามกลับมาเหมือนไม่ค่อยพอใจอะไรบางอย่าง ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาไม่พอใจอะไร แต่ถ้าให้เดาเขาคงเริ่มรำคาญฉันแล้วล่ะ

         “อยากค่ะ แต่ว่า...”

         ตุ้บ!!!

         ฉันที่ยังพูดไม่ทันจบก็ต้องตกใจจนรีบถอยห่างจากคนตรงหน้าทันที เพราะจู่ๆเขาก็หันกลับไปชกกำแพงเสียงดัง โดยไม่ห่วงว่ามือของตัวเองจะเป็นแผลน่าเกลียดหรือเปล่า พี่เวลล์เริ่มโมโหแล้วอ่ะ แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ อีกอย่างตลอดสองปีที่ฉันตามเขาแบบนี้เขาก็ไม่เคยแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวใส่ฉันแบบนี้เลยสักครั้ง นี่ครั้งแรกเลยล่ะ ส่วนมากเขาแค่จะไล่ฉัน ต่อว่าฉัน แต่ไม่เคยทำร้ายตัวเองให้ฉันเห็นเลยสักครั้ง น่ากลัวมาก

         “พี่เวลล์”

         “ไปสิ!!!” พี่เวลล์หันกลับมาตวาดใส่หน้าฉัน เออ! ใครกันแน่ที่โรคจิตอารมณ์ไม่คงที่ เมื่อกี้ยังดีๆอยู่แลย แต่นี่กลับมาตวาดใส่กัน คนอะไรเอาใจยากจริงๆเลย ไปก็ได้แต่อย่าคิดว่าฉันจะหยุดแค่นี้นะ เพราะฉันจะเกาะติดเขาต่อไป ไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปได้หรอกคอยดูสิ  


         ฉันออกมานั่งเล่นที่ริมสระว่ายน้ำที่ที่เป็นสถานที่ถ่ายแบบวันนี้ พี่เวลล์ต้องถ่ายแบบในคอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำ แค่คิดว่าคนอื่นต้องเห็นซิกซ์แพ็กส์ของเขาฉันก็หงุดหงิดแล้วอ่ะ อีกอย่างยังประกบคู่กับนางแบบหน้าใหม่ด้วย โปรดิวเซอร์บอกว่าอยากปั้นนางแบบหน้าใหม่คนนี้ เลยเอาพี่เวลล์มาดันให้ไงล่ะ 

         แต่เชื่อเถอะคะคนอย่างพี่เวลล์ไม่ช่วยแค่การถ่ายแบบแน่ เขาจะต้องเอายัยนางแบบนั้นเข้าห้องด้วย เพราะตลอดระยะเวลาสองปีที่ฉันตามติดเขา เขาก็มักจะพานางแบบหน้าใหม่เข้าห้องตลอดเลยนะสิ คงไม่ต้องบอกนะว่าเข้าไปทำอะไรกัน พวกเขาคงไม่ได้เข้าไปนั่งจับมือกันแน่

         “น้องแป้งทางนี้เลยครับ” พี่โปรผายมือให้นางแบบหน้าใหม่ที่ชื่อแป้งให้มาสแตนบายด์อยู่ข้างฉัน ไม่ว่าจะมองยังไง ไม่ว่าจะมองมุมไหนฉันก็สวยกว่าเธอเยอะ

         เอานางแบบแบบนี้มาถ่ายคู่กับพี่เวลล์ได้ยังไงนะ ให้ฉันถ่ายยังเข้ากันมากกว่านี้ แต่นี่กลับเลือกนางแบบหน้าบ้านๆมาถ่าย ฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองหรอกนะ ถ้าสวยก็บอกว่าสวย ถ้าไม่สวยก็บอกไม่สวย แต่ยัยแป้งนี่ไม่เห็นสวยเลย จะมีดีก็แค่หุ่นเซ็กซี่ ขาว อึ๋มแค่นั้นเอง นอกนั้นสู้ฉันไม่ได้สักอย่างเลย

         “คุณเวลล์มาพอดีเลยครับ” ฉันหันไปตามที่พี่โปรบอกก็เห็นพี่เวลล์ใส่แค่กางเกงว่ายน้ำรัดรูปตัวเดียวเดินเข้ามายืนอยู่ข้างโปรดิวเซอร์ พี่เวลล์ไม่แม้แต่จะหันมามองฉันที่ยืนหัวโด่อยู่นี่เลยสักนิด ใจร้ายกับฉันตลอดเลย ไม่คิดจะใจอ่อนบ้างหรือไงกันนะ เขามีหัวใจหรือเปล่าเนี่ย หรือว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ไม่มีความรู้สึก

         “สวัสดีค่ะคุณเวลล์ฝากตัวด้วยนะค่ะ”

         อ้าวเห้ย! ยัยแป้งเธอถอดชุดคลุมตั้งแต่เมื่อไรอ่ะ นางใส่แค่บิกีนี่สีเหลืองอ๋อยเดินเข้าไปไหว้พี่เวลล์แนบอกเลย ส่วนพี่เวลล์เองก็น้อยหน้าที่ไหนกันล่ะโอบกอดเขาด้วยอ่ะ แย่ที่สุดเลย

         “โอเคครับเริ่มถ่ายกันได้เลย” ทุกคนในกองถ่ายเริ่มเข้าไปยืนประจำที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมาย พี่เวลล์กับยัยแป้งก็เช่นกัน เดินโอบกันไปยืนประจำตำแหน่ง ยัยนี่เป็นเหมือนเนื้องอกของพี่เวลล์เลย อดทนเอาไว้นะวิวาห์ มันแค่งาน ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงหรอก

         “น้องแป้งช่วยเขยิบเข้าไปใกล้คุณเวลล์อีกนิดนึงครับ”

         “แบบนี้เหรอค่ะ”

         “คุณเวลล์จับขาน้องให้ยกขึ้นด้วยครับ” นี่มันท่าอุบาทว์อะไรกันเนี่ย คือเข้าใจป่ะว่าพี่เวลล์ต้องยกขายัยแป้งขึ้นมาเกยไว้ที่สะโพกของเขา แล้วให้ยัยนั่นโอบท้าทอยพี่เวลล์เอาไว้ก่อนจะเอาหน้ามาแนบกัน คิดดูสิเสียผ้าน้อยชิ้นขนาดนั้น แล้วยังมาแนบแน่นขนาดนี้ มันต้องมีสปาร์คกันบ้างล่ะ

         “ยกขาน้องขึ้นสูงกว่านี้อีกครับ”

         เออ!ถ้าจะสูงขนาดนี้ไม่พาดคอไปเลยล่ะ

         “น้องแป้งเอาหน้าเข้าไปใกล้คุณเวลล์อีกครับ”

         “ค่ะ” เฮ้ย!เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้พี่โปรบอกให้เอาหน้าเข้าไปใกล้เฉยๆไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมยัยนั่นหอมแก้มพี่เวลล์ล่ะ นี่มันเปลืองเนื้อเปลืองตัวมากไปไหม ฉันตามเขามาตั้งสองปียังได้แค่นัวเนียกับเสื้อของเขา แล้วนางเป็นใครมาตัดหน้าฉันเฉยเลย “ขอโทษคะ” สตรอเบอร์รี่ชัดๆเลย

         “ทำมากกว่าหอมก็ได้นะ” พี่เวลล์ก็อีกคน เสี้ยมกันดีนัก ทีกับฉันเข้าใกล้หน่อยไม่ได้เลย ทำเป็นรังเกียจกันตลอด

         “โอเคครับค้างไว้แบบนั้นนะ”

         แชะ!

         แชะ!

         แชะ!

         เสียงชัตเตอร์ดังกระทบกันอย่างต่อเนื่อง เหมือนหัวใจของฉันที่เต้นดังตุบๆด้วยความโมโหหึงอย่างสุดๆ

         “เปลี่ยนท่านะครับ น้องแป้งเอาหน้าไปแนบชิดกับหน้าอกคุณเวลล์นะ เอาแบบแนบแน่นกันเลย” นี่มันถ่ายแบบชุดว่ายน้ำ หรือว่าถ่ายแบบอย่างอื่นกันแน่ มันแนบแน่นเกินไปไหม ยัยแป้งนี่ก็ยังไงกันนะ ไม่รักนวลสงวนตัวบ้างเลยหรือไง เสียใจแทนพ่อแม่นางจริงๆที่มีลูกแบบนี้ ฉันไม่เหมารวมตัวเองหรอกนะ เพราะฉันไม่ได้ทำตัวอ่อยเหยื่อเหมือนยัยนี่

         “แบบนี้ใช่ไหมค่ะ” อดทนนะวิวาห์ เธอต้องอดทน มันเป็นแค่งานของพี่เวลล์เท่านั้น โอ๊ย!ไม่ไหวแล้วอ่ะ ยัยแป้งนั่นกล้าดียังไงดึงพี่เวลล์เข้าไปจูบต่อหน้าทีมงานเฉยเลย ไม่รู้หรือไงว่าเมียในอนาคตเขายืนอยู่ตรงนี้

         “หยุดนะ” ในที่สุดขีดความอดทนของฉันก็หมดลง ไม่กักเก็บกลุสตรีไทยเอาไว้ในร่างอีกต่อไปแล้ว มันระเบิดออกมาแล้ว

         “เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าครับน้องวิวาห์”  ฉันไม่ได้สนใจพี่โปรที่เรียกฉัน แต่เลือกที่จะเดินเข้าไปหาสองคนนั่นทันที เพราะฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะพังงานถ่ายแบบนี้ให้สิ้นซากซะ พ่อแม่ฉันชดใช้ให้ได้ ฉันเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่เวลล์กับยัยแป้งก่อนจะแค่นยิ้มออกมาอย่างนางมารร้ายที่ชอบทำในละคร

         “ทำตัวแบบนี้พ่อแม่ไม่ว่าเหรอ?

     



     

    -100 %-

     

    -อย่าให้วิวาห์ได้ออกฤทธ์-

    นางไม่ยอมลงง่ายๆนะเออ ลงทุนตามติดมาตลอดสองปียังได้แค่นั่งดมเสื้อ

    แต่นี่กลับมาข้ามหน้าข้ามตานางไปได้ยังไงกัน อย่างนี้ต้องตบสั่งสอนถึงจะหายแค้น

    55555555555555555555555555555555555555555

    มาอัพแย้วเม้นท์ให้เค้าหน่อยนะรีดเดอร์ที่น่ารัก จุ๊บบบบบบบ

    เม้นท์เท่าที่ใจรีดเดอร์มีต่อพี่เวลล์กับน้องวิวาห์เลยงับ

    เม้นท์เยอะ กำลังใจแยะ เดี๋ยวรีบมาอัพให้เยย



     

     

    -แวะมาฝากนิยายเรื่องใหม่งับ-
    รับประกันความเผ็ดร้อน แซ่บถึงใจแน่นอน
    อีพี่เฮลล์ไม่ได้มาเล่นๆนาจางานนี้
     

    "พี่จะเป็นคนแรกที่จะดึงนางฟ้าอย่างเธอมาอยู่ในนรก"

    คนตรงหน้าพูดขึ้นพร้อมกับก้มลงมากระซิบที่ข้างหู

    "เตรียมตัวไว้เลยเพราะเธอจะได้เป็นเมียนรกอย่างพี่"

    ผู้ชายคนนี้ร้ายเงียบจนไม่น่าไว้ใจ


     

     
    -LOVER SET- 

      

     

      REDD : คลิก https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1523796

    WELL : คลิก  https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1523796

     

     

     

     

     

    -ฝากเพจอีกสักที-

    เพื่อการติดตามที่สะดวกและรวดเร็ว
    คลิกที่ลิงก์ข้างล่างเลยงับ \(^O^)/
    V
    V
    V
    Applepupzaa
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×