ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เอคโค่กับนาร์ซิสซัส(Echo&Narcissus)
                                                        เอคโค่กับนาร์ซิสซัส
                                                      (ตำนานต้นนาร์ซิสซัส)
                                                      Echo  and  Narcissus
                              เอคโค่เป็นนางไม้แสนงาม  แต่นางเป็นคนที่ช่างพูดในประเภทที่ว่าหากเลี้ยง
นกแก้วนกขุนทองเอาไว้  มันจะต้องกัดลิ้นตายแน่
                 
                              แม้ผู้อื่นจะรำคาญที่นางพูดมากเช่นนี้  แต่ก็ไม่มีใครทำอะไร  จนกระทั่งวันหนึ่ง
มีประชุมเหล่านางไม้และนางพราย  ซึ่งเทวีเฮร่า(ในภาษาโรมันเรียกจูโน)เจ้าแม่แห่งสรวงสวรรค์เป็นประธาน
....เป็นไปตามที่ทุกคนคาด  นางไม้เอคโค่เล่นจ้อเสียคนเดียวโดยไม่เว้นช่องไฟให้ใครได้พูดเลย  แม้กระทั่ง
ตัวเฮร่าเองก็หาจังหวะจะแทรกไม่ได้  ทำให้เฮร่าทั้งโกรธทั้งรำคาญความเป็นนกแก้วนกขุนทองยังอายของนาง
เทพีแห่งสรวงสวรรค์จึงร่ายคำสาปใส่เอคโค่  ให้นางพูดสิ่งใดไม่ได้นอกจากคอยพูดตามคำสุดท้ายของประโยค
ที่ผู้อื่นพูด
             
                            เอคโค่อับอายมากที่ต้องคอยพูดเพียงคำท้ายประโยคของผู้อื่น  และถูกล้อเลียนจนไม่เข้า
ประชุมหรือสมาคมกับใครอีกเลย  ซึ่งบรรดานางไม้นางพรายทั้งหลายก็สุดแสนจะดีใจไม่เป็นทุกข์ร้อนที่นางหาย
หน้าไป (ยังรำคาญอยู่เหมือนกัน  ที่มีเอคโค่มาคอยพูดตามท้ายประโยคทุกคำ)
                กล่าวถึงชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งนามว่านาร์ซิสซัส  เป็นผู้ชอบท่องไปตามป่าเขาลำเนาไพร 
นาร์ซิสซัสถือเป็นชายหนุ่มที่งามที่สุดในยุคนั้นทีเดียว  ทำให้มีหญิงสาวมาหลงรักมากมายตามตื๊อจนแทบไม่เป็นอัน
กินอันนอน  เขาจึงตัดสินใจมาอยู่ในป่าเพื่อตัดความรำคาญ  แต่ไม่วายมีเหล่านางไม้นางพรายมาหลงใหลได้ปลื้มอีก 
โดยเฉพาะเอคโค่นั้นหลงรักนาร์ซิสซัสจนตามติดทุกฝีก้าวแบบไปไหนไปกัน  นาร์ซิสซัสออกปากไล่ก็ยังไม่ยอมไป 
ซ้ำยังทำหน้าใสซื่อทวนคำท้ายประโยคของเขาอีก  ทำให้ชายหนุ่มปลงๆขี้เกียจตอแยด้วย  และปล่อยให้นางไม้ผู้นี้
ติดตามต่อไปตามใจนาง
              นาร์ซิสซัสไม่เพียงแต่ไม่ใยดีบรรดาหญิงสาวนางไม้นางพรายที่หลงรักเขา  ซ้ำยังดูแคลนความรัก
ของพวกนางอีกด้วย ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระและน่าเบื่อสิ้นดี  เรื่องนี้ร้อนถึงเทวีอะโฟรไดที (วีนัสในโรมัน)
เทพีแห่งความรัก  นางเห็นว่าการที่หนุ่มรูปงามเช่นนาร์ซิสซัสไม่มีความรักนั้นเป็นความผิดอย่างร้ายแรงอยู่แล้ว
(ในความคิดของนางเอง) และยังมาดูแคลนความรักอีก  รวมกันแล้วเป็นความผิดอย่างอภัยให้ไม่ได้  จึงสาปให้นาร์ซิส-
ซัสหลงรักเงาตนเอง
          ฝ่ายนาร์ซิสซัสรูปงามนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าตัวเองโดนอะโฟรไดทีสาปเข้าเต็มๆ  เมื่อเดินทางมาถึง
ลำธารใสสะอาดก็ก้มลงหวังจะวักน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น  แต่พลันสายตาของเขาก็ไปสบกับดวงตาของชายหนุ่มที่
รูปงามที่สุดเท่าที่เขาจะจินตนาการได้    นาร์ซิสซัสยิ้มให้ชายหนุ่มซึ่งเขาก็ยิ้มตอบมาด้วยรอยยิ้มละไมเช่นกัน  ความรัก
นั้นก็บังเกิดขึ้นเต็มใจของนาร์ซิสซัส  เขายื่นแขนออกไปหมายจะโอบกอดชายรูปงามเบื้องหน้า  แต่ทว่าเมื่อมือของเขา
สัมผัสกับผิวน้ำ  ภาพชายหนุ่มก็หายไปและกลับคืนมาเมื่อน้ำเรียบสงบดังเดิม 
    ผลจากคำสาปทำให้นาร์ซิสซัสเฝ้ามองชายในน้ำโดยไม่รู้ว่าเป็นเงาของตน  เขาไม่ยอมกินยอมนอนและคอย
จะโอบกอดชายรูปงามที่เขาแสนรักอีก  แต่ผลก็เป็นเหมือนเดิม 
 
            จนในที่สุด  หนุ่มรูปงามผู้นี้ก็สิ้นใจลงข้างลำธารนั่นเอง  ร่างของเขากลายเป็นดอกไม้ที่งดงามริมน้ำ  ราวกับว่า
คอยชะโงกดูเงาของตน  และเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อชายหนุ่มผู้งดงาม  จึงเรียกดอกไม้นี้ว่า  นาร์ซิสซัส  (Narcissus ,
ดอกจะมีขนาดใหญ่  ลำต้นแข็งตั้งตรง  ขึ้นอยู่ตามริมน้ำ  ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า”จุ๊ยเซียน”  และต่อมาก็เกิดคำเรียกผู้ที่หลง
ใหลตนเอง  บูชาตนเองว่าNacissism)
    ส่วนนางไม้เอคโค่นั้น  เสียใจเป็นอย่างยิ่งในการจากไปของนาร์ซิสซัส  และไม่มีใครเห็นนางอีกเลย  มีเพียงเสียง
ของนางที่คอยก้องสะท้อนคำสุดท้ายของผู้คนตามป่าเขาและถ้ำเท่านั้นที่บ่งบอกว่านางยังคงอยู่  เป็นที่มาของศัพท์คำว่า  echo 
ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่า  เสียงก้อง  เสียงสะท้อน
                                                            หากท่านไม่เคยรัก
                                                    อาจเลือกเรียนรู้ หรือ หนีห่าง
                                                    สุดแต่ทางที่ตัวท่านนั้นปรารถนา
                                                      ตามเสียงที่หัวใจนั้นเรียกมา
                                                  ให้ตามหารักล้ำค่า  หรือ  หลีกไกล
                                                    ค่าแห่งรักนั้นหาควรดูหมิ่นไม่
                                                    รักจะคงอยู่ทั่วไปตราบชั่วกาล
                                                                                          A power of love is greatest.
                                                                                                                          by
                                                                                                                      Angelos.
                                                      (ตำนานต้นนาร์ซิสซัส)
                                                      Echo  and  Narcissus
                              เอคโค่เป็นนางไม้แสนงาม  แต่นางเป็นคนที่ช่างพูดในประเภทที่ว่าหากเลี้ยง
นกแก้วนกขุนทองเอาไว้  มันจะต้องกัดลิ้นตายแน่
                 
                              แม้ผู้อื่นจะรำคาญที่นางพูดมากเช่นนี้  แต่ก็ไม่มีใครทำอะไร  จนกระทั่งวันหนึ่ง
มีประชุมเหล่านางไม้และนางพราย  ซึ่งเทวีเฮร่า(ในภาษาโรมันเรียกจูโน)เจ้าแม่แห่งสรวงสวรรค์เป็นประธาน
....เป็นไปตามที่ทุกคนคาด  นางไม้เอคโค่เล่นจ้อเสียคนเดียวโดยไม่เว้นช่องไฟให้ใครได้พูดเลย  แม้กระทั่ง
ตัวเฮร่าเองก็หาจังหวะจะแทรกไม่ได้  ทำให้เฮร่าทั้งโกรธทั้งรำคาญความเป็นนกแก้วนกขุนทองยังอายของนาง
เทพีแห่งสรวงสวรรค์จึงร่ายคำสาปใส่เอคโค่  ให้นางพูดสิ่งใดไม่ได้นอกจากคอยพูดตามคำสุดท้ายของประโยค
ที่ผู้อื่นพูด
             
                            เอคโค่อับอายมากที่ต้องคอยพูดเพียงคำท้ายประโยคของผู้อื่น  และถูกล้อเลียนจนไม่เข้า
ประชุมหรือสมาคมกับใครอีกเลย  ซึ่งบรรดานางไม้นางพรายทั้งหลายก็สุดแสนจะดีใจไม่เป็นทุกข์ร้อนที่นางหาย
หน้าไป (ยังรำคาญอยู่เหมือนกัน  ที่มีเอคโค่มาคอยพูดตามท้ายประโยคทุกคำ)
                กล่าวถึงชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งนามว่านาร์ซิสซัส  เป็นผู้ชอบท่องไปตามป่าเขาลำเนาไพร 
นาร์ซิสซัสถือเป็นชายหนุ่มที่งามที่สุดในยุคนั้นทีเดียว  ทำให้มีหญิงสาวมาหลงรักมากมายตามตื๊อจนแทบไม่เป็นอัน
กินอันนอน  เขาจึงตัดสินใจมาอยู่ในป่าเพื่อตัดความรำคาญ  แต่ไม่วายมีเหล่านางไม้นางพรายมาหลงใหลได้ปลื้มอีก 
โดยเฉพาะเอคโค่นั้นหลงรักนาร์ซิสซัสจนตามติดทุกฝีก้าวแบบไปไหนไปกัน  นาร์ซิสซัสออกปากไล่ก็ยังไม่ยอมไป 
ซ้ำยังทำหน้าใสซื่อทวนคำท้ายประโยคของเขาอีก  ทำให้ชายหนุ่มปลงๆขี้เกียจตอแยด้วย  และปล่อยให้นางไม้ผู้นี้
ติดตามต่อไปตามใจนาง
              นาร์ซิสซัสไม่เพียงแต่ไม่ใยดีบรรดาหญิงสาวนางไม้นางพรายที่หลงรักเขา  ซ้ำยังดูแคลนความรัก
ของพวกนางอีกด้วย ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระและน่าเบื่อสิ้นดี  เรื่องนี้ร้อนถึงเทวีอะโฟรไดที (วีนัสในโรมัน)
เทพีแห่งความรัก  นางเห็นว่าการที่หนุ่มรูปงามเช่นนาร์ซิสซัสไม่มีความรักนั้นเป็นความผิดอย่างร้ายแรงอยู่แล้ว
(ในความคิดของนางเอง) และยังมาดูแคลนความรักอีก  รวมกันแล้วเป็นความผิดอย่างอภัยให้ไม่ได้  จึงสาปให้นาร์ซิส-
ซัสหลงรักเงาตนเอง
          ฝ่ายนาร์ซิสซัสรูปงามนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าตัวเองโดนอะโฟรไดทีสาปเข้าเต็มๆ  เมื่อเดินทางมาถึง
ลำธารใสสะอาดก็ก้มลงหวังจะวักน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น  แต่พลันสายตาของเขาก็ไปสบกับดวงตาของชายหนุ่มที่
รูปงามที่สุดเท่าที่เขาจะจินตนาการได้    นาร์ซิสซัสยิ้มให้ชายหนุ่มซึ่งเขาก็ยิ้มตอบมาด้วยรอยยิ้มละไมเช่นกัน  ความรัก
นั้นก็บังเกิดขึ้นเต็มใจของนาร์ซิสซัส  เขายื่นแขนออกไปหมายจะโอบกอดชายรูปงามเบื้องหน้า  แต่ทว่าเมื่อมือของเขา
สัมผัสกับผิวน้ำ  ภาพชายหนุ่มก็หายไปและกลับคืนมาเมื่อน้ำเรียบสงบดังเดิม 
    ผลจากคำสาปทำให้นาร์ซิสซัสเฝ้ามองชายในน้ำโดยไม่รู้ว่าเป็นเงาของตน  เขาไม่ยอมกินยอมนอนและคอย
จะโอบกอดชายรูปงามที่เขาแสนรักอีก  แต่ผลก็เป็นเหมือนเดิม 
 
            จนในที่สุด  หนุ่มรูปงามผู้นี้ก็สิ้นใจลงข้างลำธารนั่นเอง  ร่างของเขากลายเป็นดอกไม้ที่งดงามริมน้ำ  ราวกับว่า
คอยชะโงกดูเงาของตน  และเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อชายหนุ่มผู้งดงาม  จึงเรียกดอกไม้นี้ว่า  นาร์ซิสซัส  (Narcissus ,
ดอกจะมีขนาดใหญ่  ลำต้นแข็งตั้งตรง  ขึ้นอยู่ตามริมน้ำ  ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า”จุ๊ยเซียน”  และต่อมาก็เกิดคำเรียกผู้ที่หลง
ใหลตนเอง  บูชาตนเองว่าNacissism)
    ส่วนนางไม้เอคโค่นั้น  เสียใจเป็นอย่างยิ่งในการจากไปของนาร์ซิสซัส  และไม่มีใครเห็นนางอีกเลย  มีเพียงเสียง
ของนางที่คอยก้องสะท้อนคำสุดท้ายของผู้คนตามป่าเขาและถ้ำเท่านั้นที่บ่งบอกว่านางยังคงอยู่  เป็นที่มาของศัพท์คำว่า  echo 
ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่า  เสียงก้อง  เสียงสะท้อน
                                                            หากท่านไม่เคยรัก
                                                    อาจเลือกเรียนรู้ หรือ หนีห่าง
                                                    สุดแต่ทางที่ตัวท่านนั้นปรารถนา
                                                      ตามเสียงที่หัวใจนั้นเรียกมา
                                                  ให้ตามหารักล้ำค่า  หรือ  หลีกไกล
                                                    ค่าแห่งรักนั้นหาควรดูหมิ่นไม่
                                                    รักจะคงอยู่ทั่วไปตราบชั่วกาล
                                                                                          A power of love is greatest.
                                                                                                                          by
                                                                                                                      Angelos.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น