ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานและเทพเจ้ากรีก-โรมัน

    ลำดับตอนที่ #2 : เอคโค่กับนาร์ซิสซัส(Echo&Narcissus)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.25K
      6
      5 พ.ย. 47

                                                            เอคโค่กับนาร์ซิสซัส

                                                          (ตำนานต้นนาร์ซิสซัส)

                                                          Echo  and  Narcissus



                                   เอคโค่เป็นนางไม้แสนงาม  แต่นางเป็นคนที่ช่างพูดในประเภทที่ว่าหากเลี้ยง

    นกแก้วนกขุนทองเอาไว้  มันจะต้องกัดลิ้นตายแน่

                      

                                  แม้ผู้อื่นจะรำคาญที่นางพูดมากเช่นนี้  แต่ก็ไม่มีใครทำอะไร  จนกระทั่งวันหนึ่ง

    มีประชุมเหล่านางไม้และนางพราย  ซึ่งเทวีเฮร่า(ในภาษาโรมันเรียกจูโน)เจ้าแม่แห่งสรวงสวรรค์เป็นประธาน

    ....เป็นไปตามที่ทุกคนคาด  นางไม้เอคโค่เล่นจ้อเสียคนเดียวโดยไม่เว้นช่องไฟให้ใครได้พูดเลย  แม้กระทั่ง

    ตัวเฮร่าเองก็หาจังหวะจะแทรกไม่ได้  ทำให้เฮร่าทั้งโกรธทั้งรำคาญความเป็นนกแก้วนกขุนทองยังอายของนาง

    เทพีแห่งสรวงสวรรค์จึงร่ายคำสาปใส่เอคโค่  ให้นางพูดสิ่งใดไม่ได้นอกจากคอยพูดตามคำสุดท้ายของประโยค

    ที่ผู้อื่นพูด

                  

                                เอคโค่อับอายมากที่ต้องคอยพูดเพียงคำท้ายประโยคของผู้อื่น  และถูกล้อเลียนจนไม่เข้า

    ประชุมหรือสมาคมกับใครอีกเลย  ซึ่งบรรดานางไม้นางพรายทั้งหลายก็สุดแสนจะดีใจไม่เป็นทุกข์ร้อนที่นางหาย

    หน้าไป (ยังรำคาญอยู่เหมือนกัน  ที่มีเอคโค่มาคอยพูดตามท้ายประโยคทุกคำ)



                     กล่าวถึงชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งนามว่านาร์ซิสซัส  เป็นผู้ชอบท่องไปตามป่าเขาลำเนาไพร  

    นาร์ซิสซัสถือเป็นชายหนุ่มที่งามที่สุดในยุคนั้นทีเดียว  ทำให้มีหญิงสาวมาหลงรักมากมายตามตื๊อจนแทบไม่เป็นอัน

    กินอันนอน  เขาจึงตัดสินใจมาอยู่ในป่าเพื่อตัดความรำคาญ  แต่ไม่วายมีเหล่านางไม้นางพรายมาหลงใหลได้ปลื้มอีก  

    โดยเฉพาะเอคโค่นั้นหลงรักนาร์ซิสซัสจนตามติดทุกฝีก้าวแบบไปไหนไปกัน  นาร์ซิสซัสออกปากไล่ก็ยังไม่ยอมไป  

    ซ้ำยังทำหน้าใสซื่อทวนคำท้ายประโยคของเขาอีก  ทำให้ชายหนุ่มปลงๆขี้เกียจตอแยด้วย  และปล่อยให้นางไม้ผู้นี้

    ติดตามต่อไปตามใจนาง



                  นาร์ซิสซัสไม่เพียงแต่ไม่ใยดีบรรดาหญิงสาวนางไม้นางพรายที่หลงรักเขา  ซ้ำยังดูแคลนความรัก

    ของพวกนางอีกด้วย ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระและน่าเบื่อสิ้นดี  เรื่องนี้ร้อนถึงเทวีอะโฟรไดที (วีนัสในโรมัน)

    เทพีแห่งความรัก  นางเห็นว่าการที่หนุ่มรูปงามเช่นนาร์ซิสซัสไม่มีความรักนั้นเป็นความผิดอย่างร้ายแรงอยู่แล้ว

    (ในความคิดของนางเอง) และยังมาดูแคลนความรักอีก  รวมกันแล้วเป็นความผิดอย่างอภัยให้ไม่ได้  จึงสาปให้นาร์ซิส-

    ซัสหลงรักเงาตนเอง



               ฝ่ายนาร์ซิสซัสรูปงามนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าตัวเองโดนอะโฟรไดทีสาปเข้าเต็มๆ  เมื่อเดินทางมาถึง

    ลำธารใสสะอาดก็ก้มลงหวังจะวักน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น  แต่พลันสายตาของเขาก็ไปสบกับดวงตาของชายหนุ่มที่

    รูปงามที่สุดเท่าที่เขาจะจินตนาการได้    นาร์ซิสซัสยิ้มให้ชายหนุ่มซึ่งเขาก็ยิ้มตอบมาด้วยรอยยิ้มละไมเช่นกัน  ความรัก

    นั้นก็บังเกิดขึ้นเต็มใจของนาร์ซิสซัส  เขายื่นแขนออกไปหมายจะโอบกอดชายรูปงามเบื้องหน้า  แต่ทว่าเมื่อมือของเขา

    สัมผัสกับผิวน้ำ  ภาพชายหนุ่มก็หายไปและกลับคืนมาเมื่อน้ำเรียบสงบดังเดิม  



        ผลจากคำสาปทำให้นาร์ซิสซัสเฝ้ามองชายในน้ำโดยไม่รู้ว่าเป็นเงาของตน  เขาไม่ยอมกินยอมนอนและคอย

    จะโอบกอดชายรูปงามที่เขาแสนรักอีก  แต่ผลก็เป็นเหมือนเดิม  

      

                 จนในที่สุด  หนุ่มรูปงามผู้นี้ก็สิ้นใจลงข้างลำธารนั่นเอง  ร่างของเขากลายเป็นดอกไม้ที่งดงามริมน้ำ  ราวกับว่า

    คอยชะโงกดูเงาของตน  และเพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อชายหนุ่มผู้งดงาม  จึงเรียกดอกไม้นี้ว่า  นาร์ซิสซัส  (Narcissus ,

    ดอกจะมีขนาดใหญ่  ลำต้นแข็งตั้งตรง  ขึ้นอยู่ตามริมน้ำ  ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า”จุ๊ยเซียน”  และต่อมาก็เกิดคำเรียกผู้ที่หลง

    ใหลตนเอง  บูชาตนเองว่าNacissism)



        ส่วนนางไม้เอคโค่นั้น  เสียใจเป็นอย่างยิ่งในการจากไปของนาร์ซิสซัส  และไม่มีใครเห็นนางอีกเลย  มีเพียงเสียง

    ของนางที่คอยก้องสะท้อนคำสุดท้ายของผู้คนตามป่าเขาและถ้ำเท่านั้นที่บ่งบอกว่านางยังคงอยู่  เป็นที่มาของศัพท์คำว่า  echo  

    ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่า  เสียงก้อง  เสียงสะท้อน



    …………………………………………………………………………………………



                                                                หากท่านไม่เคยรัก

                                                         อาจเลือกเรียนรู้ หรือ หนีห่าง

                                                        สุดแต่ทางที่ตัวท่านนั้นปรารถนา

                                                          ตามเสียงที่หัวใจนั้นเรียกมา

                                                      ให้ตามหารักล้ำค่า  หรือ  หลีกไกล

                                                        ค่าแห่งรักนั้นหาควรดูหมิ่นไม่

                                                        รักจะคงอยู่ทั่วไปตราบชั่วกาล



                                                                                               A power of love is greatest.

                                                                                                                              by

                                                                                                                          Angelos.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×